Home Blog Page 178

ตลาดหลักทรัพย์ไทย จับมือ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ เชื่อมโยงข้อมูลลงทุนสองตลาดให้เป็นที่รู้จัก

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai Stock Exchange: SSE) เชื่อมโยงข้อมูลการลงทุนให้หลักทรัพย์ไทยและจีนเป็นที่รู้จัก โดยนำเสนอดัชนีหลักที่สะท้อนถึงหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพและคุณภาพผ่านช่องทางของแต่ละประเทศ ได้แก่ www.settrade.com และwww.csindex.com.cn เป็นครั้งแรก เพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าถึงข้อมูลหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 2 ประเทศ ติดตามข้อมูลได้แล้ววันนี้

ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ เชื่อมโยงข้อมูลการลงทุนให้หลักทรัพย์ไทยและจีนเป็นที่รู้จัก โดยความร่วมมือนี้อยู่ภายใต้การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านดัชนี (Index Cross-border Cooperation) ที่จัดทำขึ้นระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัท China Securities Index Company Limited (CSI) ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดทำและเผยแพร่ดัชนีในเครือตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ เพื่อแลกเปลี่ยนการเผยแพร่ข้อมูลดัชนี โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้นำข้อมูลดัชนีของตลาดทุนไทยไปเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของ CSI เพื่อชูศักยภาพและความน่าสนใจลงทุนของตลาดทุนไทย และเพื่อให้ผู้ลงทุนในประเทศจีนได้นำข้อมูลไปวิเคราะห์ก่อนการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ CSI มีเครือข่ายผู้ใช้ข้อมูลเฉลี่ย 8,000 รายต่อวัน ความร่วมมือด้านดัชนีครั้งนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งในแผนงานสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการเชื่อมโยงโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้เป็นผลจากการหารือเชิงลึกระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการตลาดทุนระหว่างสองตลาด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ได้ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียนด้านดัชนี ทั้งนี้ นายจาง จื่อหมิง ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท China Securities Index Company Limited (CSI) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การเชื่อมโยงข้อมูลดัชนีนี้ เพื่อเพิ่มช่องทางในการส่งเสริมความเข้าใจระหว่างตลาดทุนจีนและอาเซียน ซึ่ง CSI มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์ทั้งสองแห่ง ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มการรับรู้และความน่าสนใจในดัชนีของจีนในระดับสากล

ผู้ลงทุนสามารถติดตามข้อมูลการเผยแพร่ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ไทย ประกอบด้วย ดัชนี SET Index, SET 50 Index และ SET THSI Index ได้ที่ www.csindex.com.cn และดัชนีของตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ประกอบด้วย ดัชนี SSE Composite Index, SSE 50 Index, SSE Science and Technology Innovation Board 50 Index, CSI 300 Index และ CSI Smallcap 500 Index ที่ www.settrade.com ภายใต้เมนู Global โดยใช้ชื่อว่า “International Index Cooperation”

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกันตั้งแต่ปี 2553 เพื่อขยายโอกาสให้หลักทรัพย์ไทยและจีนเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น พร้อมเปิดโอกาสการเชื่อมโยงทั้งสองตลาดเพื่อเพิ่มทางเลือกในการระดมทุน ซึ่งที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนบุคลากรและจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง

รู้เก็บรู้ออม : e–Proxy Voting

0

นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา นักลงทุนคงเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในบริการของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ หรือ TSD ไม่ว่าจะเป็นบริการยืนยันตัวตนเมื่อสมัครใช้บริการ Investor Portal ด้วย NDID ผ่านแอปฯโมบายแบงกิ้งของธนาคาร, บริการโอนหุ้นออนไลน์เข้าพอร์ตซื้อขายหุ้น, บริการยื่นเครดิตภาษีเงินปันผลออนไลน์ ตลอดจนบริการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายประเภทให้ครอบคลุมธุรกรรมมากขึ้นกว่าเดิม

ถือเป็นการเดินหน้ายกระดับบริการให้ตอบโจทย์นักลงทุนยุคใหม่ ช่วยให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างสะดวก คล่องตัว รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น ทำให้ธุรกรรมหลังการซื้อขายหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนักลงทุนอีกต่อไป และยังเป็นการเตรียมการเพื่อรองรับธุรกรรมรูปแบบใหม่ๆในอนาคต

ล่าสุด TSD ชักชวนให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยมาใช้ “บริการมอบฉันทะในการประชุมผู้ถือหุ้นโดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์” e–Proxy Voting หรือบริการมอบฉันทะออนไลน์ โดยผู้ถือหุ้นที่ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนนด้วยตนเอง สามารถใช้บริการใหม่นี้ได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางในการใช้สิทธิออกเสียงแก่ผู้ถือหุ้นในยุคดิจิทัล

โดยช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนของทุกปี จะเป็นเวลาที่บริษัทจดทะเบียนจัดประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี ซึ่งจากข้อมูลล่าสุด พบว่า ผู้ลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยสูงสุดที่ 29.66% จึงถือว่ามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทย ดังนั้น บริการใหม่ e-Proxy Voting จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้ถือหุ้นรายย่อยในการใช้สิทธิออกเสียงโหวตโดยไม่ต้องเข้าประชุมด้วยตนเอง ไม่ต้องรอหนังสือเชิญประชุม และไม่ต้องส่งหนังสือมอบฉันทะและเอกสารแสดงตนทางไปรษณีย์

ผู้ถือหุ้นสามารถมอบฉันทะให้กรรมการอิสระของบริษัทเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นและออกเสียงลงคะแนนได้ เพียงกรอกข้อมูลมอบฉันทะให้ครบ ผ่าน Investor Portal (IVP) แพลตฟอร์มให้บริการผู้ถือหุ้นออนไลน์ที่ปลอดภัย โดยบริษัทจดทะเบียนจะดึงข้อมูลจากระบบ IVP ไปใช้ในการประชุมผู้ถือหุ้น

และยังสามารถจ่ายค่าแสตมป์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Stamp) บนหนังสือมอบฉันทะได้ง่ายๆผ่านการเชื่อมต่อโดยตรงกับระบบชำระ e-Stamp ของกรมสรรพากร โดยเลือกจ่ายผ่าน e-Payment ได้ทั้ง Mobile Banking และ Internet Banking

การยกระดับบริการของ TSD ครั้งนี้ นอกจากช่วยลดต้นทุนและกระบวนการทำงานให้กับบริษัทจดทะเบียนแล้ว ยังเป็นการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อมด้วย จากการลดปริมาณการใช้กระดาษ เพราะเมื่อมีคนสนใจเปลี่ยนมาใช้บริการอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น การใช้กระดาษสำหรับเอกสารต่างๆ ก็จะลดน้อยลง ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการลดใช้กระดาษ

ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนที่ใช้บริการ e–Proxy Voting แล้ว 181 บริษัท สามารถเข้าไปดูรายชื่อบริษัทได้ที่ www.set.or.th/tsd ไปที่เมนูบริการสำหรับนักลงทุน แล้วเลือก “บริการอิเล็กทรอนิกส์สำหรับนักลงทุน” > “e–Proxy Voting” หรือหากต้องการใช้บริการ Investor Portal และ e–Document สามารถสมัครได้ที่หน้า “บริการอิเล็กทรอนิกส์สำหรับนักลงทุน”

บริการใหม่ยกระดับประทับใจ ทั้งดีต่อใจ และดีต่อโลกกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย!

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

“ซีพีเอฟ โรงงานแปรรูปเนื้อไก่สระบุรี” โชว์เทคโนโลยีระดับโลก ต้อนรับ คณะ APO

0

คณะสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ สถาบันเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรมและภาคีสมาชิกในนามประเทศไทย ขององค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย หรือ เอพีโอ (Asian Productivity Organization : APO) เยี่ยมชม กระบวนการผลิตโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ครบวงจรสระบุรี ของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ พร้อมจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ในหัวข้อ Workshop on IoT Applications in Livestock Management เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีด้าน IoT (Internet of Things) และต่อยอดธุรกิจในอนาคต โดยมี น.สพ.พยุงศักดิ์ สมยานนทนากุล รองผู้อำนวยการ ด้านมาตรฐานฟาร์มและข้อกำหนดลูกค้า และคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ ร่วมบรรยายพิเศษการประยุกต์ใช้จริงเชิงอุตสาหกรรม

ซีพีเอฟ นำระบบอัจฉริยะ (Smart Farm) มาเชื่อมโยงกับการเลี้ยงสัตว์ในฟาร์มแบบอัตโนมัติ ที่สามารถติดตามผลได้แบบ Real Time และแม่นยำ ส่งเสริมความเป็นอยู่ของสัตว์ ความต้องการ และความสุขสบายตามธรรมชาติของสัตว์ภายใต้หลักสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี (Animal Welfare)สนับสนุนการตรวจสอบย้อนกลับตลอดห่วงโซ่การผลิต ตลอดจนส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานชีวมวล พลังงานชีวภาพ และพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net-Zero ภายในปี 2050

