พระราชวัชรบัณฑิต (ประนอม ธมฺมาลงฺกาโร) เจ้าอาวาสวัดจากแดง
กูรูกู้ใจ บอกว่า พูดเล่นเพื่อสนุกสนาน แต่ถ้าคำพูดนั้นทำร้ายจิตใจผู้อื่น ถือว่าบูลลี่แล้ว เป็นวจีทุจริต
“รู้ทันปากท้อง” กับตลาดหลักทรัพย์ : แยกแยะ พูดเล่น vs บูลลี่ ต่างกันอย่างไร
“สาระ ล่ำซำ” รับรางวัลเกียรติยศ สุดยอดผู้นำองค์กร “TOP CEO 2022” 2 ปีซ้อน
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รับรางวัลเกียรติยศ “TOP CEO 2022” สุดยอดผู้นำองค์กร ประจำปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประธานในพิธีมอบรางวัล 2022 Asia CEO Summit & Awards Ceremony Thailand งานมอบรางวัลสุดยอดผู้บริหารและแบรนด์ชั้นนำในเอเชีย ซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัท อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและสำรวจข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคในเอเชียมากว่า 20 ปี และบริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จํากัด ประเทศไทย ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ด้านการสื่อสารองค์กรในประเทศไทย ซึ่งร่วมกันคัดเลือกผู้นำองค์กรและผู้นำธุรกิจที่โดดเด่น ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาเพื่อรับรางวัลในครั้งนี้
การมอบรางวัลเกียรติยศ “TOP CEO 2022” สุดยอดผู้นำองค์กร ในครั้งนี้ เป็นการมอบให้แก่ผู้บริหารองค์กรธุรกิจประกันชีวิตที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านบริหารงาน การพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง มีวิสัยทัศน์กว้างขวาง รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพบุคคลากร เพื่อสร้างความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมี มีสเตอร์ จอร์จ รดิกัส กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ ประเทศสิงคโปร์ และนางวรรณี ลีลาเวชบุตร ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จํากัด ประเทศไทย และผู้บริหารบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมแสดงความยินดี ณ โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ
ซีพี – ซีพีเอฟ จัดหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับ จากแหล่งปลูกที่ไม่รุกป่า และไม่เผา 100%
กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (Feed Ingredients Trading Business Group : FIT) เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ นำเทคโนโลยีระบบตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (corn traceability) สอดคล้องกับมาตรฐานสากลมาใช้ สร้างหลักประกันการจัดหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปราศจากการบุกรุกป่าและไม่เผา ซึ่งดำเนินการอย่างเป็นระบบและประสบความสำเร็จอย่างดีในประเทศไทย และยังได้ส่งเสริมประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีการเพาะปลูกข้าวโพดจำนวนมาก นำระบบดังกล่าวไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เมียนมา สปป.ลาว และเวียดนาม
นายไพศาล เครือวงศ์วานิช ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ในฐานะเป็นผู้จัดหาสินค้าเกษตรที่เป็นวัตถุดิบหลักทางการเกษตรของเครือซีพี กล่าวว่า ซีพีและซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการสร้างห่วงโซ่การผลิตอาหารที่ยั่งยืน และสนับสนุนการแก้ปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน โดยมุ่งมั่นจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งปลูกที่ปราศจากการบุกรุกพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทาง “ไม่เขา ไม่เผา เราซื้อ” ตลอดจนได้พัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์(Corn Traceability) ซึ่งนำมาใช้ในกิจการประเทศไทยตั้งแต่ปี 2560 และสามารถตรวจสอบถึงแหล่งปลูกที่มีเอกสารสิทธิ์ได้ 100%

กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ร่วมกับ ซีพี เมียนมา ซึ่งเป็นบริษัทในเครือซีพี ได้นำระบบตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไปใช้ในการรับซื้อผลผลิตข้าวโพดในเขตประเทศเมียนมาตั้งแต่ ปี 2563 เป็นต้นมา ปัจจุบัน ข้าวโพดที่บริษัทจัดหาในเมียนมาทั้งหมด ได้รับการตรวจสอบย้อนกลับว่าได้มาจากพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง โดยเกษตรกรร่วมลงทะเบียนเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้อง พร้อมพิกัดดาวเทียมจีพีเอสของพื้นที่มาใช้เพื่อยืนยันว่าเป็นข้าวโพดที่มาแหล่งที่มาไม่บุกรุกพื้นที่ป่าได้ 100%
“ความมุ่งมั่นในการจัดหาวัตถุดิบหลักทางการเกษตรด้วยความรับผิดชอบ ตามนโยบายการจัดหายั่งยืนของซีพีเอฟ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคตลอดห่วงโซ่อุปทานอาหาร และยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรเพาะปลูกบนพื้นที่ปลูกถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งส่งเสริมคู่ค้าธุรกิจ มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และดูแลผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ และร่วมจัดการปัญหาหมอกควันอย่างยั่งยืน” นายไพศาลกล่าว
สำหรับการจัดหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้กับโรงงานอาหารสัตว์ในประเทศไทย เกษตรกรสามารถลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชั่น ฟ ฟาร์ม (For Farm) พร้อมยังยกระดับความเชื่อมั่นในระบบตรวจสอบย้อนกลับ โดยนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Traceability) ที่เพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในระบบตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในกิจการประเทศไทยที่เชื่อมโยงตั้งแต่แปลงเพาะปลูกถึงโรงงานอาหารสัตว์ เป็นหลักการที่บริษัทปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด ตลอดจนสอดคลัองกับนโยบายการค้าโลกในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังพัฒนาศักยภาพเกษตรกรผู้ปลูก เพื่อสร้างห่วงโซ่การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมถึงแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ยั่งยืน โดยริเริ่มจัดทำโครงการ “เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน” ตั้งแต่ปี 2559 เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เกษตรกรที่เพาะปลูกในพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องในประเทศไทย เพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีแนวปฏิบัติในการเพาะปลูกที่ปลอดการเผา และตั้งจุดรับซื้อพิเศษที่ใกล้กับพื้นที่ปลูกของเกษตรกร เพื่อลดจำนวนเที่ยวรถขนส่งข้าวโพดไปโรงงาน และฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นจากการขนส่งผลผลิต พร้อมทั้งลงพื้นที่ถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกร
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้นำระบบถ่ายภาพทางดาวเทียมช่วยวิเคราะห์จุดที่ยังมีการเผาหลังเก็บเกี่ยวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ลงไปแนะนำเกษตรกรลด ละ เลิกการเผาตอซัง เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองจากการเพาะปลูกที่ยั่งยืน พร้อมยังอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรเข้าถึงความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ และแอปพลิเคชั่น ฟ.ฟาร์ม สอดคล้องตามที่บริษัทฯ ได้ประกาศนโยบายการจัดหาอย่างยั่งยืน และความมุ่งมั่นต่อต้านการตัดไม้ทำลาย และปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อสร้างห่วงโซ่ผลิตอาหารที่ยั่งยืน และยกระดับความเชื่อมั่นของคู่ค้าและผู้บริโภคทั่วโลก
เมืองไทยประกันชีวิต จัดแข่งสนามแรก “เมืองไทยไตรกีฬา @สามร้อยยอด 2023” ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงดำเนินโยบายในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้ม พร้อมสนับสนุนการสร้างสุขภาพดีแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายและประชาชนทุกคน ล่าสุดจัดงาน “เมืองไทยไตรกีฬา @สามร้อยยอด 2023” (MUANGTHAI TRIATHLON @SAM ROI YOD 2023) ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 11-12 มีนาคม 2566 ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้คนไทยและชาวต่างชาติออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่ดี รวมถึงเป็นการสร้างและพัฒนาภาคีเครือข่ายการออกกำลังกายด้วยการเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ และเป็นการยกระดับการจัดการแข่งขันวิ่งประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ ยังเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาลหลังวิกฤตโควิด-19 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวโดยใช้กิจกรรมไตรกีฬาเป็นสื่อกลาง
ทั้งนี้ มีนักกีฬาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้ความสนใจเข้าร่วมการแข่งขัน “เมืองไทยไตรกีฬา @สามร้อยยอด 2023” จำนวนทั้งสิ้น 767 คน ซึ่งความโดดเด่นและพิเศษของการจัดการแข่งขันในครั้งนี้คือ มีผู้แข่งขันประเภทเยาวชน (Tri Kids) เข้าร่วมแข่งขันด้วย ซึ่งถือว่าเป็นสนามเดียวและสนามแรกของประเทศไทย โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นผู้เข้าแข่งขันผู้ใหญ่อายุ 15 ปี ขึ้นไป และเยาวชนช่วงอายุ 6-15 ปี จากหลายประเทศ ทั่วโลก อาทิ ฝรั่งเศส อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี อินเดีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย เป็นต้น โดยประเภท การแข่งขันมีทั้งหมด 5 ประเภท สำหรับผู้ใหญ่ 4 ประเภท และสำหรับเยาวชน 1 ประเภท แยกตามประเภทอายุ และระยะทาง ดังนี้
- ประเภท Standard ว่ายน้ำระยะ 1,500 เมตร/ปั่นจักรยานระยะ 40 กิโลเมตร/ วิ่งระยะ 10 กิโลเมตร
- ประเภท Sprint ว่ายน้ำระยะ 750 เมตร/ ปั่นจักรยานระยะ 20 กิโลเมตร/ วิ่งระยะ 5 กิโลเมตร
- ประเภท Duathlon (ทวิกีฬา) วิ่งระยะ 5 กิโลเมตร/ ปั่นจักรยานระยะ 20 กิโลเมตร/ วิ่งระยะ 5 กิโลเมตร
- ประเภท Team Relay ว่ายน้ำระยะ 750 เมตร/ ปั่นจักรยานระยะ 20 กิโลเมตร/ วิ่งระยะ 5 กิโลเมตร
- สำหรับเยาวชน ไตรกีฬาเยาวชน (Tri Kids)
- 6-8 ปี ว่ายน้ำระยะ 50 เมตร/ ปั่นจักรยานระยะ 2กิโลเมตร/ วิ่งระยะ 1 กิโลเมตร
- 9-10 ปี ว่ายน้ำระยะ 150 เมตร/ ปั่นจักรยานระยะ 4 กิโลเมตร/ วิ่งระยะ 2 กิโลเมตร
- 11-12 ปี ว่ายน้ำระยะ 150 เมตร/ ปั่นจักรยานระยะ 6 กิโลเมตร/ วิ่งระยะ 3 กิโลเมตร
- 13-15 ปี ว่ายน้ำระยะ 300 เมตร/ ปั่นจักรยานระยะ 8 กิโลเมตร/ วิ่งระยะ 4 กิโลเมตร

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้เข้าร่วมการแข่งขน โดยมอบสิทธิพิเศษด้วย ประกันอุบัติเหตุกลุ่มระยะสั้น พลัส “ฟรี” ทุนประกัน 100,000 บาท/คน (เงื่อนไขการได้รับสิทธิ์เป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตกำหนด) ค่าชดเชยการรักษาพยาบาลสูงสุดต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้งสูงสุด 10,000 บาท โดยความคุ้มครองจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่จัดงานเมืองไทยไตรกีฬา @สามร้อยยอด 2023 ในระหว่างวันที่ 11-12 มีนาคม 2566
สำหรับแผนงานและเป้าหมายของการจัดการแข่งขันเมืองไทยไตรกีฬาช่วงที่เหลือของปี 2566 อีก 2 สนามจะประกอบด้วย สนาม 2 พื้นที่ห้วยไม้เต็ง จังหวัดราชบุรี และสนาม 3 พื้นที่แหลมเสด็จ จังหวัดจันทบุรี เพื่อเป็นการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ตอบโจทย์คนรักสุขภาพที่ต้องการออกกำลังกาย ภายใต้ กลยุทธ์ “Happiness Reinvented : เพราะความสุขคือทุกอย่าง… ร่วมสร้างความสุขสไตล์คุณไปกับเมืองไทยประกันชีวิต” เน้นเดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นในการสร้างความสุขให้แก่ทุกๆ คน ทั้งลูกค้า พนักงาน พาร์ทเนอร์ และสังคมโดยรวมผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ความคุ้มครองสุขภาพ กิจกรรมและการบริการเพื่อส่งมอบความสุขแบบครบวงจรอย่างแท้จริง
เงื่อนไขการได้รับสิทธิ์ความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุกลุ่มระยะสั้น พลัส:
- ผู้มีชื่อเป็นผู้สมัครและได้เข้าร่วมงาน เมืองไทยไตรกีฬา @สามร้อยยอด 2023
- ผู้ขอเอาประกันภัยจะต้องมีอายุระหว่าง 6 – 75 ปี และจะต้องสามารถปฏิบัติงานตามหน้าที่เต็มเวลาอย่างสม่ำเสมอ อย่างแท้จริง และไม่อยู่ระหว่างการพักรักษาตัว เนื่องจากเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ และจะต้องมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ณ วันที่กรมธรรมม์มีผลบังคับ
นักกำหนดอาหารวิชาชีพยัน “ไข่ไก่” กินได้ทุกวัน
นักกำหนดอาหารวิชาชีพ ยืนยันผู้ที่มีสุขภาพดีไม่มีโรคประจำตัวสามารถรับประทาน “ไข่ไก่” ได้วันละ 1 ฟอง การรับประทานไข่ไก่ทั้งฟองจะได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้งโปรตีนและไขมัน ชี้ผู้ป่วยโรคมะเร็งยังต้องการอาหารโปรตีนสูง สามารถกินไข่ไก่ได้ตามปกติอย่างปลอดภัย
นางสาวภัคธีมา ภู่ทอง นักกำหนดอาหารวิชาชีพ รพ.จุฬาภรณ์ เปิดเผยว่า “ไข่ไก่” เป็นอาหารโปรตีนคุณภาพดีและเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีที่สุด โดยไข่ไก่ 1 ฟอง มีโปรตีนสูงถึง 7 กรัม ซึ่งโปรตีนมีหน้าที่หลักช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เพิ่มภูมิคุ้มกัน เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและร่างกาย เป็นองค์ประกอบของเซลล์ เช่น เอนไซม์ ฮอร์โมนต่างๆ ที่สำคัญ มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนถึง 9 ชนิด รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี12 วิตามินบี2 ธาตุเหล็ก และโฟรเลต ซึ่งวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันดี ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาหาร ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

“สำหรับผู้บริโภคที่กังวลเรื่องคอเลสเตอรอลในไข่แดง และเลือกรับประทานเพียงไข่ขาว ยืนยันว่า การรับประทานไขมันที่อยู่ในไข่แดงไม่ได้ทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น สำหรับผู้ที่มีสุขภาพดีสามารถรับประทานไข่ไก่ได้ทั้งฟองโดยไม่จำเป็นต้องแยกไข่แดงหรือไข่ขาว เพราะประโยชน์และคุณค่าสารอาหารแตกต่างกัน ในไข่แดงมีกรดไขมันโอเมก้า 3 รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่ในไข่ขาวไม่มี ขณะที่ไข่ขาวจะมีโปรตีนอัลบูมิน เป็นแหล่งของโปรตีนที่จำเป็นที่ร่างกายต้องการ ดังนั้นการรับประทานรวมกันทั้งฟองจะได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้งโปรตีนและไขมัน” นางสาวภัคธีมา กล่าว
ในปี 2558 กระทรวงสาธารณสุข สหรัฐอเมริกา เปลี่ยนคำแนะนำการบริโภคอาหาร โดยยกเลิกข้อจำกัดของการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอล จากเดิมที่จำกัดไว้ไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน เนื่องจากมีหลักฐานไม่ชัดเจนและไม่เพียงพอ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลกับระดับของคอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งอาจมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ก็ได้ เพราะร่างกายมีการสร้างคอเลสเตอรรอลได้เอง หากรับประทานคอเลสเตอรอลเข้าไปมาก ร่างกายจะมีการปรับสมดุล ลดการสร้างคอเลสเตอรอลและลดการดูดซึมลง ดังนั้นผู้บริโภคไม่ต้องกังวล โดยเฉพาะคนที่ไม่มีโรคประจำตัวสามารถรับประทานไข่แดงได้ตามปกติ” นางสาวภัคธีมา กล่าว
ที่สำคัญคือการปรุงประกอบที่เหมาะสม แนะนำว่าควรใช้วิธีการต้มหรือการตุ๋น เนื่องด้วยในไข่ไก่ 1 ฟอง มีปริมาณคอเลสเตอรอลอยู่ 180 มิลลิกรัม หากนำไปปรุงประกอบด้วยวิธีการทอด การผัด ที่ใช้น้ำมันโดยเฉพาะน้ำมันในกลุ่มปาล์ม ซึ่งมีกรดไขมันอิ่มตัวค่อนข้างสูง จะส่งผลให้ไขมันไม่ดีในเลือดเพิ่มสูงขึ้นด้วย ผู้บริโภคควรเลี่ยงการใช้น้ำมันในการทำเมนูต่างๆ

สำหรับปริมาณแนะนำในการบริโภคไข่ไก่อย่างเหมาะสมตามช่วงวัย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุไว้ คือ วัยทารกที่อายุ 6 เดือนขึ้นไป สามารถรับประทานไข่แดงต้มสุกครึ่งฟอง -1 ฟอง บดผสมกับข้าว ทารกวัย 6 เดือน – 1 ปี ไข่ต้มสุกครึ่งฟอง -1 ฟอง ในวัยก่อนเรียน วัยเรียน วัยทำงาน รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และผู้สูงอายุที่ไม่มีโรคประจำตัว สามารถรับประทานได้เฉลี่ยวันละ 1 ฟอง ส่วนกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ให้จำกัดการบริโภคไม่เกิน 3 ฟองต่อสัปดาห์ สำหรับผู้ป่วยโรคอื่นๆ ยังสามารถรับประทานได้เฉลี่ยวันละ 1 ฟอง หรือตามคำแนะนำของแพทย์
