Home Blog Page 163

เมืองไทยประกันชีวิต รับรางวัล “ประกันชีวิตที่สร้างสรรค์นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และบริการดีเด่น” 3 ปีซ้อน

0

นายปาณัท สุทธินนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผู้แทนบริษัทฯ รับรางวัล “ประกันชีวิตที่สร้างสรรค์นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และบริการดีเด่น” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากงาน มอบรางวัล SIAMRATH ONLINE AWARD 2023

รางวัลดังกล่าวถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติ ที่ตอกย้ำถึงการเป็นบริษัทประกันชีวิตชั้นนำ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพ รวมถึงการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวมาจากการรวบรวมข้อมูลจากประชาชนที่มีต่อหน่วยงานและแบรนด์ต่างๆ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา โดยใช้ฐานอ้างอิงข้อมูลจาก Platform BRAND 24 และ Google Trend เพื่อให้รางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลอันทรงเกียรติอย่างแท้จริง ส่งผลให้เมืองไทยประกันชีวิตได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้ งานดังกล่าวจัดขึ้น ณ อาคาร TRUE DIGITAL PARK

ออมสินจัดหนัก เพิ่มรางวัลพิเศษสลากออมสิน 2 ปี รวม 60 ล้านบาท

0

? ดีลดีสุดปัง ลุ้นรวยทรัพย์รับเงินล้านกับสลากออมสิน 2 ปี (ใบสลากและดิจิทัล) มูลค่ารางวัลรวม 60 ล้านบาท

? ลุ้นเพิ่มรางวัลพิเศษ มูลค่ารวม 30 ล้านบาท (รางวัลละ 3 ล้านบาท จำนวน 10 รางวัล)
? ลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท
✨ ออกรางวัลพิเศษในวันที่ 1 ก.ค. 66
✨ บุคคลธรรมดาได้รับดอกเบี้ยและเงินรางวัลเต็ม ไม่เสียภาษี
✨ ถอนก่อนฝากครบ 6 เดือน หักส่วนลดตามอัตราที่ธนาคารกำหนด
✨ ต้องเป็นผู้ฝากสลากออมสิน 2 ปี (ใบสลากหรือดิจิทัล) ในระหว่างวันที่ 11 พ.ค. – 30 มิ.ย. 66 เท่านั้น

จุดเด่น

สลากออมสินพิเศษ อายุ 2 ปี งวดที่ 238 หน่วยละ 100 บาท มีสิทธิถูกรางวัลทุกเดือนเป็นเวลานานถึง 24 เดือน  รางวัลที่ 1 มูลค่ารางวัล 30 ล้านบาท และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย เงินรางวัลและดอกเบี้ยของบุคคลธรรมดา ไม่เสียภาษี ฝากครบอายุจะโอนเงินต้นและดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝากที่เป็นบัญชีคู่โอนโดยอัตโนมัติ

รางวัลพิเศษ

หลักเกณฑ์รายละเอียด
เงื่อนไขการลุ้นรางวัลพิเศษ1. ต้องเป็นผู้ฝากสลากออมสินพิเศษดิจิทัล 2 ปี หรือสลากออมสินพิเศษ 2 ปี (ใบสลาก)ในระหว่างวันที่ 11 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2566 เท่านั้น2. ไม่จำกัดวงเงินรับฝากต่อราย
เงินรางวัลพิเศษรางวัลพิเศษ รางวัลละ 3 ล้านบาท จำนวน 10 รางวัลรวมเป็นเงินรางวัลทั้งสิ้น 30 ล้านบาทโดยกำหนดงวดและหมวดอักษรของรางวัลพิเศษ ทั้ง 10 รางวัล
การออกรางวัลพิเศษออกรางวัลจำนวน 1 ครั้งวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 จำนวน 10 รางวัล รวม 30 ล้านบาท
การรับเงินรางวัลพิเศษโอนเงินรางวัลเข้าบัญชีเงินฝากประเภทเผื่อเรียกที่เป็นบัญชีคู่โอน ในวันถัดจากวันที่ออกรางวัล

? รีบฝากเลยง่าย ๆ ที่ MyMo และ ธนาคารออมสินทุกสาขา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม > https://bit.ly/3MiPbqa
? เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

แอปฯ MTL Click ของเมืองไทยประกันชีวิต คว้ารางวัล “สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2566”

0

นางสาวนาเดีย สุทธิกุลพานิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผู้แทนบริษัทฯ รับรางวัล “สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2566” จากบริการแอปพลิเคชัน MTL Click ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี ประธานในพิธีมอบรางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2023 ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสาร BUSINESS+ ร่วมกับวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ในโครงการ BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2023 เพื่อคัดเลือกสุดยอดสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมในหลากหลายประเภทสินค้า ผ่านการคัดเลือกจากทีมบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล งานดังกล่าวจัดขึ้น ณ ห้องบอลรูม โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ

โดยปัจจุบันแอปพลิเคชัน MTL Click มีลูกค้าดาวน์โหลดใช้งานกว่า 800,000 ราย ให้บริการอำนวยความสะดวก ในด้านต่างๆ กับลูกค้า ทั้งการเช็กข้อมูลในกรมธรรม์ การชำระเบี้ยประกัน ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ยื่นเคลม การแลกคะแนนสะสมเมืองไทยสไมล์คลับ และอีกหลากหลายบริการที่ครอบคลุม สะดวก ครบ จบในแอปเดียว

“สิงห์อาสา” ขยายพื้นที่หลักหญ้าทะเลภาคตะวันออก ช่วยดูดซับคาร์บอน ลดภาวะโลกรวน

0
สิงห์อาสา ขยายพื้นที่แหล่งหญ้าทะเลภาคตะวันออก ซึ่งเป็น 1 ใน 2 พื้นที่หลัก นอกจากภาคใต้ที่จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเพิ่มการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ลดภาวะโลกรวน และเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อการสร้างความสมดุลในระบบนิเวศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของสิ่งแวดล้อมทางทะเล โดยสิงห์อาสาลงพื้นที่ติดตามผลการปลูกหญ้าทะเลต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ “สิงห์อาสาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล” ที่หาดเจ้าหลาว ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี หลังจากลงพื้นที่ดูแลแปลงหญ้าทะเลผืนใหญ่ที่สุดฝั่งอ่าวไทยที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พร้อมขยายต่อในหลายพื้นที่จังหวัดชายทะเลทั้งภาคใต้และภาคตะวันออกต่อไป

สิงห์อาสา โดย มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับคณะเทคโนโลยีทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี และกลุ่มประมงพื้นบ้านเจ้าหลาว ลงพื้นที่ปลูกหญ้าทะเลเพิ่มเติมพร้อมติดตามผลการปลูกหญ้าทะเล ซึ่งสามารถฟื้นฟูและทำให้พื้นที่หญ้าทะเลในพื้นที่หาดเจ้าหลาวเพิ่มขึ้น สามารถเพิ่มการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นแหล่งอาหารของสัตว์ทะเล รวมทั้งเป็นที่หลบภัย วางไข่ และที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ นอกจากนั้น สิงห์อาสายังได้นำหญ้าทะเลพันธุ์กุยชายเข็มที่เหมาะสมกับพื้นที่มาปลูกเพิ่มเติม เพื่อขยายพื้นที่ Blue Carbon หรือคาร์บอนฯ ที่ดูดซับโดยระบบนิเวศทางทะเล ณ หาดเจ้าหลาวอย่างต่อเนื่อง

ดร.สราวุธ ศิริวงศ์ คณบดีคณะเทคโนโลยีทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี เปิดเผยว่า หญ้าทะเลเป็นระบบนิเวศทางทะเลที่มีความสำคัญ สามารถกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงกว่าป่าไม้เกือบ 10 เท่า หรือเรียกว่าบลูคาร์บอน (Blue Carbon) ทั้งนี้ กิจกรรมปลูกหญ้าทะเลที่ทำร่วมกับสิงห์อาสามาอย่างต่อเนื่องหลายปี ทำให้มีปริมาณพื้นที่หญ้าทะเลบริเวณหาดเจ้าหลาวเพิ่มขึ้นประมาณ 15% และปีนี้ได้เพิ่มเรื่องงานวิจัยเพื่อให้การปลูกหญ้าทะเลมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น มีการปักไม้ธรรมชาติลดแรงคลื่น เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้หญ้าทะเลได้มีอัตรารอดมากขึ้น รวมถึงเปรียบเทียบวัสดุที่ใช้ในการปลูกหญ้าทะเลว่าแบบใดเหมาะสมที่สุด ซึ่งจะติดตามผลทุกๆ เดือน เป็นเวลา 1 ปี เพื่อประเมินผลว่าสิ่งที่เราทำได้ผลอย่างไรบ้างจะได้ฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลให้มีประสิทธิภาพต่อไป

น.ส.ดวงทิพย์ญามน ชักชวนวงษ์ ผู้ใหญ่บ้านเจ้าหลาวหัวแหลม ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี กล่าวว่า “ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลมีความสำคัญต่อพวกเรามาก เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง ท้องทะเลแห่งนี้ถือเป็นแหล่งทำมาหากินของชาวบ้านที่นี่ หากย้อนไป 20 ปี สภาพแวดล้อมที่นี่สมบูรณ์มาก มีพะยูนที่มากินหญ้าทะเล แต่ช่วงเวลา 10 ปีให้หลัง ระบบนิเวศก็เริ่มพังจากภาวะโลกร้อน ต้องขอบคุณสิงห์อาสาที่ได้ทำกิจกรรมปลูกหญ้าทะเลให้กับชุมชน บางคนอาจจะมองเรื่องหญ้าทะเลเป็นเรื่องไกลตัวไม่เห็นคุณค่า แต่ ณวันนี้สิงห์อาสาเป็นคนจุดประกาย ได้นำคณะอาจารย์ เครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสามาช่วยขยายพันธุ์หญ้าทะเลและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มาจัดกิจกรรมแล้วหายไป ทำให้จันทบุรีมีแหล่งหญ้าทะเลที่สมบูรณ์มากขึ้น”

“โครงการสิงห์อาสาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล” เป็นหนึ่งในภารกิจของสิงห์อาสาที่ทำร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัย 12 สถาบันในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน และยังเป็นอีกหนึ่งก้าวความสำเร็จเพื่อช่วยลดภาวะโลกรวน ซึ่งเป็นปัญหาที่ทั้งโลกกำลังพบเจอ โดยสิงห์อาสาได้มีการติดตามผลของโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มั่นใจว่าโครงการที่สิงห์อาสาจัดขึ้นมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนอย่างยั่งยืน

AIS จับมือ ไวซ์ไซท์ จัดงาน Thailand Social AIS Gaming Awards 2023

0

AIS ตอกย้ำเป้าหมายการเป็นผู้นำในการผลักดันอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตไทย ผนึกกำลังร่วมกับ ไวซ์ไซท์​ ผู้ให้บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลชั้นนำของไทย ร่วมกันจัดงานและประกาศรางวัล Thailand Social AIS Gaming Awards 2023 ที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นับเป็นเวทีที่จัดขึ้นเพื่อเชิดชูและยกย่องบุคคลในวงการเกมและอีสปอร์ตของไทยไม่ว่าจะเป็น สื่อ เกมเมอร์ สตรีมเมอร์ และแคสเตอร์ KOL ต่างๆ ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมและได้รับความนิยมสูงสุดบนโซเชียลมีเดียตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คนทำงานสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ออกมา รวมถึงสร้าง Ecosystem ของอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตให้มีความแข็งแกร่ง เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับสากลต่อไป

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ พันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS กล่าวว่า AIS​ เห็นโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในมิติของผู้พัฒนาเกมที่สร้างเกมรูปแบบใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา กลุ่มสื่อ KOL ที่เข้ามาร่วมกันสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่หลากหลาย เวทีการแข่งขันอีสปอร์ตทั้งในระดับประเทศและระดับโลก รวมถึงในปีที่ผ่านมาเราเห็นจำนวนผู้เล่นเกมในประเทศไทยที่มีมากกว่าถึง 38.3 ล้านคน เติบโต 5% หรือมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2564 ทำให้ AIS ยังคงเห็นความสำคัญที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตของไทยเติบโตเทียบชั้นระดับสากล จึงเป็นที่มาของการเดินหน้าจัดงาน Thailand Social AIS Gaming Awards ผ่านการทำงานร่วมกับ ไวซ์ไซท์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพราะเราเชื่อในพลังของพาร์ทเนอร์ที่จะมาร่วมกันสร้าง Ecosystem ของอุตสาหกรรมให้มีความแข็งแกร่งและเติบโตไปพร้อมๆ กัน เวทีนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของบุคคลที่อยู่ในวงการเกมและอีสปอร์ตในทุกแขนง ที่วันนี้เราขอ AIS เป็นแกนกลางในการสร้างคอมมูนิตี้ผ่านการผลักดันและจัดกิจกรรมในทุกๆ รูปแบบ

นายกล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การจัดงาน Thailand Social AIS Gaming Awards ร่วมกับ AIS ในปีนี้ เป็นปีที่​ 3​ โดยมีการพัฒนาเกณฑ์การตัดสินรางวัลให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุดเพื่อสร้างมาตรฐานที่ดี พร้อมส่งเสริมให้วงการอีสปอร์ตทำผลงานออกมาอย่างสร้างสรรค์บนโซเชียลมีเดีย

Thailand Social AIS Gaming Awards 2023 ได้แบ่งรูปแบบของเกณฑ์การตัดสินรางวัลออกเป็น 2 รูปแบบ คือ BRAND METRIC และ CREATOR METRIC โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  1. BRAND METRIC ใช้ในการวัดผลประสิทธิภาพการทำงานบนโซเชียลมีเดียของ โดยวัดจากช่องทางของตัวเอง (Own Channel) ออกมาเป็น Own Score และช่องทางจากการที่คนอื่นพูดถึงแบรนด์ (Earn Channel) ออกมาเป็น Earn Score ผ่าน 5 แพลตฟอร์มหลัก คือ Facebook, Instagram, Twitter, YouTube และ TikTok ซึ่งในทุกๆ ช่องทางจะมีน้ำหนักการให้คะแนนที่แตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสม โดยพิจารณาผ่าน 2 มุมมอง คือ
  • Fundamental Factors ประกอบด้วย Followers, Reactions, Comment, Share, Brand Reply, YouTube and Instagram Views, และ Social Voice
  • Analytical Factors ประกอบด้วย สัดส่วนการคอมเมนต์, สัดส่วนการแชร์, Sentiment, Facebook Tag Friend และ Facebook Intention to Buy
  1. CREATOR METRIC ใช้ในการวัดผลประสิทธิภาพการทำงานบนโซเชียลมีเดียของบุคคลที่มีผลงานหรือมีชื่อเสียงอยู่บนโซเชียลมีเดีย รวมทั้งดารา ศิลปิน ไอดอล และอินฟลูเอนเซอร์ โดยวัดผลคอนเทนต์บนช่องทางของตัวเอง (Own Channel) และจากการถูกพูดถึงหรืออ้างถึง (Earn Channel) ผ่าน 6 แพลตฟอร์มหลัก คือ Facebook, Instagram, Twitter, YouTube, TikTok และ Twitch ซึ่งในทุกๆ ช่องทางจะมีน้ำหนักการให้คะแนนที่แตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสม โดยพิจารณาผ่าน 2 มุมมอง คือ
  • Fundamental Factors ประกอบด้วย Followers, Reaction, Comment, Share, YouTube, Instagram and TikTok Views และ Social Voice
  • Analytical Factors ประกอบด้วย สัดส่วนการคอมเมนต์, สัดส่วนการแชร์, Sentiment และ Facebook Tag Friend

โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญในวงการอีสปอร์ตทั้ง 4 ท่านร่วมเป็นคณะที่ปรึกษาด้านเกณฑ์การตัดสินผลรางวัลให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด ได้แก่ 1.) คุณจุลนภ ศานติพงศ์ จากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) 2.) คุณสินิทธิ์ อาชหาญวงศ์ จาก SHIN-A Service 3.) คุณสักกพล สวาคฆพรรณ จาก NEX Studio และ 4.) คุณอนุชิต เอี่ยมศรีอุไร จาก Thisisgame Thailand

ในปีนี้ มีการแจกรางวัล จำนวนทั้งสิ้น 36 รางวัลให้กับเหล่า Game Publisher, Game Creator, Esports Player, Esports Club, รวมถึง Device และ Gadget ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียได้ดีที่สุด โดยแบ่งเป็น 7 กลุ่มรางวัล ได้แก่ กลุ่มที่ 1. รางวัลประเภท Game Publisher จำนวน 14 รางวัล , กลุ่มที่ 2 รางวัลบุคคลสร้างสรรค์คอนเทนต์เกม จำนวน 6 รางวัล, กลุ่มที่ 3 รางวัลนักกีฬา Esports จำนวน 7 รางวัล, กลุ่มที่ 4  รางวัลสำหรับผู้ที่สร้างสรรค์คอนเทนต์เกมยอดเยี่ยมบนแพลตฟอร์ม YouTube และ TikTok จำนวน 2 รางวัล, กลุ่มที่ 5  รางวัลอุปกรณ์การเล่มเกม จำนวน 5 รางวัล , กลุ่มที่ 6 รางวัลบุคคลขวัญใจ AIS eSports Fanpage จำนวน 1 รางวัล และกลุ่มที่ 7 รางวัลสำหรับหน่วยงานที่ผลักดันกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Esports ให้เป็นที่ยอมรับและเติบโตอย่างยั่งยืน จำนวน 1 รางวัล

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการประกาศรางวัล Thailand Social AIS Gaming Awards 2023 ที่ https://www.facebook.com/AISeSports

ออมสินจัดให้ ‘สินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ By GSB’ ช่วยผู้ประกอบการสู้วิกฤติ หายห่วงเรื่องเงินทุน

0
? ข่าวดี! สำหรับผู้เริ่มประกอบการที่ผ่านการฝึกอบรมในการประกอบอาชีพ และผู้ประกอบการรายย่อย ออมสินจัดให้! เพิ่มทักษะ ให้ทุนเสริม พร้อมเริ่มอาชีพใหม่ กับ สินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ By GSB เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ

✨ พิเศษดอกเบี้ย ร้อยละ 18 ต่อปี (Effective Rate)
✨ ปลอดชำระเงินต้น 3 เดือน
✨ ไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน
✨ กู้ได้สูงสุด 100,000 บาท ผ่อนนาน 8 ปี
✨ สำหรับ: ผู้เริ่มประกอบการที่ผ่านการฝึกอบรมในการประกอบอาชีพ หรือมีประสบการณ์พื้นฐานในอาชีพที่จะประกอบการได้ เช่น ช่างปูน ช่างไฟฟ้า ช่างซ่อมอุปกรณ์ต่าง ๆ และผู้ประการรายย่อย เช่น อาชีพค้าขาย บริการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อจำหน่าย

คุณสมบัติผู้กู้ :

  • ผู้เริ่มประกอบการที่ผ่านการฝึกอบรมในการประกอบอาชีพ จนสามารถเป็นผู้ประกอบอาชีพนั้น ๆ ได้ หรือมีประสบการณ์พื้นฐานในอาชีพที่จะประกอบการได้ เช่น ช่างปูน ช่างไฟฟ้า ช่างซ่อมอุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น หรือ
  • ผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ผู้ประกอบอาชีพค้าขาย บริการ และผลิตสินค้าอุปโภค บริโภคเพื่อจำหน่าย
  • เป็นบุคคลธรรมดา สัญชาติไทย อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เมื่อรวมอายุผู้กู้กับ ระยะเวลาชำระเงินกู้ ต้องไม่เกิน 70 ปี
  • เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่หรือสถานประกอบการที่แน่นอน สามารถติดต่อได้
  • ไม่เป็นลูกจ้าง พนักงาน ผู้บริหาร หรือกรรมการของธนาคารออมสิน

?? อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม > https://bit.ly/41VbpFa
หรือติดต่อที่ธนาคารออมสินทุกสาขา
? เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด ?

นักวิชาการย้ำ คลื่นไมโครเวฟไม่เป็นอันตราย ไม่กระจาย และไม่สะสมในร่างกายมนุษย์ ใช้เตาไมโครเวฟอุ่นอาหารได้ปลอดภัย

0
นักวิชาการภาควิชาฟิสิกส์ ย้ำ คลื่นไมโครเวฟไม่เป็นอันตราย ไม่กระจาย และไม่สะสมในร่างกายมนุษย์ ผู้บริโภคสามารถใช้เตาไมโครเวฟอุ่นอาหารได้อย่างปลอดภัย

รศ.ดร.สุรเชษฐ์ หลิมกำเนิด ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความรู้เรื่องการทำงานของไมโครเวฟว่า เตาไมโครเวฟ ทำให้อาหารสุกโดยคลื่นไมโครเวฟซึ่งจะพุ่งเข้าสู่อาหารจากทุกทิศทุกทางแล้วแผ่กระจายสู่อาหาร เมื่อคลื่นกระทบอาหาร โมเลกุลของอาหารจะเกิดการสั่นและเสียดสีกันเป็นความร้อนทําให้อาหารสุก อาหารโดยทั่วไปประกอบด้วยโมเลกุลของน้ำ จะดูดซึมคลื่นไมโครเวฟ ทําให้อาหารร้อนอย่างรวดเร็ว ความร้อนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ช่วยรักษาคุณค่าของอาหารไว้อย่างครบถ้วน แต่ตัวคลื่นจะหายไปทันทีหลังจากให้ความร้อนโดยไม่สะสมในอาหาร

รศ.ดร.สุรเชษฐ์ หลิมกำเนิด

“คลื่นไมโครเวฟ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงมากถึง 2,450 ล้านรอบต่อวินาที (แต่ไม่ใช่รังสีในแบบของกัมมันตภาพรังสี) มีลักษณะคล้ายกับคลื่นวิทยุแต่มีความถี่สั้นกว่า โดยมีแม็กนิตรอนที่เป็นตัวเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นไมโครเวฟ ซึ่งคลื่นไมโครเวฟไม่เป็นอันตรายและไม่กระจายหรือสะสมในร่างกายมนุษย์” รศ.ดร.สุรเชษฐ์ กล่าว

คลื่นไมโครเวฟไม่สามารถทะลุผ่านภาชนะที่เป็นโลหะหรือมีส่วนผสมของโลหะได้ คลื่นจะสะท้อนกลับ (Reflection) ผิวเคลือบโลหะของภาชนะอาจเกิดความร้อนสูง เกิดเป็นประกายไฟหรือเปลวไฟ ทำอันตรายกับเตาไมโครเวฟได้ แต่คลื่นไมโครเวฟสามารถทะลุผ่าน (Transmission) ภาชนะที่ทำจากแก้ว กระดาษ ไม้ เซรามิกและพลาสติกได้

สำหรับภาชนะที่ใช้กับไมโครเวฟได้ดี ได้แก่ 1.ภาชนะกระเบื้อง เช่น จาน ชาม ถ้วย 2.ภาชนะแก้วทนไฟ 3.ภาชนะแก้วที่ใช้สําหรับเตาธรรมดา 4.ภาชนะแก้วที่ทนความร้อน เช่น ไพเร็กซ์ คอร์นนิ่งแวร์ เครื่องเคลือบเซรามิกและเครื่องปั้นดินเผา 5.ภาชนะกระดาษ สําหรับอาหารที่ต้องการความร้อนไม่มาก เช่น การอุ่นอาหาร หรืออาหารที่ใช้เวลาทำให้สุกในระยะสั้นมาก และอาหารที่ไม่มีมันมาก 6.ภาชนะพลาสติก เช่น ถุงพลาสติกทนร้อน และ 7.ภาชนะพลาสติกที่ออกแบบมาโดยเฉพาะกับการใช้งานและต้องระบุด้วยว่าใช้กับเตาไมโครเวฟได้ (Microwavable) ส่วนภาชนะที่ควรหลีกเลี่ยง คือ ภาชนะโลหะ ภาชนะเคลือบโลหะหรือมีขอบเป็นโลหะ เงิน ทอง อะลูมิเนียมฟอยด์ และภาชนะประเภทไม้

การใช้เตาไมโครเวฟ มีข้อควรระวังดังนี้
• อย่าใช้เตาไมโครเวฟในขณะที่เปิดตู้อยู่ จะทําให้คลื่นไมโครเวฟพุ่งออกมาด้านนอกเป็นอันตรายได้ อย่างไรก็ดี ตามปกติแล้วเตาไมโครเวฟจะมีกลไกที่จะไม่ทำงานหากประตูตู้เปิดอยู่
• อย่าใช้เตาอบไมโครเวฟที่ชํารุดเสียหาย มีการผุกร่อนของผนังเตา ประตูตู้ปิดไม่สนิท บานพับและสลักนิรภัยแตกหัก และกระจกของประตูแตก
• ห้ามเปิดใช้งานโดยไม่มีอาหารหรือนํ้าอยู่ในเตา เพราะอาจทำความเสียหายกับตู้เนื่องจากพลังงานที่ส่งออกมาไม่ได้นำไปใช้ในการอุ่นอาหาร
• ต้องเปิดฝาภาชนะประเภทขวดที่มีอาหารบรรจุอยู่ ก่อนนำเข้าไมโครเวฟ เพื่อป้องกันไม่ให้ความดันที่เพิ่มขึ้นจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นดันให้ภาชนะแตก ดังนั้นจึงไม่ควรนําไข่ทั้งฟองเข้าเตา เพราะจะทําให้ไข่แตกกระจายได้
• ห้ามทอดอาหาร หรือคั่วข้าวโพด เพราะความร้อนที่สูงเมื่อเจอกับน้ำมันจะทำให้อาหารลุกไหม้ได้
• ห้ามใช้เตาไมโครเวฟอุ่นสารเคมี อบผ้า หรือกระดาษที่เปียกให้แห้ง เพราะจะทําให้เกิดการลุกไหม้และทำให้เตาไมโครเวฟชํารุด
• ไม่ควรซ่อมหรือปรับเตาไมโครเวฟด้วยตนเอง ควรเรียกช่างผู้ชำนาญการมาตรวจสอบเท่านั้น

“เตาไมโครเวฟ เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่อำนวยความสะดวกในยุคดิจิทัล ช่วยให้ชีวิตประจำวันไม่ต้องใช้เวลานานกับการปรุงอาหาร และช่วยคงคุณค่าของอาหารไว้ได้อย่างครบถ้วน ทั้งยังประหยัดเวลาและพลังงาน ผู้บริโภคจึงจำเป็นต้องเรียนรู้การใช้อย่างถูกต้องและเข้าใจ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน” รศ.ดร.สุรเชษฐ์ กล่าวย้ำ

AIS ส่ง “ZTE 5G Home WiFi” เราเตอร์กระจายสัญญาณ WiFi แบบพกพา ไอเท็มสุดฮิต เอาใจลูกค้าสาย Gadget

0

AIS ทนกระแสเรียกร้องไม่ไหว หลังจากการเปิดตัว 5G Terminal Devices หรือ ดีไวซ์ที่รองรับการใช้งาน 5G เตรียมเปิดขาย เราเตอร์กระจายสัญญาณ WiFi แบบพกพา “ZTE 5G Home WiFi” ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เสียงตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลาม ทำให้สินค้าขายหมดสร้างปรากฏการณ์ Sold Out อย่างรวดเร็ว ล่าสุดยังคงทำงานร่วมกับ ZTE อย่างต่อเนื่อง เอาใจสาย Gadget IT ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน 5G ทุกที่ทุกเวลาไร้ขีดจำกัดพร้อมนำ ZTE 5G Home WiFi กลับมาขายอีกครั้ง เพื่อร่วมกันส่งมอบประสบการณ์ 5G ผ่านดีไวซ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและจับต้องได้ด้วยราคาที่คุ้มค่ามากที่สุด พิเศษ! สำหรับลูกค้า AIS ลดเหลือเพียง 8,490 บาท และสามารถผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน รีบด่วนสินค้ามีจำนวนจำกัด! ระหว่างวันที่ 15 – 31 พฤษภาคมนี้เท่านั้น

นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “สำหรับการส่งมอบอุปกรณ์ที่จะมารองรับขีดความสามารถของโครงข่าย 5G ผ่านการทำงานร่วมกับ ZTE ในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จและได้ผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ZTE 5G Home WiFi ที่เรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้ากลุ่มที่ชื่นชอบ IT Gadget และมีความต้องการใช้งานเน็ตเวิร์คสูงกว่าปกติทั้งในเรื่องความเร็ว และความหน่วงต่ำ รวมถึงการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น กลุ่มเกมเมอร์ สายงานตัดต่อ อีเว้นท์โปรดักชัน หรือแม้แต่สายฟรีแลนซ์ที่ต้องทำงานแบบ Work from Anywhere ที่ต้องการความคล่องตัวในการทำงาน

โดยวันนี้เราได้นำ ZTE 5G Home WiFi กลับมาจำหน่ายอีกครั้งตามเสียงเรียกร้อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลผ่านดีไวซ์ 5G อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังเป็นการตอกย้ำถึงการทำงานร่วมกับ ZTE ในฐานะผู้ให้บริการ End-to-End ตั้งแต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของดิจิทัลอย่าง 5G ให้มีความแข็งแกร่ง ไปจนถึงการส่งมอบประสบการณ์การใช้งานดิจิทัลที่ดีที่สุดให้คนไทย”

สำหรับ ZTE 5G Home WiFi หรือเราเตอร์กระจายสัญญาณ WiFi เป็นอุปกรณ์ที่สามารถเคลื่อนย้ายสะดวก ใช้งานง่าย เพียงแค่ใส่ซิมที่มีแพ็กเกจอินเตอร์เน็ต ตอบโจทย์การเชื่อมต่อได้ทุกที่ทุกเวลา รองรับเครือข่ายสัญญาณ 5G ทั้ง AIS 5G SA และ NSA ซึ่งมีคุณสมบัติในเรื่องของความแรง และความหน่วงต่ำ ประกอบกับนวัตกรรมจากชิปเซ็ตล่าสุด Qualcomm® Snapdragon™ X62 รองรับ WiFi6 แบบ Dual Band ทั้งย่านความถี่ 2.4 GHz และ 5 GHz โดยอุปกรณ์กระจายสัญญาณนี้ตัวนี้รองรับการเชื่อมต่อสูงสุดถึง 64 อุปกรณ์

เหมา จวินหย่ง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แซดทีอี ประเทศไทย กล่าวว่า “ZTE ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเทคโนโลยี 5G จากนวัตกรรมระดับโลก ทั้งอุปกรณ์โครงข่ายและอุปกรณ์สื่อสาร อาทิ สมาร์ทดีไวซ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับ AIS มาอย่างต่อเนื่องในการมอบประสบการณ์จากเครือข่าย AIS 5G ผ่าน สมาร์ทดีไวซ์อย่าง ZTE 5G Home WiFi หรือ เราเตอร์กระจายสัญญาณ WiFi และได้รับความนิยมอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงเป็นที่มาของความร่วมมือต่อเนื่องในการนำอุปกรณ์ ZTE 5G Home WiFi กลับมาจำหน่ายอีกครั้ง โดยเราขอยืนยันความมั่นใจว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการใช้งานและยกระดับประสบการณ์ความเร็วแรงของ AIS 5G ให้ตอบโจทย์ได้อย่างดีที่สุด”

โดยลูกค้า AIS รับสิทธิพิเศษ ส่วนลด1,000 บาท ในการซื้อ ZTE 5G Home WiFi จากราคาเต็ม 9,490 บาท เหลือเพียง 8,490 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม 2566 สามารถซื้อสินค้าได้ที่ AIS Online Store หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://store.ais.co.th/th/accessories/zte/5g-home-wifi-zte-mc888.html นอกจากนี้ยังหาซื้อได้ที่ AIS Shop และ AIS Telewiz สาขาที่ร่วมรายการ ด่วน! สินค้ามีจำนวนจำกัด

ซีพีเอฟช่วยเกษตรกรก้าวผ่านวิกฤตภัยแล้ง เดินหน้า “ปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกร” ปีที่ 20

0

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญ ในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายนปีนี้ จะส่งผลให้ฤดูฝนของไทย ปี 2566 ล่าช้าและค่าฝนตกเฉลี่ยน้อยกว่าปีที่ผ่านมา และยังทำให้เกิดคลื่นความร้อน รวมถึงเกิดปัญหาภัยแล้งเป็นบริเวณกว้าง และอาจรุนแรงติดต่อกันมากถึง 3 ปี ปัญหานี้สร้างผลกระทบกับพี่น้องเกษตรกรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หากแต่เกษตรกรที่อยู่ใน “โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกร” ของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กลับไม่ต้องวิตกกับเรื่องนี้ เนื่องจากมีน้ำปุ๋ยที่บริษัทแบ่งปันให้ตลอดทั้งปี มาใช้รดพืชผลทางการเกษตร จึงไม่ต้องเผชิญปัญหาภัยแล้งมานานกว่า 20 ปี

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ ฟาร์มสุกรจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ที่ริเริ่มโครงการปันน้ำปุ๋ย เมื่อ 17 ปีก่อนจากจุดเริ่มต้นของปัญหาภัยแล้งและน้ำจากแม่น้ำปิงยังเข้าไม่ถึง ส่งผลให้พี่น้องเกษตรกรทำการเกษตรไม่ได้ ขณะที่ฟาร์มจอมทองมีระบบใช้น้ำหมุนเวียนภายในฟาร์ม ไม่มีการปล่อยน้ำออกสู่ภายนอกดังเช่นฟาร์มของบริษัททั่วประเทศ โดยใช้น้ำปุ๋ยจากบ่อบำบัดบ่อสุดท้ายหลังออกมาจากระบบไบโอแก๊ส (Biogas) สำหรับรดน้ำต้นไม้และสวนหย่อมในฟาร์ม เมื่อเกษตรกรสังเกตว่าแม้จะอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่ต้นไม้ในฟาร์มกลับเขียวชอุ่ม ไม่เคยมีปัญหาแล้ง จึงขอนำน้ำปุ๋ยไปใช้เพื่อแก้ปัญหานี้ ทางฟาร์มจึงต่อท่อน้ำไปถึงหน้าไร่-สวน ปัจจุบันมีเกษตรกรรับน้ำรวม 13 ราย

นางพันธนา สิงห์ทะ หนึ่งในเกษตรกรผู้ใช้น้ำเป็นรายแรกๆ บอกว่า ก่อนที่จะร่วมโครงการฯ พื้นที่ทั้งหมดปลูกพืชแทบไม่ได้เลย ถึงปลูกได้ก็ไม่งาม เพราะพื้นที่เป็นดินทราย หลังจากได้น้ำปุ๋ยของฟาร์มจอมทองมาใช้ แล้วเห็นผลผลิตดีก็ใช้มาตลอด ทั้งการใช้เพาะปลูกข้าวโพดผลผลิตก็เพิ่มขึ้นดีมาก ส่วนการปลูกพริก ปลูกมะเขือ ก็ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเลย และยังเคยลองปลูกเปรียบเทียบกัน โดยแปลงหนึ่งใช้น้ำปุ๋ย อีกแปลงไม่ใช้ เห็นผลที่แตกต่างอย่างชัดเจน แปลงที่ไม่ใช้ปุ๋ยพืชผลจะไม่งาม แม้แต่ตอนใช้ปุ๋ยเคมีผลผลิตยังไม่ดีเท่าน้ำปุ๋ย เกษตรกรจึงตั้งชื่อว่าน้ำวิเศษ

สอดคล้องกับ นายอินทัน สิงห์ทะ เกษตรกรผู้ปลูกพืชผักและสวนผสม กล่าวว่า หากไม่ใช้น้ำปุ๋ยผลผลิตจะไม่ดีเท่าที่ควร น้ำที่ได้รับนี้มีประโยชน์เมาก ประหยัดต้นทุน พืชผลเจริญเติบโตดี เพราะในน้ำมีแร่ธาตุที่เหมาะกับพืช หากไม่ใช้จะต้องมีค่าใช้จ่ายซื้อปุ๋ยเคมี แต่ตอนนี้ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีแล้ว พืชผลเติบโตสมบูรณ์ดี สามารถปลูกพืชได้ตลอดปี ไม่เคยขาดน้ำ และไม่เคยประสบกับปัญหาภัยแล้งอีกเลย

ด้าน นายสุเทพ อะตะมะ เกษตรกรผู้ปลูกพืชส่วนครัว กล่าวเสริมว่า ถ้าไม่ได้ใช้น้ำปุ๋ยต้นพืชจะไม่งาม และสิ้นเปลืองปุ๋ยเคมี เมื่อเทียบกันแล้วแม้จะใช้ปุ๋ยเคมี พืชก็ไม่งามเท่ากับใช้น้ำปุ๋ย ที่ผ่านมาเกษตรกรไม่มีน้ำใช้ ก็ได้น้ำปุ๋ยจากฟาร์มหมูมาช่วยไว้ ขอขอบคุณซีพีเอฟที่จัดโครงการนี้ ทำให้ชาวสวนได้พึ่งพาน้ำช่วยให้พืชผลงอกงาม ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้

ส่วนที่ ฟาร์มสุกรปราจีนบุรี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ที่จัดโครงการน้ำปุ๋ยให้กับเกษตรรอบข้าง มานานกว่า 15 ปี ปัจจุบันมีเกษตรกร 6 รายรับน้ำไปใช้ต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือ นางนิมนต์ วงษ์แก้ว บอกว่า ตนเองรับน้ำปุ๋ยมาตั้งแต่ปี 2556 หลังจากเห็นตัวอย่างฟาร์มอื่นๆของบริษัทที่จัดโครงการปันน้ำปุ๋ย จึงขอรับน้ำมารดดินเตรียมปลูกมันสำปะหลัง พบว่าได้หัวมันใหญ่ ให้ผลผลิตเยอะจึงใช้มาตลอด ตอนหลังเปลี่ยนมาปลูกผักสวนครัว มะเขือ แตงกวา ก็งามเหมือนกัน โดยไม่ได้ใส่ปุ๋ยชนิดอื่น จากนั้นปลูกมะพร้าวโดยทำร่องขังน้ำไว้ ปรากฏว่ามะพร้าวงาม จากปกติ 7-8 ปีถึงจะติดลูก แต่ที่สวนปลูกแค่ 4-5 ปี ก็เก็บผลผลิตได้ จากนั้นจึงปลูกกล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ ข่า ตะไคร้ ชะอม ก็ได้ผลดีอีก ตอนนี้ปลูกยูคาได้ไม่ถึงปีต้นโตดีเพราะได้น้ำปุ๋ยชั้นดี ค่าปุ๋ยก็ไม่ต้องเสีย สวนไผ่เลี้ยงของพี่ชายก็ใช้น้ำปุ๋ยจากฟาร์มผลผลิตก็ดีเหมือนกัน ขุดตอขายได้ตลอด แต่ละปีขายได้หลายครั้ง ที่สำคัญตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยประสบปัญหาแล้ง ขอบคุณซีพีเอฟที่ปันน้ำปุ๋ยให้กับเกษตรกร

ทางด้าน ฟาร์มสุกรนนทรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ที่แบ่งปันน้ำให้เกษตรกร 9 ราย สำหรับใช้ปลูกอ้อย ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยูคา หญ้าเลี้ยงสัตว์ พืชสวนครัว โดยพื้นที่ 2-3 กิโลเมตรรอบฟาร์ม จะต่อท่อน้ำให้เกษตรกร ส่วนพื้นที่ไกลกว่านั้นเกษตรกรจะมาสูบน้ำไปใช้เอง นอกจากนี้ฟาร์มยังแบ่งปันกากมูลสุกรหลังการบำบัดจาก Biogas ให้เกษตรกรด้วย

นายอ๊อด ปัตธิสามะ เกษตรกรผู้รับน้ำปุ๋ยเป็นรายแรกตั้งแต่ปี 2558 เล่าว่า เนื่องจากเกิดปัญหาภัยแล้งไม่มีน้ำประปา สวนของอยู่ติดฟาร์มนนทรี ผู้จัดการฟาร์มจึงแนะนำให้ลองใช้น้ำปุ๋ยที่มีแร่ธาตุเหมาะสมกับต้นพืช โดยใช้รดต้นยูคากับมะละกอ รวมถึงสวนผสม ทั้งสวนพริก ฟักทอง เผือก ซึ่งได้ผลดีจึงใช้น้ำมาตลอด ไม่ต้องหาน้ำจากแหล่งอื่น พืชผลงามได้ผลผลิตดีมาก ที่ผ่านมาแทบไม่ต้องใช้ปุ๋ยเลย ลดค่าปุ๋ยได้มากกว่า 70% โครงการนี้ดีมาก ได้น้ำปุ๋ยที่มีแร่ธาตุเหมาะสม ขอบคุณฟาร์มที่ปันน้ำให้ และยังสนับสนุนรับซื้อผลผลิตจากสวน เพื่อนำไปปรุงอาหารให้กับพนักงานด้วย

ขณะที่ นายยนต์ คงโนนนนอก ที่เริ่มใช้น้ำเมื่อปี 2561 จากจุดเริ่มต้นที่อยากลองใช้ว่าผลจะเหมือนอย่างที่คนอื่นๆ บอกว่าน้ำปุ๋ยดีหากใช้อย่างเหมาะสม จึงขอรับน้ำมาใช้กับนาข้าวแม้ช่วงแรกจะยังไม่รู้ปริมาณที่เหมาะ แต่เมื่อได้ทดลองใช้น้ำปุ๋ยผสมกับน้ำที่ขังในนาข้าว พบว่าข้าวได้ผลดี หลังเกี่ยวข้าวก็ปลูกข้าวโพดหลังนาต่อ ใช้ปุ๋ยเสริมการเพาะปลูกเล็กน้อยช่วงออกดอกเข้าฝัก ได้ผลผลิตดีมาก 5 ปีที่ผ่านมา การใช้น้ำจากฟาร์มมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำ รู้เรื่องแร่ธาตุ ความเข้มข้นต่างๆ โครงการนี้ถือเป็นประโยชน์ ดีกับการเพิ่มผลผลิตเกษตร ลดการใช่ปุ๋ยเคมีได้มาก ปกติเคยใช้ 6-7 กระสอบปุ๋ยเคมีต่อปี หลังใช้น้ำปุ๋ยใช้แค่ 2-3 กระสอบต่อปีเท่านั้น ช่วยประหยัดต้นทุนได้มาก เพิ่มรายได้ ผลผลิตดีขึ้นมากกว่า 50% อย่างการปลูกข้าวแต่ก่อนได้ผลผลิตไม่ถึง 500 กิโลกรัมต่อไร่ ตอนนี้ได้ถึง 600-700 กิโลกรัมต่อไร่

ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของความสำเร็จ จากการบริหารจัดการน้ำของซีพีเอฟ จากความมุ่งมั่นในการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตลอดห่วงโซ่การผลิต ลดของเสียในกระบวนการผลิต รวมถึงการเปลี่ยนของเสียให้กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ สอดรับกับ BCG Model ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)

โดยเฉพาะความสำเร็จจากธุรกิจสุกรที่ดำเนิน “โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกร” รอบข้างฟาร์มมานานกว่า 20 ปี ปัจจุบันได้ต่อยอดสู่ธุรกิจไก่ไข่ ด้วยการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลไก่ ให้เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงนำไปใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูก ซึ่งเป็นการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่การผลิตของบริษัท ภายใต้หลักการ 3Rs ด้วยการลดปริมาณการใช้น้ำดิบจากธรรมชาติ (Reduce) นำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) และนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) เพื่อให้กระบวนการผลิตอาหารอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามเป้าหมายความยั่งยืน “CPF 2030 Sustainability in Action” สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (SDGs)

CPF โชว์ศักยภาพผู้นำอาหารระดับโลก ‘RE-IMAGINE THE FUTURE FOOD’ ในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2023

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ตอกย้ำผู้นำธุรกิจอาหารของโลก จัดแสดงนวัตกรรมอาหารมาตรฐานสากล เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2023 ภายใต้แนวคิด “RE-IMAGINE THE FUTURE FOOD” ตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารและการบริโภคอย่างยั่งยืน โดยผลิตภัณฑ์ที่นำมาแสดง อาทิ ไส้กรอกอกไก่พริกไทยดำ “CP FI-IT” (ฟิ-อิต) ที่คว้ารางวัลนวัตกรรมอาหาร หรือ THAIFEX – Anuga Taste Innovation Show 2023 รวมถึงเนื้อจากพืช แบรนด์ MEAT ZERO ไก่เบญจา-หมูชีวา จาก U FARM ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่-เป็ด-หมู-ไข่สด CP SELECTION ที่มีนวัตกรรมโปรไบโอติก พลัส ตลอดจนอาหารพร้อมรับประทาน อาหารพร้อมปรุง สินค้านำเข้าและส่งออกจากหลากหลายประเทศ ในระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566 ณ ศูนย์การค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี

สำหรับในปีนี้ บูธซีพีเอฟ แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 6 โซน ได้แก่

1.) ผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้า-ส่งออก คัดสรรเป็นพิเศษจากทั่วทุกมุมโลก โดยมีไฮไลท์ คือ ซีพี-อูโอริกิ ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง CPFGS และ อูโอริกิ บริษัทจัดจำหน่ายปลาสดชั้นนำอันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่น

2.) ผลิตภัณฑ์กลุ่มของสด แบรนด์ U FARM ได้แก่ “ไก่เบญจา” และ “หมูชีวา” ที่มีโอเมก้า 3 เลี้ยงด้วยอาหารจากธรรมชาติ ปลอดสาร ปลอดภัย ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยงดู พร้อมทั้งเนื้อไก่ เนื้อหมู และไข่สด จาก “CP SELECTION” ที่ยกระดับความปลอดภัยอีกขั้น ด้วยนวัตกรรมโปรไบโอติก พลัส ในอาหารสัตว์ เสริมภูมิคุ้มกันให้หมูและไก่แข็งแรงตามธรรมชาติ 100% ปลอดสาร ปลอดภัย

3.) ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช แบรนด์ MEAT ZERO ที่คว้ารางวัลสุดยอดนวัตกรรมอาหาร หรือ THAIFEX – Anuga Taste Innovation Show 2022 และการันตีคุณภาพด้วยรางวัลสุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก ปี 2021-2022 จากประเทศเบลเยี่ยม

4.) ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน ได้แก่ ข้าวกะเพราไก่ ไส้กรอกแฟรงค์ไก่รมควันหนังกรอบ BKP ที่ได้รับรางวัล “สุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก ประจำปี 2023” รวมถึงไส้กรอกซีพี ชิกเก้นแฟรงค์และชิกเก้นแฟรงค์พริก ที่คว้ารางวัลดังกล่าว ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน

5.) ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ INNOWENESS เปิดตัว “Nutrimax” ซุปไก่ผสมฟักทองและไข่ อาหารทางการแพทย์สูตรครบถ้วน พัฒนาร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ เนื้อเนียนรับประทานง่าย มีโปรตีนจากอกไก่และไข่ รวม 13.4 กรัมต่อ 1 ซอง มีวิตามิน แร่ธาตุ 20 ชนิด และ “Fito Puree” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำผักและผลไม้รวมผสมวิตามิน มีสารอาหารกลุ่มไฟโตนิวเทรียท์ จากผักผลไม้ 5 สี 26 ชนิด

6.) ผลิตภัณฑ์กลุ่ม COOKING HELPER by CP รวมซอสหลากหลายรสชาติที่ช่วยให้การปรุงอาหารเป็นเรื่องง่ายและสะดวกขึ้น พร้อมผลิตภัณฑ์ใหม่ “สังขยาใบเตย ซีพี” หวานกลมกล่อม หอมกลิ่นใบเตยธรรมชาติแท้ 100% ใช้น้ำตาลมะพร้าว รับประทานกับอะไรก็อร่อย

ซีพีเอฟ พร้อมสนับสนุนให้ผู้บริโภคทั่วโลกเข้าถึงอาหารคุณภาพปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ ควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” ในงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก THAIFEX – Anuga Asia 2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566 โดยวันที่ 23-26 พฤษภาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. จะเปิดให้คู่ค้าและพันธมิตรด้านอาหารจากทั่วโลกเข้ามาเจรจาธุรกิจ และวันที่ 27 พฤษภาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ซีพีเอฟ จะนำสินค้าคุณภาพดีมาจำหน่ายในราคาพิเศษ พร้อมโปรโมชันจัดเต็มแก่ประชาชนทั่วไป ที่บูธ CPF หมายเลข S01-S15 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 ศูนย์การค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี