Home Blog Page 2

AIS PLAY ยิงสดศึกวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 ชวนคนไทยส่งแรงใจเชียร์นักตบสาวไทย

0

AIS PLAY ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านคอนเทนต์กีฬาระดับโลก คว้าสิทธิ์เป็น ผู้ถ่ายทอดสดอย่างเป็นทางการในการถ่ายทอดสดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 (FIVB Volleyball Women’s World Championship 2025) เปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมส่งแรงใจเชียร์ทีมชาติไทยในการลุ้นคว้าเหรียญรางวัลครั้งประวัติศาสตร์ ให้ลูกค้าและคนไทยรับชมแบบจุใจ จัดเต็มการถ่ายทอดสดครบทุกแมตช์ พร้อมไฮไลต์และรีรัน ผ่านทุกช่องทางของ AIS PLAY ได้แก่ แอปพลิเคชัน AIS PLAY, กล่อง AIS PLAYBOX, เว็บไซต์ https://aisplay.ais.co.th/portal/ , Smart TV, Apple TV และกล่อง 3BB GIGA TV

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ หัวหน้าฝ่ายงาน AIS PLAY กล่าวว่า “กีฬาวอลเลย์บอลถือเป็นอีกหนึ่งกีฬายอดนิยมของคนไทย โดยเฉพาะทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและต่อเนื่องในเวทีการแข่งขันระดับโลก สร้างทั้งความสุขและแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ และในครั้งนี้ เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 ซึ่งประเทศไทยรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ให้แฟนๆ ชาวไทยได้รับชมอย่างเต็มอิ่ม ถ่ายทอดแรงเชียร์สู่สนามแข่งขันอย่างใกล้ชิด พร้อมยืนหยัดบทบาทของ AIS PLAY ในฐานะ The Largest ENTERTAINMENT HUB ที่รวบรวมคอนเทนต์กีฬาชั้นนำจากทั่วโลก เพื่อให้คนไทยเข้าถึงคอนเทนต์คุณภาพอย่างทั่วถึงอย่างต่อเนื่อง”

นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “การที่ประเทศไทยได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการวอลเลย์บอลไทย เป็นก้าวสำคัญที่เราได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของประเทศไทยในหลายๆ ด้าน กระตุ้นการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ ที่จะได้มีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพ เป็นเจ้าบ้านในการต้อนรับคณะนักกีฬา เจ้าหน้าที่ ของทีมที่จะเดินทางเข้ามาร่วมการแข่งขันจาก ทั่วโลกไปพร้อมกัน ในส่วนของการเตรียมความพร้อมในการจัดการแข่งขัน สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ร่วมกับสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) และวอลเลย์บอลเวิลด์ ได้ลงพื้นที่ 4 จังหวัด เพื่อตรวจความพร้อมของสนามจัดการแข่งขัน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ, จังหวัดภูเก็ต ที่อาคารยิมเนเซียม 4,000 ที่นั่ง, จังหวัดนครราชสีมา ที่สนามชาติชายฮอลล์ และกรุงเทพมหานคร ที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก ซึ่งทุกสนามมีความพร้อมเป็นไปตามมาตรฐานสากลและสามารถปรับปรุงแล้วเสร็จก่อนการแข่งขัน”

การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม – 7 กันยายน 2568 โดยมีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 32 ทีมจากทั่วโลก นำโดย ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ และ เซอร์เบีย แชมป์เก่า แบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม เพื่อคัดเลือกทีมแชมป์กลุ่มและรองแชมป์กลุ่มเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ขอชวนคนไทยร่วมส่งแรงเชียร์นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ในการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 ถ่ายทอดสดครบทุกแมตช์ผ่านทุกช่องทางของ AIS PLAY

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้อนรับผู้บริหารจากตลาดหลักทรัพย์ซาอุดีอาระเบีย

0

ถิรพันธุ์ สรรพกิจ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้อนรับคณะผู้บริหารจากตลาดหลักทรัพย์ซาอุดีอาระเบีย นำโดย AlHasan Ashram, Group Chief Operations Officer ของ Saudi Tadawul Group ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ บรรยายให้ข้อมูลเกี่ยวกับงานด้านเทคโนโลยีของตลาดหลักทรัพย์ฯ และหารือแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อหาโอกาสความร่วมมือในอนาคต เมื่อ 22 พ.ค. 2568 ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ

TFEX ปรับ Strike Price ของ SET50 Options เริ่ม 29 พ.ค. นี้ พร้อมเปิดตัว “Options Wizard”

0

บมจ. ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) (TFEX) ปรับลดช่วงห่างของราคาใช้สิทธิ์ (Strike Price Interval) ของสัญญา SET50 Index Options เป็น 10 จุด เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถวางกลยุทธ์การเทรดและบริหารพอร์ตได้อย่างคล่องตัว รวมถึงเพิ่มโอกาสทำกำไรและตอบโจทย์การบริหารความเสี่ยงได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ 29 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ TFEX ได้ร่วมกับ Settrade เปิดตัว “Options Wizard” เครื่องมือซื้อขาย Options ที่ช่วยให้ผู้ลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเริ่มต้นใน TFEX สามารถทำกำไรจากการคาดการณ์ทิศทางของตลาดได้สะดวกมากขึ้น และสามารถจำกัดผลขาดทุนไม่ให้เกินเงินที่ลงทุนไว้ได้ สำหรับผู้สนใจสามารถเริ่มต้นใช้งาน Options Wizard ได้บนแอปพลิเคชัน Streaming ตั้งแต่ 4 มิถุนายน 2568 นี้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โบรกเกอร์ TFEX หรือ SET Contact Center 0 2009 9999 หรือดูรายละเอียดที่ www.tfex.co.th

สารหนูและตะกั่ว … หายนะเงียบในลำน้ำกก

0

บทความ โดย  ภาสกร  เรืองยศไกร

กลางลำน้ำกกที่เคยใสเย็น ห้อมล้อมด้วยภูเขาและชุมชนชาวเหนือที่อิงอาศัยสายน้ำมาหลายชั่วอายุคน วันนี้กลับกลายเป็นแหล่งปนเปื้อนสารพิษที่เงียบงันที่สุดและอันตรายที่สุดที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ

ใครบางคนอาจยังคงพูดถึงปลาหมอคางดำที่ว่ายเวียนอยู่ในน้ำว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ น่าสงสัย หรือแม้แต่สร้างความตื่นตระหนกว่ามันทำลายสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในแม่น้ำกกแล้ว ปลาหมอคางดำเหล่านั้นดูจะเป็นเรื่องเล็กไปเลย เพราะมันไม่ได้เป็นพิษต่อร่างกาย ตรงกันข้ามยังนำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย แต่ที่แม่น้ำสายและแม่น้ำกกซึ่งไหลมาบรรจบกันก่อนจะไหลลงแม่น้ำโขง กำลังกลายเป็นแหล่งสะสมของ “สารหนู” และ “ตะกั่ว” อย่างต่อเนื่องและรุนแรง เรื่องนี้ต่างหากที่เป็นหายนะต่อสิ่งแวดล้อมและสรรพสิ่งอย่างแท้จริง

สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) เผยผลตรวจค่ามลพิษในแม่น้ำกก ณ บริเวณสบกก อำเภอเชียงแสน พบค่าของ “สารหนู” สูงถึง 0.036 มิลลิกรัมต่อลิตร เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ถึง 3.6 เท่า ขณะที่แม่น้ำสายก็ไม่ได้ปลอดภัย ตัวเลขสารหนูที่สูงถึง 0.49 มิลลิกรัมต่อลิตร เกินมาตรฐานเกือบ 50 เท่า นำไปสู่การห้ามใช้น้ำเพราะเปื้อนสารพิษ เมื่อ 4 เม.ย.68  บ่งชี้ชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก และไม่ใช่ปัญหาชั่วคราวที่ธรรมชาติจะฟื้นตัวเองได้

ยิ่งไปกว่านั้น ความเงียบของ “รัฐ” และ “การเจรจาข้ามพรมแดน” ที่ยังไม่ไปถึงไหน ทำให้ประชาชนต้องเผชิญหน้ากับสารพิษเหล่านี้โดยไร้เครื่องป้องกัน ความจริงคือ ต้นน้ำของแม่น้ำกกและแม่น้ำสายอยู่ในเขตเมียนมา ซึ่งมีการทำเหมืองแร่ทองคำแบบเปิดและแบบฉีดไซยาไนด์เพื่อสกัดทองคำ กิจกรรมเหล่านี้ทิ้งคราบสารหนู สารตะกั่ว และอาจรวมถึงสารไซยาไนด์ลงสู่แหล่งน้ำโดยตรง โดยปราศจากระบบบำบัดน้ำเสียใด ๆ ก่อนปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ

หลายหมู่บ้านริมน้ำเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง น้ำมีสีขุ่นผิดปกติ ปลาเริ่มหายไป เด็ก ๆ เริ่มมีผื่นตามตัว และแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป นี่ไม่ใช่แค่ “เรื่องของสิ่งแวดล้อม” หากแต่คือเรื่องของ “ความอยู่รอดของมนุษย์” และ “ความยุติธรรมข้ามพรมแดน”

แม่น้ำกกไม่ใช่แม่น้ำของประเทศไทยเพียงฝ่ายเดียว มันเป็นสายเลือดร่วมกันของประชาชนไทย-เมียนมา ที่ผูกพันกันมานานนับศตวรรษ แม้ต้นทางปัญหาจะอยู่เหนือพรมแดน แต่ผลกระทบกลับตกที่ปลายทาง นี่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ แต่เป็นเรื่องของ “มลพิษข้ามพรมแดน” ที่ต้องได้รับการจัดการอย่างเร่งด่วน การรอให้ระดับสารพิษสะสมมากกว่านี้ไม่ใช่ทางออก และคำว่า “อยู่ระหว่างการเจรจา” ที่เรามักได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่สามารถเป็นเกราะป้องกันให้คนท้องถิ่นดื่มน้ำได้อย่างปลอดภัยอีกต่อไป

รัฐบาลไทยควรจัดตั้งคณะทำงานพิเศษด้านความปลอดภัยทางสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ เพื่อเจรจา แก้ไข และเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น ในเวลาเดียวกันต้องเร่งวางมาตรการคุ้มครองประชาชนริมน้ำ ตั้งแต่การจัดหาน้ำสะอาด การตรวจสุขภาพ การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และการเผยแพร่ข้อมูลอย่างโปร่งใสและทันเวลา อย่าให้เสียงของผู้คนเงียบหายไป พร้อมกับชีวิตที่ค่อย ๆ ล้มตายเพราะสารพิษในสายน้ำเลย.

CMDF มอบทุน 22 โครงการในปี 2567 พร้อมเดินหน้าสนับสนุนตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง

0

กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เผยผลการดำเนินงานในปี 2567 มีโครงการที่มีศักยภาพในการพัฒนาตลาดทุนได้รับการสนับสนุนรวม 22 โครงการ พร้อมเดินหน้าแผนการดำเนินงานในปี 2568 มุ่งเน้นการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพบุคลากรในตลาดทุน และขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบายที่เอื้อต่อการพัฒนาตลาดทุนไทยอย่างยั่งยืน สอดคล้องตามเป้าหมายและกลยุทธ์ในการพัฒนาตลาดทุนไทยที่ CMDF ตั้งไว้

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ CMDF กล่าวว่า CMDF มุ่งสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาระบบนิเวศของตลาดทุนไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการเงินการลงทุน พัฒนาศักยภาพบุคลากรในตลาดทุน และมีบทบาทในการสนับสนุนการผลักดันกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจการเงินการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งยกระดับการทำวิจัยด้านตลาดทุนไทยเพื่อให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินการลงทุนในรูปแบบใหม่ ๆ มุ่งผลักดันให้ผลการวิจัยถูกนำไปใช้จริง โดยส่งต่อองค์ความรู้และข้อเสนอเชิงนโยบายให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ในการดำเนินงานหรือกำหนดแนวทางเชิงปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา CMDF ได้ให้ทุนสนับสนุนแก่ 22 โครงการ อาทิ การพัฒนาด้าน ESG การพัฒนาบุคลากรตลาดทุน และการส่งเสริมให้ประชาชนมี Investment literacy เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ นอกจากนี้ ยังได้ให้การสนับสนุนการศึกษาแนวทางการจัดทำนโยบายบัญชีการออมส่วนบุคคล (TISA) เพื่อวางรากฐานเชิงโครงสร้างด้านการออมที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว สะท้อนความมุ่งมั่นของ CMDF ในการเป็นกลไกขับเคลื่อนตลาดทุนไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยคณะกรรมการ CMDF เชื่อว่าการสนับสนุนทุนของ CMDF จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนไทยในหลากหลายมิติ เพื่อให้ตลาดทุนไทยเติบโตอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง

นายจักรชัย บุญยะวัตร ผู้จัดการ CMDF กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ปี 2563 – 2567 CMDF ได้อนุมัติโครงการรวม 153 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2,928 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีโครงการดำเนินการแล้วเสร็จ 83 โครงการ ซึ่งล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบนิเวศของตลาดทุนในด้านต่าง ๆ และสอดคล้องกับพันธกิจของ CMDF นอกจากการศึกษาแนวทางการจัดทำนโยบายบัญชีการออมส่วนบุคคล (TISA) แล้ว ในปี 2567 สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน (CMRI) ภายใต้ CMDF ยังได้สนับสนุนงานวิจัยอื่นที่หลากหลาย อาทิ แนวทางการบริหารเงินที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหลังเกษียณอายุ การศึกษาเพื่อป้องกันปัญหาการฉ้อโกงในตลาดทุนและแนวทางการปกป้องนักลงทุน แนวทางการพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิตของประเทศไทย เป็นต้น ในด้านการพัฒนานักวิจัย มีโครงการสนับสนุนนักวิจัยรุ่นใหม่ให้สนใจทำงานด้านตลาดทุนเพิ่มขึ้น (Researcher Pool) โดย CMDF ร่วมมือกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) สนับสนุนทุนวิจัยในรูปแบบ Matching Fund ให้แก่นักวิจัยรุ่นใหม่ด้านตลาดทุนที่เป็นบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาภายใต้สังกัดของกระทรวง อว.

ผลลัพธ์จากการดำเนินโครงการที่ผ่านมา CMDF ได้ส่งเสริมการพัฒนาองค์กรกว่า 3,500 องค์กร พัฒนาบุคลากรในตลาดทุนรวมกว่า 15,000 คน ส่งเสริมการศึกษาสำหรับบุคลากรในอุตสาหกรรมทั้งที่เป็น Global และ Local Certificate รวมกว่า 940 ราย เผยแพร่และสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนผ่านสื่อออนไลน์ มียอดเข้าถึงกว่า 80 ล้านครั้ง รวมถึงการเผยแพร่งานวิจัยผ่านเว็บไซต์ CMRI รวมกว่า 50 บทความ ยอดเข้าชมมากกว่า 17,300 ครั้ง เผยแพร่งานวิจัยผ่านหน่วยงานต่าง ๆ มากกว่า 600 เล่ม ให้แก่ 30 หน่วยงาน สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.cmdf.or.th/grant/result-announcement/

เมืองไทยสไมล์คลับ ส่งมอบประสบการณ์แห่งความสุขและรอยยิ้ม แลกสิทธิพิเศษ “ช้อป กิน ฟิน ลุ้น” ใช้คะแนนน้อย ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า   เมืองไทยประกันชีวิต โดย “เมืองไทยสไมล์คลับ” เดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้สมาชิกเมืองไทย สไมล์คลับพร้อม มอบประสบการณ์ ช้อป กิน ฟิน ลุ้น แก่สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ เพียงใช้คะแนนสะสมเริ่มต้นที่ 1 Smile Point แลกรับสิทธิพิเศษจากกิจกรรมไฮไลท์ที่คัดสรรมาแบบครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์เพื่อให้ตอบโจทย์สมาชิกฯ ที่แม้ว่าจะมีคะแนนสะสม Smile Point น้อย แต่สามารถเลือกรับความสุขจากร้านค้าพันธมิตรชั้นนำพร้อมลุ้นรับรางวัลใหญ่ที่มีมูลค่ารวมกว่า 220,000 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

·       ชื่นใจกับชาไทยแก้วโปรด Tuesday Smiley ชาตรามือ  

สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ใช้คะแนนสะสม 2 Smile Points แลกรับส่วนลด 20 บาท สำหรับซื้อเครื่องดื่ม   ทุกเมนูที่ร้านชาตรามือ สาขาที่ร่วมรายการกว่า 170 สาขา กดรับสิทธิ์เฉพาะวันอังคารและเก็บโค้ดไว้ใช้ได้ถึง 30 มิถุนายน 2568 จำกัด 2 สิทธิ์ /1 ท่าน / สัปดาห์ รวม 3,000 สิทธิ์ ตลอดโครงการ (สามารถใช้ได้  1 รหัสส่วนลดต่อ 1 ใบเสร็จเท่านั้น) รับสิทธิ์ทางแอปพลิเคชัน MTL Click แสดง QR Code (รหัสรับสิทธิ์) ณ ร้านค้า

ระยะเวลาการแลกสิทธิ์ : 1 เมษายน 2568 – 30 มิถุนายน 2568

·       อุ่นใจกับร้านยากรุงเทพทุกสาขา

สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับใช้คะแนนสะสม 1 Smile Point รับ E-Coupon 30 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 300 บาท / ใบเสร็จ ที่ ร้านยากรุงเทพ ทุกสาขา จำกัดจำนวนการแลก  5 สิทธิ์ / 1 ท่าน / วัน  E-Coupon สามารถสแกนใช้ได้ 1 ครั้งต่อ 1 ใบเสร็จเท่านั้น รับสิทธิ์ทางแอปพลิเคชัน MTL Click แสดง Barcode ณ จุดชำระเงินร้านยากรุงเทพ ภายใน 30 นาที

ระยะเวลาการแลกสิทธิ์ : 16 ธันวาคม 2567 – 31 ธันวาคม 2568

·       ลุ้นรางวัลใหญ่ เมืองไทยสไมล์มอบโชค 2568 ครั้งที่ 1

สมาชิกเมืองไทยสไมล์ใช้คะแนนสะสม 2 Smile Points แลกคูปองชิงโชค 1 ใบ และเมื่ออัปเดตข้อมูลของสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ รับคูปองชิงโชคเพิ่มอีก 2 ใบ ลุ้นรถจักรยานยนต์ Honda Giorno+ จำนวน 3 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 220,000 บาทตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2568 – 15 กรกฎาคม 2568 จับรางวัลวันที่ 20 สิงหาคม 2568 แลกคะแนนสะสม Smile Point ลุ้นรับรางวัลใหญ่ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน  MTL Click  หรือ โทร. 1766 กด 4   หรือ ศูนย์บริการลูกค้า เมืองไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ ทุกสาขา

ทั้งนี้ สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ สามารถติดตามกิจกรรมและสิทธิประโยชน์สุดพิเศษตลอดทั้งปีได้ที่ เว็บไซต์เมืองไทยประกันชีวิต www.muangthai.co.th  หรือดาวน์ โหลดแอปพลิเคชัน MTL Click ได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1766 ตลอด 24 ชั่วโมง

AIS ร่วมกับ ททท. ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนในโครงการ “สวัสดี หนีห่าว” สนับสนุน AIS LUCKY TOURIST SIM ให้สัมผัสเสน่ห์ไทย พร้อมสิทธิพิเศษจัดเต็ม

0

AIS เดินหน้าสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “สวัสดี หนีห่าว” ซึ่งจัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลอง ครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน โดยต้อนรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว สื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์จากประเทศจีนที่เดินทางมาเยือนไทยระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2568 เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ในโอกาสนี้ AIS ได้มอบ AIS LUCKY TOURIST SIM ซิมการ์ดแบบเติมเงินที่ออกแบบมาเพื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ อินเทอร์เน็ต 4G/5G ไม่อั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ร่วมโครงการสามารถสื่อสารเชื่อมต่อ แชร์ประสบการณ์ และเข้าถึงข้อมูลได้อย่างราบรื่นตลอดทริปบนเครือข่าย AIS 5G พร้อมรับสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง อีกทั้งยังได้เปิดประสบการณ์สัมผัส Soft Power ไทยอย่างใกล้ชิด ทั้งส่วนลดบัตรเข้าชมสนามมวยราชดำเนิน, ส่วนลดเข้าชมสวนสัตว์เปิดเขาเขียว, รับฟรีประกันภัยการเดินทาง, รับเครื่องดื่ม และใช้ห้องรับรองพิเศษฟรีกับเซ็นทรัล, ส่วนลดช้อปปิ้งกับ King Power

นางเบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าส่วนงานการตลาดกลุ่มลูกค้าพรีเพด AIS กล่าวว่า “AIS มุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายและบริการดิจิทัลที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลาย โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และผลักดัน Soft Power ของไทย เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนในครั้งนี้ และหวังว่าทุกท่านจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ของประเทศไทยอย่างเต็มที่ พร้อมรับสิทธิพิเศษที่จะเติมเต็มให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความประทับใจยิ่งขึ้น”

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ AIS LUCKY TOURIST SIM Website, AIS eSIM TOURIST Website และ AIS 5G Official Account on Weibo platform   

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือ บล.เกียรตินาคินภัทร และ Bank of America นำ บจ. โรดโชว์สิงคโปร์

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และ Bank of America จัดโรดโชว์ “SET Singapore Roadshow 2025” นำโดยอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พาบริษัทจดทะเบียน 7 แห่ง จากหลายหมวดธุรกิจร่วมให้ข้อมูลแผนการดำเนินงาน แสดงศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนไทย พร้อมด้วยภาครัฐ ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และพลช หุตะเจริญ ผู้อำนวยการกองพัฒนาตลาดตราสารหนี้ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ร่วมตอกย้ำนโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนไทย โดยได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันในสิงคโปร์เข้าร่วมงานกว่า 20 กองทุน เมื่อวันที่ 22-23 พฤษภาคม 2568

รู้เก็บรู้ออม : ย้าย LTF มา THAI ESGX ดีมั้ย!

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

นักลงทุนที่กำลังวางแผนภาษี คงได้ตัดสินใจลงทุนซื้อกอง THAI ESGX กันแล้ว หลังเริ่มเปิดขายตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.68 ที่ผ่านมา ส่วนคนที่ยังไม่ตัดสินใจ ต้องไม่ลืมว่า มีเวลาซื้อกองทุนนี้จนถึง 30 มิ.ย.68 เป็นวันสุดท้าย

สำหรับนักลงทุนที่ถือกอง LTF อยู่ มีเวลาตัดสินใจที่จะย้ายหรือสับเปลี่ยนเป็น THAI ESGX ได้จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ เช่นเดียวกัน โดยเปิดให้แจ้งความต้องการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้แล้วตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน โดยเปิดให้บริการตรวจสอบข้อมูลการถือหน่วยลงทุน LTF ทั้งหมดของตัวเอง และทุก บลจ. ผ่านเว็บ www.set.or.th/ltf ส่วนการให้ความรู้ความเข้าใจ เพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ เว็บไซต์ SET investnow คลังความรู้ด้านการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้นำเสนอบทความที่ช่วยอธิบายและตอบข้อสงสัยของนักลงทุนได้ว่า ควรสับเปลี่ยนจาก LTF มา THAI ESGX ดีมั้ย, เงื่อนไขและสิทธิประโยชน์มีอะไรบ้าง และใครที่ควรสับเปลี่ยนกองทุนดังกล่าว

หากเราเป็นคนที่มีฐานรายได้และภาษีสูง เช่น มีเงินเดือน 130,000-460,000 บาทขึ้นไป หรือต้องจ่ายภาษีเงินได้อัตราระหว่าง 25-35% การสับเปลี่ยนจาก LTF มา THAI ESGX เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะช่วยทำให้เราได้คืนภาษีถึงปีละ 5-7% ยิ่งฐานรายได้สูงก็ยิ่งควรโอนย้าย เพราะคุ้มกับการถือกองทุนต่อไปอีก 5 ปี โดยที่ไม่ต้องควักเงินลงทุนใหม่

ส่วนคนที่มีเงินลงทุนอยู่ใน LTF มากกว่า 500,000 บาท เช่น 1 ล้านบาท ซึ่งเกินเพดานใช้สิทธิลดหย่อน แต่ส่วนที่ใช้สิทธิได้ (500,000 บาทแรก) ก็ยังทำให้ได้รับเงินคืนภาษีเฉลี่ยปีละ 2.5-3.5% ของมูลค่า LTF ทั้งก้อน ก็ถือว่าคุ้มอยู่ดี ที่จะสับเปลี่ยนมาถือ THAI ESGX แทน

เรื่องของอายุก็มีความสำคัญ คนที่อายุน้อยกว่า 50 ปี หรือเพิ่งเริ่มต้นการทำงาน เช่น อายุ 30 ปี การถือ THAI ESGX เป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า เพราะระยะเวลาถือครองสั้นแค่ 5 ปี ขณะที่หากลงทุนใน RMF ต้องรอถือยาวและลงทุนต่อเนื่องจนถึงอายุ 55 ปี

หากตัดสินใจว่าจะย้าย ก็ต้องศึกษาและเข้าใจเงื่อนไขให้ดีก่อน คือ 1.ต้องสับเปลี่ยน LTF ทุกกองทุน ทุก บลจ.ที่ถืออยู่ ไปยัง THAI ESGX ถ้าสับเปลี่ยนไม่ครบ ก็จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ภาษี โดยต้องทำในช่วงวันที่ 13 พ.ค.-30 มิ.ย.68 เท่านั้น 2.ต้องไม่มีการขายคืนหรือสับเปลี่ยน LTF หลังวันที่ 11 มี.ค.68 ทั้งใน บลจ.เดียวกันหรือข้าม บลจ. ไม่งั้นจะหมดสิทธิ์ได้สิทธิประโยชน์ภาษี 3.ต้องถือครอง THAI ESGX ที่สับเปลี่ยนมาไม่น้อยกว่า 5 ปี (นับแบบวันชนวัน) หากขายก่อนกำหนด ต้องคืนสิทธิภาษีที่ได้ไป

สำหรับสิทธิประโยชน์ภาษีที่ได้ คือ วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 แสนบาท แบ่งเป็นปีแรก ปี 68 ได้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 3 แสนบาท และปี 69–72 ได้ลดหย่อนปีละ 5 หมื่นบาท รวม 2 แสนบาท ค่อยๆเปรียบเทียบข้อมูลและตัดสินใจให้รอบคอบ แต่อย่าลืมว่า มีเวลาตัดสินใจจนถึง 30 มิ.ย.นี้ เท่านั้นค่ะ.

คุณนายพารวย

“ก้านธูปในพระสมเด็จวัดระฆัง ”

0

ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบ บางกรวย

อาทิตย์ที่ผ่านมาเปลี่ยนพระกริ่งใหญ่กับพระอาจารย์ เป็นองค์เดิมที่ได้จับครั้งแรกแล้วไปขายให้พระอาจารย์ หลายปีก่อน ตอนยังดูไม่เป็นหนุ่มน้อยอยู่ ได้องค์ใหม่สวยกว่าองค์เก่า ไปอวด พระอาจารย์ชอบ เลยขอแลกแถมพระกริ่งธรรมโกษาจารย์ สังฆราชแพ วัดสุทัศน์ ให้เซียนเจี๊ยบ1องค์ จบแบบฉ่ำๆ ก่อนกลับหยิยพระสมเด็จวัดระฆังโชว์ พระอาจารย์ถามองค์นี้ขายมั้ย ยังไม่ขายครับพระอาจารย์

มาดูพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์ที่พระอาจารย์อยากได้องค์นี้ สวยเต็มฟอร์ม มีรักทองติดอยู่หลายชิ้น เก่าเป็นธรรมชาติ ของรักร้อยปี เนื้อขาวอมเหลือง ส่วนที่รักร่อนหลุดเปิดผิวพระเห็นมวลสาร ก้อนดำเม็ดแดง เม็ดขาวหรือที่เรียกเม็ดพระธาตุ เนื้อจัดเห็นริ้วระแหงแตกลายงาบางๆ หลังแตกรายงาเซียนไม่ซื้อ แต่แบบนี้ของชอบพระอาจารย์ เพราะพระทารักมาทั้งองค์ด้วยเหตุนี้จึงเกิด ริ้วระแหงแตกรายงา รักร่อนออกหมดเหลือไว้ในหลุมบ่อและรอยลานของเนื้อพระ เป็นจุดจ่ายตังรับประกันความแท้ มีเศษก้านธูป อยู่หนึ่งชิ้นแบบนี้แท้เลยพระอาจารย์สอนมาจำไว้นะ แต่ไม้ต้องเก่าผุเป็นธรรมชาตินะเธอ ข้างตอกตัดแท้สไตส์เซียนเจี๊ยบบางกรวย ข้างต้องตอกตัดเท่านั้น


ก้านธูปถ้าเจอในพระสมเด็จ แท้เลยนะเธอ พระอาจารย์บอกมาเซียนเจี๊ยบบอกต่อจร้าาาาาา