Home Blog Page 164

“แม็คยีนส์” สนับสนุนอุปกรณ์การเรียน พร้อมฝึกทักษะและความรู้แก่นิสิต มศว ในโครงการแสดงผลงานการออกแบบสินค้าแฟชั่นฯ ปี 2566

0

บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยนางสาวปิยณัฏฐ์ สิงหกันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารการตลาด และนายจิรชยุตม์ วิโรจน์ชีวัน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติเข้าร่วมชมผลงานการออกแบบจากผ้ายีนส์เหลือใช้ของนิสิตวิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในโครงการแสดงผลงานการออกแบบสินค้าแฟชั่น หลักสูตรแฟชั่น สิ่งทอ และเครื่องตกแต่ง ประจำปีการศึกษา 2566

ทั้งนี้ แม็คยีนส์ ได้ให้การสนับสนุนด้านอุปกรณ์การเรียนการสอน อบรมทักษะและองค์ความรู้แก่นิสิต  หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาแฟชั่น  สิ่งทอ และเครื่องตกแต่ง วิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ร่วมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รวิเทพ มุสิกะปาน อาจารย์ประจำหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาแฟชั่น สิ่งทอ และเครื่องตกแต่ง วิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เข้าร่วมชมผลงานของนิสิต เมื่อเร็วๆ นี้ ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ออมสินปล่อย “สินเชื่อเคหะ My Home My Love” มีบ้านง่ายๆ ผ่อนสบาย ฟรีค่าใช้จ่าย

0
? ให้การมีบ้าน เป็นอีกหนึ่งความสุขของทุกคนในครอบครัว … มีบ้านง่าย ๆ ผ่อนสบาย ฟรีค่าใช้จ่าย* กับสินเชื่อเคหะ My Home My Love

? ผ่อนต่ำล้านละ 3,555 บาท/เดือน (นาน 6 เดือนแรก)
? ดอกเบี้ย ปีแรก 2.890% (MRR-3.855%) ต่อปี
? *ฟรี‼ ค่าจัดทำนิติกรรมสัญญา ค่าบริการสินเชื่อ
? ยื่นกู้ได้ตั้งเเต่วันนี้ – 15 มิ.ย. 66

คุณสมบัติผู้กู้ 

  1. เป็นผู้ฝากเงินประเภทเผื่อเรียกของธนาคาร
  2. มีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี
  3. มีอาชีพและรายได้แน่นอน
  4. การกู้ร่วมกับบุคคลอื่น มีเงื่อนไขดังนี้
    • กู้ร่วมกับบุคคลอื่นที่มีความสัมพันธ์เป็นคู่สมรส บุตร บิดา มารดา หรือ พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมในหลักประกันทุกคนก็ได้
    • กู้ร่วมกับบุคคลอื่นที่นอกเหนือจาก (4.1) ต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมในหลักประกันทุกคน

หลักประกัน 

  1. ที่ดินเพื่อเตรียมปลูกสร้างอาคาร หรือที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด ตามวัตถุประสงค์ที่ขอกู้และตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีความเจริญ มีไฟฟ้า สาธารณูปโภคอื่นๆ ตามความจำเป็น และมีทางสาธารณประโยชน์ ซึ่งรถยนต์ผ่านเข้าออกได้สะดวก
  2. หลักทรัพย์อื่นตามที่ธนาคารประกาศกำหนด


อนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญาให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 15 ก.ค. 66
?? สมัครคลิก > https://bit.ly/3Lsoj6q
หรือที่ธนาคารออมสินทุกสาขา
⚠️ เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

เกษตรกรชูความรู้และเทคโนโลยี ปัจจัยหนุนปลูกข้าวโพดยั่งยืน สร้างอาชีพมั่นคง ดูแลสิ่งแวดล้อม

0

เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยกโครงการ “เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน” ช่วยเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรได้มีแนวทางการเพาะปลูกและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทันสมัยมีขีดความสามารถเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และสนับสนุนให้การเพาะปลูกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่บุกรุกทำลายพื้นที่ป่า ไม่ใช้วิธีการเผา ก้าวสู่เกษตรทันสมัย สร้างอาชีพมั่นคง และเป็นต้นทางการผลิตอาหารที่รับผิดชอบต่อโลก

นายชัชวาล มิ่งขุนทด เกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ บ้านท่าขี้เหล็ก อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เล่าว่า เกษตรกรในปัจจุบันต้องมีความรู้ความเข้าใจในเทคนิคและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม และศัตรูพืชส่งผลกระทบทำให้ผลผลิตไม่แน่นอน หลังจากเข้าร่วมโครงการ “เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน” ของกลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เครือซีพี ตั้งแต่ปี 2559 บริษัทฯ สนับสนุนการตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารในดินฟรี ช่วยเกษตรกรปรับใช้ปุ๋ยได้อย่างเหมาะสม และใช้วิธีการเตรียมแปลงเพาะปลูกแบบใหม่ ทั้งการไถกลบตอซัง การใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อปรับปรุงดินมีอินทรียวัตถุมากขึ้น รวมถึงวิธีการไถที่ช่วยให้ข้าวโพดหยั่งรากได้ลึกขึ้นและทนแล้งได้ดีกว่าเดิม

นอกจากนี้ การเข้าถึงข้อมูลยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การเพาะปลูกได้ผลดี โดยเกษตรกรในกลุ่มบ้านท่าขี้เหล็กยังใช้ แอปพลิเคชั่น ฟ.ฟาร์ม ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นใช้ดูข้อมูลพยากรณ์อากาศ ปริมาณน้ำฝน ผ่านมือถือช่วยให้ผู้ปลูกสามารถวางแผนการเพาะปลูกได้มีประสิทธิภาพ และยังสามารถดูคลิปวิดีโอและคำแนะนำของผู้รู้จากมือถือ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ ในการปรับปรุงการปลูกให้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงขึ้น

นายวิเชียร ใกล้สันเทียะ ผู้ปลูกข้าวโพดในเทศบาลตำบลบัลลังก์ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่เทศบาลตำบลบัลลังก์กว่าร้อยครอบครัว พื้นที่ปลูกกว่า 1 หมื่นไร่ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหลังจากเข้าร่วมโครงการ “เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน” เกษตรกรมีความรู้ในการเพาะปลูกสมัยใหม่ รู้จักใช้ข้อมูลปริมาณน้ำฝน และราคารับซื้อที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถปลูกข้าวโพดได้ผลดี ทั้งแง่ปริมาณและคุณภาพ

เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ลงพื้นที่มาให้คำแนะนำการปลูกข้าวโพด การใส่ปุ๋ย การจัดการกับแมลงศัตรูพืชและโรคที่ได้ผลมากขึ้น และทุกวันนี้ ด้วยเทคโนโลยีสื่อสารที่ก้าวหน้า เกษตรกรยังปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ผ่านทางไลน์ หรือสามารถดูข้อมูลความรู้ต่างๆ รวมทั้งติดตามราคารับซื้อข้าวโพดรายวันได้จากแอปพลิเคชั่น ฟ.ฟาร์ม และที่สำคัญการลงทะเบียนข้าวโพดในระบบตรวจสอบย้อนกลับแหล่งปลูกยังช่วยให้เกษตรกรมีความมั่นใจเรื่องการจำหน่ายผลผลิต และช่วยรับรองว่าเกษตรกรในพื้นที่เทศบาลตำบลบัลลังก์ไม่ได้รุกป่า หรือเผาตอซังหลังเก็บเกี่ยว

นายวรพจน์ สุรัตวิศิษฎ์ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เครือซีพี กล่าวว่า บริษัทได้ดำเนิน โครงการ “เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน” ควบคู่กับการนำระบบตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพราะเล็งเห็นว่า ผลผลิตที่ต่ำ เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้เกษตรกรบุกรุกป่าเพื่อเพิ่มผลผลิต ดังนั้น การจัดอบรมถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจการเพาะปลูกที่ถูกหลักวิชาการ ลดการใช้ปุ๋ยที่สิ้นเปลือง ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วยให้การเพาะปลูกมีผลผลิตที่สูงขึ้นต้นทุนการผลิตลดลง โครงการฯ เริ่มดำเนินการจัดอบรมกลุ่มเกษตรกรกลุ่มแรกในพื้นที่ตำบลวังไทร อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จนถึงปัจจุบัน โครงการสามารถขยายไปสู่เกษตรกรในอีกกว่า 20 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ปลูกข้าวโพดที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องกว่าสองแสนไร่ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังนำเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมเข้ามาติดตามการเผาหลังเก็บเกี่ยว พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรและใช้วิธีไถกลบแทน

ในปีนี้ โครงการฯ จะขยายความร่วมมือกับกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ โดยเข้าไปถ่ายทอดและแบ่งปันความรู้ความเข้าใจ มุ่งเน้นการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเพาะปลูก เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและสร้างความยั่งยืนในการผลิตสินค้าทางการเกษตรที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

AIS ต้อนรับการกลับมาของ HBO พร้อมสตรีมบน HBO GO และ 5 ช่องพรีเมียมผ่าน AIS PLAY

0

AIS ตอกย้ำความเป็นผู้นำความบันเทิงด้วยสุดยอดคอนเทนต์ระดับโลกบน AIS PLAY พร้อมชวนลูกค้าและคนไทยต้อนรับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่กับสุดยอดพาร์ทเนอร์คอนเทนต์ระดับโลกอย่าง HBO ที่เข้ามาร่วมเสริมทัพคอนเทนต์ให้ลูกค้าและคนไทยได้รับชม ทั้งซีรีส์ที่ได้รับรางวัล และภาพยนตร์ชั้นนำจากทั่วโลก โดยลูกค้าสามารถสตรีมพร้อมกันบนแพลตฟอร์ม HBO GO และ 5 ช่องพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็น HBO, HBO Signature, HBO HITS, HBO Family และ Cinemax ผ่าน AIS PLAY นอกจากนี้ยังจัดเต็มกับแพ็กเกจสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับลูกค้า AIS ทั้งมือถือและเน็ตบ้าน เพียง 99 บาท และ 999 บาท/ปี ที่เดียวเท่านั้น

HBO GO แหล่งรวมคอนเทนต์ระดับโลกแบบออนดีมานด์ รวมถึงซีรีส์ที่ได้รับรางวัลและภาพยนตร์ใหม่ที่โดดเด่น ทั้งภาพยนตร์ฮอลลีวูดบล็อกบัสเตอร์ จากวอร์เนอร์ บราเธอร์สสตูดิโอ, DC และภาพยนตร์อื่นๆอีกมากมายจากสตูดิโอชั้นนำทั่วโลกที่สามารถสตรีมได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ยังมีคอนเทนต์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ออริจินัลซีรีส์ ความบันเทิงสำหรับเด็ก สารคดี รวมถึงแฟรนไชส์ยอดนิยม อาทิ Harry Potter ที่จัดเต็มครบทั้ง 8 ภาค, Game of Thrones ซีรีส์ที่มียอดผู้ชมสูงสุดเป็นประวัติการณ์, The Last of Us ซีรีส์จากเกมยอดฮิตซึ่งได้เสียงตอบรับจากผู้ชมทั่วโลกอย่างล้นหลาม หรือแม้แต่ The Idol ซีรีส์เปิดเบื้องหลังชีวิตไอดอลฮอลลีวูด

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่วันนี้ได้มีโอกาสทำงานกับ HBO อีกครั้งในฐานะพาร์ทเนอร์ ที่จะเข้ามาเติมเต็มความหลากหลายของคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม AIS PLAY นับเป็นก้าวสำคัญในการนำพาคนไทยไปเปิดประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์ชั้นนำระดับโลกให้ลูกค้าได้รับชมกันแบบจัดเต็ม มากที่สุด ครบที่สุด และราคาคุ้มค่า บนโครงข่ายที่ดีที่สุด ผ่านช่องทาง AIS PLAY ที่สามารถรับชมได้ในทุกช่องทาง

โดยความร่วมมือกับ HBO ในครั้งนี้จะเป็นการตอกย้ำถึงความตั้งใจร่วมกันที่จะส่งมอบประสบการณ์ให้คนไทย ลูกค้าและสาวก HBO ได้สัมผัสกับความพิเศษในการรับชม และยังเป็นการตอกย้ำเป้าหมายการเชื่อมต่อประสบการณ์ดิจิทัลกับลูกค้าด้วยคอนเทนต์ระดับโลกทั้ง หนัง ซีรีส์ กีฬา คอนเสิร์ต วาไรตี้ สารคดี เกมโชว์ และอีกมากมายการทำงานในฐานะผู้ให้บริการ Streaming Service Provider ชั้นนำ”

โชนาลี เบดิ หัวหน้าฝ่ายช่องทางและดิจิทัลพาร์ทเนอร์– เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และฮ่องกง วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ดิสคัฟเวอรี่ กล่าวว่า “การขยายความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความสำเร็จของเรากับเอไอเอสในปัจจุบัน และด้วยพอร์ตโฟลิโอของช่อง HBO ที่พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบบน AIS PLAY สำหรับลูกค้า AIS และแฟนชาวไทยที่ชื่นชอบความบันเทิงระดับพรีเมียมที่จะได้ดื่มด่ำไปกับภาพยนตร์และละครซีรีส์ที่ดีที่สุดจากทั่วโลก

นอกจากแพ็กเกจ Warner Bros. Discovery ที่มีการเปิดให้บริการแล้ว ยังมีแพ็กเกจใหม่ HBO และการเปิดตัวของ HBO GO เพื่อขยายแบรนด์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักของเราในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่เรายังคงเติบโตในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง”

