Home Blog Page 142

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดข้อเท็จจริงหุ้น OTO ให้นักลงทุนพิจารณาก่อนซื้อขาย

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประะเทศไทย แจ้งข้อเท็จจริงเพื่อให้ผู้ลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจก่อนเข้าซื้อขายในหลักทรัพย์บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) (OTO) ทั้งนี้ จากสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ OTO ในช่วงที่ผ่านมาที่มีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ข้อเท็จจริงสำหรับสภาพการซื้อขายในช่วงวันที่ 12-21 มิถุนายน 2566 เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อขาย OTO ดังนี้

  • ราคาปรับตัวลดลง -87.53% (จาก 16.2 บาท มาอยู่ที่ 2.02 บาท) ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 494 ล้านบาท ด้วยอัตราการหมุนเวียนการซื้อขายเฉลี่ยที่ 21.
  • การขายในช่วงแรกกระจุกในกลุ่มบุคคลวันละประมาณ 30-50% ของปริมาณการซื้อขาย ส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลง หลังจากนั้นยังคงพบการขายกระจุกตัวต่อเนื่องจากการ Force Sell เป็นส่วนใหญ่
  • ขณะที่สัดส่วนการ Short Selling อยู่ที่ 0.005% ของปริมาณการซื้อขาย (รายละเอียดการขายผ่านการ Short Selling ดังกล่าวสามารถดูเพิ่มเติมจากข้อมูลและสถิติธุรกรรมขายชอร์ตที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ www.set.or.th)
  • สัดส่วน Program trading อยู่ที่ประมาณ 1.60% ของปริมาณการซื้อขาย
  • ปัจจุบัน OTO ยังคงเป็นหลักทรัพย์ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1

“สาระ ล่ำซำ” คว้ารางวัลสุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2023” สองปีซ้อน

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รับรางวัลสุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2023” ประเภท “อุตสาหกรรมประกันชีวิต”  ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

รางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลที่ยกย่องและเชิดชูเกียรติแก่สุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปีที่มีวิสัยทัศน์ มีกลยุทธ์ธุรกิจการบริหารงานที่เป็นเลิศและโดดเด่นที่สุด โดยคณะกรรมการได้พิจารณาจากแวดล้อมรอบด้าน ได้แก่ ความสามารถในการบริหารองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ความสามารถในการสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้าและผู้ถือหุ้น ความเป็นผู้นำและสร้างความผูกพันในองค์กร การตอบแทนสู่สังคมและสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน และการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม จัดขึ้นโดยนิตยสาร Business+  โดย บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ งานจัดขึ้น ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ

บอร์ดตลท. ไฟเขียวแนวทางปรับปรุงเกณฑ์คุณสมบัติ บจ. ใน SET และ mai พร้อมยกระดับการกำกับดูแล

0

คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติเห็นชอบแนวทางปรับปรุงเกณฑ์สำหรับ บจ. ใน SET และ mai ทั้งกระบวนการ ตั้งแต่ปรับคุณสมบัติ บจ. เข้าใหม่ให้มีความแข็งแกร่งขึ้น พร้อมยกระดับการกำกับดูแลเพื่อเพิ่มคุณภาพ บจ. เตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นในไตรมาส 3 นี้

คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติเห็นชอบแนวทางให้ปรับ positioning เพิ่มความแตกต่างของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อสนับสนุนบริษัทที่มีฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง ให้สามารถใช้ประโยชน์จากตลาดทุนได้ พร้อมยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนให้เข้มข้นขึ้น โดยปรับปรุงเกณฑ์เครื่องหมาย “C (Caution)” เกณฑ์เพิกถอน ตลอดจนเกณฑ์ Backdoor Listing เพื่อเพิ่มคุณภาพบริษัทจดทะเบียน และดูแลผู้ลงทุน โดยจะเปิดรับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องภายในไตรมาส 3 ปีนี้

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันนี้ (21 มิถุนายน 2566) มีมติเห็นชอบแนวทางปรับปรุงหลักเกณฑ์สำหรับบริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai ทั้งกระบวนการ ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ระยะ 3 ปี (2566-2568) ในการเพิ่มโอกาสการระดมทุนสำหรับธุรกิจทุกขนาด และเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ตั้งแต่การรับบริษัทจดทะเบียนที่มีความเข้มแข็งด้านฐานะการเงินและผลการดำเนินงานมากขึ้น สอดรับกับที่ปัจจุบันมีตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) สำหรับธุรกิจ SMEs และ Startup ที่ต้องการเติบโต อีกทั้งสอดคล้องกับขนาดและฐานะการเงินของบริษัทในไทยในปัจจุบัน และแข่งขันได้กับตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ รวมทั้งการยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนให้เข้มข้นมากขึ้นเพื่อเพิ่มคุณภาพบริษัทจดทะเบียนและการดูแลผู้ลงทุน

สรุปแนวทางการปรับปรุงเกณฑ์ ดังนี้

  1. การ repositioning SET และ mai โดยปรับปรุงคุณสมบัติบริษัทจดทะเบียนตามเกณฑ์รับหลักทรัพย์ใน SET และ mai ซึ่งจะเพิ่มกำไรเพื่อรองรับบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น และเพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity) เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานและฐานะการเงินที่แข็งแรงขึ้น โดยกำหนดทุนชำระแล้ว (Paid-up capital) เริ่มต้นเท่ากัน เพื่อให้ส่วนของทุนมีความสอดคล้องกับลักษณะการประกอบธุรกิจ และบริษัทผู้ระดมทุนสามารถใช้ประโยชน์จากตลาดทุนได้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) และการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน (Public Offering) สำหรับบริษัทขนาดเล็กให้สูงขึ้น เพื่อดูแลสภาพคล่องในตลาดรอง
  2. การยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ได้แก่
    2.1 เพิ่มการเตือนผู้ลงทุนด้วยเครื่องหมาย “C” กรณีบริษัทมีฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มลดลง เช่น มีรายได้จากการดำเนินงานต่ำหรือขาดทุนต่อเนื่อง ผิดนัดชำระหนี้สถาบันการเงินหรือตราสารหนี้ และผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินในทุกกรณี เนื่องจากบริษัทที่ปัญหาด้านฐานะการเงินมักตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เช่น ผู้ถือหุ้นหรือธุรกิจ หรือเป็นเป้าหมายของ Backdoor Listing รวมถึงอาจมีการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผิดไปจากสภาพปกติ
    2.2 เพิ่มความเข้มงวดในการเพิกถอน โดยคณะกรรมการจะพิจารณาเพิกถอนบริษัทที่ไม่สามารถแก้ไขเหตุเพิกถอนและย้ายกลับมาซื้อขายได้เมื่อครบกำหนดเวลา เพื่อให้มีบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณภาพ อีกทั้งเพิ่มความเข้มข้นในการพิจารณาคุณสมบัติบริษัท Backdoor Listing โดยสำนักงาน ก.ล.ต. จะร่วมพิจารณาคุณสมบัติของบริษัทเช่นเดียวกับกรณี IPO เพื่อให้บริษัทที่เข้าจดทะเบียนไม่ว่าด้วยช่องทางใดมีคุณภาพใกล้เคียงกัน

ทั้งนี้ แนวทางการปรับปรุงเกณฑ์ข้างต้น เป็นการทำงานร่วมกันของตลาดหลักทรัพย์ฯ กับสำนักงาน ก.ล.ต. ในการยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนทั้งกระบวนการ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นและความมีเสถียรภาพของตลาดทุน หลังจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และจะทยอยประกาศใช้เกณฑ์ต่าง ๆ โดยคำนึงถึงระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป

ภารกิจระดับโลก “ไก่ไทยจะไปอวกาศ” CPF ยกระดับมาตรฐานไก่ไทย สู่ ระดับอวกาศ อีกความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ประกาศภารกิจเตรียมส่งไก่ไทยไปพิชิตอวกาศ ในโครงการ Thai food – Mission to Space โดยดำเนินโครงการวิจัยร่วมกับสองพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมอวกาศจากสหรัฐอเมริกา NANORACKS LLC และ บจก.มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี หรือ MU Space ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมอวกาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยภารกิจเตรียมส่งไก่ไทยไปพิชิตอวกาศครั้งนี้ ไก่ไทยต้องผ่านการรับรองความปลอดภัยมาตรฐานอวกาศ ซึ่งก็คือมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารขั้นสูงระดับเดียวกับที่นักบินอวกาศทานได้

ความสำเร็จของภารกิจนี้จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่ามาตรฐานความปลอดภัยของเนื้อไก่แบรนด์ CP ของไทย จะก้าวสู่มาตรฐานความปลอดภัยที่ไม่ใช่แค่ระดับโลก แต่จะเป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดับอวกาศ (Space Food Safety Standard) ซึ่งเป็นมาตรฐานตามหลักเกณฑ์ความปลอดภัยด้านอาหารขององค์การ NASA ฝากคนไทยเอาใจช่วย และร่วมภาคภูมิไปกับครั้งแรกของคนไทย ที่ผลิตภัณฑ์ของไทยจะไปพิชิตมาตรฐานอวกาศ มาตรฐานความปลอดภัยขั้นสุด

นอกจากนี้ ภายในงานดังกล่าวมีการจัดเวทีเสวนา Thai food – Mission to Space เชิญกูรูจากไทยและต่างประเทศ มาร่วมเสวนา เพื่อขับเคลื่อนการพลิกโฉมอาหารไทยไปไกลสู่อวกาศ ด้วยความปลอดภัยมาตรฐานอวกาศในหลากหลายประเด็น อาทิ ทำไมมาตรฐานอวกาศถึงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในมาตรฐานความปลอดภัยสูงที่สุด!! มาตรฐานอาหารของไทยที่ไปไกลถึงอวกาศมีความสำคัญอย่างไรต่อสุขภาพที่ดีขึ้นของคนไทย นวัตกรรมที่ยกระดับวงการปศุสัตว์ไทยและโอกาสของอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต ซึ่งในงานเสวนาประกอบด้วย Mr. Michael Massimino อดีตนักบินอวกาศ NASA, Miss Vickie Kloeris นักวิทยาศาสตร์อาหารที่เคยทำงานในห้องวิจัยของ NASA มานาน 34 ปี, รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, น.สพ.สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์, ดร.โศรดา วัลภา รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และ นายอาจวรงค์ จันทมาส นักสื่อสารวิทยาศาสตร์และพิธีกรรายการดัง ”ใดๆ ในโลกล้วนฟิสิกส์”

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหารซีพีเอฟ เปิดเผยว่าการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย สู่มาตรฐานอวกาศครั้งนี้ เกิดจากความเชื่อมั่นว่าเนื้อไก่ของซีพีเป็นหนึ่งในแบรนด์เนื้อสัตว์ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดแล้วในโลก จึงตั้งเป้าใหญ่ที่จะพิชิตมาตรฐาน Space Food Safety Standard ให้เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของคนไทยในโครงการ Thai food – Mission to Space

“ซีพีเอฟ ตระหนักและให้ความสำคัญของความปลอดภัยและคุณภาพของอาหารอย่างที่สุด เมื่อได้พันธมิตรที่เชี่ยวชาญ อย่าง NANORACKS LLC และ MU Space มาร่วมดำเนินโครงการ Thai food – Mission to Space ที่จะปฏิบัติภารกิจร่วมกับ “ศูนย์วิจัยด้านอาหารอวกาศของสหรัฐ” จึงยิ่งมั่นใจว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะพิสูจน์ว่าไก่ของประเทศไทยมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงถึงระดับอวกาศ ซึ่งจะต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพด้านอาหาร รวมถึงการตรวจสารตกค้างและเชี้อโรคปนเปื้อนต่างๆตามข้อกำหนดของ NASA มากมายหลายสิบการตรวจสอบ จึงจะได้รับการอนุมัติให้นำไก่ของเราขึ้นไปบนสถานีอวกาศได้ สิ่งนี้จะเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยเพราะเป็นครั้งแรกที่อาหารจากประเทศไทยจะได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับนี้ นับเป็นการแสดงศักยภาพขั้นสูงของนวัตกรรมเทคโนโลยีและความปลอดภัยการผลิตเนื้อไก่ของไทย และที่สำคัญคือการยืนยันว่าคนไทยทุกคนได้กินไก่ปลอดภัยในระดับเดียวกับที่องค์กรระดับโลกยอมรับ” นายประสิทธิ์กล่าว

ด้าน Mr. Michael James Massimino อดีตนักบินอวกาศ NASA ร่วมบอกเล่าประสบการณ์การใช้ชีวิตในสภาวะไร้น้ำหนัก และกล่าวว่า อาหารที่นักบินอวกาศต้องรับประทานนั้น ความปลอดภัยไร้สารตกค้างเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพราะจะส่งผลต่อสุขภาพนักบินอวกาศในระยะยาว และสารอาหารที่เหมาะสมก็มีผลอย่างมากต่อมวลกระดูกและกล้ามเนื้อของนักบินแต่ละคน ดังนั้นอาหารหมวดโปรตีนจึงต้องมีการจัดเตรียมเป็นพิเศษ และที่ผ่านมาอาหารส่วนใหญ่จะออกมาในรูปแบบอาหารแห้ง (dehydrate food) ที่ต้องเติมน้ำบนนั้น หรือแบบพร้อมทาน (ready-to-eat) ด้วยเทคโนโลยีรีทอร์ต (Retort) ที่สามารถแกะกินได้ทันที แต่สิ่งที่ต่างกับขณะอยู่บนพื้นโลก คือ ลักษณะของอาหารและซอสต่างๆจะมีความข้นเหนียว เพื่อให้มันติดกับช้อนให้คุณกินได้สะดวก หรือกินจากแพ็คเกจเลย และอีกสิ่งที่แตกต่าง คือ เรื่องประสาทสัมผัสการรับรสและกลิ่นของอาหารที่ลดลง ทำให้เรารับรู้รสชาติอาหารได้น้อยลง อาหารประเภท สไปซี่ฟู้ดจึงเป็นที่นิยมในหมู่นักบิน

“Thaifood Mission to Space เป็นโครงการที่ดี ซึ่งไม่เพียงแต่นักบินอวกาศจะได้บริโภคอาหารที่หลากหลายและปลอดภัย ยังเป็นการยกระดับความปลอดภัยทางอาหารแก่ผู้บริโภคทั่วโลก และเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่เนื้อไก่ของไทยด้วย” Michael กล่าว

ส่วน Miss Vickie Kloeris นักวิทยาศาสตร์อาหารที่เคยทำงานในห้องวิจัยของ NASA มานานกว่า 34 ปี และเป็นผู้จัดการระบบอาหารสำหรับเที่ยวบินแรกสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) กล่าวว่า อาหารที่จะถูกส่งขึ้นไปกับนักบินอวกาศนั้น ต้องครบถ้วนทั้งด้านความปลอดภัยและโภชนาการ โดยมีเกณฑ์กำหนดจาก Nasa ที่เข้มงวดมากกว่าอาหารที่ขายทั่วไป เพราะในอวกาศเป็นสถานที่ห่างไกลโรงพยาบาลและหมอมากที่สุด นักบินอวกาศจึงต้องปลอดภัยจากเชื้อโรคและสารปนเปื้อนให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องได้รับสารอาหารที่เหมาะสมอย่างครอบคลุมตรงตามความต้องการของร่างกายของนักบินแต่ละบุคคล สำหรับโครงการ Thai food – Mission to Space นั้น จากการที่ได้ไปดูงานวิจัยที่ห้องแล็บและวิธีการเลี้ยงดูแลไก่ของ CPF ตัวเธอรู้สึกประทับใจในมาตรฐานการผลิตเนื้อสัตว์ที่สูงมากของไทย ที่ทำให้มั่นใจได้ว่าเนื้อไก่ ซีพี นั้นปลอดสารปลอดภัยจากยาปฏิชีวนะ สารเคมีตกค้างและเชื้อโรคปนเปื้อนใด ที่จะสามารถพิชิตมาตรฐานอวกาศ ตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยในระดับที่ NASA กำหนด และแน่นอนว่าอาหารไทยขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยติดอันดับโลก หากมีการส่งไก่จากไทยในเมนูแบบไทยขึ้นไปบนสถานีอวกาศเป็นครั้งแรกนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีของนักบินอวกาศบนนั้นแน่นอน

“ขอชื่นชมซีพีเอฟ ที่มีความพยายามในการสร้างความเชื่อมั่นมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะขึ้นไปในอวกาศได้ และในฐานะนักวิทยาศาสตร์ด้านอาหารอวกาศ ก็ตื่นเต้นแทนนักบินที่จะได้ลิ้มลองรสชาติอาหารใหม่ๆ เช่น อาหารไทย” Vickie กล่าว

ทั้งนี้ ซีพีเอฟได้รับมาตรฐานการผลิตและความปลอดภัยด้านอาหารระดับนานาชาติสูงสุดถึง 6 มาตรฐาน โดยล่าสุด ยังเป็นบริษัทรายแรกในอาเซียนที่มีมาตรฐานการผลิตอาหารของตนเอง (CPF Food standard; PS 7818:2018) โดยการสนับสนุนจาก BSI หรือสถาบันมาตรฐานอังกฤษ ซึงเป็นมาตรฐานที่เกิดจากการบูรณาการมาตรฐานสากลหลายๆ มาตรฐานเข้าด้วยกัน ประกอบด้วย HACCP(CODEX) , ISO 9001, ISO 22000 รวมถึง กฎระเบียบภายในและต่างประเทศ ตลอดจนมาตรฐานความปลอดภัยอาหารของสมาคมผู้ค้าปลีกแห่งอังกฤษ (BRC) การปฏิบัติทางสุขลักษณะที่ดี (GHP) ระบบการจัดการสวัสดิภาพสัตว์เพื่อส่งออก และสามารถตรวจสอบย้อนกลับตลอดห่วงโซ่การผลิตได้ 100% ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ขณะที่มาตรฐานอวกาศ จะต้องผ่านกระบวนการตรวจเชื้อโรค สารตกค้าง ความปลอดภัย และคุณภาพด้านอาหารต่างๆ ตามหลักเกณฑ์ของ Space Food Lab อีกถึงมากกว่า 40 การตรวจสอบ

เนื้อไก่ไทย มาตรฐานระดับโลก สู่นวัตกรรมอาหารมาตรฐานอวกาศ

0

สัตวแพทย์ ย้ำ ไก่ไทย ไร้สาร ปราศจากฮอร์โมน ผลิตตามมาตรฐานสากล เป็นหลักประกันคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร ต่อยอดสู่นวัตกรรมอาหารมาตรฐานอวกาศ สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทย

ผศ.น.สพ.ดร.เกรียงไกร วิฑูรย์เสถียร อาจารย์ประจำ ภาควิชาเวชศาสตร์และทรัพยากรการผลิตสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า เนื้อไก่ เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี มีโปรตีนสูง หาซื้อรับประทานได้ง่าย ราคาต่อกิโลกรัมถูกกว่าเนื้อสุกรและปลา เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับทุกวัย

ผศ.น.สพ.ดร.เกรียงไกร วิฑูรย์เสถียร

ปัจจุบันประเทศไทยมีการส่งออกสัตว์ปีกไปยังต่างประเทศติดอันดับท็อป 5 ของโลก เป็นเครื่องยืนยันว่าต่างประเทศยอมรับในระบบ มาตรฐาน และความปลอดภัยของการเลี้ยงและการผลิตสัตว์ปีกของไทย ด้วยมาตรฐานระดับสากล อยู่ภายใต้การควบคุมและกำกับดูแลของกรมปศุสัตว์ สร้างความเชื่อมั่นต่อคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า ผู้บริโภคจึงสามารถมั่นใจได้ในความปลอดภัยด้านอาหาร

ทั้งนี้ บริษัทผู้ผลิตและส่งออกไก่ชั้นนำของประเทศไทย มีการพัฒนาเทคโนโลยีการเลี้ยงมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบและส่วนผสมคุณภาพดีเพื่อใช้ผลิตอาหารให้ตรงกับความต้องการของสัตว์แต่ละช่วงวัย พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีช่วยติดตามและตรวจสอบพฤติกรรมของสัตว์ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นการป้องกันโรคและตรวจเช็คสุขภาพสัตว์ เพื่อให้ได้เนื้อสัตว์คุณภาพดีส่งต่อไปยังกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ที่มีการลดสัมผัสจากมนุษย์และลดการสูญเสียมากที่สุด สร้างหลักประกันอาหารปลอดภัยให้กับผู้บริโภคบนภาคพื้นโลก ต่อยอดเป็นนวัตกรรมอาหารสู่อวกาศ

ล่าสุด ผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อไก่ของไทยบางรายการ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาให้เป็นอาหารสำหรับนักบินอวกาศที่ขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่บนสถานีอวกาศ

สำหรับภาคอุตสาหกรรมสัตว์ปีกของไทยใช้ระบบการเลี้ยงภายใต้หลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) จัดเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยง ให้มีการเลี้ยงที่ดี ปราศจากโรค ตลอดจนกระบวนการผลิตต้องปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค ปราศจากการปนเปื้อนของสารเคมี และใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้ง ไก่เนื้อ หรือไก่ไข่ หากปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว จะทำให้ไก่มีสุขภาพที่ดีส่งต่อมายังผู้บริโภค ผู้บริโภคก็จะได้รับประทานอาหารและผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ ปลอดภัย ปลอดโรค

“ปัจจุบัน องค์ความรู้ เทคโนโลยี และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการเผยแพร่ข้อมูลและข้อเท็จจริง รวมถึงการเข้าถึงสื่อและแหล่งข้อมูลที่มากขึ้น ทำให้ผู้เลี้ยงมีความรู้และความเข้าใจ นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเลี้ยง โดยเฉพาะการปรับปรุงสายพันธุ์และการดูแลสุขภาพของสัตว์ จึงทำให้ปัจจุบันการเลี้ยงไก่ใช้เวลาน้อยลง และมีอัตราการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นตามสายพันธุ์ จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโต ที่สำคัญการใช้ฮอร์โมนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ใช้ควบคุมกำกับดูแลผู้ประกอบการ จึงมั่นใจได้ว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ไทยไม่มีการใช้ฮอร์โมนแล้ว” ผศ.น.สพ.ดร.เกรียงไกร กล่าวย้ำ

ผศ.น.สพ.ดร.เกรียงไกร กล่าวเพิ่มเติมต่อข้อสงสัยที่ว่า บริเวณ คอไก่ ปีกไก่ หัวไก่ มีสารพิษสะสมหรือเชื้อโรคตกค้างที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายนั้น ขอยืนยันว่า ไม่มีโอกาสที่สารพิษจะตกค้างในชิ้นส่วนของสัตว์ปีกในอุตสาหกรรม ด้วยมาตรฐานการผลิตที่สูง ตั้งแต่ต้นทางที่ฟาร์ม ตลอดจนขั้นตอนเข้าสู่โรงเชือด หรือ โรงงานแปรรูป อยู่ภายใต้มาตรฐานของโรงฆ่าสัตว์ ซึ่งมีการสุ่มเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณ คอ หัว ปีก หรือ ส่วนต่างๆ ของสัตว์ปีก ส่งห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาสารพิษ ซึ่งไก่ที่ปราศจากสารพิษเท่านั้น ที่จะเข้าสู่ขั้นตอนของการชำแหละ การแปรรูป จนมาถึงผู้บริโภค ฉะนั้นในทุกขั้นตอนของสายการผลิต (Food Chain) ของสัตว์ปีก ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ จนเสริ์ฟสู่โต๊ะอาหารให้กับผู้บริโภค มีการตรวจสอบทุกขั้นตอน ทำให้มั่นใจได้ว่าไก่ทุกชิ้นส่วน ปราศจากเชื้อโรค และสารพิษอย่างแน่นอน

เมืองไทยประกันชีวิต จัดพิธีมอบรางวัลเกียรติยศ “Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2022” ยกระดับมาตรฐานบริการรพ.

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จัดพิธีมอบรางวัลเกียรติยศ “Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2022” โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในฐานะประธานกิตติมศักดิ์ เป็นประธานในพิธีขึ้นมอบรางวัลให้แก่โรงพยาบาลคู่สัญญา เพื่อเชิดชูเกียรติและยกย่องในความมีมาตรฐานและความมุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพ การทำงานในทุกด้าน นำมาซึ่งการส่งมอบการให้บริการที่เป็นเลิศในทุกมิติ และสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า โดยงานจัดขึ้น ณ Waldorf Astoria Bangkok

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจัดโครงการ Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2022 ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 7 โดยตลอดทุกปีที่ผ่านมา การจัดงานดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เราได้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างรอบด้าน ของโรงพยาบาลคู่สัญญา ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่ถูกจัดขึ้น เพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างบริษัทและโรงพยาบาลคู่สัญญา 417 แห่งทั่วประเทศ ในการยกระดับการให้บริการด้านการคุ้มครองสุขภาพ เพื่อให้ลูกค้าคนสำคัญได้รับการบริการที่เป็นเลิศ มีมาตรฐาน และเกิดความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ Happiness Reinvented” เพราะความสุขคือทุกอย่าง…ร่วมสร้างความสุขสไตล์คุณไปกับเมืองไทยประกันชีวิต” ที่มุ่งเน้นการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในทุกมิติ ในฐานะคู่คิดด้านชีวิตและสุขภาพที่ลูกค้าวางใจ (No.1 Most Trusted Life & Health Partner) ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกไลฟ์สไตล์ และทุกบทบาทของชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ เพื่อสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกๆ คน (Democratizing Insurance)

บริษัทฯ มุ่งดำเนินงานผ่าน 4 แกนสำคัญ ได้แก่ บุคลากร (People) พาร์ทเนอร์ (Preferred Partner) ลูกค้า (Customers) และ นอกเหนือจากลูกค้า (Beyond Our Customers) รวมทั้งมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกัน ระหว่างผู้เอาประกันภัย โรงพยาบาล และบริษัทฯ รวมไปถึงความร่วมมือ ในการพัฒนาบริการและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อรองรับและตอบสนองความต้องการของประชาชนที่หันมาให้ความสำคัญและดูแลใส่ใจ เรื่องของสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การมอบรางวัล Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2022 แก่โรงพยาบาลคู่สัญญา ที่มีมาตรฐานการให้บริการที่เป็นเลิศและเป็นที่ยอมรับในระดับการให้บริการ แบ่งออกเป็น

รางวัลเกียรติยศสูงสุด
“The Pink Gold of Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2022”
จากคณะกรรมการและผลสำรวจความพึงพอใจที่มีต่อบริการในทุกด้านโดยมีคะแนนรวมสูงสุด
ของรางวัลในแต่ละด้าน

รางวัลด้านความรวดเร็ว มีคุณภาพและเข้าใจความต้องการของลูกค้า
“Customer Centric Award”

มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มีวิสัยทัศน์ มุ่งลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

รางวัลด้านบริหารจัดการทางการแพทย์
“Commitment to Success Award”

มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มุ่งมั่นในการให้บริการและการบริหารทรัพยากรทางการแพทย์
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า

รางวัลด้านริเริ่ม เปิดรับ ตอบรับนวัตกรรมใหม่
“Creativity and Innovation Award”

มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มีกระบวนการความคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง แนวทางใหม่ ๆ ในแบบที่แตกต่าง
ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า

รางวัลด้านความร่วมมือระหว่างองค์กร
“Collaboration Award”

มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มีการทำงานเป็นกระบวนการร่วมกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

รางวัลด้านการดูแลใส่ใจอย่างเป็นเลิศ
“Caring Award”

มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มอบการดูแลในการใช้บริการและลดระยะเวลารอรับบริการของลูกค้า
ในการรอออกจากโรงพยาบาล ในวันกลับบ้าน

สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาโรงพยาบาลที่จะได้รับรางวัลดังกล่าว จะประเมินจากข้อมูล 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนที่ 1. ความถูกต้อง ครบถ้วนของการให้บริการผ่านโครงการต่าง ๆ ของบริษัทฯ และส่วนที่ 2. ความพึงพอใจของลูกค้า ผู้เอาประกันภัยที่ใช้บริการในโรงพยาบาล โดยจะมีบริษัทให้บริการวิจัยการตลาดและการประเมินผลชั้นนำของโลกเป็นผู้สำรวจ ทั้งมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านการแพทย์ ด้านการบริการ ด้านสื่อสารมวลชน และด้านสังคมและจริยธรรม ร่วมกันพิจารณาตัดสินรางวัลเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและน่าเชื่อถือ

“การจัดโครงการ Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2022 เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาก เพราะเป็นเรื่องของการสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ผ่านการทำงานร่วมกันกับโรงพยาบาลคู่สัญญาทุกแห่ง ทั่วประเทศ ในการให้บริการ การดูแลทางด้านการแพทย์ โดยมีเป้าหมายเดียวกันในการตอบโจทย์ความต้องการที่ดีและเป็นเลิศที่สุดให้กับลูกค้าของเราทั้งคู่แบบ Outside-in ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าทุก Journey ได้เป็นอย่างดี โดยผลลัพธ์ได้ถูกสะท้อนจากผลสำรวจ (Survey) ที่มาจากประสบการณ์การใช้จริงของลูกค้า (User Experience) ผมขอแสดงความยินดีกับทุกโรงพยาบาลที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ และขอขอบคุณโรงพยาบาลคู่สัญญาทุกแห่ง ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก ที่ร่วมก้าวไปด้วยกันในการสร้างความพึงพอใจ ความประทับใจ พร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมการบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคตไปด้วยกัน” นายสาระ กล่าว

รายชื่อโรงพยาบาลที่ได้รับรางวัล

รางวัลเกียรติยศสูงสุด “The Pink Gold of Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2022”
ได้แก่ “โรงพยาบาล พญาไท 1”

รางวัลด้านความรวดเร็ว มีคุณภาพ และเข้าใจความต้องการของลูกค้า “Customer Centric Award”
โรงพยาบาลขนาดใหญ่
อันดับ 1 – Gold Award ได้แก่ โรงพยาบาล สินแพทย์
อันดับ 2 – Silver Award ได้แก่ โรงพยาบาล พญาไท 3
อันดับ 3 – Bronze Award ได้แก่ โรงพยาบาล ธนบุรี
โรงพยาบาลขนาดกลาง
อันดับ 1 – Gold Award ได้แก่ โรงพยาบาล กรุงเทพหาดใหญ่
อันดับ 2 – Silver Award ได้แก่ โรงพยาบาล สมิติเวชศรีราชา
อันดับ 3 – Bronze Award ได้แก่ โรงพยาบาล พระรามเก้า
รางวัลด้านบริหารจัดการทางการแพทย์ “Commitment to Success Award”
โรงพยาบาลขนาดใหญ่
อันดับ 1 – Gold Award ได้แก่ โรงพยาบาล พญาไท 1
อันดับ 2 – Silver Award ได้แก่ โรงพยาบาล ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
อันดับ 3 – Bronze Award ได้แก่ โรงพยาบาล ศิครินทร์
โรงพยาบาลขนาดกลาง
อันดับ 1 – Gold Award ได้แก่ ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อันดับ 2 – Silver Award ได้แก่ โรงพยาบาล ไทยนครินทร์
อันดับ 3 – Bronze Award ได้แก่ โรงพยาบาล พญาไท ศรีราชา
รางวัลด้านริเริ่ม เปิดรับ ตอบรับนวัตกรรมใหม่ “Creativity and Innovation Award”
โรงพยาบาลขนาดใหญ่
อันดับ 1 – Gold Award ได้แก่ โรงพยาบาล กรุงเทพ
อันดับ 2 – Silver Award ได้แก่ โรงพยาบาล เมดพาร์ค
อันดับ 3 – Bronze Award ได้แก่ โรงพยาบาล สมิติเวช สุขุมวิท
โรงพยาบาลขนาดกลาง
อันดับ 1 – Gold Award ได้แก่ โรงพยาบาล ราษฎร์ยินดี
อันดับ 2 – Silver Award ได้แก่ โรงพยาบาล บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
อันดับ 3 – Bronze Award ได้แก่ โรงพยาบาล พิษณุเวช
รางวัลด้านความร่วมมือระหว่างองค์กร “Collaboration Award”
โรงพยาบาลขนาดใหญ่
อันดับ 1 – Gold Award ได้แก่ โรงพยาบาล กรุงเทพ
อันดับ 2 – Silver Award ได้แก่ โรงพยาบาล พญาไท 2
อันดับ 3 – Bronze Award ได้แก่ โรงพยาบาล เปาโล พหลโยธิน
โรงพยาบาลขนาดกลาง
อันดับ 1 – Gold Award ได้แก่ โรงพยาบาล พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ
อันดับ 2 – Silver Award ได้แก่ โรงพยาบาล พญาไท นวมินทร์
อันดับ 3 – Bronze Award ได้แก่ โรงพยาบาล บางปะกอก 1
รางวัลด้านการดูแลใส่ใจที่เป็นเลิศ “Caring Award”
โรงพยาบาลขนาดใหญ่
อันดับ 1 – Gold Award ได้แก่ โรงพยาบาล กรุงเทพภูเก็ต
อันดับ 2 – Silver Award ได้แก่ โรงพยาบาล ทีอาร์พีเอช
อันดับ 3 – Bronze Award ได้แก่ โรงพยาบาล บางปะกอก สมุทรปราการ
โรงพยาบาลขนาดกลาง
อันดับ 1 – Gold Award ได้แก่ โรงพยาบาล เวชธานี
อันดับ 2 – Silver Award ได้แก่ โรงพยาบาล กรุงเทพพัทยา
อันดับ 3 – Bronze Award ได้แก่ โรงพยาบาล เชียงใหม่ราม

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือนนักลงทุนรอบคอบและระมัดระวัง ก่อนซื้อขายหุ้น TBN

0

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวังและศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TBN) เนื่องจากสภาพการซื้อขายภาคเช้าของวันนี้ (20 มิถุนายน 2566) พบว่ามีแรงเก็งกำไรสูงด้วย Turnover ratio ที่ 85% ราคาปิดภาคเช้าที่ 41.5 บาท (เพิ่มขึ้น 144% จากราคา IPO) ด้วยมูลค่าซื้อขายสูงเป็นอันดับหนึ่ง 3,591 ล้านบาท (เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2566 อยู่ที่ 2,438 ล้านบาท) และพบการซื้อขายกระจุกตัว (ทั้งด้านซื้อและขาย) ที่ 39% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด ปัจจุบันมี P/E และ P/BV 74.85 เท่า และ 7.93 เท่า ตามลำดับ

ทั้งนี้ เมื่อวานปรากฏรายการขาย Big lot จากผู้ถือหุ้นเดิมที่จำนวน 9.5 ล้านหุ้น ที่ราคา 20.75 บาทต่อหุ้น ซึ่งรายละเอียดเป็นไปตามที่ระบุไว้ในสรุปข้อสนเทศ (สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากข่าวของ TBN ในวันที่ 16 มิถุนายน 2566 ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ www.set.or.th)

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อขาย นอกจากนี้ ขอให้บริษัทสมาชิกทุกรายกำกับดูแลการซื้อขายและการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ TBN อย่างใกล้ชิดและเคร่งครัด เพื่อป้องกันการส่งคำสั่งซื้อขายที่อาจไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

CPF โชว์เทคโนโลยีเกษตรดิจิทัลแห่งอนาคต หนุนคู่ค้าและเกษตรกรโตมั่นคง ในงาน CPF The NeXt Tech Show

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลด้านเกษตรอุตสาหกรรมในงาน “CPF The NeXt Tech Show” งานมหกรรมเกษตรดิจิทัลที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกและอย่างยิ่งใหญ่แห่งปี เพื่อถ่ายทอดและแบ่งปันความรู้ยกระดับภาคปศุสัตว์ยุคใหม่เพื่อส่งต่อความสำเร็จ และติดอาวุธทางธุรกิจให้กับลูกค้าและเกษตรกรไทย หนุนการเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ตอบรับยุคดิจิทัล ในระหว่างวันที่ 20 – 21 มิถุนายน 2566 ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค อาคารตะวันตก

รายงานข่าวเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2566 นายประเสริฐ พุ่งกุมาร รองประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ นายอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร ซีพีเอฟ ร่วมเป็นประธานเปิดงาน CPF The NeXt Tech Show โดยมี นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ นายเรวัติ หทัยสัตยพงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ และ นายสรรเสริญ สมัยสุต กรรมการผู้จัดการ AXONS ร่วมด้วย พร้อมเป็น Executive Talk บรรยายพิเศษ การขับเคลื่อนองค์กรสู่ยุคดิจิทัล และชมเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัลแห่งอนาคตจากกว่า 30 องค์กรพันธมิตรของบริษัททั้งไทยและต่างประเทศ โดยมีลูกค้าและเกษตรกรจากทั่วประเทศร่วมงานอย่างคับคั่ง

นายเรวัติ กล่าวว่า ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ จัดงาน CPF The NeXt Tech Show ขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศ ที่รวบรวมเทคโนโลยีและโซลูชั่นด้านเกษตรอุตสาหกรรมยุคใหม่จากทั่วโลก ภายใต้แนวคิด “เทคโนโลยีแห่งอนาคต…เพื่อการเติบโตด้านปศุสัตว์อย่างยั่งยืน” ในโอกาสครบรอบ 70 ปีของธุรกิจอาหารสัตว์บก ที่ตลอดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่วันแรก ซีพีเอฟมุ่งมั่นเดินเคียงข้างเพื่อสร้างความสำเร็จกับลูกค้าและเกษตรกร ซึ่งเปรียบเสมือน “คู่ชีวิต” โดยยึดมั่นการส่งมอบผลิตภัณฑ์ “คุณภาพ” และสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยประยุกต์เครื่องจักรที่ทันสมัยและมีกระบวนการผลิตได้มาตรฐานสากล ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตก้าวเป็นเบอร์หนึ่งของโลกจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น งาน CPF The NeXt Tech Show ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าและเกษตรกรมีประสบการณ์เทคโนโลยีเกษตรดิจิทัลที่ทันสมัยจากทั่วโลก รวมถึงได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและเกษตรดิจิทัลแห่งอนาคต ช่วยติดอาวุธให้กับลูกค้าหรือเกษตรกรสามารถปรับตัวเท่าทันรับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างแข็งแกร่ง และเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

“การจัดงานครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของซีพีเอฟที่จะเดินเคียงข้างกับลูกค้าและเกษตรกรสามารถปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพในโลกยุคหลังโควิด ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทและจำเป็นอย่างมากในทุกวงการ รวมถึงภาคเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อที่จะช่วยให้ลูกค้าของซีพีเอฟสามารถรักษาความเป็นผู้นำได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเตรียมความพร้อมให้กับทายาทรุ่นใหม่ของลูกค้าสามารถสานกิจการได้อย่างมั่นคง”

ภายในงานประกอบด้วย Tech Show จัดแสดงนวัตกรรมและเกษตรดิจิทัล 100 เทคโนโลยี จากกว่า 30 องค์กรพันธมิตรของซีพีเอฟทั่วโลก เพื่อจุดประกายและเป็นแนวทางให้องค์กรสามารถปรับตัวให้ทันยุคดิจิทัล พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆในอนาคต อาทิ วิทยาการหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Internet of Things (IoT) แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มดิจิทัล ส่วนของ Tech Talk เป็นการแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มไอทีระดับโลก และฟังแนวคิดการรับมือกับยุคดิสรัปชันเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน จาก “หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์” กูรูไอทีจากแบไต๋ พร้อมรับฟังวิสัยทัศน์ของผู้บริหารของซีพีเอฟเพื่อร่วมกันพัฒนาภาคเกษตรอุตสาหกรรมไทยก้าวสู่ระดับโลก ต่อยอดความรู้และเพิ่มประสบการณ์ด้านวิทยาการใหม่ๆ ที่จะมาช่วยจุดประกาย และนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานที่สอดคล้องกับยุคดิจิทัล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทั้งการดำเนินงาน และช่วยสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าและเกษตรกร รวมไปถึงขับเคลื่อนภาคปศุสัตว์ของไทยก้าวสู่ระดับโลก

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้อนรับ บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค (BLC) เข้าเทรด 21 มิ.ย. นี้

0

บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค ผู้ผลิตและจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพร ยาสำหรับสัตว์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 21 มิ.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 6,300 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ว่า “BLC”

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาด    หลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “BLC” ในวันที่ 21 มิถุนายน 2566  

แมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ

BLC ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา ภายใต้เครื่องหมายการค้าทั้งหมด 485 ตราสินค้า แบ่งเป็น ประเภทยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ โดยเป็นยาที่มีตัวยาสำคัญเหมือนยาต้นแบบ หรือยาที่หมดอายุสิทธิบัตรแล้ว ภายใต้เครื่องหมายการค้า เช่น DiabeDerm, Glucosa, GASTRO BISMOL ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร เช่น Capsika, KACHANA, Plaivana ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ โดย BLC เริ่มตั้งแต่การออกแบบพัฒนาสูตรตำรับยาตามหลักการเภสัชกรรม  และมีศูนย์วิจัย BLC เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาประยุกต์ใช้ รวมทั้งวิจัยและพัฒนาต่อยอดเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์

BLC มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวนรวม 150 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 120 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมของ Viva Sonata Pte., Ltd. จำนวน 30 ล้านหุ้น โดยเสนอต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้มีอุปการคุณ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ของบริษัทและบริษัทย่อย ในระหว่างวันที่ 14 – 16 มิถุนายน 2566 ในราคาหุ้นละ 10.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,260 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 6,300 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

ภก. สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค เปิดเผยว่า บริษัทมีกลยุทธ์ในการประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยบริษัทมีแผนที่จะนำเงินระดมทุนส่วนใหญ่ไปก่อสร้างโรงงานผลิตยาอาคารใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 200% และลงทุนงานวิจัยและพัฒนายาสามัญใหม่ โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้เป็น 2,000 ล้านบาทภายในปี 2569

BLC มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มผู้ก่อตั้ง ได้แก่ ภก. สุวิทย์ งามภูพันธ์ และภรรยา น.ส. สุณิสา มงคลอารีย์พงษ์ ถือหุ้นรวม 37.2% นายสมชัย พิสพหุธาร ถือหุ้น 15% และนายศุภชัย สายบัว ถือหุ้น 3.8% โดยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน แผนการขยายธุรกิจ และความเหมาะสมอื่น ๆ

ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.blcplc.com และที่ www.set.or.th

ออมสิน ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องบ้านด้วย “สินเชื่อเคหะ”

0

✅️ ตอบโจทย์ครบ ทุกความต้องการเรื่องบ้าน ด้วยสินเชื่อเคหะ กู้ซื้อบ้านง่าย ๆ ผ่อนสบาย ฟรีค่าใช้จ่าย*

? ผ่อนต่ำล้านละ 3,555 บาท/เดือน (นาน 6 เดือนแรก)
? ดอกเบี้ย ปีแรก 3.140% (MRR-3.855%) ต่อปี
? *ฟรี‼ ค่าจัดทำนิติกรรมสัญญา ค่าบริการสินเชื่อ
? ยื่นกู้ได้ตั้งเเต่วันนี้ – 15 ตุลาคม 2566
อนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญาให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566

คุณสมบัติผู้กู้ :

  1. เป็นผู้ฝากเงินประเภทเผื่อเรียกของธนาคาร
  2. มีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี
  3. มีอาชีพและรายได้แน่นอน
  4. การกู้ร่วมกับบุคคลอื่น มีเงื่อนไขดังนี้

4.1 กู้ร่วมกับบุคคลอื่นที่มีความสัมพันธ์เป็นคู่สมรส บุตร บิดา มารดา หรือ พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมในหลักประกันทุกคนก็ได้

4.2 กู้ร่วมกับบุคคลอื่นที่นอกเหนือจาก (4.1) ต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมในหลักประกันทุกคน

หลักประกัน :

  1. ที่ดินเพื่อเตรียมปลูกสร้างอาคาร หรือที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด ตามวัตถุประสงค์ที่ขอกู้และตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีความเจริญ มีไฟฟ้า สาธารณูปโภคอื่นๆ ตามความจำเป็น และมีทางสาธารณประโยชน์ ซึ่งรถยนต์ผ่านเข้าออกได้สะดวก
  2. หลักทรัพย์อื่นตามที่ธนาคารประกาศกำหนด

?? สมัครขอสินเชื่อคลิก > https://bit.ly/443QQHh
หรือที่ธนาคารออมสินทุกสาขา

⚠️ เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด