Home Blog Page 18

เมืองไทยประกันชีวิต จับมือ CareCover Clinic มอบบริการพิเศษ พบแพทย์ออนไลน์ พร้อมรอรับยาที่บ้าน ฟรี! สำหรับลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพรายบุคคล

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้กับลูกค้าคนสำคัญอย่างไม่หยุดยั้ง ล่าสุดเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและมอบความห่วงใยให้กับลูกค้าในยามเจ็บป่วย บริษัทฯ ได้ร่วมกับ “แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก (CareCover Clinic)” มอบบริการพิเศษ พบแพทย์ออนไลน์ พร้อมรับยาที่บ้านฟรี จำนวน 3 ครั้ง แก่ลูกค้าของเมืองไทยประกันชีวิตที่ถือกรมธรรม์สุขภาพรายเดี่ยว (ไม่รวมลูกค้าสัญญาเพิ่มเติมค่าชดเชยรายวันการเข้ารักษาในโรงพยาบาล)

โดยลูกค้าที่ต้องใช้บริการพิเศษดังกล่าว สามารถเข้าไปกดรับสิทธิ์ ที่แอปพลิเคชัน MTL Click เพื่อรับคูปองสำหรับใช้บริการพิเศษ พบแพทย์ออนไลน์ พร้อมรับยาที่บ้านฟรี ซึ่งจะครอบคลุมค่าปรึกษาแพทย์ ค่ายา และค่าส่งยาถึงบ้าน จำกัดสิทธิ์ 3 ครั้งต่อลูกค้า 1 ท่าน แม้ว่าลูกค้าท่านนั้นจะถือกรมธรรม์สุขภาพหลายกรมธรรม์ และเป็นผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น รวมถึงไม่สามารถใช้รักษาโรคเรื้อรังได้ โดยใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2568 (หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด)

บริการพบแพทย์ออนไลน์ ถือเป็นส่วนช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพเบื้องต้น เมื่อไม่สะดวกเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลหรือคลินิก ผ่านระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยและปลอดภัย ลูกค้าสามารถปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผ่านหน้าจอ ได้คำแนะนำการรักษา และรับยาส่งถึงบ้านอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโรค ลดเวลารอคอยที่โรงพยาบาล และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ทำให้ลูกค้าได้รับการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพอย่างสะดวก รวดเร็ว และประหยัด ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการใช้บริการดิจิทัลเฮลธ์ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายสาระ กล่าวเสริมว่า “เมืองไทยประกันชีวิตมุ่งมั่นพัฒนาบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล ความร่วมมือครั้งนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขยายช่องทางการให้บริการเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ และสร้างประสบการณ์ที่ดีในการดูแลสุขภาพที่มากขึ้น การให้บริการพบแพทย์ออนไลน์นี้ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าให้ดีขึ้น และเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในการเป็นผู้นำด้านการประกันชีวิตที่ใส่ใจลูกค้าเป็นอันดับแรกเสมอ”

 สำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ MTL Customer Contact Center 1766 หรือ Health buddy 02-290-2424  กด 3  

เอไอเอส ฉลอง 35 ปี ประกาศนำทัพผู้นำดิจิทัล ใช้ AI พลิกพลังสร้างชาติจัดแคมเปญยักษ์ขอบคุณลูกค้า 1 พอยท์แลกความว้าวยาว 12 สัปดาห์พร้อมเดินหน้าภารกิจคิดเผื่อเคียงข้างสังคมไทย

0

เอไอเอส ฉลองครบรอบ 35 ปี ประกาศก้าวใหม่ในฐานะผู้นำดิจิทัลของไทย เดินหน้ายกระดับประเทศด้วยพลัง AI เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างความยั่งยืนให้สังคมไทย ภายใต้การนำทัพของคณะผู้บริหารหัวใจดิจิทัลที่พร้อมผลักดันองค์กรสู่วิสัยทัศน์แห่งอนาคต พร้อมเปิดตัวแคมเปญยักษ์ใหญ่ ‘AIS 1 Point 12 Weeks 12 Wow’ ขอบคุณลูกค้ากว่า 51 ล้านรายทั่วประเทศ ใช้เพียง 1 พอยท์ เตรียมแลกรับสิทธิพิเศษสุดว้าวได้ต่อเนื่อง 12 สัปดาห์ ตลอด 3 เดือนเต็ม นับจาก 1 ตุลาคม 2568 นี้ ประเดิมแจกใหญ่ รถยนต์สัปดาห์แรก นอกจากการดูแลลูกค้าแล้ว เอไอเอสยังตอกย้ำพันธกิจเพื่อความยั่งยืน ผ่านสัมมนายกระดับทักษะดิจิทัลคนไทย AIS ACADEMY for THAIs พร้อมสนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล เพื่อขยายโอกาสด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า “ ตลอดกว่า 35 ปีที่ผ่านมา เอไอเอสได้ร่วมวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ จนกลายเป็นเสาหลักสำคัญที่ผลักดันอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานสากล เราไม่ได้หยุดอยู่เพียงบทบาทของผู้ให้บริการสัญญาณ แต่เติบโตสู่การเป็น Cognitive Tech-Co อย่างเต็มรูปแบบ ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ยกระดับคุณภาพชีวิตและขับเคลื่อนธุรกิจของคนไทย

วันนี้ เอไอเอสเปิดฉากบทใหม่ด้วยพลังของ AI ภายใต้แนวคิด “AI for Sustainable Nation” ที่จะเชื่อมทุกภาคส่วนให้เติบโตไปด้วยกัน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้นำยุคใหม่ ที่พร้อมพาองค์กรทะยานสู่อนาคต โดยมี 3 แม่ทัพดิจิทัลรุ่นใหม่ นำทีมเติมไฟความเป็นผู้นำดิจิทัลของไทยให้เด่นชัดและทรงพลัง

นายปรัธนา ลีลพนัง – รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านปฏิบัติการ แม่ทัพแนวหน้า ผู้วางรากฐานธุรกิจหลักให้มั่นคง ทั้งบริการสื่อสารและอินเทอร์เน็ต ให้พร้อมรองรับทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของคนไทย ภายใต้การขับเคลื่อนของเขา เครือข่ายจึงไม่ใช่แค่โครงสร้างพื้นฐาน แต่คือ “พลังรองรับการเติบโตของชาติ” ที่เชื่อถือได้ทุกวัน

นายธีร์ สีอัมพรโรจน์ – รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการเงิน ผู้นำวิสัยทัศน์อนาคต ผู้วางยุทธศาสตร์องค์กรสู่ Next S-Curve ผลักดันธุรกิจใหม่ให้เดินหน้า เติบโตยั่งยืน ด้วยกรอบคิดที่สมดุล เพื่อพาเอไอเอสก้าวสู่ “มิติธุรกิจใหม่” อย่างมั่นคง

นางสาวกานติมา เลอเลิศยุติธรรม – รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจองค์กร ผู้นำเบื้องหลังพลังคน สร้างรากฐาน “คน–วัฒนธรรม–ความยั่งยืน” ให้แข็งแกร่ง วางยุทธศาสตร์คนและองค์กรที่ขับเคลื่อนต่อเนื่อง ต่อยอดสู่แนวทางความยั่งยืนคู่สังคม ให้ทุกความสำเร็จของเอไอเอสสะท้อนกลับไปเป็นโอกาสของสังคมไทย

ด้วย 35 ปีแห่งความแข็งแกร่งนี้ เอไอเอสจึงพร้อมก้าวต่อไปใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ธุรกิจ ลูกค้า และสังคมไทย เพื่อเดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับประเทศ ดังนี้

  1. 35 ปี แห่งการเติบโตทางธุรกิจ จากความแข็งแกร่งในธุรกิจหลักด้านโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต ตลอด 35 ปีที่ผ่านมา วันนี้ AIS ก้าวสู่การวิวัฒน์ใหม่ ขยายสู่อนาคตด้วย 3 เสาหลักธุรกิจ ได้แก่ Retail Tech ที่ยกระดับประสบการณ์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ครบวงจร, Entertainment Platform อย่าง AIS PLAY ที่รวมที่สุดแห่งความบันเทิงและกีฬา และ Digital Finance ขับเคลื่อนอนาคตการเงินดิจิทัลของประเทศ โดยจับมือ OR และ KTB เพื่อเตรียมร่วมขับเคลื่อนธุรกิจ Virtual Bank เปิดโอกาสให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึง สร้างอนาคตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับสังคมไทย
  2. 35 ปี แห่งความไว้วางใจของลูกค้า  AIS ขอขอบคุณจากใจ ด้วยการยกขบวนความพิเศษครั้งยิ่งใหญ่ผ่านแคมเปญ ‘AIS 1 Point 12 Weeks 12 Wow’ ที่ใช้เพียง 1 พอยท์ เตรียมแลกรับสิทธิพิเศษ หรือแลกสิทธิ์ลุ้นรางวัลสุดว้าวได้ทุกสัปดาห์ ต่อเนื่องตลอด 3 เดือนเต็ม ประเดิมความว้าวแรก 1 ตุลาคม 2568 1 พอยท์ แลก 1 สิทธิ์ ลุ้นรับรางวัลใหญ่ อาทิ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทอง และอีกมากมาย และยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟในแต่ละสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลแพ็กเกจสุดคุ้ม หรือคอนเทนต์บันเทิงระดับพรีเมียม ที่จะมอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้ากว่า 51 ล้านรายทั่วประเทศ ติดตามได้บน myAIS
  3. 35 ปี แห่งการเคียงข้างสังคมไทย ที่รากฐานสำคัญ คือ ‘คน’ พลังของคนเอไอเอสไม่เพียงสร้างคุณค่าให้ลูกค้า แต่ยังยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม พร้อมสานต่อ ‘ภารกิจคิดเผื่อ’ ที่ยึดมั่นการเติบโตไปด้วยกันทั้งองค์กรและสังคมไทย ปีนี้ AIS จึงเดินหน้าจัดสัมมนาใหญ่ AIS ACADEMY for THAIs ที่มุ่งยกระดับทักษะดิจิทัลเพื่อคนไทย พร้อมส่งต่อพลังแห่งหัวใจ สนับสนุนเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้สังคมไทยเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

“และนับจากวันนี้ไป AIS จะไม่เพียงเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคม แต่จะเป็นกำลังสำคัญในการวางรากฐานดิจิทัลของไทยที่ใช้พลังของ AI และนวัตกรรมมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงความก้าวหน้าอย่างเท่าเทียม พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกกลุ่ม เพื่อร่วมกันผลักดันประเทศสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน” นายสมชัย กล่าวปิดท้าย

รู้เก็บรู้ออม : SET e–Learning เรียนฟรี มีใบเซอร์

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เดี๋ยวนี้ ความรู้แขนงต่างๆ อยู่รอบตัวเรา ไม่ได้อยู่แค่ในตำรา และต้องเข้าไปเล่าเรียนในสถานศึกษาเหมือนสมัยก่อน หากเปรียบว่าความรู้อยู่ในอากาศ ก็คงไม่ผิดความจริงนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่แตกต่างไปจากเดิม คือ ความสำเร็จของการเรียน ต้องอาศัยความใฝ่เพียรเรียนรู้ มุ่งมั่น และตั้งใจจริง

ความรู้เรื่องการลงทุนเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจของประชาชน  จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบว่า  มีผู้ลงทุนและผู้ที่สนใจศึกษาข้อมูลการลงทุน เข้ามาเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจำนวนผู้ใช้งานเว็บไซต์ และจำนวนผู้ติดตามช่องทางโซเชียลมีเดีย สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในเรื่องการลงทุนของคนไทย

“คุณนายพารวย” เห็นว่าเป็นเรื่องดีสำหรับคนไทยและนักลงทุนในปัจจุบันที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่ทำให้การเข้าถึงความรู้เรื่องการลงทุน  เป็นไปอย่างสะดวกและง่ายกว่าแต่ก่อน  ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ เองก็ได้ทำหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการให้ความรู้เรื่องการลงทุนอย่างเต็มที่ เห็นได้จากการพัฒนาหลักสูตร SET e-Learning  มาโดยตลอด  เพื่อให้เป็นแหล่งความรู้เรื่องการเงินและการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย

ล่าสุด SET e-Learning เพิ่ม 3 ฟีเจอร์ใช้งานใหม่ที่จะช่วยทำให้การเรียนรู้เรื่องการเงินการลงทุนยิ่งง่ายและสะดวกต่อผู้เรียนมากขึ้น นั่นคือ 1. ตัวช่วยค้นหาหลักสูตรที่เหมาะกับผู้สนใจ  2. ฟังก์ชัน Playlist  ให้เลือกช้อปปิ้งหลักสูตรที่สนใจแล้วหยิบใส่ตะกร้าได้เลย สามารถเรียนได้ทันที หรือเก็บไว้ก่อน แล้วค่อยเรียนภายหลังก็ได้ และ  3. ระบบ Notification ไว้สำหรับคอยช่วยเตือนและปลุกไฟในการเรียน

ปัจจุบัน  มีหลักสูตร SET e-Learning เปิดให้เรียนฟรี มากกว่า 200 หลักสูตรแล้ว  ครอบคลุมเนื้อหาตั้งแต่หลักสูตรพื้นฐาน ไปจนถึงหลักสูตรความรู้เชิงลึก  โดยแต่ละหลักสูตรจะแบ่งเป็นบทเรียนย่อยๆ  เข้าใจง่าย พร้อมกับบททดสอบหลังเรียนเสร็จ ถ้าสอบผ่านก็จะได้รับใบเซอร์  เป็นวุฒิบัตรเพื่อแสดงว่า เราเรียนจบและผ่านครบถ้วนตามหลักสูตรแล้ว

คนที่สนใจเรื่องลงทุน อยากศึกษา หรือ อัพเดทความรู้เพิ่มเติม สามารถเรียนได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา  โดยเราสามารถเรียนหลักสูตร SET e-Learning บนอุปกรณ์ต่างๆ ได้หลากหลาย รองรับทั้งมือถือ , โน้ตบุ๊ค หรือ คอมพิวเตอร์พีซี  ผู้สนใจสามารถคลิกเข้าเรียนบนเว็บไซต์ www.set.or.th/elearning   หรือผ่านแอป Happy Money  ที่มีให้ดาวน์โหลดฟรีทั้งระบบ iOS และ Android เพียงค้นหาคำว่า SET HAPPY MONEY

เห็นได้ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ  ช่วยทำให้การเข้าถึงแหล่งความรู้เรื่องการลงทุนง่ายขึ้น ด้วยการพัฒนาให้ SET e-Learning สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และเข้าถึงได้ทุก Generation  ผู้สนใจเรื่องการลงทุน ต้องไม่พลาดโอกาสดีของการศึกษากับหลักสูตร SET e-learning ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ให้เรียนฟรี และมีใบเซอร์ ให้อีกต่ากหาก เลิศจริงๆ ค่ะ

คุณนายพารวย

#บิ๊กเกรียน เตือนภัยหลอกลงทุน

0

มิจฉาชีพมาในรูปแบบปลอมเป็นองค์กรหรือหน่วยงาน ตลอดจนทำเว็บปลอม ไลน์กลุ่ม เอาไว้ดักนักลงทุน หรือผู้สนใจเรื่องการลงทุน ติดกับ

คนที่เล่นโซเชียลมีเดีย ต้องเคยผ่านหูผ่านตาโพสที่มีเนื้อหาเชิญชวนให้เข้าร่วมเรียนคอร์สสอนการลงทุน หรือสอนเทคนิคการเล่นหุ้น การันตีเสร็จสรรพว่า จะรวยจากการเทรดหุ้นได้กำไรภายในเวลาสั้นๆ หรือมีข้อมูลวงใน รู้กันเฉพาะในกลุ่มลับ อะไรประมาณนี้ รู้ตัวอีกที จากนักลงทุนก็กลายเป็นผู้ประสบภัยโดนหลอกลงทุน และเสียเงินเสียทอง

การรู้ทันกลโกงพวกนี้จะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เราตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพ

“เคียงข้างทุกวิกฤต” ซีพีเอฟ เร่งช่วยชาวท่าเรือ อยุธยา สู้ภัยน้ำท่วม

0

เขื่อนป่าสักน้ำเกินระดับกักเก็บ ทำให้เขื่อนพระรามหก ต้องเร่งเพิ่มการระบายน้ำต่อเนื่อง ชาวชุมชนวัดสะตือ อ.ท่าเรือ จึงเร่งขนสิ่งของขึ้นที่สูงพร้อมสำหรับการอพยพมาพักอาศัยภายในวัดสะตือ ซึ่งขณะนี้ ได้ยกระดับเป็นศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อำเภอท่าเรือ1

ศูนย์ฯ แห่งนี้จัดตั้งขึ้นภายใต้การบริหารงานของ นายนพรัตน์ ศรีพรหม นายอำเภอท่าเรือ เพื่อบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ทุกองค์กรในเขตอำเภอท่าเรือ ในการประสานงานปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่อำเภอท่าเรือ 5 ตำบล ได้แก่ ต.ท่าเรือ ต.ท่าหลวง ต.จำปา ต.หนองขนาก และ ต.ท่าเจ้าสนุก ทั้งการรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ตั้งเต็นท์ที่พักอาศัยชั่วคราว พร้อมจัดจุดรักษาพยาบาล และจัดเวรยาม ตลอดจนการช่วยขนย้ายผู้ป่วยติดเตียง มอบยารักษาโรคที่มากับน้ำท่วม เป็นศูนย์รวมอาหารและน้ำดื่มที่มีผู้นำมามอบให้ไม่ขาดสาย โดยพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม สามารถเข้ารับบริการได้ฟรี

จิตอาสาซีพีเอฟ โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกท่าเรือ ในฐานะสมาชิกของชุมชน เล็งเห็นถึงความยากลำบากของชาวท่าเรือ พร้อม “อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต” เร่งนำเครื่องอุปโภคบริโภค ทั้งน้ำดื่ม CP และข้าวสาร ไปมอบผ่านนายอำเภอท่าเรือ เพื่อให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เบื้องต้นให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างทันท่วงที

ขณะเดียวกัน นายจิระ คงเขียว ผู้ช่วยผู้อำนวยการ นำพนักงานจิตอาสาลงพื้นที่ ส่งมอบน้ำดื่ม CP และข้าวสารตราฉัตร รวมถึงยาสามัญประจำบ้านและยากันยุงที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ให้กับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำป่าสัก ที่ปริมาณน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพี่น้องชาวตำบลจำปา อำเภอท่าเรือ ร่วมบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือเบื้องต้น จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

AIS PLAY ยิงสด “เมืองไทย CUP” ยกระดับลูกหนังไทย เชื่อมทุกแมตช์สู่แฟนบอล

0

AIS PLAY ร่วมกับ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เตรียมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการลูกหนังไทย ด้วยการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล “เมืองไทย CUP” ตลอดฤดูกาล 2025/26 ยกระดับประสบการณ์การรับชมให้กับแฟนบอลไทยทั่วประเทศ ด้วยภาพคมชัดระดับ Full HD และเทคโนโลยีถ่ายทอดสดล้ำสมัย บนโครงข่ายอัจฉริยะของ AIS ทั้งมือถือและเน็ตบ้านครอบคลุมทั่วประเทศ

สำหรับ “เมืองไทย CUP” เป็นถ้วยที่มีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยระบบแพ้คัดออก (Knock-out) และการเปิดโอกาสให้สโมสรจากทุกลีกอาชีพของไทย ทั้ง ไทยลีก 1, ไทยลีก 2 และไทยลีก 3 ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ทำให้เกิดแมตช์สุดมันส์ที่ทีมท้องถิ่นได้ดวลกับสโมสรชั้นนำ ปลุกบรรยากาศ ปลุกพลังของฟุตบอลไทยทั่วประเทศ

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ AIS กล่าวว่า “AIS รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนและถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลถ้วย ‘เมืองไทย CUP’ ร่วมกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้ความตั้งใจในการยกระดับวงการฟุตบอลไทยอย่างยั่งยืน เราได้นำเทคโนโลยีการถ่ายทอดสดที่ทันสมัย และโครงข่ายอัจฉริยะของ AIS มาใช้ในการถ่ายทอดสดการแข่งขัน เพื่อให้ผู้ชมสามารถรับชมได้อย่างเต็มอรรถรส ภาพคมชัด ลื่นไหล และเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ โดยไม่จำกัดเครือข่าย