สำหรับลูกค้า AIS ทั้งในระบบเติมเงิน และรายเดือน รวมถึงลูกค้า AIS Fibre สามารถสมัครแพ็กเกจสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เริ่มต้นเพียง 99 บาท/เดือน (นาน 3 เดือนจากนั้นคิดค่าบริการ 149 บาท/ เดือน) เพียงกด USSD *888# โทรออก และ 999 บาท/ปี เพียงกด USSD *888*1#โทรออก ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 กรกฎาคม 2566 เท่านั้น และสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาและรายละเอียดแพ็กเกจ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ AIS PLAY https://www.ais.th/play/hbo.html และ HBO GO

โดยสามารถสัมผัสประสบการณ์การรับชมซีรีส์และภาพยนตร์ได้ไม่จำกัด สตรีมได้ทุกที่ทุกเวลากับ HBO GO พร้อมกันได้สูงสุด 3 อุปกรณ์ และ AIS PLAY 1 อุปกรณ์ พร้อมช่องพรีเมียม 5 ช่องดังที่อัดแน่นทุกความมัน HBO, HBO Signature, HBO HITS, HBO Family และ Cinemax ผ่านทาง AIS PLAY ในทุกช่องทาง ทั้งแอปพลิเคชัน AIS PLAY, เว็บไซต์ ais.th/play/, กล่อง AIS PLAYBOX, SAMSUNG Smart TV, Apple TV และ Android TV

ผู้ประกอบการห้ามพลาด! สินเชื่อ GSB ReOpen สร้างโอกาส ต่อยอดธุรกิจ

0

? ดีต่อใจผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว สร้างโอกาสต่อยอดธุรกิจให้เติบโต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กับโครงการสินเชื่อ GSB ReOpen สำหรับ…
• ธุรกิจโรงแรม และ Supply Chain ของโรงแรม
• ธุรกิจร้านอาหาร
• ธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์/ อัตลักษณ์ท้องถิ่น

✔️ ใช้ในการปรับปรุง ซ่อมแซมสถานประกอบกิจการ ลงทุนในอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
✔️ ดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 3.99%*
✔️ วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท
✔️ ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 2 ปี
✔️ ผ่อนได้นานสูงสุด 10 ปี

วัตถุประสงค์

  • เพื่อปรับปรุง ซ่อมแซม สถานประกอบกิจการ ลงทุนในอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องปรับอากาศ  เครื่องอบผ้า  เครื่องซักผ้าอุตสาหกรรม ฯลฯ และ/หรือ ลงทุนในทรัพย์สินถาวรที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจเดิม
  • เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
  • ยกเว้น การลงทุนในที่ดินเปล่าที่ไม่มีการก่อสร้าง

คุณสมบัติผู้ขอสินเชื่อ

  • ผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นบุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศซึ่งมีบุคคลสัญชาติไทย ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน
  • ประกอบธุรกิจโรงแรม และ/หรือเป็น  Supply Chain  ของโรงแรม  และ/หรือ กิจการร้านอาหาร และ/หรือกิจการอื่นที่มีเอกลักษณ์/อัตลักษณ์ของท้องถิ่นนั้น ๆ
  • ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม หรืออยู่ระหว่างดำเนินการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม
  • เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID -19) ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม
  • มีกำไรอย่างน้อย1ใน 5 ปี ย้อนหลังล่าสุด และปัจจุบันยังประกอบกิจการอยู่
  • กรณีเป็นนิติบุคคล ส่วนของผู้ถือหุ้นต้องไม่ติดลบ
  • ประวัติการชำระหนี้ ข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้
    • มีประวัติการผ่อนชำระปกติ ปัจจุบันสถานะบัญชีปกติ ณ วันที่ยื่นขอเข้าโครงการ
    • มีประวัติค้างชำระไม่เกิน 90 วัน ปัจจุบันสถานะบัญชีปกติ ณ วันที่ยื่นขอเข้าโครงการ
    • กรณีมีประวัติเป็น NPLs กำหนด ดังนี้
    • กรณีเคยเป็น NPLs และไม่ได้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ปัจจุบันได้จ่ายชำระหนี้สถานะบัญชีเป็นปกติ
    • กรณีเคยเป็น NPLs และปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ต้องผ่อนชำระหนี้ได้ตรงตามเงื่อนไข ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา และไม่มีหนี้ค้างชำระตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ณ วันที่ยื่นขอเข้าโครงการ
  • ไม่เป็นลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ
  • ไม่ถูกดำเนินคดี ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย


ตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 30 ธันวาคม 2566
? อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/426U0cl
หรือติดต่อได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

“รู้ทันปากท้อง” กับตลาดหลักทรัพย์ : “มนุษย์เงินเดือน เกษียณตอนอายุเท่าไหร่ดี”

0

“อาแปะ” สาธิต บวรสันติสุทธิ์ นักวางแผนการเงิน CFP®
กูรูปลดหนี้ บอกว่า ในภาวะที่เลวร้าย สิ่งที่เลวร้ายกว่ามีโอกาสเกิดขึ้นเสมอ มนุษย์เงินเดือนหลังเกษียณ ไม่มีเงินเดือน ไม่มีสวัสดิการ มักจะมีปัญหาสุขภาพทันที !

แนะให้ออมเงินเพื่อเกษียณอายุให้ได้มากที่สุดครับ

‘CP Brand X THEBLACKLABEL’ เปิดสตูดิโอ THEBLACKBOX อัดคลิปออดิชั่นฟรี! ดันเด็กไทยเป็นศิลปินที่เกาหลี

0

แบรนด์ CP ในกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ จับมือ THEBLACKLABEL ค่ายเพลงชั้นนำจากเกาหลีใต้ เปิดตัว ‘THEBLACKBOX Pop-up Studio Presented By CP’ ณ บริเวณลานเอเทรียม 2 ชั้น G, Siam Center ระหว่างวันที่ 10-24 พ.ค. 2566 เพื่อสนับสนุนเด็กไทยและผู้ที่มีความสามารถด้านการแสดง ทั้งร้อง เต้น แรป ได้มีพื้นที่การแสดงความสามารถที่แรกและที่เดียวในเมืองไทย ผลักดัน Soft power ของไทยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อพัฒนาศักยภาพในระดับมืออาชีพต่อยอดสู่ระดับสากล

สำหรับกิจกรรมออดิชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ชวนทุกท่านสร้างโพรไฟล์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย และส่งออดิชั่นได้อย่างสะดวกมากขึ้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะช่วยผลักดันสู่ความสำเร็จ เป็นเทรนนีหรือศิลปินฝึกหัดที่ประเทศเกาหลีใต้ ไปจนถึงโอกาสเดบิวต์เป็นศิลปิน K-POP กับค่าย THEBLACKLABEL ต่อไป

วิธีการถ่ายโพรไฟล์ภายใน THEBLACKBOX

  1. ลงทะเบียนหน้างาน
  2. เลือกได้ทั้ง วิดีโอ หรือ ถ่ายรูป
  3. เลือกเพลง ร้อง เต้น ได้ตามใจ หรือจะเตรียมเพลงมาเองก็ได้
  4. รับไฟล์ผ่าน Email ที่ลงทะเบียน หรือรับ Photo Card ได้เลยที่หน้างาน

พิเศษ! หลังจากผู้ร่วมกิจกรรมเข้าไปถ่ายภาพหรือคลิปใน THEBLACKBOX เรียบร้อยแล้ว จะได้รับ QR Code เพื่อสแกนรับอาหารทานเล่นแบรนด์ CP อร่อยและมีประโยชน์ที่ตู้อัตโนมัติด้วยระบบการสุ่ม 1 เมนู ได้แก่ ไส้กรอกซีพีชิกเก้นแฟรงค์ ซีพีโบโลน่าพริก ไข่ต้มซีพี ไข่ตุ๋นหมูดำซีพีคูโรบูตะ หรือ ซีพี ชิคเก้นริบออลีน

สำหรับ ค่าย THEBLACKLABEL ก่อตั้งโดย Teddy Park โปรดิวเซอร์ชื่อดัง ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปิน K-POP ชั้นนำและศิลปินระดับโลกมากมาย อาทิ TAEYANG, JEON SOMI, LOREN, BIG BANG, 2NE1, BLACKPINK โดย ซีพี จับมือ THEBLACKLABEL เพื่อก่อตั้งบริษัทร่วมทุน ‘THEBLACKSEA’ ที่ได้เปิดตัวโปรเจกต์แรก THEBLACKLABEL’s First Thailand Audition เปิดรับผู้สมัครรอบออนไลน์แล้ว ตั้งแต่วันนี้ – 7 มิถุนายน 2566 สำหรับที่อายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป ไม่จำกัดเพศ สามารถส่งประวัติส่วนตัวพร้อมวิดีโอแสดงความสามารถได้ที่ [email protected]

ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในรอบออนไลน์ จะได้รับโอกาสแสดงความสามารถต่อหน้าโปรดิวเซอร์และทีมงานของ THEBLACKLABEL ที่จะบินมาจากประเทศเกาหลีใต้ ในวันที่ 10 มิถุนายน 2566 และผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจากทีมงาน จะได้รับเลือกรอบสุดท้ายโดย Teddy Park ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Twitter : @SparkbyCP และ @theblacksea_tbs, Facebook : @OfficialTHEBLACKSEA, Instagram: @OfficialTHEBLACKSEA, TikTok: @sparkbycp และ @OfficialTHEBLACKSEA, Youtube: @OfficialTHEBLACKSE

AWC โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1​ ​ปี​ 66​ สุดแกร่ง​กำไรเพิ่มเท่าตัว​ 1.4​ พันล.

0

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566 ตามงบการเงินรวมมูลค่ายุติธรรม มีรายได้รวมกว่า 4,785 ล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดร้อยละ 65.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ในไตรมาส 1/2566 กว่า 2,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 67.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการในทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งสามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) ที่ 4,152 บาท สูงกว่าปี 2562 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ร้อยละ 17 โดยเฉพาะโรงแรมนอกกรุงเทพฯ และรีสอร์ท ระดับลักซ์ซูรี ที่มีอัตราการเข้าพักสูงโดดเด่น สอดรับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัทฯ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลการท่องเที่ยวอย่างเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และยังสูงกว่าปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 อีกด้วย

วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC

AWC ยังคงมุ่งพัฒนาทรัพย์สินคุณภาพให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงานเพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดากลุ่มธุรกิจ) อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงานรวมกว่า 119,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36,548 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2562 คิดเป็นร้อยละ 43.9 นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนพัฒนาโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างกระแสเงินสดในระยะกลางอย่างแข็งแกร่ง พร้อมเข้าลงทุนทรัพย์สินในสัญญาให้สิทธิ (ROFR) จากกลุ่มทีซีซี และโอกาสการลงทุนทรัพย์สินคุณภาพอื่น ๆ ในระยะยาว และด้วยขนาดของทรัพย์สินคุณภาพที่เติบโตต่อเนื่อง บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างก้าวกระโดดและมั่นคง

“จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ AWC ในไตรมาส 1/2566 ซึ่งเติบโตสูงขึ้นกว่าไตรมาส 4/2565 และก่อนช่วงสถานการณ์โควิด-19 ปี 2562 ถือเป็นสัญญาณบวกของการเริ่มต้นปี โดยผลประกอบการที่เติบโตก้าวกระโดดนี้มาจากการการดำเนินงานตามกลยุทธ์ GROWTH-LED ผ่านการพัฒนาโครงการทรัพย์สินคุณภาพให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 36,548 ล้านบาท เมื่อเทียบกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ทั้งสร้างกระแสเงินสดเติบโต พร้อมเร่งสร้างการเติบโตของอัตราผลตอบแทนด้วยการพัฒนาทรัพย์สินเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย อาทิ ผลดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ ที่มีค่า Revenue Generation Index (RGI) ในภาพรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI เท่ากับ 201 และโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 195 เป็นต้น และอัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพักในภาพรวม (RevPAR) สูงถึง 4,152 บาท รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนกำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้ ซึ่งไม่รวมมูลค่ายุติธรรม (EBITDA MARGIN) ในไตรมาส 1/2566 ของทั้งกลุ่มบริษัทฯ สูงถึงร้อยละ 45 แข็งแกร่งกว่าไตรมาส 1/2565 ร้อยละ 14”

กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ 

บริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มรีสอร์ท ระดับลักซ์ซูรี และโรงแรมอื่น ๆ นอกกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพ (High-to-Luxury) สอดรับกับมาตรการการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้มีดีมานด์การท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่สูงขึ้นอย่างเด่นชัด ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) อยู่ที่ 4,152 บาท ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562 ที่เท่ากับ 3,549 บาท โตขึ้นร้อยละ 17 โดยในไตรมาส 1/2566 กลุ่มธุรกิจโรงแรมมีรายได้ 2,743 ล้านบาท คิดเป็นกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) 1,091 ล้านบาท ซึ่งเติบโตก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)