“ขอย้ำถึงเรื่องเนื้อไก่และไข่ไก่ ที่อาจมีความเข้าใจผิดว่ามีความเสี่ยงในการกระตุ้นเซลล์มะเร็งนั้น “ไม่เป็นความจริง” กลุ่มคนที่เป็นผู้ป่วยมะเร็งไม่ได้มีข้อจำกัดในการกินเนื้อไก่ ไข่ไก่ หรือโปรตีนจากแหล่งอื่นๆ เนื่องจากไม่มีผลต่อการกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเพิ่มมากขึ้น แม้จะไม่ได้รับประทานโปรตีนจากเนื้อไก่หรือไข่ไก่ เซลล์มะเร็งก็เพิ่มขึ้นได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ที่สำคัญผู้ป่วยมะเร็งยังคงต้องการโปรตีนสูง จึงจำเป็นต้องรับประทานเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ หรือโปรตีนจากแหล่งอื่นๆ ตามคำแนะนำของแพทย์” นางสาวภัคธีมา กล่าว
นางสาวภัคธีมา ย้ำเรื่องการเลือกซื้อไข่ไก่ที่มีคุณภาพ ให้สังเกตที่ความสด สะอาด ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ได้คุณภาพแข็งแรง แนะนำให้เลือกซื้อจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ มีสัญลักษณ์รับรองมาตรฐานความปลอดภัย มีฉลากแสดงวันเดือนปีที่ผลิตและวันที่ควรบริโภคก่อนที่ชัดเจน รวมไปถึงมีฉลากโภชนาการ สำหรับผู้บริโภคที่เลือกซื้อในตลาดสดให้สังเกตเปลือกไข่ที่ผิวสะอาด หากเป็นไข่สดใหม่เปลือกไข่จะยังมี นวลไข่ และต้องไม่ยุบ บุบ แตก ช่วยให้มั่นใจว่าเป็นไข่ไก่ที่มีคุณภาพดีเหมาะสำหรับการบริโภค
AIS พร้อมวางจำหน่าย iPhone 14 และ 14 Plus สีเหลืองใหม่ แล้ววันนี้ 14 มี.ค.
AIS พร้อมวางจำหน่าย iPhone 14 และ iPhone 14 Plus สีเหลืองใหม่ มอบตัวเลือกสีสันเพิ่มเติมแก่กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 14 โดย iPhone 14 และ iPhone 14 Plus ออกแบบมาอย่างสวยงามและทนทานยาวนาน มีตัวเครื่องด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ดีไซน์ด้านในที่อัปเดตใหม่เพื่อประสิทธิภาพที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นและซ่อมแซมได้ง่ายกว่าเดิม มีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่น่าทึ่ง ซึ่ง iPhone 14 Plus ให้แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone[1] นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมระบบกล้องคู่เพื่อรูปถ่ายและวิดีโออันน่าทึ่ง ชิป A15 Bionic ที่ทรงพลัง GPU แบบ 5-core 5G ที่เร็วสุดขีด และความสามารถด้านความปลอดภัยที่เหนือชั้นซึ่งรวมถึงคุณสมบัติการตรวจจับการชนกัน iPhone 14 และ iPhone 14 Plus สีเหลืองใหม่จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันอังคารที่ 14 มีนาคม
นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ส่งมอบ iPhone 14 และ iPhone 14 Plus สีเหลืองใหม่ที่มีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่น่าทึ่ง และความสามารถด้านความปลอดภัยที่สำคัญบนเครือข่าย 5G ที่เร็วสุดขีดของ AIS มอบความคุ้มค่าแก่ลูกค้าของเรา”
iPhone 14 ขนาด 6.1 นิ้ว และ iPhone 14 Plus ขนาด 6.7 นิ้ว[2] มาพร้อมดีไซน์แบบอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศซึ่งทนทั้งน้ำและฝุ่น[3] และมีตัวเครื่องด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ที่มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่ากระจกไหนๆ บนสมาร์ทโฟน ช่วยปกป้อง iPhone จากการทำน้ำหกใส่และอุบัติเหตุทั่วไป ชิป A15 Bionic พร้อมด้วย GPU แบบ 5-core มอบพลังและประสิทธิภาพระดับโปรให้กับ iPhone 14 มอบความเร็วที่เหนือกว่าสำหรับเวิร์กโหลดที่ต้องประมวลผลหนักๆ และยังให้กราฟิกที่ลื่นไหลยิ่งขึ้นทั้งสำหรับแอปวิดีโอและการเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูง โดยให้แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone1 iPhone 14 และ iPhone 14 Plus มาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อภาพถ่ายและวิดีโอที่สวยสะดุดตา และมีกล้องอัลตร้าไวด์ที่ถ่ายภาพได้ในมุมมองเฉพาะตัว คุณสมบัติวิดีโออย่างโหมดแอ็คชั่นและโหมดภาพยนตร์ ทั้งสองรุ่นมีให้เลือก 6 สีสวย ได้แก่สีมิดไนท์, สีฟ้า, สีสตาร์ไลท์, สีม่วง, (PRODUCT)RED[4], และสีเหลือง มีจอภาพ Super Retina XDR ที่สวยสะกดตาพร้อมเทคโนโลยี OLED เคียงคู่ไปกับการรองรับ Dolby Vision
iPhone 14 และ iPhone 14 Plus มีความสามารถด้านความปลอดภัยที่สำคัญซึ่งให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ในเวลาที่สำคัญที่สุด คุณสมบัติการตรวจจับการชนกันสามารถตรวจจับเหตุรถชนรุนแรงและโทรติดต่อบริการฉุกเฉินได้โดยอัตโนมัติหากผู้ใช้หมดสติหรือไม่สามารถหยิบ iPhone ได้ เมื่อจับคู่กับ Apple Watch คุณสมบัติการตรวจจับการชนกันก็สามารถเลือกใช้ประโยชน์จากจุดเด่นเฉพาะตัวของอุปกรณ์ทั้งสองได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที[5]
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาได้ที่ https://www.ais.th/iphone/
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Apple ได้ที่ www.apple.com/th
“สาระ ล่ำซำ” คว้ารางวัลสุดยอดผู้นำองค์กร “Best Life Insurance CEO – Mr. Sara Lamsam”
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รับรางวัล “Best Life Insurance CEO – Mr. Sara Lamsam” ประเภท WINNERS OF LEADERSHIP AWARDS 2022 จากงานประกาศรางวัล 10th International Finance Awards 2022 โดยนิตยสาร International Finance นิตยสารด้านธุรกิจและการเงินชั้นนำระดับโลกจากประเทศอังกฤษ

รางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลที่มอบให้แก่สุดยอดผู้นำองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ มีกลยุทธ์ทางธุรกิจ มีการบริหารงานที่เป็นเลิศและโดดเด่นที่สุด ซึ่งนายสาระ ล่ำซำ เป็นผู้นำองค์กรเพียง ท่านเดียวในธุรกิจประกันชีวิตที่ได้รับรางวัลดังกล่าว งานจัดขึ้น ณ โรงแรม Waldorf Astoria กรุงเทพ
ซีพีเอฟ เดินหน้า “โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกร” หนุนใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ต่อยอดความสำเร็จ 20 ปี โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกรจากฟาร์มสุกร สู่ธุรกิจไก่ไข่ เดินหน้าบริหารจัดการน้ำยั่งยืน ส่งต่อน้ำปุ๋ยจากระบบไบโอแก๊สในฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ บำรุงต้นพืชแก่เกษตรกรรอบข้าง ปี 2565 ปันน้ำปุ๋ย 111,000 ลูกบาศก์เมตร บนพื้นที่เพาะปลูกกว่า 115 ไร่ ช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งและสร้างความมั่นคงทางแหล่งน้ำให้กับชุมชน
นายสมคิด วรรณลุกขี ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจไก่ไข่ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน เป็นสิ่งที่ซีพีเอฟให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ที่ผ่านมาทุกธุรกิจของบริษัทต่างมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดห่วงโซ่การผลิต ลดของเสียในกระบวนการผลิต รวมถึงการเปลี่ยนของเสียให้กลับมาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยเฉพาะความสำเร็จจากธุรกิจสุกรที่ดำเนินโครงการปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกรรอบข้าง มานานกว่า 20 ปี ต่อยอดสู่ธุรกิจไก่ไข่ ด้วย “โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกร” โดยนำน้ำที่ผ่านการบำบัดระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลไก่ หรือไบโอแก๊ส (Biogas) เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงกับสถานประกอบการนำไปใช้ประโยชน์สำหรับการเพาะปลูก ในปี 2565 ที่ผ่านมาฟาร์มสันกำแพง จ.เชียงใหม่ และฟาร์มหนองข้อง ฟาร์มจะนะ จ.สงขลา ดำเนินโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง ด้วยการปันน้ำปุ๋ยรวมกว่า 111,000 ลูกบาศก์เมตร ให้กับเกษตรกรใช้ในการเพาะปลูกหญ้าเนเปีย ข้าวโพด ฟักทอง และสวนปาล์ม รวมพื้นที่กว่า 115 ไร่ ช่วยให้ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น ลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี โดยในปี 2566 ดำเนินโครงการฯ เพิ่มเติมที่ฟาร์มจักราช และฟาร์มอุดรธานี ขยายพื้นที่ปันน้ำปุ๋ยอีก 60 ไร่ สำหรับเกษตรกรผู้เพาะปลูกอ้อยและมันสำปะหลัง
“ซีพีเอฟ มุ่งเน้นการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพตลอดกระบวนการผลิต ขณะเดียวกันยังใช้ระบบไบโอแก๊สในการ บำบัดของเสียเปลี่ยนมูลไก่เป็นไบโอแก๊ส เพื่อผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าใช้ภายในฟาร์มไก่ไข่ โดยในกระบวนการจะได้กากตะกอน รวมถึงน้ำหลังการบำบัดซึ่งปกติไม่ปล่อยออกสู่ภายนอก หรือ Zero Discharge จะใช้หมุนเวียนในการผสมกับมูลไก่ในระบบไบโอแก๊สอีกครั้ง จึงไม่ต้องใช้น้ำดิบจากธรรมชาติ และนำน้ำปุ๋ยที่มีแร่ธาตุเหมาะสมรดน้ำต้นไม้ในฟาร์ม ที่ผ่านมามีเกษตรกรทำหนังสือขอรับน้ำเพื่อนำไปใช้ในการเพาะปลูก ช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งและสร้างความมั่นคงทางแหล่งน้ำให้กับชุมชน และมีเกษตรกรขอรับกากตะกอนไปใช้ในการปรับสภาพดินก่อนการปลูกพืช พบว่าเกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากขึ้น และช่วยลดค่าปุ๋ยเคมีได้เป็นอย่างดี” นายสมคิด กล่าว

ด้าน นายจักกฤษนณ์ โสพิกุล เกษตรกร ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ที่ขอรับน้ำปุ๋ยจากฟาร์มหนองข้อง ไปใช้รดต้นปาล์มบนพื้นที่ 3 ไร่ มาตั้งแต่ปี 2565 กล่าวว่า โครงการนี้ดีมาก น้ำปุ๋ยเป็นปุ๋ยชีวภาพอย่างดี สามารถปล่อยลงในร่องสวนปาล์มได้ทันที หลังจากทดลองพบว่าช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดิน ในน้ำปุ๋ยมีแร่ธาตุอยู่ทำให้ผลผลิตปาล์มดีขึ้น ทะลายเพิ่ม ทะลายไม่ขาดคอ ลูกดก ลูกออกสม่ำเสมอ ได้น้ำหนักเพิ่ม ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น ช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยได้มากกว่า 50% มีการเสริมปุ๋ยบางตัวเพื่อให้ได้ธาตุอาหารครบ ขอบคุณซีพีเอฟที่จัดโครงการฯดีๆเช่นนี้
ส่วน นายหล๊ะ ดุไหน เกษตรกร ต.ตลิ่งชัน อ.จะนะ จ.สงขลา เกษตรกรต้นแบบที่รับน้ำปุ๋ยจากฟาร์มจะนะ กล่าวว่า น้ำปุ๋ยช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยได้ 40-50% โดยใช้ในแปลงปลูกหญ้าเนเปีย 10 กว่าไร่ สำหรับให้วัวเนื้อที่เลี้ยงไว้ จึงไม่ต้องจัดหาหญ้าจากแหล่งอื่น ช่วยลดค่าอาหารวัวได้ และยังใช้ในสวนปาล์มอีก 10 ไร่ พบว่าต้นปาล์มฟื้นตัวดี ให้ผลผลิตดี ส่วนฟักทองที่ปลูกอกี 10 ไร่ ซึ่งปกติใช้น้ำในบึง หลังจากใช้น้ำปุ๋ยแนวโน้มผลผลิตดีเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มาก นำไปขายสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวได้เป็นอย่างดี จึงจะขยายการใช้ในพื้นที่อีก 10 ไร่
ซีพีเอฟ บริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนด้วยการนำหลักการ 3Rs มาบริหารจัดการน้ำตลอดห่วงโซ่การผลิต ด้วยการลดปริมาณการใช้น้ำดิบจากธรรมชาติ (Reduce) นำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) และนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) เพื่อให้กระบวนการผลิตอาหารอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามเป้าหมายความยั่งยืน “CPF 2030 Sustainability in Action” สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (SDGs)
AIS เปิดประสบการณ์ดู YouTube แบบไม่มีโฆษณาคั่น เดือนละ 139 บาท 3 เดือนแรก
AIS เดินหน้าส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัล ตอกย้ำผู้นำในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลบนโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ที่ดีที่สุดของไทย ด้วยการทำงานร่วมกับ YouTube พร้อมพาลูกค้าและคนไทยให้ได้สัมผัสการรับชมคอนเทนต์บน YouTube โดยไม่มีโฆษณาคั่น กับแพ็กเกจ YouTube Premium ในราคาพิเศษที่คุ้มค่ามากที่สุด ถูกที่สุดในตลาด 3 เดือนแรกเพียงเดือนละ 139 บาทหลังจากนั้น 159 บาทต่อเดือน พิเศษสำหรับลูกค้า AIS เท่านั้น

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าลูกค้าที่อยู่กับ AIS จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในทุกมิติ ทั้งในมิติของโครงข่ายสื่อสาร การให้บริการ สิทธิประโยชน์ โดยเรายังคงทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลาย เพื่อส่งมอบบริการดิจิทัล และคอนเทนต์ชั้นนำระดับโลกเพื่อให้คนไทยได้สัมผัสอย่างต่อเนื่อง ตามเป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านให้บริการดิจิทัลของไทย ทำให้วันนี้เราได้ร่วมมือกับ YouTube อีกครั้ง เพื่อมอบความพิเศษสำหรับลูกค้า AIS เท่านั้น กับบริการ YouTube Premium ด้วยราคาที่คุ้มค่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยเราเชื่อว่าความพิเศษครั้งนี้จะตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และเติมเต็มความหลากหลายในการรับชมคอนเทนต์บน YouTube ได้อย่างเต็มที่”

โดย AIS เป็นผู้ให้บริการโครงข่ายรายแรก และรายเดียวในขณะนี้ที่ YouTube ให้สิทธิพิเศษสุดคุ้ม สามารถสมัคร YouTube Premium ค่าบริการ 3 เดือนแรกเพียงเดือนละ 139 บาท หลังจากนั้นคิดค่าบริการ 159 บาทต่อเดือน สำหรับลูกค้า AIS เท่านั้น สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเพียงกด 6569# หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/youtubepremium/
สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนก.พ. 2566
แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ จะส่งสัญญาณชะลอตัวลงแต่อาจใช้ระยะเวลานานกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะกลับเข้าสู่ระดับเป้าหมาย ทำให้ผู้ลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจำเป็นต้องคงนโยบายการเงินตึงตัวต่อเนื่องไปอีกสักระยะ อีกทั้งตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งสะท้อนถึงเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีโอกาสไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย (No Landing) อย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ในช่วงก่อน ส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาค
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีเงินลงทุนเคลื่อนย้ายออกจากตลาดหุ้นหลายแห่งในภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ผู้ลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิจากที่เคยซื้อสุทธิต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญมาจากค่าเงิน US Dollar ที่ปรับตัวแข็งค่าตามการคาดการณ์ดอกเบี้ยสหรัฐจะยังคงเพิ่มขึ้น อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ค่อนข้างมาก จากภาคการส่งออกและการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาครัฐที่ลดลง แม้การบริโภคภายในประเทศยังฟื้นตัวตามภาคบริการและท่องเที่ยว

ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย
• ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566 SET Index ปิดที่ 1,622.35 จุด ปรับลดลง 2.9% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับไปในทิศทางเดียวกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค และปรับลดลง 2.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า
• ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2566 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มบริการ
• ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 67,066 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 32.3% โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในสองเดือนแรกปี 2566 อยูที่ 69,600 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนแรกด้วยมูลค่า 43,562 ล้านบาท หลังจากเป็นผู้ซื้อสุทธิสี่เดือนต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10
• ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 5 หลักทรัพย์ และใน mai 2 หลักทรัพย์ โดยมูลค่าระดมทุนรวมในหุ้น IPO ของไทยปี 2566 อยู่ยังในระดับต้นๆ ของเอเชีย
• Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ระดับ 15.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.2 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 18.9 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.4 เท่า
• อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ระดับ 2.82% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.09%
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
• ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 543,831 สัญญา เพิ่มขึ้น 2.5% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ SET50 Index Futures และในช่วง 2 เดือนของปี 2566 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 536,966 สัญญา ลดลง 5.1% จากปีก่อน