 AIS มุ่งหวังให้การถ่ายทอดสด ‘เมืองไทย CUP’ ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญในการส่งเสริมการรับชมกีฬาไทยให้เข้าถึงคนไทยทุกกลุ่ม พร้อมร่วมเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาไทยได้พัฒนาศักยภาพ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยในอนาคตต่อไป”

คอบอลไทยตัวจริงห้ามพลาด “เมืองไทย CUP” ฤดูกาล 2025/26 จะเปิดฉากการแข่งขันในเดือนตุลาคม 2568 ถ่ายทอดสดจัดเต็ม ดูฟรีทุกเครือข่าย พร้อมไฮไลต์และรีรัน ทาง AIS PLAY ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและตารางการแข่งขันที่ https://www.ais.th/thaileague

เมืองไทยประกันชีวิต ขึ้นทะเบียนคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (CFO) ปีที่ 3 เดินหน้าเป้าหมาย Net Zero Scope 1 และ 2 ภายในปี 2030

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ยืนยันความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืนด้วยการขึ้นทะเบียน คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) กับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยครอบคลุมการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 1, Scope 2 และ Scope 3 อ้างอิงข้อมูลจาก ปีฐาน พ.ศ. 2565 ความต่อเนื่องในการขึ้นทะเบียน CFO แสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานที่มีมาตรฐานและความโปร่งใสด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้าน ESG และเป้าหมายในการเป็น องค์กรคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) สำหรับ Scope 1 และ Scope 2 ภายในปีพ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030)

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “การขึ้นทะเบียน CFO ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ไม่เพียงสะท้อนถึงการบริหารจัดการข้อมูลที่มีคุณภาพ แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญของการวางแผนลดคาร์บอนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน ทั้งยังเป็นการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียอย่างโปร่งใสและน่าเชื่อถือ”
ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลและประเมินการปล่อยคาร์บอนในกิจกรรมหลักขององค์กร โดยได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระที่ผ่านการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) และปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดคาร์บอนและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

บริษัทฯ มีการจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนใน Scope 1 และ 2 อาทิ แผนการเปลี่ยนรถยนต์ภายในของบริษัทเป็นรถยนต์ Hybrid และไฟฟ้า การสำรวจและจัดทำแผนการเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศเพื่อเลือกใช้สารทำความเย็นที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่น้อยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด มาตรการประหยัดพลังงานภายในองค์กรและการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยการติดตั้ง Solar Rooftop เพิ่มเติมในพื้นที่อาคารสำนักงานใหญ่ สำนักงานสาขา และศูนย์การเรียนรู้สรรค์สาระ รวมถึงการส่งเสริมความรู้และสร้างจิตสำนึกด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับพนักงาน เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2030 อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ในพิธีมอบประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอน จัดโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO มีนายปราโมทย์ ศักดิ์กำจร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนบริษัทฯ ขึ้นรับมอบประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอน จากนายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ประธานในพิธี ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติและแสดงความขอบคุณต่อองค์กรที่ขอการรับรองเครื่องหมายฉลากคาร์บอน ในฐานะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อมุ่งสู่ Net Zero ณ ห้อง Conference Hall สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) หรือ TIJ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

รู้เก็บรู้ออม : ส่องสถิติ บจ.จ่ายปันผล

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

สำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบหุ้นปันผล “คุณนายพารวย” ขอนำรายงาน SET Note ล่าสุดที่จัดทำโดยฝ่ายวิจัย ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาฝาก เพราะมีการรวบรวมข้อมูลสถิติการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงต่อสำหรับนักลงทุนในการกำหนดแนวทางการลงทุนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาในการจ่ายเงินปันผล ซึ่งสามารถนำไปประกอบการวางแผนคัดเลือกหุ้นปันผล และเลือกจังหวะเวลาซื้อหุ้นปันผลเก็บสะสมเข้าพอร์ตลงทุนของตัวเอง

จากการรวบรวมตัวเลข ตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง ส.ค. หรือ 8 เดือนแรกของปี 2568 มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหุ้นไทย (รวมตลาด SET และ mai) จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นไปแล้วเกือบ 5 แสนล้านบาทเลยทีเดียว

โดยพบว่ามี บจ.จำนวน 563 บริษัท จ่ายเงินปันผลไป 593 ครั้ง รวมมูลค่าเงินปันผลจ่าย 499,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเท่ากันของปี 2567 และ บจ. ส่วนใหญ่จ่ายเงินปันผล 1 ครั้ง ขณะที่มี บจ. 30 บริษัทที่จ่ายเงินปันผล 2 ครั้ง

เทศกาลจ่ายเงินปันผล จะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2568 โดยมี บจ.จ่ายเงินปันผล 534 ครั้ง หรือเท่ากับ 90.1% ของจำนวนการจ่ายเงินปันผลทั้งหมด และเดือนที่มีการจ่ายเงินปันผลมากที่สุดทั้งจำนวนครั้งและมูลค่าเงินปันผล คือเดือนพฤษภาคม 2568 โดยเดือนนี้เดือนเดียวมีจ่ายปันผล 456 ครั้ง คิดเป็น 76.9% ของจำนวนการจ่ายเงินปันผลทั้งหมด

และเมื่อจำแนกเป็นรายหมวดธุรกิจ พบว่า หมวดธุรกิจของ บจ. ที่จ่ายปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ธนาคาร 2.พลังงานและสาธารณูปโภค 3.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 4.พาณิชย์ และ 5.อาหารและเครื่องดื่ม

ช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ บจ.หมวดธนาคาร จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นไปแล้วเป็นมูลค่าสูงสุดรวมกว่า 140,878 ล้านบาท ตามมาด้วยอันดับสอง หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค จ่ายเงินปันผลรวมกว่า 105,873 ล้านบาท และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จ่ายเงินปันผลด้วยมูลค่ารวม 70,936 ล้านบาท

นักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในหุ้นปันผล หรือหุ้นที่กิจการมีกำไรและให้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผล จ่ายได้สม่ำเสมอในอัตราที่น่าพอใจ สามารถใช้ประโยชน์จากรายงานนี้มาสร้างกลยุทธ์ลงทุน ตลอดจนการคัดกรองหุ้น ทั้งการพิจารณาหุ้นรายตัวหรือรายหมวดธุรกิจ และจับจังหวะที่เหมาะสมของการซื้อขายหุ้นปันผล เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีจากหุ้นปันผล เรียกได้ว่า รายงานหรือบทความของ SET Note เป็นเครื่องมือ หรือตัวช่วยการลงทุนที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักลงทุนเลยทีเดียว

ปิดท้าย “คุณนายพารวย” รบกวนฝากให้ผู้อ่านสละเวลา เข้าไปทำแบบสอบถามเพื่อนำความคิดเห็นไปปรับปรุงคอลัมน์ให้ดียิ่งขึ้น สแกน QR code ข้างล่างนี้ได้เลย ขอบคุณมากค่ะ.

คุณนายพารวย

เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ดันโครงการ “หมูหัน” ช่วยตัดวงจรหมูล้นตลาด เกษตรกรอยู่ได้ ผู้บริโภคกินหมูดี

0

ราคาหมูตกต่ำฉุดผู้เลี้ยงทั่วประเทศ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรฯ ดันโครงการ “หมูหัน” ลดปริมาณส่วนเกิน สร้างสมดุลตลาด ช่วยเกษตรกรและผู้บริโภคไปพร้อมกัน

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูกำลังเผชิญปัญหาราคาหมูตกต่ำ จากผลผลิตที่มากเกินความต้องการบริโภค ราคาหมูขุนมีชีวิตหน้าฟาร์มเหลือเพียง 52-64 บาทต่อกิโลกรัม ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต สร้างแรงกดดันต่อเกษตรกรทั่วประเทศ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ จึงร่วมกับกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร ดำเนินโครงการรักษาเสถียรภาพราคาสุกร โดยการตัดวงจรทำ “หมูหัน” เพื่อลดจำนวนประชากรหมูส่วนเกินในระบบ ช่วยบรรเทาผลกระทบแก่เกษตรกร

สิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ

“ช่วงไตรมาส 3 ของทุกปี เป็นช่วง low season ที่การจัดงานต่างๆน้อยลง นักท่องเที่ยวลดลง และตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเข้าพรรษา และช่วงฤดูฝนก็มีอาหารธรรมชาติเป็นจำนวนมาก โดยปกติราคาหมูจะลดลงในช่วงนี้ ภาคผู้เลี้ยงจึงออกมาตรการนำหมู 4 – 7 กิโลกรัม ไปทำ “หมูหัน” ตั้งเป้าหมาย 100,000 ตัวทั่วประเทศ เพื่อตัดวงจรลูกหมูเข้าขุนทั่วประเทศ ทำให้เกิดความสมดุลและช่วยผลักดันเสถียรภาพราคาอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังเข้าถึง “หมูหัน” ในราคาจับต้องได้ เท่ากับได้กินหมูดีและยังช่วยเกษตรกรด้วย” นายสิทธิพันธ์ กล่าว

ทั้งนี้ ห้างค้าส่งโมเดิร์นเทรดอย่างแม็คโครและโลตัส ได้ร่วมเปิดตลาดค้าส่งหมูหันแก่ผู้ประกอบการ ถือเป็นการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความยั่งยืนแก่เกษตรกรไทย

นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวอีกว่า หมูเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (commodities) ที่ราคาผันผวนทั่วโลก ราคาปรับขึ้นลงตามกลไกตลาด เกษตรกรมักเป็นผู้รับความเสี่ยง แม้พยายามไม่ให้กระทบผู้บริโภค แต่หลายเดือนที่ผ่านมาราคาลดลงต่อเนื่อง ทำให้ผู้เลี้ยง โดยเฉพาะรายย่อย ขาดทุนจนต้องเลิกกิจการจำนวนมาก มาตรการ “หมูหัน” จึงเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคและต่อลมหายใจให้เกษตรกรทั่วประเทศ..

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับจดทะเบียนกองทุนอีทีเอฟ ประเภท Leveraged และ Inverse  3 กองใหม่ อ้างอิงดัชนี SET50 TRI เริ่มซื้อขาย 26 ก.ย. นี้

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รับจดทะเบียน Leveraged และ Inverse ETF จำนวน 3 กองทุนใหม่ มีนโยบายมุ่งสร้างผลตอบแทนทวีคูณหรือตรงกันข้ามกับดัชนี SET50 Total Return Index (SET50 TRI) จัดตั้งโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด และมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายและทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 26 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ชื่อย่อ ETFชื่อหน่วยลงทุนนโยบายกองทุน
1I01BSET50กองทุนเปิดบีแคป เซ็ท 50 เดย์ลี่ อินเวิร์ส อีทีเอฟ (-1X)มุ่งหวังผลตอบแทนตรงกันข้ามเป็น 1 เท่ากับผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI  
2I01BSET50กองทุนเปิดบีแคป เซ็ท 50 เดย์ลี่ อินเวิร์ส อีทีเอฟ (-2X)มุ่งหวังผลตอบแทนตรงกันข้ามเป็น 2 เท่ากับผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI  
2X01BSET50กองทุนเปิดบีแคป เซ็ท 50 เดย์ลี่ เลเวอเรจ อีทีเอฟ (2X)มุ่งหวังผลตอบแทนทวีคูณเป็น 2 เท่าจากผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI  

กองทุนรวมอีทีเอฟ ประเภท Leveraged และ Inverse ETF (L&I ETF) ถูกออกแบบมาเพื่อการลงทุนระยะสั้น มุ่งสร้างผลตอบแทนเป็นอัตราส่วนกับดัชนีอ้างอิงเป็นรายวัน (Daily reset) มีผลของ Compounding effect ที่ทำให้ผลตอบแทนจริงอาจไม่ตรงกับผลตอบแทนเป้าหมายในระยะกลางถึงระยะยาวหากดัชนีมีการเปลี่ยนแปลงผันผวนมาก ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะการทำงานนี้ เพราะอาจให้ผลตอบแทนต่างจากที่คาดไว้เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงดัชนีจริง โดยดูรายละเอียดได้จากหนังสือชี้ชวนที่เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. www.sec.or.th หรือบริษัทผู้จัดตั้งกองทุน บลจ. บางกอกแคปปิตอล www.bcap.co.th หรือศึกษาข้อมูล ETF เพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/th/market/product/etf/introduction