AWC มุ่งพัฒนาทรัพย์สินคุณภาพให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงานเพื่อเพิ่มมูลค่าอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนห้องพักในปัจจุบันรวม 5,588 ห้อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 63 เทียบกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งภายในปีนี้ ยังมีแผนเดินหน้าเพิ่มพอร์ตคุณภาพในกลุ่มโรงแรมและการรีแบรนด์โรงแรม ได้แก่ โรงแรม อินน์ไซด์ บาย มีเลีย กรุงเทพ สุขุมวิท และโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง รวมทั้งการรีแบรนด์โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ เป็น โรงแรม แมริออท เชียงใหม่ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนโรงแรมที่เปิดดำเนินการจาก 20 โรงแรมในปี 2565 เป็น 22 โรงแรม ในปี 2566 รวม 6,036 ห้อง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพบริษัทให้สามารถตอบสนองความต้องการนักท่องเที่ยวและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกเสริมความแข็งแกร่งของทรัพย์สินคุณภาพในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Assets Enhancement) อาทิ การร่วมมือกับ Accor ในการรีแบรนด์จากโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์ เป็นโรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท แห่งแรกในประเทศไทย

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial)

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการค้า (Retail and Wholesale) มีการเติบโตต่อเนื่องของผู้เช่า ซึ่งได้แรงสนับสนุนจากผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยว ส่งผลให้รายได้เติบโตมากกว่าร้อยละ 114 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย อาทิ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ผ่านประสบการณ์ “ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS” พร้อมการร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกเปิด “Disney100 Village at Asiatique” การเปิดตัวห้องอาหาร “เดอะ คริสตัลล์ กริลล์ เฮาส์” และ “เดอะ สยาม ที รูมท์” เพื่อยกระดับโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ สู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก ส่งผลให้โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น มีอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าที่สูงขึ้นสอดรับกับจำนวนลูกค้าที่เข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 250 เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการเปิดตัว THE PANTIP LIFESTYLE HUB ที่เชียงใหม่ ภายใต้แนวคิด “EVERY HAPPINESS FOR EVERYONE” มุ่งสร้างแลนด์มาร์คไลฟ์สไตล์สำหรับครอบครัวใจกลางเมืองเชียงใหม่ และในเดือนเมษายนที่ผ่านมา AWC ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ขับเคลื่อนประเทศไทย เป็น “ศูนย์กลางค้าส่งอาหารของภูมิภาค” โดยได้เปิดโมเดลค้าส่งอาหารรูปแบบใหม่ของโครงการ AEC FOOD WHOLESALE PRATUNAM ที่จะตอบโจทย์การค้าส่งอาหารครบวงจร พร้อมเชื่อมผู้ค้าส่งอาหารทั่วโลกกับผู้ซื้อในเขตเศรษฐกิจอาเซียน

สำหรับธุรกิจอาคารสำนักงาน (Commercial) ยังคงสร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง มาจากความต้องการเช่าพื้นที่สำนักงานเกรด A ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบรับเทรนด์อนาคตที่ผสมผสานการทำงานและไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน อีกทั้งเป็นสำนักงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียว (Green Building) โดยในไตรมาสที่ผ่านมา AWC ได้เปิดตัว “Co-Living Collective: Empower Future” ที่อาคาร “เอ็มไพร์” เป็นครั้งแรก นำ Co-Living Space กว่า 1,500 ตร.ม. ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยมาสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับผู้เช่าอาคาร ตอบโจทย์ทั้งด้านการทำงานและไลฟ์สไตล์ในที่เดียว

“AWC ยังคงมุ่งเน้นความสามารถในการทำกำไร และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการดำเนินการพัฒนาโครงการคุณภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างทรัพย์สินดำเนินงานคุณภาพ เสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอและตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้ายุคใหม่อยู่เสมอ สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมท่องเที่ยวจากภาครัฐ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนตามพันธกิจ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” นางวัลลภา กล่าวสรุป

AWC มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแผนกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้รับรางวัลที่สะท้อนถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และความโดดเด่นของแบรนด์องค์กร ได้แก่  รางวัล “Thailand’s Top Corporate Brands 2022” ในฐานะองค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดของประเทศไทย ประจำปี 2565 ในหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่จัดขึ้นโดยหลักสูตรปริญญาโท สาขาการจัดการแบรนด์และการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ “Asia’s Greatest Brand 2023” รางวัลระดับภูมิภาคเอเชีย ในกลุ่มธุรกิจบริการจากงาน Edition of Asian Business & Social Forum – Asia’s Greatest Brands and Leaders 2023 ที่จัดโดย Asia One Magazine นิตยสารธุรกิจชั้นนำของประเทศอินเดีย เพื่อยกย่องผู้นำทางธุรกิจและแบรนด์ที่มีความโดดเด่นในปี 2566

เมืองไทยประกันชีวิต บริจาคเงินและมอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่ม ให้มูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสิน

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริจาคเงินจำนวน 200,000 บาท และสนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่ม แก่มูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสิน (สถานสงเคราะห์เด็กบ้านตะวันใหม่) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในทุกๆ ด้านของมูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสิน (สถานสงเคราะห์เด็กบ้านตะวันใหม่) โดยเฉพาะการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการใช้ยาเสพติด ให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ พร้อมที่จะเติบโตเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าต่อสังคมไทยในอนาคต โดยมี ม.ล. อารยา สิโรดม กรรมการเหรัญญิก มูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสิน (สถานสงเคราะห์เด็กบ้านตะวันใหม่) เป็นผู้แทนรับมอบ ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์       รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส นายปราโมทย์ ศักดิ์กำจร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และนายศรายุธ ทินกร ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความแข็งแกร่ง มั่นคง และตั้งอยู่บนหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับพันธกิจในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่สังคม ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม ศาสนา รวมถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญที่มุ่งมั่นถึงการเป็นองค์กรที่รับผิดชอบด้าน ESG อย่างจริงจัง

เซเว่น อีเลฟเว่น เดินหน้า 7 GO GREEN ชวนลูกค้าทั่วประเทศ ร่วมชาเลนท์ปลูกต้นไม้ บน 7APP ดีเดย์ 15 พ.ค.นี้

0

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ เปิดเผยว่า ซีพี ออลล์ มีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและสอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล หรือ ESG ซึ่งในมิติของด้านสิ่งแวดล้อมนั้น ซีพี ออลล์ ได้ดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบาย 7 Go Green เพื่อสิ่งแวดล้อม 24 ชั่วโมง โดยมีเป้าหมายที่จะปลูกต้นไม้ให้ได้ทั้งสิ้น 1 ล้านต้น ภายในปี 2568 จากโครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” เพื่อปลูกไม้ยืนต้นสร้างพื้นที่สีเขียวและช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกให้กับพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งเป็นไปตามปณิธาน “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสต่อกัน”

และเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมให้กับลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์พิเศษและเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อมที่สวยงามร่วมกัน เซเว่น อีเลฟเว่น จึงเปิดตัวชาเลนท์ “แค่ไม่รับ=ปลูกต้นไม้” บน 7APP เชิญชวนลูกค้าทั่วประเทศปฎิเสธการรับถุงพลาสติก ช้อน ส้อม และหลอด โดยลูกค้าจะได้หยดน้ำเพื่อนำไปปลูกต้นไม้ใน 7 APP ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม – 23 กรกฎาคม 2566 ปลูกต้นไม้ง่ายๆ เพียงแค่ปลายนิ้ว

วิธีการรับหยดน้ำ
ลูกค้าสามารถสะสมหยดน้ำที่ได้จากการไม่รับถุงพลาสติก ช้อน ส้อม และหลอด
เมื่อซื้อสินค้าที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เพื่อนำไปปลูกต้นไม้ใน 7APP

วิธีการปลูกต้นไม้ใน 7APP

  1. สำหรับลูกค้า All Member สามารถรับหยดน้ำและนำมาปลูกต้นไม้ใน 7APP
  2. สำหรับลูกค้าทั่วไป สามารถเป็นส่วนหนึ่งของโครงการได้เพียงปฎิเสธ ไม่รับถุงพลาสติก ช้อน ส้อม
    และหลอด หยดน้ำก็จะเข้าโครงการอัตโนมัติ

การเจริญเติบโตของต้นในใน 7 APP
ต้นไม้จะมีการเจริญเติบโตทั้งหมด 5 ระดับ โดยใช้หยดน้ำสะสมตามที่กำหนดเพื่อรดน้ำไปสู่ขั้น “ออกผล” จะสามารถส่งยอดจำนวนต้นไม้ใน 7 APP นำไปปลูกจริงเข้าโครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” ของซีพี ออลล์
ระยะเวลาร่วมกิจกรรม ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.- 23 ก.ค.66

“การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนั้นอาจจะไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง และผลของการร่วมมือช่วยกันนั้นไม่อาจจะเกิดขึ้นได้ในเวลาอันสั้น แต่หากเพียงแค่เราทุกคนช่วยกัน..ร่วมมือกัน เริ่มจากสิ่งง่ายๆใกล้ๆตัว เช่น การร่วมกันปลูกต้นไม้ เพียงแค่คนละ 1 ต้น ไม่นานต้นไม้ก็จะรวมกันเป็นต้นไม้หลายต้น…ต้นไม้หลายๆต้นรวมกันกลายเป็นป่า…ป่าไม้นั้นเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของคนทั้งโลก เซเว่น อีเลฟเว่น ขอเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้โลกนี้มีต้นไม้มากขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศของเราและโลกของเรา”