Home Blog Page 18

กระทรวงดิจิทัลฯ ดีเดย์ 1 ก.พ. 2568 ชื่อเจ้าของซิม กับ Mobile Banking ต้องตรงกัน หยุดวงจรบัญชีม้า-โจรออนไลน์

0

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นประธานแถลงข่าวมาตรการ “การยกระดับความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking” เปิดเผยว่า มาตรการนี้เป็นความร่วมมือของกระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบรายชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์มือถือ และเจ้าของบัญชีธนาคาร Mobile Banking ให้ตรงกัน โดย กสทช. และ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ,สำนักงาน ปปง. , ธปท. และธนาคารพาณิชย์ได้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์กว่า 120 ล้านหมายเลขแล้วเสร็จเมื่อสิ้นเดือน พฤศจิกายน 2567 จัดเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

กลุ่มที่ 1 ลูกค้าที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แจ้งเป็น M คือ ชื่อเจ้าของซิม และ Mobile Banking ตรงกัน มีจำนวนประมาณ 75.8 ล้านหมายเลข คิดเป็นร้อยละ 63.02, กลุ่มที่ 2 ลูกค้าที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แจ้งเป็น N คือ ชื่อเจ้าของซิม และ Mobile Banking ไม่ตรงกัน มีจำนวนประมาณ 30.9 ล้านหมายเลข คิดเป็นร้อยละ 25.68 และ กลุ่มที่ 3 ลูกค้าที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แจ้งกลับมาเป็น P คือไม่พบชื่อเจ้าของซิม/ไม่มีข้อมูล มีจำนวน 13.5 ล้านหมายเลข คิดเป็นร้อยละ 11.29

โดยขั้นตอนดำเนินการต่อจากนี้ คือ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2568 เป็นต้นไป ธนาคารจะใช้รูปแบบแจ้งเตือน (Notification) ผู้ใช้บริการกลุ่ม N และกลุ่ม P ผ่านช่องทาง Mobile Banking ของแต่ละธนาคาร โดยผู้ที่ได้รับแจ้ง ต้องอัพเดตข้อมูลชื่อเจ้าของซิม กับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ให้ตรงกัน ภายใน 90 วัน (ภายในวันที่ 30 เม.ย. 2568) หากไม่ดำเนินการภายในเวลาที่กำหนด ปปง. ธปท. และ กสทช. จะพิจารณาระงับการใช้งาน Mobile Banking เป็นการชั่วคราวต่อไป

สำหรับกลุ่ม N ซึ่งเป็นกลุ่มที่เจ้าของซิม และ Mobile Banking ไม่ตรงกัน , บัญชีต่างชาติ , กลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เปิดบัญชีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 และเปิดใช้งาน Mobile Banking ก่อนปี พ.ศ. 2566 ที่มีชื่อเจ้าของซิม กับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ไม่ตรงกัน ผู้ใช้บริการที่อยู่ในกลุ่มนี้ จะต้องไปติดต่อศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปลี่ยนเจ้าของซิม หรือติดต่อธนาคารที่ใช้งาน Mobile Banking เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผูกกับ Mobile Banking ของธนาคาร เพื่อดำเนินการให้ข้อมูลชื่อตรงกันภายในวันที่ 30 เมษายน 68 หากไม่ดำเนินการภายในกำหนด บริการ Mobile Banking อาจถูกระงับการใช้งาน

ในส่วนของ กลุ่ม P ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับแจ้งว่าไม่พบชื่อเจ้าของซิม โดยเป็นกลุ่มที่เปิดบัญชีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 และเปิดใช้งาน Mobile Banking ก่อนปี พ.ศ. 2566 ที่ตรวจสอบจากค่ายมือถือแล้ว แต่ไม่พบชื่อเจ้าของซิม (ดำเนินการพร้อมกัน 2.4 ล้านเลขหมาย) โดยกรณี หมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ใช้ลงทะเบียนกับธนาคารมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ สามารถติดต่อศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือที่ใช้บริการด้วยตนเอง เพื่อลงทะเบียนชื่อเจ้าของซิมให้ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking หรือ ลงทะเบียนชื่อเจ้าของซิมเป็นชื่อตามที่ประสงค์ที่เข้าเกณฑ์การจดทะเบียนซิมได้ตามเงื่อนไขของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (ธนาคารไม่สามารถดำเนินการในส่วนนี้แทนได้) พร้อมบัตรประชาชน เพื่อดำเนินการให้ข้อมูลชื่อเจ้าของซิมตรงกับชื่อที่ใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง ภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 หากไม่ดำเนินการภายในกำหนด บริการ Mobile Banking อาจถูกระงับการใช้งาน

รู้เก็บรู้ออม : ช็อปสินค้าลดภาษีเพื่อสังคม

0

เผลอแป๊บเดียว เดือนแรกของปีใหม่กำลังจะผ่านพ้นไป วันเวลาไม่เคยรอใคร หากเราใช้เวลาหมดไปอย่างไม่มีประโยชน์ก็น่าเสียดายเวลา เพราะไม่ได้ลงมือทำในสิ่งที่ตั้งใจหรือวางแผนไว้เสียที

ที่กล่าวมาข้างบน เพราะ “คุณนายพารวย” อยากขอทวงสัญญาที่เรามีไว้ให้กันว่า ปีใหม่ปีนี้เราจะเริ่มต้นจัดการวางแผนการเงินการลงทุน ตั้งเป้าหมายแล้วลงมือทำให้ได้ การวางแผนภาษีก็เป็นส่วนหนึ่ง ประจวบกับช่วงเวลาตั้งแต่ 16 ม.ค. ถึง 28 ก.พ. ปี 68 ภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ Easy E-Receipt 2.0 เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการซื้อสินค้าหรือบริการ เพียงแค่มีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ หรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์

ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าซื้อสินค้าและบริการมาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 50,000 บาท โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก ค่าสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการ ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30,000 บาท และส่วนที่สอง เป็นค่าสินค้า OTOP, ค่าซื้อสินค้าหรือบริการจากวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคม ไม่เกิน 20,000 บาท

หรือหากเราอยากจะซื้อสินค้าหรือบริการของ OTOP, วิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อลดหย่อน 50,000 บาทอย่างเดียวก็สามารถทำได้ เพราะอยู่ในเงื่อนไขโครงการเช่นกัน โดยเฉพาะกับวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise: SE) นอกจากจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ยังช่วยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

“ตลาดหลักทรัพย์ฯ” จึงชวนคนไทยใช้สิทธิ Easy E-Receipt 2.0 สนับสนุนการซื้อสินค้าและบริการจากวิสาหกิจเพื่อสังคม (SE) ในเครือข่าย SET Social Impact ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ SE ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดให้ความรู้การเป็นผู้ประกอบการและสร้างโอกาสทางธุรกิจ ทำให้ธุรกิจเพื่อสังคมขยายการสร้างผลลัพธ์ทางสังคมได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับสินค้าและบริการของ SE ที่เข้าร่วมมาตรการ ได้แก่ 1.สินค้าชุมชนออร์แกนิก บ.เซฟ ไลฟ์ โปรดักส์ (ไร่รื่นรมย์) โทร.09–7087–0085, 2.ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ สารสกัดจากธรรมชาติ บ.เด็กพิเศษ วิสาหกิจเพื่อสังคม (Avautis) โทร.06–1663–6445, 3.วิกผมแท้ทอมือ งานพรีเมียม พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ของที่ระลึก บ.จิตอาสา วิสาหกิจเพื่อสังคม โทร. 06–6085–6716, 4.อุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการและผู้สูงอายุ บ.สยาม เอเบิ้ล อินโนเวชั่น (วิสาหกิจเพื่อสังคม) โทร.09–8516–5112 และ 5.สินค้าแฟชั่น สินค้าท้องถิ่น อาหารและเครื่องดื่ม บ.เลิร์นดู วิสาหกิจเพื่อสังคม โทร.09–2505–4994

ผู้สนใจสั่งซื้อสินค้าและสอบถามเกี่ยวกับการออก E-Receipt ได้โดยตรงกับ SE แต่ละรายที่เข้าร่วมมาตรการ ตามเบอร์โทร.ที่ให้ไว้ได้เลย!!

ช็อปสินค้าบริการของ SE แบบนี้ดีต่อใจ ได้ทั้งสิทธิลดหย่อนภาษี 50,000 บาท และมีส่วนร่วมสนับสนุนการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน.

คุณนายพารวย

AIS ชวนลูกค้าอัปเดตชื่อจดทะเบียนซิมให้ตรงกับบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง หนุนม.ป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของภาครัฐ

0

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เดินหน้าสนับสนุนภาครัฐตามมาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง สำหรับผู้ที่ได้รับการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันธนาคาร ต้องรีบอัปเดตชื่อจดทะเบียนซิมให้ตรงกับบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง ภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 หากไม่ดำเนินการภายในกำหนดบริการโมบายแบงก์กิ้งอาจถูกระงับการใช้งาน

  • โดย AIS พร้อมอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่มีชื่อจดทะเบียนซิมการ์ดไม่ตรงกับชื่อบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง ตามที่ได้รับการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันของธนาคาร สามารถดำเนินการอัปเดตข้อมูลได้ฟรี! ที่ AIS Shop, AIS Telewiz, AIS Buddy หรือ ตัวแทนจำหน่าย AIS ทั่วประเทศ ทั้ง 2,400 จุด โดยไม่มีค่าดำเนินการ
  • สำหรับกรณีท่านที่ต้องการเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ให้ตรงกับชื่อบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง สามารถติดต่อธนาคารที่ให้บริการได้โดยตรง
  • ทั้งนี้ กลุ่มที่ได้รับการอนุโลมให้ชื่อจดทะเบียนซิมไม่ต้องตรงกับบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง ได้แก่ ชื่อคนในครอบครัว, ผู้ที่ต้องได้รับความดูแลตามกฎหมาย และนิติบุคคล โดยต้องนำเอกสารหลักฐานเฉพาะกลุ่มที่กำหนดไว้ มายืนยันตนที่ธนาคาร ภายใน 30 เมษายน 2568

สามารถดูรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง https://www.ais.th/consumers/help-and-support/cyber-threat-alerts/mobile-banking

โดย นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “AIS พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างปีแห่งความปลอดภัยไซเบอร์ให้กับประเทศไทย พร้อมสนับสนุนให้ทุกการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลของคนไทยปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้น รวมถึงเสริมสร้างความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน จึงขอให้ลูกค้าที่ได้รับการแจ้งเตือนจากแอปธนาคารรีบดำเนินการปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยเอไอเอสพร้อมอำนวยความสะดวกในทุกขั้นตอนอย่างเต็มที่”

กรมพัฒนาธุรกิจฯ ขยับแล้ว เปิดม.เข้มปราบบริษัทผี หลังพบชาวบ้านถูกใช้ที่อยู่บ้านสวมรอยจดตั้งบริษัท

0

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) แถลงมาตรการป้องกันบริษัทผีหลอกลวงประชาชน โดยเปิดเผยว่า DBD ได้ตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว มอบหมายให้นายจิตรกร ว่างเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นหัวหน้าทีม

นอกจากนี้ DBD ได้ออก 6 มาตรการ ป้องกัน ‘นิติบุคคลผี’ หรือ ’บริษัทม้า‘ ประกอบด้วย 1.ยกร่างคำสั่งนายทะเบียนกลาง เพื่อเรียกเอกสารเพิ่มเติม กรณีที่มาจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล หรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งสำนักงาน เช่น สัญญาเช่า หรือหนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่เป็นที่ตั้งนิติบุคคลจากเจ้าบ้าน จะเร่งเปิดประชาพิจารณ์ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

2.จัดทำระบบการตรวจเช็กสถานที่ตั้งสำนักงานนิติบุคคล เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้ว่า บ้าน หรือที่อยู่ของตน ถูกนำมาใช้เป็นที่ตั้งของนิติบุคคลหรือไม่ คาดว่าจะเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ หรือเร็วกว่า

3.บูรณาการความร่วมมือกับบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อตรวจสอบสถานที่ตั้งนิติบุคคลตามที่ผู้ขอจดทะเบียนได้แจ้งไว้ และปักหมุดพร้อมแสดงภาพถ่ายแผนที่ Google Map เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาตรวจสอบข้อมูล สามารถเช็กและเห็นภาพสถานที่ตั้งนิติบุคคลที่แจ้งจดทะเบียน

4.หากพบว่านิติบุคคลมีที่ตั้งไม่ตรงกับที่แจ้งจดทะเบียน จะดำเนินการป้องปรามภายใต้อำนาจหน้าที่ที่กรมฯ สามารถทำได้ ทั้งในส่วนการระบุหมายเหตุในหน้าหนังสือรับรองนิติบุคคลว่า “ไม่มีสถานที่ตั้งจริง” เพื่อเตือนผู้ที่จะทำธุรกิจด้วย และส่งเรื่องดำเนินคดีตามกฎหมาย

5.หากมีบุคคลที่อยู่ในรายชื่อบัญชี HR-03 มาขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล หรือแจ้งชื่อเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วน หรือกรรมการบริษัทจำกัด จะเรียกให้บุคคลดังกล่าวมาแสดงตนต่อหน้านายทะเบียน และส่งข้อมูลให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) เพื่อติดตามขยายผล หากไม่มาแสดงตน จะไม่รับจดทะเบียน

6.ร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งโทษการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ยังชี้แจงถึงขั้นตอนการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล คือ จัดทำคำขอพร้อมเอกสารประกอบมายื่นต่อนายทะเบียน จากนั้นนายทะเบียนตรวจสอบความถูกต้อง หากถูกต้องครบถ้วนก็รับจดทะเบียนฯ แต่หลักเกณฑ์การจดทะเบียนในปัจจุบัน ยอมรับว่า “ไม่มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานที่ตั้งก่อนการรับจดทะเบียน อีกทั้ง กฎหมายไม่ได้ห้ามกรณีที่หลายนิติบุคคล จะมีสถานที่ตั้งเดียวกัน

สำหรับการยื่นจดทะเบียนออนไลน์ ต้องมีการยืนยันตัวตนของกรรมการ และผู้ที่ยื่นขอจดทะเบียนนิติบุคคล ผ่านระบบ e-KYC หรือ Thai ID ส่วนของการตรวจสอบสถานที่ตั้ง ทางกรมฯ อยู่ระหว่างพัฒนาระบบวิเคราะห์พฤติกรรมนิติบุคคล หรือ Intelligence Business Analytic System (IBAS) ซึ่งจะใช้ดูว่ามีพฤติกรรมต้องสงสัยหรือไม่กรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า เพียงแค่กรอกเลขที่บ้าน และรหัสประจำบ้าน ก็สามารถระบุที่ตั้งบริษัทได้เลยนั้น และอาจจะจำเป็นต้องใช้เอกสารอื่นเพิ่มเติม จึงจะต้องยกร่างคำสั่งนายทะเบียนกลาง เพื่อเรียกเอกสารเพิ่มเติม สำหรับการกำหนดข้อจำกัดให้การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้ที่อยู่เดียวกันเป็นจำนวนมากๆ นั้น ขณะนี้ทางกรมฯรับทราบแล้ว ว่ามิจฉาชีพใช้รูปแบบนี้จัดตั้งบริษัท ซึ่งมองว่ามาตรการที่ได้แถลงไปจะช่วยป้องปรามได้ ทั้ง การประสานกับไปรษณีย์ไทยปักหมุด ทำ Google Maps เพื่อให้เห็นภาพที่ตั้ง และการพัฒนาระบบ IBas เป็นต้น ส่วนบริษัทที่มีการจดทะเบียนไปแล้วนั้น ขณะนี้ได้มอบให้ทีมเฉพาะกิจไปดำเนินการเข้าไปตรวจสอบไล่ดูข้อมูล ซึ่งอาจจะประสานงานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย

ส่วนกรณีที่มีบริษัทผีหลายแห่งใช้ที่อยู่เดียวกันนั้น ต้องขอเข้าไปตรวจสอบก่อน พร้อมอธิบายว่า มีบางกรณีที่มีสำนักงานบัญชี หรือสำนักงานกฎหมาย ให้คำปรึกษาแก่ประชาชน ที่ต้องการจัดตั้งบริษัท แล้วใช้ที่อยู่ของเขา เป็นที่อยู่ของบริษัทเพื่อความสะดวกในการส่งเอกสาร ในการติดต่อบริษัท แต่หากพบว่าเป็นที่ตั้งที่น่าสงสัย ก็จะมีการประสานร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการส่งต่อข้อมูล สำหรับกรณีที่เปิดบริษัทโดยมีชื่อต่างด้าวมาเป็นกรรมการ ถ้ามาตามขั้นตอนที่ถูกต้องก็สามารถดำเนินการได้ เพราะก็ไม่ได้กีดกันการลงทุนจากต่างชาติ แต่หากมาแบบผิดกฎหมายหรือใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี ก็จะมีการตรวจสอบ และมีการติดตามผลของการดำเนินคดีหรือเอาผิด

“กรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับกรณีดังกล่าวและได้เร่งตรวจสอบบริษัทตามที่เป็นข่าว ซึ่งในกรณีนี้ถือว่านิติบุคคลดังกล่าวได้กระทำความผิดภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามมาตรา 1148 ที่กำหนดให้บริษัทจำกัดต้องมีสำนักงานที่ตั้งและแจ้งต่อนายทะเบียนของกรมฯ เมื่อดำเนินการจัดตั้งนิติบุคคลหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งสำนักงาน หากไม่กระทำตามจะต้องได้รับโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท นอกจากนี้ ยังอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับในส่วนของการฉ้อโกงผู้เสียหายเป็นอำนาจของตำรวจที่จะได้ดำเนินการสืบสวนนิติบุคคลรายนั้นในเชิงลึกต่อไป ซึ่งกรมฯ ยินดีที่จะให้ข้อมูลทางทะเบียนของนิติบุคคลดังกล่าวเพื่อนำไปประกอบการสืบสวนว่าเข้าข่ายเป็นบัญชีม้านิติบุคคลหรือไม่และสามารถดำเนินการจับกุมภายใต้อำนาจหน้าที่ของตำรวจต่อไป”

อย่างไรก็ดี ในการพิจารณา คำขอจดทะเบียนจะมีการตรวจสอบเลขรหัสประจำบ้านกับฐานข้อมูลของกรมการปกครองว่าเป็นข้อมูลที่ตรงกันกับบ้านเลขที่ดังกล่าวจริง โดยในส่วนว่าเจ้าของบ้านจะทราบและยินยอมให้ใช้เป็นที่ตั้งนิติบุคคลหรือไม่นั้น ผู้ขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลจะเป็นผู้ยืนยันและรับผิดชอบข้อเท็จจริงดังกล่าวเอง หากเป็นการแจ้งเท็จก็จะมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งจากปัญหาการใช้บัญชีม้านิติบุคคลและสถานที่ตั้งอันเป็นเท็จในการหลอกลวงประชาชนดังกล่าว กรมฯ เตรียมเพิ่มมาตรการเพื่อตรวจสอบสถานที่ตั้งและเรียกเอกสารยินยอมจากเจ้าของสถานที่ตั้งนิติบุคคล เพื่อปิดช่องว่างการที่มิจฉาชีพนำที่อยู่ของผู้อื่นมาสวมทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล” อธิบดี DSD กล่าว

AIS จัดเต็มโปรเด็ด ช้อปคืนภาษีสุดคุ้ม บุกงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2025 ยกทัพสมาร์ทโฟน 5G เครื่องเปล่าไม่ติดสัญญา ลดสูงสุดถึง 50%

0

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ฉายภาพความสำเร็จ ตอกย้ำผู้ให้บริการเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-Co ด้วยศักยภาพโครงข่ายสื่อสารอัจฉริยะ 5G และเน็ตบ้าน จัดทัพสุดยอดนวัตกรรม สมาร์ทโฟน และดีไวซ์ โดนใจทุกสาย ตอบทุกไลฟ์สไตล์ดิจิทัล มอบความพิเศษให้ลูกค้า AIS แบบเอ็กซ์คลูซีฟในมหกรรมมือถือที่ใหญ่ที่สุด ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2025 ระหว่างวันที่ 30 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2568 ณ บูธ PL10 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ช่วยกระตุ้นมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 คึกคักรับศักราชใหม่

นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและผู้ให้บริการดิจิทัล ที่วันนี้ AIS ได้รับการยืนยันให้เป็นเครือข่ายอันดับ 1 ทั้งมือถือและเน็ตบ้านที่ดีที่สุดในไทย การันตีด้วยรางวัลจาก Ookla Speed Test โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AIS 5G ที่ได้รับการประเมินจากผู้บริโภคให้เป็นอันดับ 1 ในทุกหมวด ทั้งความเร็วแรง และความเสถียร ครอบคลุมแล้วกว่า 95% ของพื้นที่ประชากรไทย และโครงข่ายเน็ตบ้านความเร็วสูงที่เข้าถึงกว่า 20 ล้านครัวเรือน นอกจากนี้ เรายังได้ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลาย เพื่อนำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันสุดล้ำมาให้ลูกค้าได้สัมผัสการใช้งานบนโครงข่าย 5G และเน็ตบ้านอัจฉริยะ”

โดยในงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2025 AIS มอบความพิเศษให้ลูกค้าและคนไทย จัดเต็มทัพนวัตกรรม สมาร์ทโฟน แกดเจ็ต และดีไวซ์สุดล้ำ ที่จะมาตอบโจทย์ทุกความ ต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งสายทำงาน สายเรียน สายเกม สายเที่ยว สายความบันเทิง สายช้อป และสายมู พร้อมโปรโมชันส่วนลดสุดพิเศษ

  • วัยเรียน – ทำงาน พกพาสะดวก ใช้งานง่ายได้ทุกที่ ครั้งแรกกับ AIS Cloud PC แอปคอมบนคลาวด์ เปลี่ยนแท็บเล็ตให้เป็นคอมพิวเตอร์พกพาสามารถใช้งาน Windows ได้ โดยรองรับอุปกรณ์ทั้ง Mac OS / iOS และ Android ประหยัดไม่ต้องซื้อคอมใหม่ ที่สำคัญข้อมูลปลอดภัยบนคลาวด์ เริ่มต้นเพียงเดือนละ 299 บาทเท่านั้น
  • เอาใจสายเกมเมอร์ เปิดจำหน่ายเกมมิ่งสมาร์ทโฟนสเปคขั้นเทพที่แรกในไทย ASUS ROG Phone 9 Series ที่ทรงพลังครบเครื่องที่สุด ด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8 Elite พิเศษ! ดีลคุ้มลดสูงสุด 8,400 บาท และรับฟรีของแถมมูลค่ารวมสูงสุด 7,760 บาท
  • สายท่องเที่ยวต้องมี กับโดรนพับได้ตัวท็อปHOVERAir X1 Pro Max รูปลักษณ์สวยงาม ขนาดเท่าฝ่ามือ เป็นกล้องบินได้ความคมชัดสูงสุด 8K น้ำหนักเบา พกพาง่าย ความเร็วสูงสุด 47 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว เอาใจสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์ พร้อมแถมอุปกรณ์เสริมครบชุด พิเศษเฉพาะที่บูธ AIS ในงาน
    โมบาย เอ็กซ์โป 2025 เท่านั้น
  • เติมเต็มทุกความบันเทิงภายในบ้าน ครั้งแรกของการเปิดตัว SMART WIRELESS MICROPHONE ไมโครโฟนไร้สายอัจฉริยะ ใช้งานคู่กับลำโพงอัจฉริยะ SMART SOUNDBAR พร้อมระบบเสียง Dolby ATMOS และระบบ THX ให้การร้องคาราโอเกะเพลงโปรดสนุกยิ่งขึ้น สมาร์ทยิ่งกว่า ด้วยฟังก์ชันพิเศษ Karaoke Quality, เสียงธรรมดา และ โหมดเสียงพิเศษ เช่น เสียงชิปมังก์ เสียงเด็ก อัปเกรดความบันเทิงให้ลูกค้าเน็ตบ้านแบบ All in One ในราคาเพียง 1,900 บาท รับไมโครโฟน 1 คู่ ที่ AIS Online Store, AIS และ 3BB Shop
  • ช้อปจุใจ จัดเต็มดีลสุดคุ้ม พร้อมลดหย่อนภาษี นาทีทอง AIS จัด Super Sale ครั้งใหญ่ ขนสมาร์ทโฟน แกดเจ็ต และอุปกรณ์เสริมหลากหลายรุ่น มาให้เลือกช้อปในราคาสุดคุ้ม อาทิ สมาร์ทโฟน 5G เครื่องเปล่าไม่ติดสัญญา ลดสูงสุดถึง 50% หรือใช้ AIS Points 10 คะแนน แลกรับส่วนลดสูงสุด 12,200 บาท พร้อมใช้สิทธิ์ Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท
  • สายมูเสริมความปัง รับพลังจากซิมเป็นหนึ่ง เบอร์เสริมธุรกิจ เลขพิชิตรวยสำหรับพ่อค้าแม่ขายออนไลน์ คัดสรรโดยซินแสเป็นหนึ่ง วงษ์ภูดร ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ตัวเลข ส่งเสริมโชคลาภและดวงการเงินด้วยพลังแห่งตัวเลข เสริมความเฮงตลอดปีมะเส็ง

“แม็คยีนส์” เอาใจคนรักเจ้าชายน้อย เปิดตัวคอลเลคชั่นสุดพิเศษ “Mc JEANS for The Little Prince Universe”

0

“แม็คยีนส์” เปิดตัวคอลเลคชั่นพิเศษ “Mc JEANS for The Little Prince Universe” กับไอเทม ลิมิเต็ดเอดิชั่น ต้อนรับเรื่องราวสุดคลาสสิค ระดับสากล ในงาน “The Little Prince Universe – An Immersive Journey” ครั้งแรกที่กรุงเทพฯ ณ ไอคอนสยาม 24 ม.ค. – 11 พ.ค. นี้

The Little Prince หรือ “เจ้าชายน้อย” เรื่องราวอันงดงามเกี่ยวกับชีวิต ความรัก และมิตรภาพระดับสากล ที่ก้าวข้ามกาลเวลาและวัฒนธรรมอย่างแท้จริง ด้วยยอดขายกว่า 800 ล้านเล่มทั่วโลก และถูกแปลไปแล้วมากกว่า 600 ภาษา ถูกนำมาสร้างเป็นประสบการณ์เสมือนจริงอย่างเต็มรูปแบบครั้งแรก เพื่อปลุกแรงบันดาลใจ และความเป็นเด็กในตัวคุณ ผ่านการแสดงครั้งแรกของ The Little Prince ในประเทศไทย ในงาน “The Little Prince Universe – An Immersive Journey” ครั้งแรกที่กรุงเทพมหานคร ให้ทุกคนได้สัมผัสทั้งความสวยงาม ความสนุก และแรงบันดาลใจที่เต็มเปี่ยม ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร ณ Attraction Hall ชั้น 6 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม – 11 พฤษภาคม 2568

นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยว่า ในโอกาสที่แม็คยีนส์ได้ร่วมเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ในงานสุดยิ่งใหญ่นี้ บริษัทได้สร้างสรรค์คอลเลคชั่นสุดพิเศษ “Mc JEANS for The Little Prince Universe” เพื่อร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของเจ้าชายน้อย ผ่านไอเทมยอดนิยมจากแบรนด์แม็คยีนส์ที่จะช่วยเติมเต็มให้ประสบการณ์การผจญภัยในครั้งนี้ให้กับทุกๆ คน

พบกับไอเทมหลากหลาย ได้แก่ เสื้อยืดคอกลมทรงคลาสสิค ลวดลายเจ้าชายน้อยในเรื่องราวต่างๆ สีเสื้อมีความมินิมอล ผลิตด้วยผ้าคอตตอน 100% สัมผัสนุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี เทคนิคการพิมพ์ออฟเซททั้งด้านหน้าและด้านหลัง ใส่แมทช์กับกางเกงยีนส์หรือขาสั้นตัวโปรด และเสื้อฮู้ดดี้ ทรงคลาสสิค ใส่คลุมกันหนาว กันลม เน้นลวดลายกราฟฟิคสดใสของเจ้าชายน้อย มีด้วยกัน 2 สี คือ สีขาว และสีกรมท่า นอกจากนี้ ยังมีแอคเซสเซอรี่สุดน่ารัก กับหมวกทรง Bucket พร้อมดีเทลเน้นกราฟฟิคลายสกรีนตัวอักษร เป็นผ้าคอตตอนเดนิม 100% มีความทนทาน และระบายอากาศได้ดี พร้อมด้วยกระเป๋าช็อปปิ้งแบ็ก ถุงช้อปปิ้งสะพายข้างขนาดพอดีตัว น้ำหนักเบา สะดวกต่อการใช้งาน    

“แม็คยีนส์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งของนิทรรศการสุดพิเศษนี้ และให้ไลฟ์สไตล์ของเจ้าชายน้อยได้ปรากฏอยู่บนสินค้าของเรา ซึ่งเชื่อว่าลวดลายที่เราเลือกมาพิมพ์ลงบนไอเทมต่างๆ จะถูกใจแฟนๆ ของเจ้าชายน้อยอย่างแน่นอน” นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ กล่าว

พบกับคอลเลคชั่นสุดพิเศษ “Mc JEANS for The Little Prince Universe” ได้แล้ววันนี้ที่งาน “The Little Prince Universe – An Immersive Journey” ครั้งแรกที่กรุงเทพมหานคร ณ ไอคอนสยาม สินค้ามีจำนวนจำกัดและเอ็กซ์คลูซีฟที่เดียวผ่านเว็บไซต์ www.mcshop.com สามารถติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าและกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/mcjeans

เพชรบุรีจับมือชุมชน ปราบปลาหมอคางดำ จับทำ “น้ำปลาแท้ชาววัง” ดันให้เป็นสินค้าโอท็อป

0

จังหวัดเพชรบุรีเดินหน้าปราบปลาหมอคางดำไม่หยุด!! รุกยกระดับการจัดการอย่างเข้มข้น ด้วยการริเริ่มจัดตั้ง “กองทุนปลากะพง” ช่วยเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำใช้เป็นปลานักล่าในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และยังต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มปลาหมอคางดำด้วยการขยายผลผลิต “น้ำปลาแท้ตราชาววัง” สู่ 10 ชุมชน เพื่อส่งเสริมการผลิตน้ำปลาคุณภาพสูง และเตรียมขึ้นทะเบียนขอรับรองผลิตภัณฑ์จีไอ (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ – GI) และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนให้แข็งแรง

นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์ปลาหมอคางดำในพื้นที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจังหวัดบูรณาการความร่วมมือกับสำนักงานประมง หน่วยงานในพื้นที่ ภาคเอกชน ผู้นำชุมชนและประชาชน ดำเนินมาตรการจัดการปัญหาปลาหมอคางดำตามแนวทางของกรมประมงอย่างจริงจัง ส่งผลให้ความหนาแน่นของปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติลดลงจาก 80 ตัวต่อ 100 ตารางเมตร เหลือเพียง 12 ตัวต่อ 100 ตารางเมตร ช่วยลดผลกระทบและฟื้นฟูระบบนิเวศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากการกำจัดและควบคุมประชากรปลาหมอคางดำ จังหวัดเพชรบุรียังส่งเสริมเกษตรกรและชุมชนนำปลาหมอคางดำที่จับได้มาแปรรูปเป็นสินค้าอาหารหลากหลาย เช่น ปลาร้า น้ำปลาแท้ ลูกชิ้นปลาบอลชีส และอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการบริโภคให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการนำปลาหมอคางดำมาหมักเป็น น้ำหมักชีวภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชาวนาและเกษตรกร ใช้ในนาข้าวและพืชสวน ช่วยลดต้นทุนเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร

นายประจวบ เจี้ยงยี่ ประมงจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า ปีนี้ประมงเพชรบุรียังคงเฝ้าระวังและดำเนินมาตรการควบคุมปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” จับปลาหมอคางดำขนาดใหญ่ออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และปล่อยปลานักล่า เช่น ปลาอีกงและปลากะพง ตั้งเป้าจำนวน 10,000 ตัวต่อคลอง ลงใน 18 สายคลอง เพื่อควบคุมประชากรปลาหมอคางดำให้ต่ำกว่า 12 ตัวต่อ 100 ตารางเมตร

ขณะเดียวกัน ประมงจังหวัดยังได้จัดตั้ง “กองทุนปลากะพงเพื่อเกษตรกร” ขึ้น เน้นช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำแบบระบบกึ่งปิด โดยสนับสนุนปลากะพงให้กลุ่มเกษตรกรเป็นทุนตั้งต้น สำหรับจำหน่ายให้สมาชิกในราคาทุน และนำเงินที่ได้ไปซื้อปลากะพงมาขยายผลให้กับเกษตรกรรายอื่นๆ ได้นำไปใช้ต่อได้

ประมงเพชรบุรียังเผยความคืบหน้าในการจัดตั้ง อาสาสมัครเฝ้าระวังปลาหมอคางดำประจำอำเภอ ขณะนี้ได้ดำเนินการจัดตั้งผู้นำกลุ่ม และอยู่ระหว่างหาทีมอาสาสมัครเพิ่มให้ครบ 30 ทีม ตั้งเป้าแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ ทั้งนี้ การดำเนินงานของจังหวัดเพชรบุรีไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ แต่ยังสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม.

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ครองใจคนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วย คว้ารางวัล Top 50 Companies in Thailand 2025

0

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จิตติยา ธรรมสรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้าสายงานทรัพยากรบุคคลและพัฒนาองค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับรางวัล Top 50 Companies in Thailand 2025 โดย Work Venture ที่ปรึกษาและผู้นำด้านการสร้างแบรนด์นายจ้างให้แก่องค์กรชั้นนำของประเทศไทย ที่ได้รวบรวมผลสำรวจคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กว่า 10,000 คน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด เป็นปีแรก

ความสำเร็จนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เน้นการพัฒนาและดูแลพนักงานให้มีความเป็นอยู่ที่ดี สนับสนุนการทำงานของพนักงาน ซึ่งสอดคล้องแผนกลยุทธ์สำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ “สรรสร้างคนและอนาคต (Groom People & Our Future)” ในการเตรียมพร้อมคน ปรับวิถีงาน ตอบโจทย์อนาคต

ม.กรุงเทพ ยกระดับทักษะ AI ให้นศ. ผ่าน Coursera Gen-AI Academy ฟรี!

0

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เดินหน้ายกระดับทักษะนักศึกษาให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัล โดยเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวในไทยที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้าถึง Coursera Gen-AI Academy เพื่อเสริมทักษะด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป็นทักษะแห่งอนาคตที่จำเป็นในทุกอุตสาหกรรม

ผศ.ดร.สมยศ วัฒนากมลชัย รองอธิการบดีสายนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยว่า โครงการนี้เปิดให้นักศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและโทสามารถเรียนหลักสูตรด้าน AI จากมหาวิทยาลัยและองค์กรชั้นนำระดับโลก เช่น Stanford University และ Google โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมรับประกาศนียบัตรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เสริมความน่าเชื่อถือใน CV และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในตลาดแรงงาน

โครงการนี้เน้นการบูรณาการเนื้อหาจาก Coursera เข้ากับหลักสูตรของมหาวิทยาลัย นักศึกษาสามารถเข้าเรียนรายวิชาด้าน AI บนแพลตฟอร์ม Coursera ได้ฟรี โดยสามารถเลือกเรียนจากรายวิชาที่คณาจารย์คัดสรรให้ตรงกับความต้องการของตลาดงาน หรือเลือกเรียนเพิ่มเติมตามความสนใจของตนเอง ปัจจุบันมีหลักสูตรด้าน AI ให้เลือกมากกว่า 1,000 รายวิชา ครอบคลุมตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูง เมื่อเรียนจบและผ่านเกณฑ์ที่กำหนด นักศึกษาจะได้รับใบประกาศนียบัตรรับรองความสำเร็จ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประกอบการสมัครงานหรือเสริมความก้าวหน้าในการทำงานในอนาคต

นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Coursera ยังมีเครื่องมือวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ที่ช่วยให้อาจารย์สามารถติดตามและประเมินผลได้อย่างแม่นยำ ทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพและตรงกับพฤติกรรมของผู้เรียนมากที่สุด มหาวิทยาลัยกรุงเทพเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการเรียนการสอน และเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาก้าวสู่ตลาดแรงงานยุคใหม่อย่างมั่นใจ

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ยังคงยืนหยัดในความเป็นผู้นำด้านการศึกษา ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีที่สุดและสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้อย่างมั่นใจ.

กคช. จัดโปรโครงการ “บ้านคุ้มค่า ราคาโดนใจ รับปีใหม่ 2568” สำหรับคนอยากมีบ้าน ลดสูงสุด 20% พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ

0

การเคหะแห่งชาติ (กคช.) มอบของขวัญปีใหม่ 2568 จัดแคมเปญพิเศษภายใต้โครงการ “บ้านคุ้มค่า ราคาโดนใจ รับปีใหม่ 2568” ยกทัพโครงการที่อยู่อาศัยครอบคลุมทั้งโครงการในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางได้มีบ้านในราคาพิเศษ พร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 20% ผู้ที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษได้แล้ววันนี้ถึง 31 มีนาคม 2568 จำนวนกว่า 5,700 หน่วย

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ในปี 2568 นี้การเคหะแห่งชาติได้มอบของขวัญรับปีใหม่ 2568 ให้กับประชาชน ตามภารกิจหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง พร้อมกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย และตามนโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร ที่มุ่งเน้นบ้านสำหรับคนทุกช่วงวัย ทุกกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงได้อยู่อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยได้จัดทำโครงการ “บ้านคุ้มค่า ราคาโดนใจ รับปีใหม่ 2568” ยกทัพโครงการที่อยู่อาศัยครอบคลุมทั้งโครงการในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค จัดโปรโมชั่นส่วนลดราคาพิเศษ จำนวนกว่า 5,700 หน่วย โดยมีส่วนลดพิเศษตั้งแต่ 5-20% จากราคาขายมาตรฐาน จำนวน 102 โครงการ สำหรับมูลค่าส่วนลดจะแตกต่างกันตามประเภทโครงการ และโปรโมชั่นลดราคาขายโครงการบ้านเอื้ออาทร 47 โครงการ โดยห้องชุดขนาด 24 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 250,000 บาท และห้องชุดขนาด 33 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 390,000 บาท

นอกจากส่วนลดพิเศษแล้ว ยังมีอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับการเช่าซื้อ โดยลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินแล้วไม่ได้รับอนุมัติ สามารถยื่นขอสินเชื่อกับโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย (เช่าซื้อ คบส.) โดยลูกค้าทั่วไปรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.5% ใน 4 ปีแรก และปีที่ 5 เป็นต้นไปรับอัตราดอกเบี้ย 2.25% ส่วนกลุ่มเปราะบาง (คนพิการ ผู้สูงอายุ พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือบุตรที่ประสงค์จะซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการที่พ่อแม่อาศัยอยู่เดิม หรือผู้ที่มีภาระต้องดูแลผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ทุพพลภาพ) ในช่วง 5 ปีแรกรับดอกเบี้ย 1.5% และปีที่ 6 เป็นต้นไป รับอัตราดอกเบี้ย 2.25% เช่นกัน โดยให้ระยะเวลาผ่อนนานถึง 40 ปี 

กรณีหากไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ลูกค้ายังสามารถยื่นขอทำสัญญาเช่าซื้อโดยตรงกับการเคหะแห่งชาติได้อีก (เช่าซื้อ กคช.) โดยลูกค้าทั่วไปได้รับอัตราดอกเบี้ย 4.25% ในช่วง 3 ปีแรก ปีที่ 4-5 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5.25% ปีที่ 6-10 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 6.50% และปีที่ 11-40 อยู่ที่ 6.75%

ส่วนกลุ่มเปราะบางได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 4.25% ในช่วง 5 ปีแรก ในปีที่ 6-10 อัตราดอกเบี้ย 6.50% และปีที่ 11 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 6.75% ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 40 ปี ทั้งนี้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และโครงการที่เข้าร่วมโปรโมชั่นเป็นไปตามที่การเคหะแห่งชาติกำหนด

ผู้สนใจสามารถจองบ้านออนไลน์ได้ที่ https://house.nha.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1615 ฝ่ายบริหารงานขาย สำนักงานใหญ่การเคหะแห่งชาติ Facebook: NHA marketing, Facebook: การเคหะแห่งชาติ หรือสำนักงานเคหะนครหลวงและสำนักงานเคหะจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