Home Blog Page 2

ตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งเพิกถอนหุ้น JKN มีผล 27 ธ.ค.นี้

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (JKN) จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เนื่องจากบริษัทเปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จในงบการเงินประจำปี 2566 และแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1 One Report) ที่มีงบการเงินเท็จ ซึ่งเข้าข่ายเป็นกรณีอันอาจมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้น หรือการตัดสินใจลงทุน หรือการเปลี่ยนแปลงในราคาของหลักทรัพย์ อันเป็นเหตุเพิกถอนตามข้อ 7(3) ของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่อง การเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ. 2564

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของ JKN เป็นเวลา 7 วันทำการก่อนวันที่มีผลเป็นการเพิกถอนหลักทรัพย์ คือ ระหว่างวันที่ 18 – 26 ธันวาคม 2568 ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้

  1. ให้หลักทรัพย์ JKN ซื้อด้วยบัญชี Cash Balance กล่าวคือ ผู้ซื้อต้องชำระเงินทั้งจำนวนก่อนการซื้อหลักทรัพย์
  2. ขึ้นเครื่องหมาย NC กำกับตลอดระยะเวลาที่เปิดให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อเตือนผู้ลงทุนให้ใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์
  3. ไม่กำหนดราคาซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor), Dynamic Price Band และ Auto Pause สำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ JKN ในวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการซื้อขาย ต่อเนื่องไปจนกว่าหลักทรัพย์ JKN จะมีการซื้อขาย
  4. ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะไม่นำหลักทรัพย์ JKN มารวมในการคำนวณดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET Index)

และเมื่อครบระยะเวลาดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเพิกถอนหลักทรัพย์ JKN จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์ เนื่องจากงบการเงินประจำปี 2566 และแบบ 56-1 One Report ที่บริษัทได้เผยแพร่ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเป็นข้อมูลเท็จ และยังมิได้นำส่งงบการเงินฉบับดังกล่าวที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“สำนักงาน ก.ล.ต.”) สั่งแก้ไข และงบการเงินประจำปี 2567 จนถึงปัจจุบัน

    ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบ บางกรวย “พระรอดเขียวเหนี่ยวทรัพย์”

    0

    พระรอดมหาวันมีพิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พิมพ์ต้อ และพิมพ์ตื้น เนื้อพระหลายๆองค์ที่ต่างสี ต่างขนาด เกิดจากความร้อนตอนพระถูกเผาไฟ ความร้อนขั้นแรก อิฐสุกดี สีขาว ขั้นสอง สีเหลือง ขั้นสาม เหลืองแกมแดง ขั้นสี่ร้อนมาก สีแดง ขั้นสุดท้าย ร้อนที่สุด สีเขียว จำไว้นะเธอพระอาจารย์สอนไว้

    มาดูพระรอดพิมพ์ใหญ่เนื้อเขียวเหนี่ยวทรัพย์วันนี้ สวยแจ่มคมชัด เห็นหน้าตา จมูกปากครบ ที่สำคัญเห็น น้ำแร่สีดำเป็นก้อนกลมแบบนี้มีในเฉพาะพระรอดเนื้อเขียวเท่านั้น เพราะโดนไฟร้อนสุดจนแร่ละลาย จนเป็นหินแล้ว เสริมด้วยคราบดิน บางๆ ที่หลงเหลือจากกรุพระให้เห็น แบบนี้ใช่เลย แท้เป็นธรรมชาติ ด้านหลังมีเม็ดแร่ดำที่หลอมละลายให้เห็นหลายเม็ดอยู่ ดีที่เจ้าของไม่เอาออกไป ทำให้ดูง่ายตัดสินใจจ่ายจบ เห็นลายมือทั่วด้านหลังและคราบน้ำแร่ รอยปิดก้นพระเห็นเนื้อย่นเป็นธรรมชาติ เดินเจอแบบนี้อย่าบ่อยให้หลุดมือนะเธอ
    พระอาจารย์สอนเซียนเจี๊ยบบอกต่อ “หวานเจี๊ยบ”

    เจี๊ยบบางกรวยเดินตามรอยพระอาจารย์ 087 0030897

    ปลาหมอบัตเตอร์…สัตว์น้ำจากทวีปแอฟริกาสู่ระบบนิเวศแหล่งน้ำไทย เมื่อระบบควบคุมยังมีช่องโหว่

    0

    เดือนธันวาคมเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนคิดถึงการท่องเที่ยว การเฉลิมฉลอง เขื่อนเก็บน้ำสำคัญในหลายจังหวัดเป็นจุดหมายของผู้คนจำนวนมาก ที่มักมีเมนูเด็ดไม่ควรพลาด เช่น เมนูปลาหมอบัตเตอร์ ซึ่งมีเนื้อแน่น หอม หวาน อร่อยไม่ต่างจากปลานิล แต่ “ปลาหมอบัตเตอร์” เป็นหนึ่งในสามปลาต่างถิ่นที่กรมประมงประกาศห้ามนำเข้า ส่งออก หรือเพาะเลี้ยงตั้งแต่ปี 2561 พร้อมกับปลาหมอคางดำและปลาหมอมายัน

    ปลาหมอบัตเตอร์ หรือ Zebra tilapia (Heterotilapia buttikoferi) มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะประเทศกินี-บิสเซา ลักษณะเด่นที่ทำให้สะดุดตาคือ ลำตัวที่มีลายแถบดำสลับสีขาวหรือสีเหลือง มีความแข็งแรง เป็นปลาที่ปรับตัวได้ดี ในวงการปลาสวยงามจึงมองว่าปลาชนิดนี้เหมาะแก่การเลี้ยงในตู้ เพื่อความสวยงาม

    การเดินทางของปลาหมอบัตเตอร์เข้าสู่แหล่งน้ำของไทยไม่พบหลักฐานบันทึกอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการแพปลาที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนศรีนครินทร์มีข้อมูลสอดคล้องกันว่าพบปลาหมอบัตเตอร์ในพื้นที่มานานกว่า 20 ปีก่อนที่กรมประมงจะประกาศปลาชนิดนี้เป็นปลาต้องห้าม เมื่อ ประมาณปี 2550 โดยนายทุนนอกพื้นที่นำมาให้เกษตรกรริมเขื่อนเพาะเลี้ยง โดยสัญญาว่าจะกลับมารับซื้อเมื่อโตเต็มวัย

    ประเมินกันว่าตลาดปลาสวยงามไม่ตอบสนอง ปลาหมอบัตเตอร์จำนวนหนึ่งถูกปล่อยทิ้งลงอ่างเก็บน้ำ การกระทำนี้แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ และความรู้เท่าไม่ถึงการ แต่กลับทำให้ปลาหมอบัตเตอร์แพร่กระจายไปในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ นอกจากนี้ มีรายงานการแพร่ระบาดของปลาหมอบัตเตอร์ในเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ แม้ทั้ง 3 เขื่อนไม่ได้อยู่บนแหล่งน้ำที่เชื่อมต่อกัน

    จากข้อมูลการสำรวจแหล่งน้ำของกองวิจัยและพัฒนาน้ำจืด ประมงจังหวัดอุตรดิตถ์ในปี 2560-2563 ปลาหมอบัตเตอร์จะอาศัยอยู่ในส่วนของน้ำลึก ตามตอไม้ กินสัตว์น้ำและพืชเป็นอาหาร ส่วนใหญ่จะกินลูกปลา กุ้งก้ามกราม ไข่ปลา มีผลกระทบต่อประชากรปลาและสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ลดลง ด้วยปลาชนิดนี้สามารถขยายพื้นที่และประชากรได้อย่างรวดเร็วกว่าปลาพื้นถิ่น นิสัยก้าวร้าวและการขยายพันธุ์ได้เร็วทำให้มันแย่งชิงอาหารและแหล่งที่อยู่อาศัยจากปลาพื้นถิ่น กรมประมงในจังหวัดอุตรดิตถ์เองก็ยืนยันว่า ปัจจุบันพบปลาหมอบัตเตอร์แพร่พันธุ์ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ส่งผลทำให้พันธุ์ปลาดั้งเดิมลดน้อยลง และเข้าไปแทนที่ปลาประจำถิ่นบางชนิดแล้ว

    นอกจากนี้ จากมุมมองทางนิเวศวิทยาปลาหมอบัตเตอร์ยังมีกิจกรรมขุดดินเพื่อวางไข่ ส่งผลต่อโครงสร้างและสมดุลของระบบนิเวศใต้น้ำ

    ข้อดีอีกประการของปลาหมอบัตเตอร์ สามารถนำมาบริโภคได้ เนื้อแน่น มีรสชาติอร่อย ทำได้หลายเมนู ช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการริมเขื่อน กรมประมงจึงส่งเสริมแนวคิด “การตกปลาเพื่อบริโภค” สร้างแรงจูงใจให้กับผู้คนในการจับและบริโภคปลาอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมประชากรปลาหมอบัตเตอร์ให้ลดลง เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศทางน้ำ

    จากความพยายามเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด แต่การเข้ามาของปลาหมอบัตเตอร์ในแหล่งน้ำไทยก็ยังสะท้อนให้เห็นช่องโหว่ในระบบการควบคุมการนำเข้าสัตว์น้ำต่างถิ่นของเมืองไทย รวมถึงความตระหนักในการจัดการปลาต่างถิ่นที่รับผิดชอบยังไม่เพียงพอ ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงควรเร่งดำเนินการแก้ไขและสร้างมาตรการที่จำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ซ้ำขึ้นอีกในอนาคต ช่วยให้เราปกป้องความสมดุลของแหล่งน้ำไทยได้ตั้งแต่ต้นทาง.

    ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดสัมมนาอัพความรู้เรื่องตลาดทุนให้ผู้พิพากษา

    0

    ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม จัดสัมมนา “ตลาดทุนยุคใหม่ กับความท้าทายทางกฎหมาย” เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างและกลไกของตลาดทุน รวมถึงการกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์และรูปแบบการกระทำผิดในตลาดทุนให้แก่ผู้พิพากษาจากศาลยุติธรรม

    การจัดสัมมนาดังกล่าวสะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างสององค์กรในการสนับสนุนผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมให้มีองค์ความรู้เท่าทันพัฒนาการของตลาดทุนไทย โดยได้รับเกียรติจากท่านพงษ์เดช วานิชกิตติกูล ผู้พิพากษาศาลฎีกา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และประธานคณะกรรมการวิชาการประจำภาควิชากฎหมายตลาดทุน กล่าวเปิดงาน โดยมีผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่ คุณรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ คุณดวงรัตน์ สมุทวณิช และคุณรศยุพา มิคะเสน ผู้ช่วยผู้จัดการ ร่วมบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับภาพรวมของตลาดทุน ระบบการกำกับดูแล และลักษณะความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้พิพากษาผู้เข้าร่วมสัมมนา

    สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้มุ่งที่จะเสริมสร้างมุมมองที่ลึกซึ้งและรอบด้านเกี่ยวกับการกระทำความผิดในตลาดทุนซึ่งถือเป็นหนึ่งในอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมให้แก่ผู้พิพากษา เนื่องจากผู้พิพากษามีบทบาทหน้าที่ในฐานะปราการสำคัญขั้นสุดท้ายของกระบวนการยุติธรรม โดยหากมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งและชัดเจนมากขึ้น ย่อมจะช่วยให้การพิจารณาคดีความผิดที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิผล อันจะเป็นพลังสำคัญในการยับยั้งและป้องปรามการกระทำความผิด อีกทั้งยังมีผลเป็นการสร้างความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนและเสริมสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดทุนไทยได้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

    การแยก “มิจ(ฉาชีพ)” ออกจาก “มิตร”: เมื่อคนใกล้ตัวสุดท้ายร้ายที่สุด

    0

    ในยุคที่มิจฉาชีพออนไลน์ระบาดหนัก กลโกงไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แต่กลับแฝงตัวอยู่ในคราบของ “เพื่อน” หรือคนรู้จักที่เราไว้ใจ บทความนี้จะชวนคุณมาเจาะลึกพฤติกรรมของ “เพื่อน” ที่มีรูปแบบไม่ต่างจากมิจฉาชีพ พร้อมเสนอแนวทางป้องกันและวิธีเยียวยาจิตใจหากตัวเองตกเป็นเหยื่อ


    🎭 พฤติกรรมเพื่อนที่ “ร้าย” ไม่ต่างจากมิจฉาชีพ

    เพื่อนที่ใช้ความสัมพันธ์มาหลอกลวง มักอาศัย “ความไว้ใจ” และ “ความเกรงใจ” เป็นเครื่องมือในการก่อเหตุ ซึ่งคล้ายคลึงกับกลโกงทางออนไลน์หลายรูปแบบ

    1. กลโกงลงทุน (Investment Scams) ในหมู่เพื่อน

    พฤติกรรมที่พบบ่อยคือการชักชวนลงทุนในธุรกิจที่ฟังดูดีเกินจริง หรือให้ผลตอบแทนสูงในเวลาอันสั้น (คล้ายแชร์ลูกโซ่)

    • กรณีตัวอย่าง: เพื่อนสนิทสมัยเรียนชวนลงทุน “ธุรกิจนำเข้าสินค้า” หรือ “เทรดหุ้นลับเฉพาะ” โดยอ้างว่าได้ผลตอบแทนดีมากในช่วงแรก ทำให้คุณตัดสินใจลงเงินก้อนใหญ่ สุดท้ายธุรกิจล้มเหลว (หรือไม่มีอยู่จริง) และเพื่อนก็บ่ายเบี่ยงการคืนเงิน หรือขาดการติดต่อไปในที่สุด (อ้างอิงจากกรณีเพื่อนหลอกลงทุนมูลค่าหลายสิบล้าน)
    • รูปแบบมิจฉาชีพ: ใช้ความโลภเป็นแรงจูงใจ เสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริง (“อะไรที่ฟังดูดีเกินไป มักจะไม่จริง” – หลักการป้องกันภัยทางการเงิน)

    2. กลโกงยืมเงินด้วยเรื่องฉุกเฉิน (Emergency Fund Scams)

    เพื่อนที่เข้ามาพร้อมเรื่องราวชีวิตสุดรันทด หรือปัญหาเร่งด่วนที่ต้องการเงินก้อนอย่างกะทันหัน

    • กรณีตัวอย่าง: เพื่อนโทรมาขอความช่วยเหลือด่วน อ้างว่าพ่อ/แม่ป่วยหนัก ต้องใช้เงินผ่าตัด หรือรถมีอุบัติเหตุร้ายแรง โดยให้สัญญาทั้งน้ำตาว่าจะคืนให้เร็วที่สุด เมื่อให้ยืมไปแล้ว กลับไม่คืนตามกำหนด ผัดผ่อนไปเรื่อย ๆ หรือถึงขั้นเปลี่ยนเบอร์หนี
    • รูปแบบมิจฉาชีพ: ใช้การเร้าอารมณ์ (Emotional Manipulation) ทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ และความรีบเร่งในการตัดสินใจโอนเงิน โดยไม่ทันได้ตรวจสอบ

    3. กลโกงการใช้บัญชี (Mule Accounts)

    แม้จะไม่ได้ตั้งใจโกงโดยตรง แต่การยืมบัญชีไปทำธุรกรรมก็อันตรายไม่แพ้กัน

    • กรณีตัวอย่าง: เพื่อนขอ “ยืมบัญชีธนาคาร” อ้างว่าบัญชีตัวเองมีปัญหา หรือต้องการรับโอนเงินจากต่างประเทศ เมื่อคุณให้ไป บัญชีนั้นอาจถูกนำไปใช้เป็น “บัญชีม้า” ในการรับโอนเงินจากการฉ้อโกงผู้อื่น ซึ่งทำให้คุณมีความผิดทางกฎหมายและถูกอายัดบัญชีได้ (อ้างอิงจากกรณีถูกหลอกให้ใช้บัญชี)

    🛡️ วิธีป้องกัน: เปลี่ยนความไว้ใจให้เป็นความรอบคอบ

    เมื่อต้องเกี่ยวข้องกับการเงินกับเพื่อนหรือคนสนิท ควรมีสติและใช้ความรอบคอบไม่ต่างจากการติดต่อกับคนแปลกหน้า

    1. ตั้งสติและตั้งคำถาม:อย่าให้ “ความเกรงใจ” นำหน้า “สติ” หากเพื่อนชวนลงทุนหรือขอยืมเงินก้อนใหญ่ ให้ถามตัวเองว่า:
      • ข้อเสนอนี้สมเหตุสมผลหรือไม่? (ผลตอบแทนสูงเกินไปไหม?)
      • เราสามารถเสียเงินก้อนนี้ได้จริงหรือไม่? (อย่าเป็นพ่อพระแม่พระ กู้ยืมเงินมาให้เพื่อนยืมเด็ดขาด)
      • เพื่อนคนนี้มีประวัติทางการเงินอย่างไร? (เช็คประวัติว่า เพื่อนเรามีปัญหาเรื่องการเงินมาก่อนหรือไม่)
    2. ตรวจสอบข้อมูลเสมอ: หากเป็นการลงทุน ให้ขอเอกสารรายละเอียดทางธุรกิจที่ชัดเจน หรือตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น กลต. หรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า) หากเป็นการยืมเงิน ให้ระบุวงเงิน วันที่คืน และทำ “สัญญาเงินกู้” หรือหลักฐานการโอนที่ชัดเจน แม้จะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม
    3. หลีกเลี่ยงการใช้บัญชีแทนกัน: ห้ามให้ บัญชีธนาคาร บัตรประชาชน หรือข้อมูลส่วนตัวไปทำธุรกรรมแทนผู้อื่นโดยเด็ดขาด เพราะอาจถูกนำไปใช้เป็นบัญชีม้าโดยที่คุณไม่รู้ตัว
    4. ปรึกษาบุคคลที่สาม: หากรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่แน่ใจในข้อเสนอทางการเงินของเพื่อน ให้ลองปรึกษาสมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ไว้ใจ เพื่อรับมุมมองจากภายนอก

    🩹 วิธีเยียวยาตัวเอง: เมื่อความเชื่อใจถูกทำลาย

    การถูกเพื่อนสนิทโกงเงิน เป็นบาดแผลทางใจที่ลึกซึ้งกว่าการถูกมิจฉาชีพที่ไม่รู้จักโกง เพราะเป็นการสูญเสียทั้งเงินและความสัมพันธ์

    1. การดำเนินการทางกฎหมายและทรัพย์สิน

    • รวบรวมหลักฐาน: เก็บหลักฐานการโอนเงิน บทสนทนา สัญญาเงินกู้ (ถ้ามี) และเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
    • แจ้งความดำเนินคดี: หากแน่ใจว่าถูกฉ้อโกง ให้ดำเนินการแจ้งความและปรึกษาทนายความเพื่อฟ้องร้องในคดีอาญา/แพ่ง เพื่อรักษาสิทธิ์ในการได้เงินคืน
    • ยอมรับความจริง: ทำใจยอมรับว่าโอกาสได้เงินคืนอาจมีน้อย เพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อได้โดยไม่ต้องจมอยู่กับความหวังที่ริบหรี่

    2. การเยียวยาจิตใจ (Self-Healing)

    • ให้เวลาตัวเองเสียใจ: ความรู้สึกโกรธ ผิดหวัง และเจ็บปวดเป็นเรื่องปกติ อนุญาตให้ตัวเองได้แสดงความรู้สึกออกมา อย่าเก็บกดไว้
    • แยกแยะความผิด: อย่าโทษตัวเองว่า “โง่” หรือ “ไม่ระวัง” แต่ให้มองว่า “ความไว้ใจ” คือสิ่งที่สวยงาม แต่ถูกคนร้ายนำไปใช้ประโยชน์ จงเรียนรู้จากบทเรียนนี้
    • จำกัดการติดต่อ: ตัดขาดจากเพื่อนคนนั้นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องตัวเองจากการถูกหลอกซ้ำหรือถูกปั่นหัวทางอารมณ์
    • เชื่อมต่อกับกลุ่มสนับสนุน: พูดคุยกับครอบครัว หรือเพื่อนคนอื่นที่เข้าใจ เพื่อระบายความทุกข์ การได้แบ่งปันประสบการณ์สามารถช่วยให้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว
    • มูฟออนกับเป้าหมายชีวิตใหม่ : โฟกัสกับการสร้างความมั่นคงทางการเงินและจิตใจขึ้นมาใหม่ ใช้พลังงานไปกับสิ่งที่คุณควบคุมได้ เช่น การทำงาน การดูแลสุขภาพ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่ไว้ใจได้จริง

    จงจำไว้ว่า “ความไว้ใจ” ควรมาพร้อมกับ ความรอบคอบ การมีสติ และ หลักฐานที่ชัดเจนในการทำธุรกรรมทางการเงินกับทุกคน คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในยุคสมัยนี้

    ใครที่มีเพื่อนที่ดี จงรักษามิตรภาพและความสัมพันธ์ที่ดีนั้นไว้ อย่าคิดหาประโยชน์จากความเป็นเพื่อน เพราะเมื่อไรที่มีคำว่า ผลประโยชน์ เข้ามาเอี่ยวเมื่อไร มิตรภาพไม่่ว่าจะเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ แก๊งเทวดานางฟ้า คนเดินดิน ก็แตกได้หมด แบบสลายไม่มีชิ้นดีด้วย เพราะหากเจอคนใกล้ตัวทำเราเจ็บ มันจะทั้งเจ็บ ทั้งแค้น หลายเท่า

    สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนพฤศจิกายน 2568

    0

    นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสามของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 1.2 ชะลอลงจากร้อยละ 2.8 ในไตรมาสสอง จากการส่งออกและท่องเที่ยวชะลอตัว รวมทั้งการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคและการลงทุนภาครัฐปรับลดลง รวมทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทจดทะเบียนในเกือบทุกหมวดธุรกิจอย่างชัดเจน นอกจากนี้ สถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ที่เกิดขึ้นนอกเหนือความคาดหมายส่งกระทบเพิ่มเติมต่อภาวะการลงทุน อย่างไรก็ดี ยังเห็นเงินทุนไหลเข้าในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาการขายสุทธิของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จะลดลงในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี


    ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนพฤศจิกายน 2568

    • ณ  สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2568 SET Index ปิดที่ 1,256.69 จุด ปรับตัวลง 4.0% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 10.2% นับตั้งแต่ต้นปี โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มการเงิน
    • มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 34,323 ล้านบาท ลดลง 22.4% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมอยู่ที่ 41,908 ล้านบาท
    • ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 12,559 ล้านบาท ส่งผลให้มียอดขายสุทธิตั้งแต่ต้นปีที่ 113,298 ล้านบาท
    • ผู้ลงทุนต่างประเทศยังคงมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ระดับ 54.20% ของมูลค่าการซื้อขายรวม

    ตามด้วยผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศ 29.06% ผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ 10.88% และบริษัทหลักทรัพย์ 5.85%

    • เดือนพฤศจิกายน 2568 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. กลุ่มสมอทอง  (SMO) และ บมจ. มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) (MRDIYT) ใน mai 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล (MMM) และ บมจ. ลอนดรี้ ยู (WASH)
    • Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นพฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ระดับ 11.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.6 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 11.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 16.4 เท่า
    • อัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นพฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ระดับ 4.01% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.93%

    ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือนพฤศจิกายน 2568

    • มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 329,001 สัญญา ลดลง 19.1% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures  SET50 Index Futures และ Gold Online Futures ส่งผลให้ ในปี 2568 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 413,695 สัญญา ลดลง 14.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures

    พม. มอบโล่ CPF องค์กรที่ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการระดับดีเยี่ยม ประจำปี 2568 สานพลังชีวิตทุกคนอย่างเท่าเทียม

    0

    กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดย กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จัดงานคนพิการสากล เพื่อสร้างความตระหนัก ความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วมของ “คนพิการ” ในงานดังกล่าว บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ และบริษัทในเครือซีพีเอฟ เข้ารับ “รางวัลองค์กรที่ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ ประจำปี 2568 ระดับดีเยี่ยม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ในฐานะองค์กรที่สร้างโอกาสให้คนพิการได้ทำงานที่มั่นคงและมีรายได้ที่แน่นอน สามารถพึ่งพาตนเองได้ ดูแลครอบครัว ใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมอย่างมีความสุข และภาคภูมิใจ เป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมที่มั่นคงและยั่งยืน

    พร้อมกันนี้ บริษัทในกลุ่มซีพีเอฟที่ได้รับรางวัลองค์กรที่ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ ระดับดีเยี่ยม ได้แก่ บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท โกลบอล ฟู้ดโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพีเอฟ ฟู้ดแอนด์เบฟเวอร์เรจ จำกัด บริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เชสเตอร์ฟู้ด จำกัด บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด บริษัท ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหาร ซีพีเอฟ จำกัด บริษัท ซีพีเอฟ ไอทีเซ็นเตอร์ จำกัด และ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ท ฟู้ด จำกัด นอกจากนี้ บริษัท ซีพีเอฟ ฟู้ด เน็ตเวิร์ก จำกัด ได้รับรางวัลองค์กรที่ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ ระดับดี

    ซีพีเอฟและบริษัทในเครือมีนโยบายที่สอดคล้องกับ พม. มุ่งเปิดโอกาสให้คนพิการได้ทำ “งานที่มีคุณค่า” มีรายได้ที่มั่นคงและแน่นอน เป็นเครื่องมือในการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส และผลักดันให้สังคมไทยก้าวไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังสนับสนุนให้มีการพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนพิการมีเส้นทางการทำงานและการเติบโตในอาชีพที่ชัดเจน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งของบุคคล ครอบครัว และชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับหลัก 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืนของเครือซีพี ที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร

    ปัจจุบัน ซีพีเอฟและบริษัทในกลุ่มจัดจ้างคนพิการรวม 728 คน ครอบคลุมการจ้างงาน 3 รูปแบบ ได้แก่ การจ้างงานคนพิการทำงานในสถานประกอบการของซีพีเอฟ 186 คน ซึ่งมีการจัดสภาพแวดล้อมและระบบสนับสนุนให้เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละคน และการจ้างงานคนพิการในชุมชนรวม 525 คน ส่วนใหญ่ทำงานในโรงเรียน เป็นผู้ช่วยครูในโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน เป็นผู้ช่วยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล วัด และหน่วยงานราชการในพื้นที่ ช่วยแบ่งเบาภาระงาน สนับสนุนการให้บริการประชาชน และทำให้คนพิการได้ใช้ทักษะของตนเองอย่างเต็มที่ควบคู่ไปกับการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน รวมทั้งสนับสนุนนักกีฬาวีลแชร์บาสเกตบอลทีมชาติไทย 17 คน เพื่อให้นักกีฬามีความมั่นคงในชีวิต และมีเวลาทุ่มเทฝึกซ้อมเพื่อคว้าเหรียญทองได้อย่างเต็มที่

    นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังติดตามดูแลการใช้ชีวิตและการทำงานของคนพิการที่บริษัทจัดจ้างเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่าคนพิการมีคุณภาพชีวิตและสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสม สามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ ควบคู่กับจัดการอบรมให้ความรู้และสร้างความเข้าใจเรื่องสิทธิและสวัสดิการต่างๆ ที่คนพิการพึงได้รับ ส่งเสริมให้คนพิการเข้าถึงสิทธิเหล่านี้ได้อย่างเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไป ทำงานอย่างมั่นใจ มีความสุข และสร้างคุณประโยชน์กลับคืนสู่ชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่

    AIS 3BB FIBRE 3 ระดมวิศวกร เดินหน้าภารกิจ “เคาะประตูช่วยซ่อม ฟื้นเน็ตไฟเบอร์ให้ถึงบ้าน เคียงข้างชาวหาดใหญ่”

    0

    AIS 3BB FIBRE 3 ระดมทีมช่างและวิศวกรจากหลายภูมิภาค ลงพื้นที่หาดใหญ่เร่งฟื้นฟูโครงข่ายอินเทอร์เน็ตบ้านไฟเบอร์ให้กลับมาใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ภายใต้ภารกิจ “AIS 3BB FIBRE 3 เคาะประตูช่วยซ่อม ฟื้นเน็ตไฟเบอร์ให้ถึงบ้าน เคียงข้างชาวหาดใหญ่”

    ทีมงานลงพื้นที่ดูแลลูกค้าเชิงรุกถึงหน้าบ้าน เปลี่ยนอุปกรณ์ WiFi Router และ Playbox ที่ชำรุดจากน้ำท่วมให้ใช้งานได้ทันที โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับบ้านที่ไฟฟ้าและโครงข่ายกลับมาพร้อมใช้งานแล้ว โดยไม่ต้องรอให้ลูกค้าแจ้งปัญหา เพื่อช่วยให้ทุกครอบครัวกลับมาเชื่อมต่อออนไลน์ ติดต่อคนใกล้ชิด ทำงาน และใช้ชีวิตได้เร็วที่สุด

    เพื่อรองรับการฟื้นฟูในวงกว้าง AIS ได้จัดเตรียมอุปกรณ์จำนวนมาก ส่งตรงมายังพื้นที่หาดใหญ่ พร้อมทีมช่างจากทั่วประเทศร่วมปฏิบัติการแบบบ้านต่อบ้าน เพื่อเร่งฟื้นสัญญาณไฟเบอร์ให้กลับมามีเสถียรภาพอย่างรวดเร็ว ตอกย้ำจุดยืนของ AIS 3BB FIBRE 3 ในฐานะ “เน็ตบ้านอุ่นใจ” ที่อยู่เคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์

    นอกจากนี้ AIS 3BB FIBRE 3 ยังได้ขยายระยะเวลาชำระค่าบริการออกไปอีก 30 วัน สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย และเป็นอีกหนึ่งการดูแลจากใจในช่วงเวลาที่ทุกครอบครัวกำลังฟื้นฟูชีวิตและบ้านเรือน

    ด้วยความห่วงใยต่อพี่น้องชาวหาดใหญ่ AIS 3BB FIBRE 3 ขออยู่เคียงข้างและพร้อมเป็นพลังเล็ก ๆ ที่ช่วยให้ทุกการเชื่อมต่อยังคงไม่สะดุดในยามวิกฤติ

    AIS จับมือ ททท. สานต่อแคมเปญ “สุขใจ เที่ยวไทย อุ่นใจทุกที่” ชวนเช็กอินเก้าอี้ม้านั่งสุขใจอุ่นใจ พร้อมเที่ยวฟินทุกทริป บนเครือข่าย 5G ที่ครอบคลุมทุกเส้นทาง และสิทธิพิเศษจัดเต็มจาก AIS Points

    0

    AIS ต้อนรับเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวส่งท้ายปี ต่อยอดความร่วมมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวไทยให้คึกคัก กับแคมเปญ “สุขใจ เที่ยวไทย อุ่นใจทุกที่” ยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยวให้ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ลุยส่งเสริมแลนด์มาร์กและจุดท่องเที่ยวยอดนิยม เติมสีสันการท่องเที่ยวทั่วไทย
    ชวนคนไทยถ่ายรูปเช็กอินกับเก้าอี้นั่งม้านั่งสุขใจอุ่นใจสุดน่ารัก ติดแฮชแท็ก #สุขใจเที่ยวไทยอุ่นใจทุกที่ #อุ่นใจกับAIS #AIS5G แชร์โมเมนต์สุดประทับใจ เพื่อสร้างความมั่นใจหากพบเก้าอี้ม้านั่งนี้ที่ไหน จะได้สัมผัสประสบการณ์เครือข่าย AIS 5G ที่เร็ว แรง ไม่มีสะดุด และขยายความสุขอีกขั้นด้วยสิทธิพิเศษมากมายจาก AIS Points ทั้งสิทธิ์แลกรับแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต หรือโทรบนเครือข่าย AIS 5G ส่วนลดร้านอาหาร และโปรโมชันท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติอีกมากมาย รวมถึงสิทธิพิเศษจากร้านค้าท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกการท่องเที่ยวในไทย สะดวก คุ้มค่า และน่าประทับใจยิ่งกว่าเคย

    ในปีนี้ AIS ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวออกเดินทางไปเช็กอินกับเก้าอี้สุขใจอุ่นใจตามสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังทั่วไทย ไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา อุทยาน และร่วมสร้างบรรยากาศท่องเที่ยวไทยให้คึกคักมากยิ่งขึ้น ได้ในหลายโซนไฮไลต์ทั่วประเทศ อาทิ

    ·      ภาคเหนือ : สวนสัตว์เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่, สวนสาธารณะรถไฟเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่, หมู่บ้านแม่กำปอง จ.เชียงใหม่, ถนนคนเดินกาดกองต้า จ.ลำปาง, ลานพญานาคริมกว๊าน จ.พะเยา, อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก

    ·      ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : Sky Walk เชียงคาน จ.เลย, สวนสัตว์นครราชสีมา จ.นครราชสีมา, สวนสัตว์อุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี

    ·      ภาคตะวันออก : สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี

    ·      ภาคกลาง : ททท. สำนักงานใหญ่ จ.กรุงเทพฯ, ตลาดน้ำดอนหวาย จ.นครปฐม

    ·      ภาคใต้ : อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา, จุดชมวิวเสม็ดนางชี จ.พังงา, ลานปูดำ จ.กระบี่, ประติมากรรมไม้มะหาด จ.กระบี่

    AIS เสริมทัพสัญญาณเต็มพิกัด! สนับสนุนการแข่งขันวิ่งเทรลระดับโลก ‘HOKA Chiangmai Thailand by UTMB’AIS

    0

    เอไอเอส เสริมความแข็งแกร่งของสัญญาณเครือข่ายทั้ง 5G/4G ด้วยระบบ AI Network Monitoring ตลอดเส้นทางการแข่งขันวิ่งเทรลระดับโลก “HOKA Chiangmai Thailand by UTMB” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4- 7 ธันวาคม 2568 เพื่อรองรับการใช้งานของนักวิ่งและผู้ติดตามจากทั่วโลกให้เป็นไปอย่างราบรื่น โดย AIS ได้เตรียมความพร้อมของสัญญาณเครือข่ายให้ครอบคลุมเส้นทางท้าทายตั้งแต่บริเวณ อำเภอเชียงดาว ไปจนถึงจุดศูนย์กลางการจัดงาน ณ สวนสาธารณะ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (อบจ.เชียงใหม่) โดยเฉพาะในจุดสำคัญที่เป็นทั้งจุดปล่อยตัว จุดบริการน้ำดื่ม และจุดเช็คพอยท์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถสื่อสาร แชร์ภาพ และติดตามผลการแข่งขันได้ตลอดเวลา พร้อมกันนี้ AIS ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย Tourist SIM และ Welcome Gift ซิมการ์ดสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้ทุกคนได้เชื่อมต่อและสัมผัสประสบการณ์ดิจิทัลตลอดการเยือนเมืองเชียงใหม่

    การดำเนินงานในครั้งนี้ ตอกย้ำบทบาทของเอไอเอสในฐานะผู้นำเครือข่ายโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-Co ที่พร้อมเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้กับประเทศ ทั้งในมิติของการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และสังคม โดยเอไอเอสยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงข่ายมือถือและเน็ตบ้าน ที่ครอบคลุมการให้บริการมากสุดในไทย พร้อมเป็นสื่อกลางในการส่งมอบทั้งความสุข ความอุ่นใจ และการสื่อสารที่ไม่สะดุดให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนในทุกเทศกาลสำคัญของประเทศ