“รู้ทันปากท้อง” กับตลาดหลักทรัพย์ ตอน “โกหกขาวคืออะไร บาปไหมครับ”

0

พระราชวัชรบัณฑิต (ประนอม ธมฺมาลงฺกาโร) เจ้าอาวาสวัดจากแดง
กูรูกู้ใจ บอกว่า ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้พูด ต้องไม่ทำลายประโยชน์ผู้ฟัง

AIS ผนึก แบงก์กรุงเทพ เปิดตัวบัตรเดบิต Be1st Digital AIS POINTS สะสมพอยท์แบบอุ่นใจ ปลอดภัย

0
ธนาคารกรุงเทพ และ AIS 5G ผู้นำจาก 2 อุตสาหกรรมหลักของประเทศทั้งบริการทางการเงินและโทรคมนาคม ผนึกความร่วมมือครั้งสำคัญ เดินหน้าผลักดันการเติบโตของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ Digital Economy ของประเทศ ด้วยการใช้ศักยภาพความแข็งแกร่งร่วมกัน จากขีดความสามารถของโครงข่ายอัจฉริยะและนวัตกรรมทางการเงินเข้าเชื่อมต่อประสบการณ์ดิจิทัลให้กับลูกค้า สร้างโอกาสให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงินรูปแบบใหม่บนดิจิทัลแพลตฟอร์ม ผ่านการเปิดตัวบัตรเดบิต Be1st Digital AIS POINTS (บัตรบีเฟิสต์ ดิจิทัล เอไอเอส พอยท์) บัตรเดบิตที่จะมาพลิกโฉมประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ของลูกค้า ด้วยสิทธิพิเศษจากคะแนนสะสมของ AIS Points และความปลอดภัยสูงสุดด้วยมาตรฐานบริการทางการเงินจากธนาคารกรุงเทพ โดยทุกการช้อปออนไลน์ 200 บาท รับทันที 1 AIS Points ที่ลูกค้าสามารถนำคะแนนแลกรับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้ง ค่าโทร, ค่าเน็ต, แลก LINE STICKERS, แลกรับอาหารและเครื่องดื่ม หรือแม้แต่แลกรับส่วนลดสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ มากกว่า 1.8 ล้าน ร้านค้าทั่วประเทศ บนแอป myAIS ทั้งนี้ยังมอบความพิเศษแบบจัดเต็ม เพียงสมัครบัตร “Be1st Digital AIS POINTS” ภายใน 31 ส.ค. 66 ฟรีค่าธรรมเนียม และรับคะแนน AIS Points สูงสุดถึง 200 พอยท์

นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะสถาบันการเงินชั้นนำของภูมิภาค และ เอไอเอส ผู้นำด้านบริการดิจิทัลและโครงข่ายสื่อสาร ร่วมกันเปิดตัว “บัตรบีเฟิสต์ ดิจิทัล เอไอเอส พอยท์” บัตร co-brand ร่วมกันครั้งแรก เพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านการชำระเงินค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ผ่านร้านค้าออนไลน์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ขณะเดียวกันยังตอบโจทย์ความคุ้มค่าในทุกการใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตร ทุกๆ 200 บาท รับ เอไอเอส พอยท์ 1 พอยท์ สูงสุดถึง 100 พอยท์ต่อบัตรต่อเดือน สำหรับสะสมแลกรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากเอไอเอส

“บัตรบีเฟิสต์ ดิจิทัล เอไอเอส พอยท์” ยังมีจุดเด่นที่สามารถใช้ทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วน ใช้ได้สะดวก ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะใช้บัตรดิจิทัลเพียงอย่างเดียว หรือจะใช้คู่กับบัตรพลาสติกโดยบัตรพลาสติกจะถูกจัดส่งตามที่อยู่ที่ลูกค้าได้ยืนยันในขั้นตอนการสมัครบัตร ทำให้สามารถรองรับการทำธุรกรรมต่างๆของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ รวมถึงเบิก โอน จ่ายที่ตู้ ATM และชำระค่าสินค้าหรือบริการแบบไร้สัมผัส (Contactless) ทั้งยังมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยขั้นสุด ซึ่งใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับบัตรบีเฟิสต์ดิจิทัล ที่คว้ารางวัล “Debit Card of The Year” จากการประกาศรางวัล Global Retail Banking Innovation Awards 2022 จัดโดย The Digital Banker เว็บไซต์ด้านข่าวสาร การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินการธนาคารระดับโลก และรางวัล “Most Innovative Debit Card Offering Thailand 2022” ตามด้วย “Most Innovative Debit Card Offering Thailand 2023” จาก World Economic Magazine นิตยสารออนไลน์ด้านธุรกิจของสหรัฐอเมริกา

“นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของทั้งธนาคารกรุงเทพและเอไอเอส ที่นำจุดแข็งมาผนึกความร่วมมือเข้าด้วยกัน เพื่อพัฒนา “บัตรบีเฟิสต์ ดิจิทัล เอไอเอส พอยท์” ด้วยเป้าหมายการสร้างประสบการณ์ใช้บริการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า ทั้งการทำธุรกรรมออนไลน์ต่าง ๆ ได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว สามารถปรับเปลี่ยนหรือกำหนดวงเงิน ตลอดจนตรวจสอบยอดใช้จ่ายได้ด้วยตนเองผ่านโมบายแบงก์กิ้ง ของธนาคารกรุงเทพ จึงอุ่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย ทั้งยังได้รับความคุ้มค่าจากเอไอเอส พอยท์ และโอกาสนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีให้แก่ฐานลูกค้าของเอไอเอสที่มีมากกว่า 46 ล้านราย จึงมั่นใจว่าลูกค้าจะให้ความสนใจและตอบรับที่ดี คาดว่าจะมีลูกค้าสมัครบัตรดังกล่าวไม่น้อยกว่า 6 ล้านบัตร ภายใน 5 ปี นับเป็นอีกหนึ่งแผนงานสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำด้าน Digital Payment Solution ได้อย่างครบวงจร และสอดคล้องกับการพัฒนาด้าน Digital Economy ของประเทศไทยอีกด้วย” นายโชค กล่าว

นายธีร์ สีอัมพรโรจน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน AIS กล่าวเสริมว่า “ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของ AIS ในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีให้มีขีดความสามารถและพร้อมเชื่อมต่อการทำงานกับอุตสาหกรรมหลัก เพื่อสร้างการเติบโตให้กับ Digital Economy ของประเทศ โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาเรามีความเชื่อในเรื่องของการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ ทำให้วันนี้ AIS ยังคงสร้าง Ecosystem โดยใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาสร้างประโยชน์ในด้านต่างๆ ให้แก่คนไทยและประเทศ

ดังนั้นความร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพในครั้งนี้ จึงเป็นการยืนยันถึงเป้าหมายการทำงานในด้านการดูแลลูกค้าผ่านโปรแกรม AIS Points ด้วยการนำศักยภาพของโครงข่ายอัจฉริยะมาสร้างโอกาสให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงิน พร้อมรับ AIS Points จากการช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านบัตรเดบิต Be1st Digital AIS POINTS ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่เราต้องการตอบโจทย์ในมุมของการ Earn หรือสะสมคะแนน ให้ลูกค้าได้รับพอยท์จากพาร์ทเนอร์นอกเหนือจากการใช้บริการของ AIS ในขณะเดียวกันลูกค้ายังสามารถนำมา Burn หรือแลกคะแนนกับร้านค้าซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของ AIS ที่ครอบคลุมทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์มากกว่า 1.8 ล้าน ร้านค้าทั่วประเทศ และอีก 20,000 แบรนด์ชั้นนำ บนห้างสรรพสินค้า ร้านค้ารายย่อย ร้านสตรีทฟู้ด รถเข็น ทั่วประเทศ บนแอป myAIS ได้เช่นกัน”

นายธีร์ กล่าวในช่วงท้ายว่า “เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการยกระดับการทำงานเพื่อลูกค้า ซึ่งนอกเหนือจากการที่ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ดิจิทัลจากการใช้จ่ายช้อปปิ้งออนไลน์แล้ว ความร่วมมือครั้งนี้จะสามารถสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งลูกค้าของ AIS และธนาคารกรุงเทพ รวมถึงพาร์ทเนอร์ร้านค้าที่อยู่ในเครือข่ายของโปรแกรม AIS Points ทั่วประเทศ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของ Digital Economy จนนำมาสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้เติบโตได้ท่ามกลางความท้าทายในช่วงเวลานี้”

สำหรับบัตรเดบิต Be1st Digital AIS POINTS มาพร้อมกับคาแรคเตอร์น้องอุ่นใจสุดน่ารัก 4 แบบ 4 ลาย ให้ลูกค้าได้เลือกทั้งในรูปแบบบัตรดิจิทัลและบัตรพลาสติก มีจุดเด่นในเรื่องปลอดภัยในการทำธุรกรรมขั้นสูงสุดตามมาตรฐานระดับโลกด้วยเทคโนโลยีเดียวกันกับบัตรบีเฟิสต์ดิจิทัล ทำให้การใช้งานธุรกรรมทางการเงินต่างๆ มีความสะดวกสบาย ครบถ้วน โดยลูกค้าธนาคารกรุงเทพ และลูกค้า AIS สามารถสมัครได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ผ่าน โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ

โดยลูกค้าที่สมัคร “บัตร Be1st Digital AIS POINTS” ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 สิงหาคม 2566 รับสิทธิพิเศษมากมาย ตั้งแต่ฟรีค่าธรรมเนียม 300 บาท โดยลูกค้าใหม่ที่มีการเปิดบัญชี e-Savings พร้อมโมบายแบงก์กิ้งจากธนาคารกรุงเทพ เมื่อมีการใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตร ตามเงื่อนไขที่กำหนดครั้งแรกรับทันที 200 เอไอเอส พอยท์ และลูกค้าปัจจุบันเมื่อสมัครบัตรพร้อมใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรครั้งแรก รับทันที 100 เอไอเอส พอยท์ และพิเศษยิ่งขึ้น! ทุกการช้อปออนไลน์ผ่านบัตร “บัตร Be1st Digital AIS POINTS” ทุกๆ 200 บาท จะได้รับ 1 เอไอเอส พอยท์ สูงสุด 100 พอยท์ ต่อบัตรต่อเดือน

ลูกค้าสามารถนำคะแนนแลกรับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้ง ค่าโทร, ค่าเน็ต, แลก LINE STICKERS, แลกรับอาหารและเครื่องดื่ม หรือแม้แต่แลกรับส่วนลดสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ ร้านโชว์ห่วย หรือแม้แต่ร้านสตรีทฟู้ด มากกว่า 1.8 ล้าน ร้านค้าทั่วประเทศ บนแอป myAIS ผู้สนใจสมัคร สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0-2645-5555 และ AIS ที่https://www.bangkokbank.com/th-TH/Personal/Cards/Be1st-Smart-Card/Be1st-Digital-AIS-POINTS

เมืองไทยประกันชีวิต จัดพิธีมอบรางวัลเกียรติยศ “MUANG THAI LIFE CONVENTION 2022”

0

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และนายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ประธานกรรมการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)     ให้เกียรติร่วมเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลเกียรติยศฝ่ายขายประจำปี 2565 ภายใต้ชื่อ “MUANG THAI LIFE CONVENTION 2022

พิธีดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อเป็นการประกาศเกียรติยศและฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ให้กับสุดยอดนักขายของบริษัทฯ ที่มีผลงานขายยอดเยี่ยมด้วยความเป็นมืออาชีพและทุ่มเทความสามารถรวมถึงให้การบริการที่ดีแก่ผู้เอาประกัน ภายใต้กฎระเบียบและจรรยาบรรณตัวแทนที่กำหนด  โดยมี นางยุพา ล่ำซำ นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นางสลิล ล่ำซำ นายภูมิชาย ล่ำซำ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และดร.สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ ร่วมในพิธี ณ ทรู ไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม

ผู้ว่าฯ ปากน้ำ นำนักวิ่งกว่า 2,000 คน ร่วมกิจรรม ‘CPF & KASETPHAND RUN FOR CHARITY’ มอบ 1.5 ล.​ ให้รพ.จุฬาฯ

0

นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานเปิดงานวิ่งเพื่อการกุศล “CPF & KASETPHAND RUN FOR CHARITY” 2023 จัดโดย ชมรมซีพีเอฟรันนิ่งคลับ (CPF Running Club) ของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ร่วมกับ บริษัท เกษตรภัณฑ์อุตสาหกรรม จำกัด และกองทัพเรือ มีนักวิ่งและชาวปากน้ำกว่า 2,000 คน ร่วมวิ่งกันอย่างคึกคักและรณรงค์ให้คนไทยออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี โดยได้รับเกียรติจาก นาวาเอก กิตติ หาญภักดี รองเสนาธิการ กองเรือทุ่นระเบิด นาวาเอก สุรศักดิ์ กิ่มบางยาง ผู้บังคับป้อมพระจุลจอมเกล้า ฐานทัพเรือกรุงเทพ รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมปล่อยตัวนักวิ่งมินิมาราธอนระยะ 10 กิโลเมตร และฟันรัน 5 กิโลเมตร รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและเงินสมทบจากพันธมิตรทางธุรกิจรวม 1.5 ล้านบาท มอบให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อดำเนินการอันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนตามเจตนารมณ์ของโรงพยาบาลต่อไป ทั้งนี้ยังเยี่ยมชมบูธซีพีเอฟ ที่นำผลิตภัณฑ์ ไส้กรอกและโบโลน่า แบรนด์ ซีพี FI-IT (ฟิ-อิต) และไข่ต้มซีพี บูธซีพี-เมจิ ที่นำนมคุณภาพมาแจกให้แก่นักวิ่งและผู้ร่วมงานด้วย ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

นายศุภมิตร ชิณศรี กล่าวว่า CPF & KASETPHAND RUN FOR CHARITY เป็นกิจกรรมที่ สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการรณรงค์ประชาชนออกกำลังกาย เพื่อสร้างเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน และแสดงถึงน้ำใจในการช่วยเหลือสังคมของคนไทยอีกด้วย

รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวขอบคุณแทนผู้ป่วยที่ซีพีเอฟและเกษตรภัณฑ์เป็นสะพานบุญส่งมอบความช่วยเหลือ ซึ่งโรงพยาบาลจุฬาฯ จะนำไปช่วยประชาชนให้เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุด นอกจากนี้จัดสรรเงินส่วนหนึ่งมอบให้กับรพ.ในท้องถิ่น โรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ เพื่อชาวเมืองปากน้ำอีกด้วย

นายบุญเสริม เจริญวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ด้านบริหารกระบวนการธุรกิจอาหารสัตว์บก กล่าวว่า ชมรมซีพีเอฟรันนิ่งคลับ ร่วมกับ เกษตรภัณฑ์ฯ กลับมาจัดวิ่งเพื่อการกุศลที่ป้อมพระจุลฯ อีกครั้ง หลังจากต้องงดจัดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ดีใจที่เห็นคนมาร่วมวิ่งกันอย่างคึกคัก และใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น การวิ่งครั้งนี้ทุกคนยังได้สร้างคุณค่าให้กับชุมชนและสังคมที่บริษัทมีการดำเนินงานอยู่ ตามหลักปรัชญา “3 ประโยชน์” สู่ความยั่งยืน ที่บริษัทยึดมั่นปฏิบัติโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ และประชาชน ก่อนประโยชน์ของบริษัทและพนักงานเป็นลำดับสุดท้าย

นายภูมิชัย ตรัยดลานนท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มเกษตรภัณฑ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ขอขอบคุณจังหวัดสมุทรปราการ กองทัพเรือ ป้อมพระจุลจอมเกล้า อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กองเรือทุ่นระเบิด รวมทั้งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ที่สนับสนุนให้การจัดงานครั้งนี้ รวมทั้งนักวิ่งและชาวเมืองปากน้ำที่มาร่วมวิ่งออกกำลังกายเสริมสร้างสุขอนามัย พร้อมกับได้ร่วมกันร้อยเรียงใจตอบแทนคุณสังคม

กิจกรรม CPF & Kasetphand Run For Charity เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยพนักงานเกษตรภัณฑ์ฯ และสมาชิกชมรมซีพีเอฟรันนิ่งคลับ ซีพีเอฟ เป็นชมรมของพนักงานซีพีเอฟที่ชื่นชอบการวิ่งออกกำลังกาย และริเริ่มจัดกิจกรรมวิ่งเพื่อการกุศลเพื่อส่งเสริมให้พนักงานและประชาชนได้ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง และนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้กับหน่วยงานสาธารณประโยชน์ในจังหวัดต่างๆ ตลอด 7 ปีของการจัดกิจกรรม Run For Charity ได้มอบเงินสมทบทุนกว่า 10 ล้านบาทให้แก่โรงเรียน โรงพยาบาล องค์กรภาครัฐและองค์กรสาธารณประโยชน์แล้วกว่า 60 แห่ง สำหรับในปีนี้ ชมรม CPF Running Club จะจัด CPF Run For Charity อีกครั้ง ที่ จ.นครราชสีมา

เซเว่น อีเลฟเว่น​ ดึง “แจ็คสัน หวัง” โชว์ซอฟต์พาวเวอร์​ ชู “เสน่ห์อาหารไทย ที่ใครๆก็หลงรัก”

0

นายทัพพ์เทพ จีระอดิศวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า เนื่องด้วยในปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่อนคลายลงไป ทำให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้เริ่มเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น โดยประเทศไทยเป็นจุดหมายแรกๆ ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ เพราะมีทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงาม อากาศอบอุ่น รอยยิ้มที่ประทับใจ และสิ่งสำคัญที่ช่วยดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลกให้แวะมาเยือนประเทศของเรา นั่นคือเสน่ห์รสชาติของอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์และสร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่ได้ลิ้มลอง

เซเว่น อีเลฟเว่น เป็นอีกหมุดหมายหนึ่งของนักท่องเที่ยว พร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดีเป็นสะพานเชื่อมผู้ประกอบการรายย่อยเอสเอ็มอีกับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกในการอำนวยความสะดวกในการนำอาหารไทยให้นักท่องเที่ยวได้เลือกลิ้มลองรสชาติในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลแห่งความสุขที่กำลังจะมาถึง เซเว่น อีเลฟเว่น จึงได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวแคมเปญ “เสน่ห์อาหารไทย ที่ใครๆก็หลงรัก” นำเสนออาหารไทย ผลไม้ไทย พร้อมรับประทานหลากหลายเมนู หนึ่งในพลังซอฟท์ พาวเวอร์ ด้านวัฒนธรรมที่คนไทยภาคภูมิใจ พร้อมด้วยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มาสัมผัสเสน่ห์ของเมืองไทย

รสชาติอาหารไทยที่หลากหลาย สะดวก 24 ชั่วโมง

โดยเซเว่น อีเลฟเว่น ได้รังสรรค์เมนูอาหารทั้งกลุ่มอาหารคาว หวาน รวมกว่า 200 เมนู โดยมีเมนูไฮไลท์ คือ ข้าวเหนียวทุเรียน กระเพราไก่ไข่ดาว ต้มข่าไก่ ต้มยำกุ้ง ขนมไทย ผลไม้ไทย พร้อมด้วยสินค้าจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เซเว่น อีเลฟเว่น ให้การสนับสนุนกว่า 1,000 รายการ

เปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ ที่หลงรักความเป็นไทย

สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ “เสน่ห์ความเป็นไทย” ดังไกลไปทั่วโลก เซเว่น อีเลฟเว่น ได้เปิดตัวศิลปินระดับโลก “แจ็คสัน หวัง” ผู้ที่หลงรักความเป็นไทยและอาหารไทย มาร่วมเชิญชวนให้คนไทยและนักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยว และลิ้มลอง รสชาติอาหารไทย เราเชื่อว่าการนำ แจ็คสัน หวัง มาเป็นพรีเซนเตอร์ จะทำให้พลังซอฟ พาวเวอร์ ของไทยสื่อสารไปยังนักท่องเที่ยวทั่วโลก 

บริการความสะดวกทุกที่ทุกเวลา อย่างไร้รอยต่อ

ด้วยบริการ 7-Delivery บน 7App จะช่วยให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ได้รับความสะดวกสบาย สามารถสั่งซื้อสินค้าให้ไปส่งถึงที่พัก โรงแรม หรือตามแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบายครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด

“เราเชื่อว่า เรากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่มีความสุข เราคนไทยทุกคนมีความพร้อมและมีศักยภาพในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ด้วยรอยยิ้มและความมุ่งมั่น เราภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันและเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและจากทั่วโลก เรายินดีต้อนรับและพร้อมให้บริการ เป็นไปตามปณิธาน “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสต่อกันนายทัพพ์เทพ กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามชมคลิปวีดีโอเต็มเวอร์ชั่น “แจ็คสัน หวัง” คลิกได้ที่ https://www.facebook.com/7ElevenThailand/videos/1610062202799774

กรมส่งเสริมการเกษตร สาธิตเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา จ.นครสวรรค์

0

นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธานเปิดงานเก็บเกี่ยวข้าวโพดอาหารสัตว์ เกษตรแปลงใหญ่ ของสหกรณ์การเกษตรศาลเจ้าไก่ต่อ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ในวันรณรงค์และสาธิตการเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูแล้งหลังนา จัดโดยสำนักงานเกษตรจังหวัดนครสวรรค์ โดยมี บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด หรือ CPP และ บริษัท สวนสมบูรณ์ จำกัด ผนึกกำลังกับภาครัฐ สนับสนุนโครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ส่งเสริมเกษตรกรปลูกข้าวโพดหลังนา พร้อมรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรง เพิ่มความมั่นใจเกษตรกรมีตลาดรับซื้อแน่นอน ณ แปลงเรียนรู้การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บ้านใหม่สามัคคี

นายเทพ เทพสถิตย์ ผู้อำนวยการ โครงการผลิตวัตถุดิบ บริษัท สวนสมบูรณ์ จำกัด เปิดเผยว่า CPP และสวนสมบูรณ์ ให้การสนับสนุน “โครงการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่” ของสำนักงานเกษตรจังหวัดนครสวรรค์ ด้วยการส่งเสริมปัจจัยการผลิต แก่เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์การเกษตรศาลเจ้าไก่ต่อ ทั้งเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด ซี.พี. พันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์คุณภาพดี สีสวย ยืนต้นดี สีได้เนื้อ และ ปุ๋ย ‘ซี.พี.หมอดิน’ ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช เร่งราก ขยายต้น เพิ่มผลผลิต พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างถูกต้องและเหมาะสม เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดค่าใช้จ่าย และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น และการใช้ประโยชน์จากการไถกลบ ไม่เผาตอซัง ตลอดจนการสนับสนุนด้านการตลาดและรับซื้อผลผลิตคืนจากเกษตรกร ภายใต้ความมุ่งมั่นจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งปลูกที่ปราศจากการบุกรุกพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทาง “ไม่เขา ไม่เผา เราซื้อ” สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ และตรวจสอบถึงแหล่งปลูกที่มีเอกสารสิทธิ์ได้ 100% นอกจากนี้ ภายในงานธุรกิจห้าดาว นำผลิตภัณฑ์ห้าดาว (FIVE STAR) มามอบแก่ผู้ร่วมงานด้วย

“CPP และสวนสมบูรณ์ ผนึกพลังกับ สำนักงานเกษตรจังหวัดนครสวรรค์ กลุ่มอารักขาพืช และศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ สนับสนุนการสาธิตการเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูแล้งหลังนาตามหลักวิชาการ เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรชาวนครสวรรค์ สามารถเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับพื้นที่ ทำให้มีผลผลิตข้าวโพดที่ดี ปริมาณมาก จำหน่ายได้ราคา บนพื้นฐานความรู้ด้านการบริหารจัดการที่ดี ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่เพาะปลูก การเตรียมดิน การเตรียมพันธุ์เพื่อปลูก ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวอย่างถูกต้อง ไม่เผาตอซัง และบริษัทยังเข้ารับซื้อผลผลิตข้าวโพดหลังนาโดยตรงจากเกษตรกรที่ลงทะเบียน โดยมีสหกรณ์เป็นตัวกลางในการรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกร เพื่อมุ่งหวังผลผลิตเพิ่มขึ้น สามารถควบคุมต้นทุน และผลผลิตได้คุณภาพตรงตามตลาดต้องการ ช่วยเพิ่มรายได้ให้พี่น้องเกษตรกร ตลอดจนมุ่งมั่นพัฒนาเป็นต้นแบบในการขยายผลไปสู่การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูแล้งหลังนาแบบแปลงใหญ่อย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป” นายเทพ กล่าว

ทั้งนี้ CPP เป็นหนึ่งในบริษัทภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่มุ่งสร้างสรรค์ สิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ ให้กับสังคมเกษตรกรรม ด้วยการคิดค้นนวัตกรรม ด้านผลิตภัณฑ์ การจัดการที่ช่วยพัฒนาความก้าวหน้า และความมั่นคงด้านพืชอาหาร พืชพลังงาน โดยบริษัทได้มีการพัฒนาธุรกิจ เป็น 5 ธุรกิจหลัก ดังนี้ ธุรกิจฟาร์มพืชขนาดใหญ่ ธุรกิจธาตุอาหารพืช ธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด ธุรกิจฟาร์มโปร และธุรกิจผักปลอดภัยขั้นสูง บนพื้นฐานความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมสู่ความยั่งยืน สนับสนุนการแก้ปัญหาสภาพแวดล้อม และส่งเสริมการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างปลอดภัย

“รู้ทันปากท้อง” กับตลาดหลักทรัพย์ : ซื้อหวยเพราะมีลุ้น แต่ไม่รวยสักที เปลี่ยนนิสัยยังไงดี

0

“อาแปะ” สาธิต บวรสันติสุทธิ์ นักวางแผนการเงิน CFP®
กูรูปลดหนี้ บอกว่า โอกาสถูกรางวัลที่ 1 มีเพียง 1 ใน 1,000,000 เท่านั้น แต่โอกาสเสียสูงถึง 98.58%

เพราะฉะนั้น ต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ครับ!