Home Blog Page 2

“ลงมือทำวันนี้ เพื่อสังคมที่ยั่งยืน” … DNA จิตอาสา CPF

0

“สุขภาพที่ดี คือพื้นฐานของความสุข” ทีมจิตอาสา CPF จึงจับมือกับชุมชน จัด”หน่วยสุขภาพเคลื่อนที่” (Health Station) เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนในชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลจากสถานพยาบาล ได้มีโอกาสตรวจเช็คสุขภาพร่างกายของตัวเอง

“จากสุขภาพ สู่การสร้างความมั่นคงทางอาหาร” เมื่อสุขภาพดีแล้ว…อาหารก็ต้องดีด้วย ทีมจิตอาสาจึงขยายไปสู่การสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับชุมชน อย่างเช่น “โครงการผักสวนครัวสู่ผู้สูงวัย” เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้ออกกำลังกายเบาๆ ผ่านการปลูกผักสวนครัว ที่ทำให้มีอาหารคุณภาพไว้บริโภค ช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและสร้างระบบแบ่งปันภายในชุมชนได้ด้วย

“ความมุ่งมั่นที่ไม่สิ้นสุด” ทั้งฟาร์มสุกร ฟาร์มไก่ไข่ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ หรือโรงงานแปรรูป ทุกที่ล้วนมีพนักงานจิตอาสาที่คอยเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับชุมชน ความตั้งใจนี้ไม่ใช่เพียงการให้ แต่เป็นการเติบโตไปพร้อมกัน เพราะสำหรับ CPF การพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่ได้หมายถึงแค่ธุรกิจที่แข็งแกร่ง แต่ต้องหมายถึงสังคมที่เข้มแข็งไปพร้อมกันด้วย

😃 จากรอยยิ้มเล็ก ๆ → สู่พลังที่ยิ่งใหญ่ 💪🏻…“ขอบคุณมากๆ ที่มาช่วยเหลือพวกเรา ให้อยู่ดี กินดี มีความสุข” ทุกคำขอบคุณ คือ แรงผลักดันให้เราทำดีต่อไป

🎯 เพราะความดี…แค่ “ลงมือทำ” ก็เปลี่ยนอะไรได้มากกว่าที่คิด และการลงมือทำเล็กๆ วันนี้…อาจเปลี่ยนอนาคตของใครบางคนได้ ทั้งหมดนี้ คือ DNA ของพนักงานทุกคนในองค์กรที่พร้อมดูแลและเคียงข้างชุมชน ร่วมสร้างสังคมที่ยั่งยืน

🎥 ดูให้จบ…แล้วแชร์ต่อ “ถ้าคุณเชื่อในพลังของการให้” 👉🏻 https://youtube.com/shorts/1B_yAwba6A4?feature=share

AIS Serenade พาลูกค้าเปิดประสบการณ์พิเศษ สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สัมผัสสมาร์ทโฟน สุดล้ำก่อนใคร  กับ HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN ในงาน AIS Serenade Night, the Art of Ultimate Design

0

AIS Serenade ยืนหนึ่งความเป็นที่สุดแห่งโปรแกรมการดูแลลูกค้า ด้วยประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ทั้งงานบริการและสิทธิพิเศษแบบเหนือระดับ พร้อมเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคนสำคัญ ล่าสุด จับมือ Huawei จัดกิจกรรมเพื่อลูกค้าเซเรเนดคนสำคัญ “AIS Serenade Night, the Art of Ultimate Design” ดินเนอร์มื้อพิเศษ พร้อมมอบประสบการณ์สุดล้ำระดับโลกให้ได้สัมผัสเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนแห่งอนาคต HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN ที่เข้ามาพลิกโฉมวงการสมาร์ทโฟนด้วยหน้าจอพับแบบสามทบเป็นกลุ่มแรกก่อนใคร เตรียมเปิดบริการ AIS AI Calling ฟีเจอร์แปลภาษาแบบเรียลไทม์ระหว่างการโทร ใช้งานได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอป ช่วยให้การสื่อสารสะดวกในทุกสถานการณ์ ในเร็วๆ นี้

ภายในงานดังกล่าว ลูกค้าคนพิเศษได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเหนือกว่ากับ HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN ที่สุดแห่งความสมบูรณ์แบบของสมาร์ทโฟนแฟลกชิปที่มาพร้อมกับนวัตกรรมสุดล้ำของจอ 3 พับที่ใหญ่ที่สุดและบางที่สุดในโลก เพียง 3.66 มม. แต่ยังคงความแข็งแกร่งและดีไซน์พรีเมียมสุดหรูหรา พลิกโฉมวงการสมาร์ทโฟนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน สร้างมาตรฐานใหม่ในการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและทันสมัย พร้อมให้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพบนเครือข่าย AIS ที่มีคุณภาพ ครอบคลุมทุกพื้นที่ และรองรับทุกสถานการณ์  

สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN สามารถจองเป็นเจ้าของกับ AIS ได้แล้ววันนี้ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ! รับส่วนลดสูงสุด 14,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถใช้ AIS Points แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 5,000 บาท พร้อมรับการดูแลระดับพรีเมียมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ อาทิ การรับประกันหน้าจอ 1 ปี (จำนวน 1 ครั้ง) โดย HUAWEI Care, บริการรับ-ส่งเครื่องซ่อมถึงหน้าบ้าน และบริการด้านการบำรุงรักษารวมถึงบริการเฉพาะบุคคล ได้ที่ AIS Shop หรือทาง AIS Online Store คลิก https://m.ais.co.th/PYHrOz6uo  พิเศษสำหรับลูกค้า AIS Serenade รับส่วนลด 50% พร้อมเปิดเบอร์ VIP (เบอร์โฟร์) แบบ Exclusive พร้อมแพ็กเกจเหลือเพียง 1,499 บาท จากราคาเต็ม 2,999 บาท ที่ AIS Shop และ Serenade club ทุกสาขา ได้ตั้งแต่วันนี้ – 10 เมษายน 2568  

ซีพีเอฟ พาขึ้นเหนือ บ้านขุนช่างเคี่ยน เชียงใหม่ “เที่ยวดอยทั้งที ทำดีสร้างแนวป้องกันไฟป่าได้ด้วย”

0

ขุนช่างเคี่ยน จ.เชียงใหม่ วันนี้กลายเป็นหนึ่งในหมุดหมายของนักท่องเที่ยว ที่มาเยือนอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง และหมู่บ้านแห่งนี้ยังเป็นแหล่งชมดอกพระยาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย ในช่วงฤดูหนาวของทุกปี

แต่ในฤดูร้อนแล้งเช่นนี้โอกาสเกิดไฟไหม้ในป่าเต็งรังพื้นที่ขุนช่างเคี่ยน ก็เป็นอีกความกังวลหนึ่งของเจ้าหน้าที่อุทยานดอยสุเทพ-ปุย การสร้างแนวกันไฟ เพื่อปกป้องไฟป่า และยังช่วยลดปัญหาฝุ่น PM2.5 กลายเป็นกิจกรรมสำคัญที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ จัดร่วมกับชุมชนชาวม้งมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ได้ซีพีเอฟมาเป็นกองหนุนรวมพลังทำแนวกันไฟ

เพราะ “ชมรมซีพีเอฟท่องเที่ยวจิตอาสา” วันนี้ไม่ได้แค่มาท่องเที่ยว แต่ยังชวนกันมาทำดีกับกิจกรรม “เที่ยวดอยทั้งที ทำดีสร้างแนวป้องกันไฟป่าได้ด้วย” ก่อนเริ่มภารกิจ นายภัทรกุล ธาเรือน หัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์ชุดปฏิบัติการสถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ นำทีมวิทยากรให้ความรู้วิธีการทำแนวป้องกันไฟป่า และการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ ที่ถูกต้อง จากนั้นทั้งหมดมุ่งหน้าสู่ป่าสน บ้านขุนช่างเคี่ยน บนดอยสุเทพ-ปุย เพื่อทำแนวกันไฟร่วมกันผู้ร่วมกิจกรรมในวันนี้รวมแล้วกว่า 150 คน มาจากหลายหน่วยงาน ทั้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ทีมงานจากสถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ ชาวชุมชนม้ง บ้านขุนช่างเคี่ยน รวมทั้งจิตอาสาซีพีเอฟ จากธุรกิจสุกร ธุรกิจอาหารสัตว์บก ธุรกิจไก่ไข่ ธุรกิจไก่เนื้อ ธุรกิจห้าดาว และทีมงาน AXONS โดยเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จัดแบ่งทีมเป็น 2 กลุ่ม เพื่อแบ่งโซนทำแนวป้องกันไฟป่า เป็นระยะทาง 1,000 เมตร

สมาชิกชมรมฯ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นประสบการณ์การทำแนวกันไฟเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะได้เห็นการทำงานที่ทุ่มเทของเจ้าหน้าที่และชุมชนยิ่งรู้สึกประทับใจ แม้จะเหนื่อยบ้างเพราะทุกคนทุ่มสุดตัว แต่วันนี้อากาศบนดอยเย็นสบาย บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยรอยยิ้มและการช่วยเหลือกัน พอได้เห็นแนวกันไฟปรากฎเป็นรูปเป็นร่างจากฝีมือของทุกๆคน ยิ่งชื่นใจหายเหนื่อย

หลังภารกิจเสร็จสิ้น ตัวแทนสมาชิกชมรมฯ ได้มอบไข่ไก่ แทนคำขอบคุณชุมชนชาวม้ง บ้านขุนช่างเคี่ยน พร้อมกับนำเงินที่สมาชิกชมรมฯ ได้ร่วมสมทบในการจัดซื้ออุปกรณ์การทำแนวป้องกันไฟและดับไฟป่า อาทิ เครื่องเป่าลม คราดสปริง ไม้กวาด พร้อมมอบผลิตภัณฑ์อาหารซีพี ทั้งไข่ไก่ ข้าวตราฉัตร และน้ำดื่ม สนับสนุนการทำงานเป็นกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครชุมชน โดย นายฤทธิชัย ภูมิอมร ผู้อำนวยการอาวุโส ธุรกิจผลิตและขายอาหารสัตว์บกภาคเหนือ เป็นผู้แทนส่งมอบให้กับ หัวหน้าธงชัย นาราษฎร์ หัวหน้าอุทยานดอยสุเทพ-ปุยทีเด็ดกับมื้อเที่ยงหลังเสร็จภารกิจ ทุกคนได้อิ่มอร่อยกับเมนูจากชาวชุมชนม้ง ทั้งไก่ต้มสมุนไพรม้ง ทอดไก่ม้ง น้ำพริกหลงดอย และข้าวเหนียวห่อใบข่า ก่อนจะไปท่องเที่ยวบ้านม้งดอยปุย และไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ เป็นการปิดท้ายทริปที่อิ่มบุญ อิ่มใจ และสุขใจที่ได้ทั้งท่องเที่ยวและทำดีไปพร้อมกัน.

CPF มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอาหารเพื่อผู้บริโภค คว้า 3 รางวัล 2024-2025 Thailand’s Most Admired Company จากนิตยสาร BrandAge

0

จากความมุั่งมั่นพัฒนานวัตกรรมด้านอาหาร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ภายใต้พันธกิจสร้างความมั่นคงทางอาหาร และการดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด Sustainovation ที่ผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อผลิตอาหารที่ดีต่อกายและใจ สะอาด ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ได้รับ 3 รางวัล จากนิตยสาร BrandAge สื่อชั้นนำด้านการตลาด ได้แก่ ‘2024-2025 Thailand’s Most Admired Company’ บริษัทที่มีความสามารถในการดำเนินธุรกิจและการบริการน่าเชื่อถือสูงสุด กลุ่มธุรกิจอาหาร ขณะเดียวกันอีก 2 รางวัล ภายใต้ ‘แบรนด์ CP’ ได้แก่ ‘2025 Thailand’s Most Admired Brand’ รางวัลความน่าเชื่อถือและไว้วางใจจากผู้บริโภค หมวดสินค้าบริโภค กลุ่มไส้กรอก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และรางวัล ‘Market Leader Brand Award’ แบรนด์ที่มีความโดดเด่นมากเป็นพิเศษ จากการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด ตอกย้ำความอร่อยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไส้กรอกที่ครองใจผู้บริโภคมายาวนาน

นางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานกิจการองค์กรและลงทุนสัมพันธ์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ด้วยนโยบายการดำเนินธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ ครัวของโลกที่ยั่งยืน ทำให้ ซีพีเอฟได้รับรางวัล 2024-2025 Thailand’s Most Admired Company โดยนำนวัตกรรมมาพัฒนาอาหารที่ดีต่อกายและดีต่อใจ ตามแนวคิด Sustainovation เพื่อตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารและการบริโภคอย่างยั่งยืน ทั้งในภาวะปกติและวิกฤติ ผ่านกระบวนการผลิตคุณภาพที่มีมาตรฐานสะอาด ปลอดภัย รสชาติอร่อย ในราคาที่เหมาะสม พร้อมสร้างสุขภาพที่ดีต่อผู้บริโภคควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ด้านนางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดกลาง ซีพีเอฟ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้บริโภคมีความต้องการหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ไส้กรอกนับเป็นความท้าทาย ทั้งวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงรสชาติแปลกใหม่ จึงสามารถออกแบบให้ผลิตภัณฑ์ตเป็น ‘Brand for Me’ ตอบโจทย์และเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมทั้งเป็นตัวเลือกที่ทุกคนนึกถึง ผ่านกลยุทธ์ 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1. ตอกย้ำคุณภาพ : เน้นการผลิตไส้กรอกจากเนื้อเต็มชิ้น พร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งโปรตีนที่อร่อยและคุ้มค่าแก่ผู้บริโภค 2. พัฒนาสินค้าใหม่ : การนำเสนอรสชาติและรูปแบบความแปลกใหม่ เพิ่มความสนุกในการรับประทาน โดยเฉพาะในกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพ 3. ขยายช่องทางการเข้าถึง : รุกตลาดออนไลน์ พร้อมเสริมกิจกรรมการตลาดที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด และ 4. การสร้าง Brand Love : ร่วมงานกับพรีเซ็นเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงการสร้างคอนเทนต์ที่ง่ายต่อการเข้าถึง เพื่อเชื่อมต่อกับผู้บริโภครุ่นใหม่

ซีพีเอฟ มุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้บริโภค โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์แบรนด์ CP ให้เป็น ‘ไส้กรอกที่ทุกคนรัก และนึกถึง’ ในทุกสถานการณ์ ซึ่งเน้นการนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่ครอบคลุมความต้องการอย่างแท้จริง .

ม.กรุงเทพ มอบทุน Super Tech Talent และ Tech Talent ให้เด็กสายสร้างสรรค์ร่วมขับเคลื่อนวงการ IT

0

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มอบทุน Super Tech Talent และทุน Tech Talent พร้อมที่พักฟรี ระยะเวลา 1 ปี ณ DoBeDo Student Residence ให้กับนักเรียนที่จบชั้นมัธยมตอนปลาย (ม.6) ที่มีความสนใจสายเทคโนโลยีและมีไอเดียสร้างสรรค์นำเสนอผลงานสุดล้ำ มหาวิทยาลัยกรุงเทพเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนากำลังคนในสายเทคโนโลยีถือเป็นทรัพยากรที่มีความต้องการสูงในตลาดแรงงานของประเทศไทยอย่างมาก สำหรับผู้ที่ได้รับทุนจะได้เรียนในคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

ทุน Super Tech Talent เป็นทุนที่มอบให้กับเด็กสายเทคฯ ตัวจริง ชอบลงมือทำ หรือมีโปรเจกต์ไอทีสุดเจ๋ง ที่พร้อมโชว์ของ สนใจเทคโนโลยีใหม่ และมี Passion ชัดเจน โดยเป็นทุน 100% ค่าหน่วยกิต พร้อมได้รับค่าใช้จ่ายรายเดือน เดือนละ 12,000 บาท  และทาง Zipcode Developer มอบทุน BU Residence 100% ที่พักฟรี ระยะเวลา 1 ปี ณ DoBeDo Student Residence ที่พักนักศึกษาที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน พร้อมเข้าอยู่ โครงการตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัย สามารถเข้า-ออกได้ 24 ชั่วโมง สะดวกสบายสำหรับการเรียนและการใช้ชีวิต และทุน Tech Talent เป็นทุนที่มอบให้กับเด็กเทคโนโลยี มีไอเดีย มีโปรเจกต์ หรือเคยเข้าร่วมโครงการพัฒนาทักษะ Portfolio คิดเป็น วิเคราะห์เก่ง และพร้อมปรับตัวกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นทุน 100% ค่าหน่วยกิต และทาง Zipcode Developer มอบทุน BU Residence 100% ที่พักฟรี ระยะเวลา 1 ปี ณ DoBeDo Student Residence

ภายในงานได้รับเกียรติจากอาจารย์ธนัท กิจเจริญ ที่ปรึกษาอธิการบดีด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นผู้มอบรางวัล พร้อมกล่าวถึงโครงการนี้และความสำคัญกำลังคนในสายเทคโนโลยี “เด็กๆ ทุกคนมีความชอบในสายเทคโนโลยีและทุกคนแสดงศักยภาพให้เห็นถึงความชอบที่มีและม.กรุงเทพสามารถต่อยอดเรื่องวิชาการ พาร์ทเนอร์ให้กับพวกเขาขอให้ใช้เวลาให้คุ้มค่าและเต็มที่สนุกกับสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้สร้างชื่อให้ตนเองและมหาวิทยาลัย ทุนนี้เราต้องการตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอุตสาหกรรมที่ต้องการนักศึกษาที่จบแล้วทำงานได้จริง และผมเล็งเห็นถึงที่เด็กกลุ่มนี้มี Passion บวก ความคิดสร้างสรรค์ พวกเขาสามารถเลือกในสิ่งที่สนใจนำมาต่อยอดตลอด 4 ปีที่ในรั้วม.กรุงเทพขอให้ปล่อยของเต็มที่”

ผศ.ดร.ลักคณา วรศิลป์ชัย รองอธิการบดีสายพัฒนาธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับนักศึกษาทั้ง 13 คนที่ได้รับทุน Super Tech และ Tech Talent โครงการที่เฟ้นหานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีความสามารถและความสนใจในเรื่องของ Technology โดยได้รับความสนใจจากนักเรียนจากทั่วประเทศกว่า 400 คน ตลอด 4 ปีที่ได้รับทุนขอให้ได้นำความรู้มาต่อยอดกับความชอบที่สนใจ และเรียนรู้ด้วยความสนุก”

ทางนายสรรพโชติ สวัสดิ์เรืองไพศาล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจบริษัท ซิปโคด จำกัด ผู้มอบทุน BU Residence 100% ที่พัก DoBeDo กล่าวถึงการสนับสนุนมอบทุนให้กับโครงการนี้ว่า “โครงการนี้เป็นความร่วมมือที่ทางเรามีที่พักที่คุณภาพดี มี Community ที่พร้อมในที่พัก DoBeDo ได้ตอบโจทย์ Passion และ Creativity ของนักศึกษาที่มาใช้พื้นที่เป็นตัวช่วยส่งเสริมทุกเรื่องให้ประสบความสำเร็จ”

และเด็กๆ 2 ตัวแทนผู้ได้รับทุน Super Tech นายปณิธิพงศ์ ชูประเสริฐโชค (บุ๊ง) นักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มุ่งเน้นในด้านวิทยาการข้อมูลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ กล่าวด้วยความภูมิใจว่า “ทุนที่ได้รับในครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นการสนับสนุนทางการเงินสำหรับการศึกษาของผมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสให้ผมสามารถมุ่งมั่นในการเรียนรู้และพัฒนาโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ผมสามารถใช้เวลาที่มีไปพัฒนาผลงานที่มีคุณค่าและต่อยอดในอนาคตได้อย่างเต็มที่ครับ” และผู้ได้รับทุน Tech Talent นายอธิปภูวัส เรืองสา (ลุฟ) นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์ กล่าวว่า “การได้รับทุนในครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และต่อยอดความรู้เพื่อพัฒนาผลงานในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งไม่เพียงแค่ให้ความรู้ในห้องเรียน แต่ยังส่งเสริมให้เรามีโอกาสแสดงความสามารถและความสนใจในด้านต่างๆ นอกห้องเรียนอย่างเต็มที่”

CPF คว้ารางวัลสูงสุดระดับ Gold ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านรายงานความยั่งยืนด้านสิทธิมนุษยชน

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ สร้างความภาคภูมิใจอีกครั้งด้วยการคว้ารางวัล “รายงานความยั่งยืนยอดเยี่ยมระดับภูมิภาคเอเชีย” ประจำปี 2567 (Asia Sustainability Reporting Awards (ASRA) 2024) ในด้านสิทธิมนุษยชน ระดับ Gold ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุด จากผู้เข้าร่วมกว่า 13 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ด้วยการดำเนินงานที่ได้มาตรฐานระดับสากล มีการเปิดเผยข้อมูลอย่าง โปร่งใส ชัดเจน และครอบคลุม ตั้งแต่เป้าหมาย นโยบาย ไปจนถึงผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม สะท้อนความมุ่งมั่นของซีพีเอฟในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยหลักสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง

นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหารทรัพยากรบุคคล ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟได้รับรางวัลระดับ Gold ถือเป็นรางวัลอันดับหนึ่งของ “รายงานความยั่งยืนยอดเยี่ยมแห่งภูมิภาคเอเชีย” ด้านสิทธิมนุษยชน โดยบริษัทฯ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และเป็นองค์กรเดียวในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลสูงสุดระดับ Gold ในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเปิดเผยข้อมูลด้านสิทธิมนุษยชนอย่างครบถ้วน โปร่งใส ซึ่งเป็นการรายงานให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมตั้งแต่การกำหนดนโยบาย ดำเนินงานป้องกันความเสี่ยงและบรรเทาผลกระทบ โดยมุ่งสร้างระบบนิเวศองค์กรที่เปิดกว้าง วัฒนธรรมที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และสภาพแวดล้อมการทำงานที่เคารพในความแตกต่างของบุคลากรทุกระดับ ปราศจากการเลือกปฏิบัติ โดยบริษัทจะรักษามาตรฐานพร้อมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการบริหารจัดการด้วยความเคารพสิทธิมนุษยชนอย่างยั่งยืน

ในฐานะที่ ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจการเกษตรและอาหารแบบครบวงจรใน 17 ประเทศ และส่งออกสินค้าอาหารไปกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการยอมรับและเคารพในความหลากหลายของบุคลากรที่ประกอบไปด้วยความแตกต่างในด้านเชื้อชาติ สัญชาติ และวัฒนธรรม พร้อมขับเคลื่อนนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบทั่วทั้งองค์กร เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างและเท่าเทียม

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซีพีเอฟได้ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง เช่น การตรวจประเมินสถานะด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (HRDD) ตั้งแต่การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน การบูรณาการมาตรการเพื่อบรรเทาความเสี่ยงและลดผลกระทบเชิงลบ ตลอดจนถึงการติดตามและรายงานผลการดำเนินงาน อีกทั้ง ยังมุ่งสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง ยอมรับและให้คุณค่ากับความหลากหลาย (DEI) อาทิ การจ้างงานคนพิการ แรงงานข้ามชาติเป็นพนักงานของบริษัท การส่งเสริมให้ความรู้พนักงานโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางมีความเข้าใจในสิทธิแรงงาน แนวปฏิบัติด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งสนับสนุนให้พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมทั้ง 19 ชมรม ซึ่งสะท้อนถึงค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร เช่น ชมรม LGBTQ+ ชมรมครอบครัวอบอุ่น และชมรม Happy Life เป็นต้น

บริษัทยังให้ความสำคัญกับการยกระดับการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามหลักการของความเท่าเทียมผ่านโครงการแบ่งปันความรู้เพื่อลดความไม่เท่าเทียมทางการศึกษา เช่น โปรแกรมทุนการศึกษาสำหรับพนักงานและบุตร การพัฒนาหลักสูตรกับมหาวิทยาลัยผ่านโครงการ Co-Creation และโครงการ CONNEXT ED เป็นต้น

จากความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้ซีพีเอฟได้รับการยอมรับผ่านรางวัลทั้งในระดับชาติและระดับสากล ได้แก่ รางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2567 จากกระทรวงยุติธรรม ซึ่งซีพีเอฟได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 รางวัลองค์กรที่ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ ประจำปี 2567 ระดับดีเยี่ยมติดต่อกันเป็นปีที่ 8 และรางวัลดีเด่นด้านการคุ้มครองสิทธิและการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงได้ร้บรางวัลรองชนะเลิศ “UN Women 2022 Thailand WEPs Awards” ในสาขาสถานที่ทำงานที่มีความเท่าเทียมทางเพศ จากองค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Women

รู้เก็บรู้ออม : Thai ESGX กองทุนประหยัดภาษี!!

0

ที่มา คอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน…สู่ความมั่งคั่ง” หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

คนที่เตรียมวางแผนภาษีของปี 68 ต้องมาทำความรู้จักกับกองทุนประหยัดภาษีน้องใหม่ล่าสุดที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบของ ครม.เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นั่นคือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ หรือ Thai ESGX ซึ่งเท่ากับว่า ในปี 2568 นี้ เราจะมีกองทุนให้เลือกซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีได้ 3 ตัว คือ กองทุนใหม่ Thai ESGX กับกองทุนเดิมอย่าง RMF และ Thai ESG

“คุณนายพารวย” ขออธิบายเรื่องกอง Thai ESGX ให้คนที่วางแผนภาษีได้เข้าใจกันก่อน เพราะมีข้อกำหนดว่าจะต้องซื้อกองนี้ในช่วง 2 เดือน คือตั้งแต่ 1 พ.ค. ถึง 30 มิ.ย. 68 นี้เท่านั้น ถึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี จึงควรศึกษาและทำความรู้จักกองนี้ เพื่อจะได้ไม่พลาดสิทธิต้องมาบ่นเสียดายทีหลัง

กอง Thai ESGX เป็นกองทุนรวมประหยัดภาษีที่ออกมาพิเศษเฉพาะปี 68 เพื่อรองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และเม็ดเงินลงทุนใหม่ เน้นลงทุนตามหลัก ESG เหมือนกอง Thai ESG แต่มีกรอบลงทุนเพิ่มเติมว่า ต้องลงทุนในหุ้นที่โดดเด่นด้าน ESG ไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV (มูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของกองทุน)

การลดหย่อนภาษีของ Thai ESGX แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็นเงินลงทุนใหม่ ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 300,000 บาท กับส่วนที่สอง เป็นเงินลงทุนที่ย้ายจาก LTF มาลงทุนใน Thai ESGX ไม่เกิน 300,000 บาท และได้อีกไม่เกินปีละ 50,000 บาท ไปอีก 4 ปี ตั้งแต่ปี 2569–2572

ยกตัวอย่างเช่น ย้ายเงินลงทุนจากกอง LTF มาอยู่ใน Thai ESGX เป็นเงิน 5 แสนบาท ก็จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีปี 68 จำนวน 3 แสน และปีถัดไปปีละ 50,000 บาท เท่ากับเป็นการทยอยรับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท ภายใน 5 ปี

นอกจากนี้ เรายังมีทางเลือกอีก 2 ทางสำหรับการประหยัดภาษี คือ กองทุน Thai ESG ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 300,000 บาท ระยะเวลาถือครอง 5 ปี และ กลุ่มค่าลดหย่อนการลงทุนระยะยาวเพื่อเกษียณ ไม่ว่าจะเป็น RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.), กองทุน กบข., กองทุนสงเคราะห์ ครูเอกชน และประกันชีวิตแบบบำนาญ รวมทั้งหมดลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาท

เท่ากับว่า หากเราลงทุนแบบซื้อเต็มแม็กซ์ชนเพดาน จะสามารถลดหย่อนภาษีปี 68 ได้สูงสุดถึง 1.4 ล้านบาท คือจาก Thai ESGX 6 แสน, Thai ESG 3 แสน และ RMF 5 แสน เพราะเพดานลดหย่อนของแต่ละแบบแยกต่างหากจากกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับฐานรายได้ที่ต้องเสียภาษี และแผนการเงินการลงทุนของแต่ละคน จึงต้องพิจารณาเลือกลงทุนให้เหมาะกับตัวเองด้วย

ผู้สนใจเข้าไปดูรายชื่อและข้อมูลของหุ้น 242 หุ้น สำหรับกองทุน Thai ESG และ Thai ESGX ได้ทางเว็บไซต์ set.or.th ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจลงทุน.

คุณนายพารวย

“ปิดตาพิมพ์ปั้นหลวงพ่อแก้ว ”

0

ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบ บางกรวย

พระอาจารย์บอกพระปิดตาเนื้อคลุกรัก จุ่มรัก ทารัก แยกได้ที่เนื้อถ้าดำคลุกรัก ถ้าจุ่มรักทารักเนื้อออกสีน้ำตาล เพราะรักที่ทาจะซึมไปในเนื้อ จากพระเนื้อขาวนวล ก็จะออกเป็นสีน้ำตาล หรือที่เรียกเนื้อกะลา พระปิดตาหลวงพ่อแก้วเนื้อละเอียด มีผงพุทธคุณทางเมตตามหานิยม ใช้ในทางติดต่อค้าขาย เจรจางานขอตำแหน่งมักสมหวัง ถ้าเจอปิดตาหลวงพ่อแก้วเนื้อขาวสุดยอดเลย เนื้อไม่แน่นแบบพระสมเด็จ ถ้าเจอก้อนขาวขุ่น เม็ดพระธาตุ หางช้าง แท้เลยนะเธอ เฮียเถาลูกพี่ฉันสอนมา ตอนฉันเอาปิดตาหลวงพ่อแก้วพิมพ์เล็กแลกบ้านกร่าง5เหลี่ยมอกใหญ่สมัยเป็นเณรน้อย


มาดูปิดตาหลวงพ่อแก้วพิมพ์ปั้นวัดปากทะเล เพชรบุรี องค์นี้ พระอาจารย์สอนไว้ ทำก่อนปิดตาหลังแบบหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ ชลบุรี ปั้นที่ละองค์ แล้วแกะ ตามแต่ฝีมือช่าง แม้ช่างคนเดียวกัน ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว ปิดตาองค์นี้ เนื้อคลุกรัก แล้วจุ่มรัก เห็นความเก่าเนื้อแห้งสนิท แตกเป็นเส้นใยแมงมุม มีให้เห็นทั้งหน้าหลัง สภาพสมบรูณ์มาก เป็นพระปิดตาพิมพ์ปั้นที่สวยงามแจ่มแจ้ง แบบช่างชาวบ้าน เซียนเจี๊ยบเลยเอาพระสมเด็จแลกพระปิดตาพิมพ์ปั้นคล้ายแบบนี้ สุดท้ายพระอาจารย์แลกกลับคืน เซียนเจี๊ยบเพิ่งเดินเจอในสนาม เนื้อเก่าแห้งบริสุทธิ์ เลยนำมาให้เพื่อนๆได้ชม เพื่อเดินเจออย่าปล่อยผ่าน ดูผิวแห้ง เนื้อเก่าเป็นธรรมชาติ สำคัญเจอรักแห้งหลุดเป็นแผ่นติดเนื้อเป็นใยแมงมุมแท้เลยนะ
ชอบพระต้องเข้าสนามพระหาผู้รู้มีพระให้เราเก็บอีกมากมาย เชื่อเซียนเจี๊ยบนะพระอาจารย์บอกมา

เจี๊ยบบางกรวย เดินตามรอยพระอาจารย์ 087 0030897

“สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ฐานแซม ”

0

ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบ บางกรวย

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เจอพระอาจารย์  ชวนไปดูพระเจ้าประจำหลังตลาดอตก.ได้พระกริ่ง แจ่มๆมาหลายองค์ คนขายบอกพ่อเป็นนายบ่อน เก็บพระไว้เยอะ เลยเอามาแบ่งปันคนที่ชอบ พระแนวเดียวกัน พระอาจารย์บอกที่จริงไม่อยากชวนเซียนเจี๊ยบมา แกว่าเดี๋ยวมาแย่งพระแก ว่าแล้วเราก็หยิบพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ ดูแท้ง่าย หน้าหลังคราบแป้งโรยพิมพ์ยังอยู่

ก้อนดำเม็ดแดงบ่อน้ำตา หลังทื่อส่องดูมีคลื่นหลัง ยุบพระแอ่นนิดนึง ดูแล้วแท้เลย ถามแม่ค้าเท่ารัย แม่ค้าตอบแสนห้า เค้าฝากมา เซียนเจี๊ยบวางก่อน งบน้อยไม่รู้จะต่อได้เท่าไหร่  วางพระอาจารย์หยิบมึงดูพระเป็นนี่หว่าองค์นี้พระสมเด็จแท้นะ ไม่สู้กูเอาเอง เสร็จพระอาจารย์บอกแล้วคนงบน้อยต้องหาวิชาเยอะๆ  รอเวลาที่เหมาะสม พระสมเด็จแท้ยังมีอีกเยอะให้เราหยิบ ขอให้เรารู้จักท่าน เดินไปเดี๋ยวก็เจอ ยื่งภาวะเศรษฐกิจไม่ดี คนเอาพระมาขายกันเยอะ พระกรุ พระเก่าคนดูไม่เป็นเยอะ เชื่อเซียนเจี๊ยบเดี๋ยวก็เจออย่าหยุดเดิน อยากได้พระต้องเข้าสนามพระ ตังน้อยเดินเอา มีเงินไปซื้อเซียนมาตราฐานสากล

มาดูพระสมเด็จวัดระฆังฐานแซม พอสวยใช้ช้ำมาพอสมควร ทำให้ดูง่ายเนื้อจัด รอยปริเป็นธรรมชาติ มีรอยลานที่ผิว รอยยุบแยกรอยพรุนในเนื้อ มีฝ้าน้ำตาลให้เห็นบอกได้ว่าเคยลงรักปิดทองมา ตามสูตรพระอาจารย์สมเด็จวัดระฆังร้อยล่ะเก้าสิบห้าลงรักปิดทอง ถ้าเจอหลุมมีเศษทองดูดรักจมในเนื้อใช่เลยสมเด็จวัดระฆัง เจอฝ้าน้ำตาลช่วยให้เป็นจุดจ่ายตัง ในการดูพระสมเด็จวัดระฆัง ดูหลังเป็นคลื่นหลังสังขยา แบบนี้แท้สองร้อยเปอร์เซ็นต์ เจอหลังแบบนี้อย่าปล่อยให้หลุดมือ พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ฐานแซมองค์นี้เห็นหลังไม่ต้องส่องหน้า แท้ตาเปล่า พระด่างดวงขาว เนื้อน้ำตาลจ้ำเป็นก้อนๆสลับขาว  ฝ้าปูนหรือเรียกแป้งรอยพิมพ์หนาบางจนเห็นเนื้อสีขาวอมเหลืองนวล รักดำที่จมอยู่ในหลุมบ่อด้านหลัง เป็นธรรมชาติ  ใช้ตัดสินใจในการดูพระสมเด็จแท้ ครับท่าน

นานๆจะเจอพระสมเด็จเห็นหลังก็แท้แล้ว เดินเจอแบบนี้อย่าปล่อยให้หลุดมือนะครับ

เจี๊ยบบางกรวยเดินตามรอยพระอาจารย์ 087 0030897

ไข่ไก่ราคาลง สวนกระแสต้นทุนพุ่ง วอนช่วยกินไข่เกษตรกรจะได้อยู่รอด

0
zhouhaoqd

เกษตรกรผู้เลี้ยงไข่ไก่ เผยปัจจัยเสี่ยงด้านต้นทุนผลิตไข่สูงขึ้น ทั้งค่าแรงงาน ค่าพลังงาน และวัตถุดิบอาหารสัตว์ ขณะที่อากาศเย็นสบายส่งผลแม่ไก่ออกไข่ให้ผลผลิตมาก สวนทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อกลับชะลอตัว ส่งผลราคาไข่ไก่ปรับลดลงต่อเนื่อง ขอคนไทยกินไข่เพิ่ม หวังช่วยเกษตรกรอยู่รอด

นางพเยาว์ อริกุล นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง เปิดเผยว่าผู้เลี้ยงไก่ไข่ในไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยหลายด้าน โดยเฉพาะผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ซึ่งส่งผลต่อราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่จะเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนพลังงานและแรงงานที่สูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อยโดยตรง ขณะเดียวกัน ความต้องการบริโภคไข่ไก่ในประเทศลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เหล่านี้ทำให้การผลิตไข่ไก่ในปี 2568 อาจได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนในห่วงโซ่อุปทาน

นางพเยาว์ อริกุล นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกในภูมิภาคเอเชียและประเทศเพื่อนบ้าน ยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อสัตว์ปีกในวงกว้าง ทั้งไก่เนื้อ ไก่ไข่ และสัตว์ปีกอื่นๆ หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ จะทำให้เกษตรกรต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรคที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ในประเทศไทยได้ประกาศลดราคาไข่คละหน้าฟาร์มลงอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้ราคาอยู่ที่ฟองละ 3.20 บาท ลดลงจากปี 2567 ที่ราคา 4 บาทต่อฟอง ถือเป็นการปรับราคาลงมากและเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้บริโภคในการเข้าถึงโปรตีนที่มีคุณภาพในราคาที่สมเหตุสมผล

“ราคาไข่ไก่ของไทยในขณะนี้ถูกที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนามที่ฟองละประมาณ 4.50 บาท อินโดนีเซีย 5 บาท ฟิลิปปินส์ 5.50 บาท หรือแม้กระทั่งสหรัฐอเมริกาที่มีราคาแพงถึง 14 บาทจากปัญหาการระบาดของไข้หวัดนก ในขณะที่ราคาไข่ในไทยอยู่ที่เพียง 3.20 บาทเท่านั้น ซึ่งถือเป็นโอกาสดีสำหรับคนไทยในการบริโภคโปรตีนจากไข่ในราคาที่คุ้มค่าและถูกที่สุดในภูมิภาค” นางพเยาว์กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ราคาไข่ไก่ปรับลดลงนั้นมีหลายปัจจัย เช่น การผลิตไข่ไก่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาซึ่งมีอากาศเย็นสบาย ทำให้แม่ไก่สามารถออกไข่ได้มากขึ้น รวมถึงช่วงปิดเทอมที่มีความต้องการไข่ไก่ลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศและโลก อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนเมษายน ราคาไข่ไก่อาจมีโอกาสปรับขึ้นได้ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนซึ่งส่งผลให้แม่ไก่ออกไข่น้อยลงและฟองเล็ก

นางพเยาว์ย้ำว่า ไข่ไก่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่คนไทยสามารถเข้าถึงได้ง่ายและราคาเหมาะสมตามกลไกตลาด จึงขอให้ทั้งผู้บริโภคและภาครัฐเข้าใจปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการผลิตไข่ไก่ เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตไข่ไก่ได้อย่างยั่งยืนและตอบสนองต่อความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในอนาค