Home Blog Page 139

ฉลองครบรอบ 19 ปี เมืองไทยสไมล์คลับ แจกฟรีส่วนลดตั๋วเครื่องบินบางกอกแอร์เวย์สทุกเส้นทาง

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTLเปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ผ่านกลยุทธ์“Happiness Reinvented” เพราะความสุขคือทุกอย่าง…ร่วมสร้างความสุขสไตล์คุณไปกับเมืองไทยประกันชีวิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ  นวัตกรรม รวมไปถึงสิทธิพิเศษและกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านเมืองไทยสไมล์คลับ ที่ได้คัดสรรมาเป็นอย่างดี

ล่าสุด เมืองไทยประกันชีวิต ฉลองครบรอบ 19 ปีเมืองไทยสไมล์คลับ มอบสิทธิพิเศษแทนคำขอบคุณแด่สมาชิกฯ ที่อยู่เคียงข้างกันในทุกสถานการณ์ตลอด 19 ปีที่ผ่านมา จับมือกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกฯ รับฟรี ส่วนลด 300 บาท สำหรับซื้อบัตรโดยสารสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ทุกเส้นทางภายในประเทศ และระหว่างประเทศ ที่เริ่มต้นการเดินทางจากประเทศไทย 1 ท่าน / 1 สิทธิ์ / โครงการ จำกัดจำนวน 300 สิทธิ์  โดยระยะเวลารับสิทธิ์ และสำรองที่นั่งระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2566 – 30 กันยายน 2566  และระยะเวลาเดินทางตั้งแต่ 1 กันยายน 2566 – 15 ธันวาคม 2566  สายชิลพร้อม!!! เตรียมกดรับสิทธิ์เลยที่  MTL Click Application

ทั้งนี้ เมืองไทยสไมล์คลับ พร้อมดูแลและยืนอยู่เคียงข้างสมาชิกฯ  ในทุกวัน โดยสมาชิกฯ สามารถติดตามกิจกรรมรวมถึงสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่เมืองไทยสไมล์คลับคัดสรรมาพิเศษแบบครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ และตอบโจทย์ทุก Gen ได้ที่ MTL Click Application สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือเว็บไซต์ www.muangthai.co.th ตลอดจนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 1766 กด 4 เมืองไทยประกันชีวิต หรือศูนย์บริการลูกค้าทั่วประเทศ

“เมืองไทยสไมล์คลับ พร้อมพัฒนาด้านบริการเพื่ออำนวยความสะดวกในการรับสิทธิประโยชน์ และคัดสรรสิทธิพิเศษให้ตรงตามทุกความต้องการ เพื่อให้สมาชิกฯ ได้รับประโยชน์แบบสูงสุดตลอดระยะเวลาถือกรมธรรม์เมืองไทยประกันชีวิตและเป็นสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ” นายสาระ กล่าว

‘ทรีนีตี้’ มองบรรยากาศลงทุน ก.ย.ครึ่งเดือนแรกดี แนะลงทุนหุ้นอิงนโยบายกระตุ้นบริโภค/เศรษฐกิจโลก

0
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด

“ทรีนีตี้” ประเมินครึ่งแรกเดือนก.ย.จะดีกว่าครึ่งเดือนหลัง พร้อมให้กรอบดัชนีแนวต้านสำคัญที่ 1600 จุด ส่วนแนวรับ 1500-1520 จุด เน้นช่วงแรกทยอยขายทำกำไรหุ้นที่ถือครองมาก่อนหน้า ส่วนหากต้องการเข้าลงทุนจริง เลือกกลุ่ม Laggard ทั้งที่อิงกับนโยบายกระตุ้นการบริโภค เช่น PLANB, VGI, BEC, ONEE และที่อิงกับเศรษฐกิจโลกที่ยังดำเนินต่อไปได้ เช่น III, LEO, SJWD, WICE

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์  บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือนกันยายน 2566 ว่า ในช่วงแรกดัชนีหุ้นทั่วโลกจะยังแกว่งตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้ รับความคาดหวังที่ Fed น่าจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ ก่อนที่อาจต้องใช้ความระมัดระวังหลังจากนั้นจาก Dot plots และโทนของ Fed ที่อาจออกมา Hawkish กว่าที่ตลาดคาดการณ์ ดังนั้น ประเมินครึ่งเดือนแรกมีแนวโน้มที่ดัชนีจะปรับตัวดีกว่าครึ่งเดือนหลัง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET จะมีแนวต้านอยู่ที่ระดับจิตวิทยา 1600 จุด  โดยมีกรอบแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1500-1520 จุด

ในเชิงกลยุทธ์ แนะนักลงทุนหาจังหวะทยอย Lock profit ในช่วงครึ่งเดือนแรกในกลุ่มหุ้นที่แนะนำ Selective มาก่อนหน้านี้ ซึ่งประเมินว่าจะยังเป็นช่วงที่สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกถูกประคับประคองได้อยู่ ส่วนในช่วงครึ่งเดือนหลัง แนะเข้าสู่โหมด Wait & See เพื่อป้องกันความผิดหวังที่อาจเกิดขึ้นจากการประชุม FOMC  

อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าลงทุนใหม่จริงๆ ณ เวลานี้ที่ Valuation ของตลาดอยู่ในโซนเปราะบางแล้ว แนะนำโฟกัสไปยัง Sector ที่ราคาและ Valuation กองอยู่ในโซนล่าง โดยหากแบ่งออกเป็นประเภทจะได้แก่ 1) กลุ่ม Domestic สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรไปตามปัจจัยนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไม่มากก็น้อย ได้แก่ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA) มองหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ PLANB, VGI, BEC, ONEE และ2.กลุ่มที่อิงกับปริมาณการค้าขายในระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะเห็นปัญหาการ Destocking ที่ลดลง และล่าสุดเริ่มเห็นการยืนทรงตัวได้ของตัวเลข PMI ภาคการผลิต นอกจากนั้น ยังเตรียมได้อานิสงส์หากรัฐบาลประกาศใช้นโยบายลดราคาพลังงานจริง มองไปยังกลุ่ม Logistics ที่ Earnings อยู่ในช่วง High season อาทิ III, LEO, SJWD, WICE

สำหรับปัจจัยที่น่าสนใจอื่นนอกเหนือจากการประชุม Fed ในเดือนกันยายนนี้ได้แก่ 1.ปัจจัยเฝ้าระวังเกี่ยวกับ แรงขายของนักลงทุนสถาบันภายในประเทศ ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นปกติในเดือนกันยายนของทุกปี โดยอาจเป็นการเตรียมเงินสดเพื่อรองรับการไถ่ถอนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่างๆ2. การประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 14 ก.ย. โดยจะต้องติดตามคาดการณ์ GDP และเงินเฟ้อรอบใหม่ที่จะออกมาในครั้งนี้ด้วย3.การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันที่ 21-22 ก.ย. โดยต้องติดตามดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมาตรการ Yield Curve Control หรือไม่4.ความเป็นไปได้ในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของจีน 5. ความเป็นไปได้ในการขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุฯและรัสเซีย 6.การประชุมกนง.ของไทยในวันที่ 27 ก.ย. ซึ่งมีลุ้นว่ากนง.อาจจะยุติการขึ้นดอกเบี้ยของวงจรนี้ไว้เพียงแค่นี้ แต่หากกนง.ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปสู่ระดับ 2.50% ประเมินจะเป็นปัจจัยลบต่อภาพเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยที่สำคัญ และ 7. พัฒนาการของรัฐบาลไทยชุดใหม่ โดยเฉพาะแนวนโยบายเศรษฐกิจ และแผนการอนุมัติงบประมาณในช่วงถัดไป

ตลท. จัดแข่ง SET Hackathon ครั้งแรกสำหรับบุคคลทั่วไป ชิงเงินรางวัล 3 แสนบ.

0

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดการแข่งขัน SET Hackathon เป็นครั้งแรกสำหรับบุคคลทั่วไป ภายใต้ธีม Wealth and Sustainability โดยเปิดโอกาสสำหรับนักคิด นิสิต นักศึกษา คณาจารย์ ผู้ลงทุนและผู้สนใจ ร่วมคิดค้น นำฐานข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance: ESG) มาใช้ และพัฒนาเป็นนวัตกรรมที่จะส่งเสริมผู้ลงทุนและบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน สมัครเข้าร่วมแข่งขันตั้งแต่ 31 ส.ค. 66 ถึง 10 ต.ค. 66 ชิงเงินรางวัลกว่า 300,000 บาท

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันข้อมูลการดำเนินงานด้าน ESG เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจและการลงทุน โดยภาคธุรกิจสามารถนำข้อมูลดังกล่าววิเคราะห์และเชื่อมโยงปัจจัยรอบด้าน เพื่อบริหารความเสี่ยงองค์กร นำไปสู่การปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ขณะที่ผู้ลงทุน หน่วยงานกำกับดูแล และผู้มีส่วนได้เสีย สามารถนำข้อมูลมาพิจารณาว่าบริษัทให้ความสำคัญและมีความรับผิดชอบที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างไร รวมทั้งยังใช้ประกอบการลงทุนควบคู่ไปกับข้อมูลทางการเงินเพื่อวิเคราะห์ถึงการเติบโตในระยะยาว

ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

“ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พัฒนาและจัดทำฐานข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุน และ บจ. ในปัจจุบันซึ่งเป็นยุคของข้อมูล อาทิ ฐานข้อมูล SETSMART ข้อมูลการลงทุน ข้อมูลเศรษฐกิจ และความรู้การออมและการลงทุน สอดรับวิสัยทัศน์ตลาดหลักทรัพย์ฯ “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone” ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดการแข่งขัน SET Hackathon 2023 ขึ้นเป็นครั้งแรกสำหรับบุคคลทั่วไป เพื่อส่งเสริมการนำข้อมูลด้าน ESG มาใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม SET Hackathon 2023 เป็นเวทีที่เปิดกว้างสำหรับนักคิดและผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ มาร่วมระดมความคิด คิดค้น สร้างสรรค์ และพัฒนานวัตกรรมจากการนำฐานข้อมูลด้าน ESG มาประยุกต์ใช้ ภายใต้โจทย์คือ “เราจะช่วยให้ผู้ลงทุนและบริษัทจดทะเบียนไทยใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้าน ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างไร” โดยเน้นการสร้างนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาแก้ไขปัญหาและข้อจำกัดในการใช้ข้อมูล เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนและ บจ. โดยแนวคิดจะถูกนำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดทุนไทยอย่างยั่งยืนได้” นายภากรกล่าว

SET Hackathon 2023 เปิดรับสมัคร นิสิต นักศึกษาที่อยู่ระหว่างการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไป คณาจารย์ที่มีความสนใจในการพัฒนาธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ไทย ผู้ลงทุน และที่ผู้สนใจ ซึ่งสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการในประเภททีม (4-6 คน) ชิงเงินรางวัลกว่า 300,000 บาท ตั้งแต่ 31 ส.ค. 66 ถึง 10 ต.ค. 66 ผู้สนใจติดตามรายละเอียดได้ที่ www.set.or.th

CPF มุ่งมั่นใช้พลังงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ขับเคลื่อนการผลิตอาหารยั่งยืน

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงในการมีแหล่งพลังงานทางเลือกที่เพียงพอในระยะยาว บริหารจัดการการใช้พลังงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานชีวมวล พลังงานจากก๊าซชีวภาพ และพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตไฟฟ้าใช้ในฟาร์มสุกรและคอมเพล็กซ์ไก่ไข่ ยกเลิกการใช้ถ่านหินในกระบวนการผลิตทั้งหม เดินหน้าฟาร์ม RE 100 ผลิตและใช้พลังงานทดแทน 100 %

นายพีรพงศ์ กรินชัย ผู้บริหารสุงสุด สายงานวิศวกรรมกลาง ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นครัวของโลก สร้างความมั่นคงทางอาหาร และดำเนินธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการการใช้พลังงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และการมีแหล่งพลังงานทางเลือกที่มั่นคงและเพียงพอในระยะยาว ซึ่งซีพีเอฟทั่วโลกมุ่งมั่นเดินหน้าสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ในปี 2050 (ปี พ.ศ.2593) ควบคู่กับการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนตลอดกระบวนการผลิตต้นจนถึงปลายน้ำ

ปัจจุบัน กิจการประเทศไทยของซีพีเอฟ มีสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน 30 % ของการใช้พลังงานทั้งหมด ประกอบด้วย พลังงานจากชีวมวล 68 % พลังงานจากก๊าซชีวภาพ 30 % และพลังงานแสงอาทิตย์ โดยนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในฟาร์มสุกร และคอมเพล็กซ์ไก่ไข่ ด้วยการติดตั้งระบบไบโอแก๊ส (Biogas) นำแก๊สที่ได้จากการหมักมูลสัตว์ มาใช้ในการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในฟาร์ม สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 70-80% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในฟาร์ม และยังมีโครงการยกระดับการผลิตไบโอแก๊สให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถผลิตไบโอแก๊สได้เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัท ฯ มีแผนเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ติดตั้งแผงโซลาร์เซลเพื่อผลิตไฟฟ้าให้ได้ 50 เมกะวัตต์ ภายในปี 2023 นี้ และมีแผนติดตั้งแผงโซลาร์เซลเพื่อผลิตไฟฟ้าให้ได้ 100 เมกะวัตต์ ในปี 2025 จากปัจจุบันที่มีการติดตั้งแผง Solar PV ที่โรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงงานอาหารแปรรูป โรงงานอาหารสำเร็จรูปและศูนย์กระจายสินค้ารวม 38 แห่ง ผลิตไฟฟ้าได้ 20 เมกะวัตต์ เพื่อใช้ภายในกระบวนการผลิต

ซีพีเอฟ ดำเนินโครงการ CPF Coal Free 2022 ยกเลิกใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตทั้งหมด สำหรับกิจการในประเทศไทยและเวียดนาม ตั้งแต่ปี 2022 โดยนำชีวมวลจากวัสดุเหลือทิ้ง เช่น เศษไม้ ขี้เลื่อย ซังข้าวโพด ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหมุนเวียนมาใช้ทดแทนถ่านหินในการผลิตไอน้ำ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 2.2 แสนตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ พัฒนาโครงการฟาร์มต้นแบบ RE 100 มุ่งมั่นผลิตและใช้พลังงานทดแทน 100 % โดยไม่ต้องพึ่งพาพลังงานจากภายนอก นำร่องที่ฟาร์มไก่ไข่ จันทบุรี ติดตั้งระบบไบโอแก๊สเพื่อผลิตไฟฟ้า และอยู่ระหว่างติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์เพิ่มเติมทดแทนการซื้อไฟฟ้าจากแหล่งภายนอก พร้อมทั้งติดตั้งระบบบริหารจัดการพลังงาน (EMS) เพื่อควบคุมการผลิตและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปีนี้ เป็นฟาร์มต้นแบบ RE100 แห่งแรก และมีเป้าหมายขยายการดำเนินการไปยังฟาร์มอื่นๆ ของซีพีเอฟต่อไปในอนาคต

ส.ผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ยื่นก.เกษตรฯ ศึกษา “โครงสร้างห่วงโซ่อาหาร” แก้ปัญหาภาคเกษตรทั้งระบบ

0

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกระทรวงหลักที่เป็นที่พึ่งของเกษตรกรทั่วประเทศ และมีส่วนอย่างมากในการขับเคลื่อนภาคเกษตรซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทย ในโอกาสที่กำลังจะมีรัฐมนตรีว่าการคนใหม่ จึงขอฝากให้ท่านเริ่มต้นด้วยการศึกษา “ห่วงโซ่การผลิตอาหาร” ทั้งระบบ

ทั้งนี้ เนื่องจากการพิจารณาโครงสร้างของห่วงโซ่อุปทานทั้งระบบ จะทำให้มองเห็นภาพรวม ตั้งแต่ผลผลิตเกษตรที่ส่งออก ย้อนลงไปถึงเมล็ดพันธุ์พืชที่เป็นต้นทาง ช่วยให้สามารถลงรายละเอียดของแต่ละกรมที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่การผลิตแต่ละขั้น รวมถึงมองเห็นว่ามีกระทรวงอื่นใดเข้ามาเกี่ยวข้องในขั้นตอนใดบ้าง จะนำไปสู่การวางยุทธศาสตร์การทำงานภาคเกษตรของประเทศได้อย่างครบถ้วน และพาให้ทุกคนในห่วงโซ่การผลิตนี้เดินหน้าไปด้วยกันได้ทั้งหมด

“การแก้ปัญหาตั้งแต่โครงสร้างของห่วงโซ่อาหาร จะเป็นการพัฒนาศักยภาพของทุกภาคส่วนในห่วงโซ่นี้ ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่เหมือนที่ผ่านมาซึ่งถือว่าล้มเหลวมาก เช่น การแก้ปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ไม่สมดุล จนทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์รายเล็กรายย่อยทยอยเลิกเลี้ยงกันไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งเกิดจากการไม่แก้ปัญหาเป็นองค์รวม” นายพรศิลป์กล่าว

นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ยกตัวอย่างการจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยให้เข้าสู่ระบบมาตรฐาน GAP ว่าเป็นสิ่งจำเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่ทั้งหมด และเป็นพื้นฐานในการเชื่อมโยงไปสู่การลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตอาหารของประเทศไทย เนื่องจากขณะนี้สหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าอาหารรายใหญ่ของไทย เริ่มมีมาตรการ C-BAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) หรือมาตรการภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดน และการตัดไม้ทำลายป่าออกมาแล้ว

หากสินค้าไทยปลดปล่อยคาร์บอนตลอดกระบวนการผลิตมากกว่าที่ประเทศผู้นำเข้ากำหนดจะถูกเก็บภาษี ซึ่งทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันทันที เช่น อุตสาหกรรมไก่เนื้อที่ใช้ข้าวโพดเป็นหนึ่งในวัตถุดิบอาหารไก่ อาจถูกเก็บ C-BAM เนื่องจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยไม่ได้มาตรฐาน GAP และมีการปล่อยคาร์บอนเกินกำหนด ขณะที่ปัญหาภัยแล้งจากเอลนีโญ ตลอดจนผลผลิตข้าวโพดต่อไร่ที่ยังน้อย ก็นับเป็นปัญหาใหญ่ที่กระทรวงต้องเร่งแก้ ซึ่งจะมองเห็นได้ทะลุปรุโปร่งจากการพิจารณาห่วงโซ่การผลิตทั้งหมด ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ท่านรัฐมนตรีต้องวางโครงสร้างการผลิตข้าวโพดให้ได้มาตรฐานตั้งแต่วันที่ท่านเข้ารับตำแหน่ง ไม่เช่นนั้น อุตสาหกรรมอาหารมูลค่าหลายแสนล้านบาทของประเทศไทยย่อมได้รับผลกระทบ ซึ่งรวมไปถึงทุกคนในห่วงโซ่การผลิตนี้ ตลอดจนเศรษฐกิจของชาติที่ต้องได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปตามๆกัน ทั้งนี้ โมเดลการแก้ปัญหาแบบครบวงจรนี้ ยังสามารถนำไปใช้กับ ข้าวและมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอาหารสัตว์อีกด้วย

นายพรศิลป์ย้ำอีกว่า กระทรวงเกษตรฯ ควรทำงานเชื่อมโยงกับกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) อย่างใกล้ชิด ด้วย พณ. มีบทบาทอย่างมากในทุกๆขั้นตอนของห่วงโซ่การผลิตอาหาร แม้เจ้ากระทรวงทั้งสองจะมาจากคนละพรรคก็ไม่ใช่ปัญหา และอาจจะทำงานร่วมกันได้ดีกว่าที่มาจากพรรคเดียวกันด้วยซ้ำ

AIS ต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ ใช้พอยท์แลกส่วนลดขนมไหว้พระจันทร์สุดพรีเมียม 4 ร้านดัง

0

AIS ร่วมต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ จับมือพาร์ทเนอร์ ส่งมอบความสุข เสริมความเป็นสิริมงคลให้ชีวิต ด้วยขนมไหว้พระจันทร์รสเลิศหลากหลายรสชาติน่าลิ้มลองจาก 4 ร้านชั้นนำ อาทิ S&P ที่ขนทัพขนมไหว้พระจันทร์เปลือกบางไส้แน่น วัตถุดิบชั้นเลิศ มาให้เลือกหลากหลายรสชาติ, ร้าน Mx Cake & Bakery ต้นตำรับขนมไหว้พระจันทร์ที่ส่งตรงจากฮ่องกง กับรสชาติขายดี Best Seller ‘คัสตาร์ดลาวา’, ร้าน Kyo Roll En ขนมไหว้พระจันทร์ที่ร่วม Collaboration กับสุดยอดเชฟ All-Star รวมดารา 4 ดาวมิชลิน Limited Edition จาก 4 เชฟมิชลิน 4 รสชาติ 4 สัญชาติ ทั้ง ไทย – จีน – ญี่ปุ่น – เยอรมัน และร้าน Black Canyon ที่ส่งมอบความอร่อยพร้อมความสุขด้วยขนมไหว้พระจันทร์คุณภาพระดับพรีเมียม มีให้เลือกถึง 5 รสชาติ ทุเรียนหมอนทองไข่แดง เมล็ดบัวไข่แดง แปดเซียน ยูซุแมคคาเดเมีย และ ชาเขียวพิสตาชิโอ โดย AIS ได้คัดสรรขนมไหว้พระจันทร์ที่ดีและมีคุณภาพส่งมอบสิทธิพิเศษให้ ลูกค้า AIS 5G และลูกค้า AIS Fibre สามารถนำคะแนนสะสม AIS Points แลกรับส่วนลดพิเศษ ตลอดเดือนกันยายน

นางสาวใจพร ศรีสกุล รักษาการหัวหน้าหน่วยธุรกิจบริหารลูกค้าและการบริการ AIS กล่าวว่า “AIS มุ่งมั่นที่จะส่งมอบสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้าในรูปแบบสินค้าและบริการต่างๆทั้งจาก AIS และการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้า รวมทั้งยกระดับบริการแลกคะแนนเพื่อให้ลูกค้าได้รับสิทธิพิเศษ ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ช้อปปิ้ง และท่องเที่ยว รวมถึงการแลกรับสิทธิพิเศษในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่กำลังจะมาถึงในเดือนกันยายนนี้ AIS ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ เสริมความเป็นสิริมงคล และความเจริญ รุ่งเรือง และยังเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่ทุกคนในครอบครัวได้มาอยู่กันพร้อมหน้า โดยในปีนี้เราได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ร้านเบเกอรี่ ร้านอาหารชั้นนำ ที่คัดสรร ขนมไหว้พระจันทร์ที่ดีที่สุด และมีให้เลือกหลากหลายรสชาติให้ได้ลิ้มลอง เพื่อมอบเป็นของขวัญแทนคำอวยพรให้กับญาติผู้ใหญ่ หรือเป็นของขวัญของฝากให้กับครอบครัวและคนสำคัญ โดยมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้า AIS และ AIS Fibre นำคะแนนสะสม AIS Points แลกรับส่วนลด เพื่อส่งมอบความอร่อยและความเป็นมงคลจาก 4 ร้านดังสุดพรีเมียม”

  • S&P ขนมไหว้พระจันทร์เปลือกบางไส้แน่น วัตถุดิบชั้นเลิศ ใช้ AIS Points 55 คะแนน แลกส่วนลด 20% เมื่อซื้อขนมไหว้พระจันทร์ครบ 4 ชิ้น (ยกเว้น 2 รสชาติใหม่)
  • Mx cakes & bakery ต้นตำรับขนมไหว้พระจันทร์จากฮ่องกง ใช้ AIS Points 1 คะแนน แลกรับส่วนลด 10% เมื่อซื้อขนมไหว้พระจันทร์ จากราคาปกติ
  • Kyo Roll En ขนมไหว้พระจันทร์ รวมดารา 4 ดาวมิชลิน ใช้ AIS Points 55 คะแนน แลกรับส่วนลด 50 บาท
  • Black Canyon ขนมไหว้พระจันทร์ แสนอร่อย โดยใช้ AIS Points 65 คะแนน แลกรับส่วนลด 50 บาท เมื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่มครบ 150 บาท

โดยลูกค้า AIS และ AIS Fibre สามารถดูรายละเอียดการรับสิทธิ์ได้ที่ แอปพลิเคชัน myAIS เริ่มรับสิทธิ์ได้ตลอดเดือนกันยายน

“สาระ ล่ำซำ” คว้ารางวัลสุดยอดผู้นำองค์กร “Master Entrepreneur Award” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

0

งาน Asia Pacific Enterprise Awards (APEA) 2023 จัดโดย Enterprise Asia รางวัลระดับภูมิภาคเอเซีย ประกาศมอบรางวัล“Master Entrepreneur Award” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ให้แก่นายสาระ ล่ำซำ และมอบรางวัลให้แก่ เมืองไทยประกันชีวิต อีก 2 ได้แก่รางวัล Corporate Excellence Award ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และ รางวัล Inspirational Brand Award ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) คว้ารางวัลใหญ่ระดับสากล “Master Entrepreneur Award” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (2021, 2022, 2023) จากพิธีมอบรางวัล Asia Pacific Enterprise Awards (APEA) 2023 โดยเป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้บริหารองค์กรธุรกิจประกันชีวิตที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านบริหารงาน การพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน นับเป็นเกียรติยศสูงสุดสำหรับผู้นำองค์กรที่มีผลงานอันโดดเด่นและมีสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นที่ยอมรับในธุรกิจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายสาระ ล่าซำคือผู้นำของธุรกิจที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมของธุรกิจประกันชีวิตในระดับภูมิภาคและระดับสากล ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ทันสมัย จากการเอาใจใส่และเข้าใจในความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง และมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ นายสาระ ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมภายในองค์กร โดยส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างและสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งได้ผลในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ ความคุ้มครองสุขภาพอิลิทเฮลท์พลัส ดีเฮลท์พลัส และโครงการเหมาจ่ายเอ็กซ์ตร้า การพัฒนาแอปพลิเคชัน MTL Click และ MTL Fit ตลอดจนโครงการ “MTL Fit Rewards” เพื่อสะสมคะแนนใช้เป็นส่วนลดเบี้ยประกันภัย และให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการนำพัฒนาองค์กร ตามแนวคิดในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนภายใต้หลักบรรษัทภิบาลและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อสร้างสมดุลทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ยังได้รับรางวัล Corporate Excellence Award ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ที่มอบให้กับองค์กรที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารงานขององค์กรให้ประสบความสำเร็จ มีอัตราการเติบโตที่มั่นคงแข็งแกร่งเสมอและพัฒนาองค์กรสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน และ รางวัล Inspirational Brand Award ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ที่มอบให้กับบริษัทฯ ในฐานะที่บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการองค์กรและการสร้างแบรนด์ที่มีคุณภาพและได้รับการยอมรับในธุรกิจที่มีการเติบโตที่ยั่งยืนตลอดมา

ทั้งนี้ รางวัลที่บริษัทฯ ได้รับนั้นยังเป็นผลมาจากความพยายามอย่างต่อเนื่องในการสร้างกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการทำงานด้วยมาตรฐานสูงและความมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯตลอดจนแสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการที่ตอบโจทย์และความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง จนทำให้บริษัทฯ ได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้า

รางวัล APEA จัดขึ้นโดย Enterprise Asia ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ได้มอบรางวัลอันทรงเกียรติที่ยกย่องความเป็นเลิศขององค์กร โดยตั้งเป้าที่จะรวมกลุ่มผู้ประกอบการและองค์กรชั้นนำทั่วเอเชีย เพื่อส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม แนวปฏิบัติที่เป็นธรรม และการเติบโตของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ยังเป็นการมอบรางวัลแก่บุคคลและองค์กรที่มีผลงานอันโดดเด่นและเป็นแรงบันดาลใจในวงการธุรกิจ ด้วยความมุ่งหวังที่จะสร้างเครือข่ายและส่งเสริมสังคมธุรกิจที่เป็นที่ยอมรับในภูมิภาคสร้างระบบนิเวศของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะกำหนดทิศทางของเอเชียให้เติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน

“กุลวุฒิ” สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์​โลกแบดมินตัน 2023

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแข่งขันแบดมินตัน รายการ เวิลด์ แชมป์เปี้ยนชิพส์ 2023 หรือ ศึกชิงแชมป์โลก 2023 ระหว่างวันที่ 21-27 ส.ค. 66 นี้ ที่กรุงโคเปเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก ประเภทชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ รองแชมป์เก่า มือวางอันดับ 3 ของรายการและเป็นมืออันดับ 3 ของโลก พบกับ โคได นาราโอกะ มือ 4 ของโลก และมือวางอันดับ 4 ของรายการจากญี่ปุ่น สถิติการพบกันคู่นี้ทั้งหมด 6 ครั้ง ผลัดกันแพ้ชนะ 3 ครั้งเท่ากัน

เครดิตภาพ : BadmintonPhoto

โดยเกมนี้ กุลวุฒิ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม พลิกสถานการณ์จากที่แพ้ไปก่อนในเกมแรก แซงกลับมาเอาชนะไป 2-1 เกม 19-21 , 21-18 และ 21-7 ผงาดคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยแรก และสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดประเภทชายเดี่ยวคนแรกของเมืองไทยที่คว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ และเป็นนักแบดมินตันจากบ้านทองหยอดต่อจาก ‘เมย์’ รัชนก อินทนนท์ ที่เคยทำได้ในปี 2013

“แม็คกรุ๊ป” คว้ารางวัลใหญ่ระดับเอเชีย Master Entrepreneur Award จาก APEA 2023

0

นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รับรางวัล Master Entrepreneur Award ด้านธุรกิจรีเทล จากเวทีนานาชาติ Asia Pacific Enterprise Awards (APEA) 2023 ในฐานะผู้นำองค์กรที่มีความสามารถโดดเด่นในการบริหารจัดการ โดย Enterprise Asia องค์กรพัฒนาเอกชนระดับภูมิภาคที่สนับสนุนนการพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจ ความยั่งยืน นวัตกรรม และการเติบโต

โดยเป็นรางวัลที่มอบให้แก่องค์กรธุรกิจ และผู้บริหารองค์กรธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั่วทั้งภูมิภาค เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการชั้นนำทั่วภูมิภาคเอเชีย พร้อมกระชับความสัมพันธ์ระดับภูมิภาคและการเติบโตของผู้ประกอบการ รวมไปถึงการส่งเสริมหลักปฏิบัติ ที่เป็นธรรมและนวัตกรรมที่ดียิ่งขึ้นไปพร้อมกัน

สำหรับรางวัลนี้ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลแห่งภูมิภาคเอเชีย ซึ่งถือเป็นรางวัลเแห่งความภาคภูมิใจ และตอกย้ำความสำเร็จของ แม็คกรุ๊ป ในระดับสากล สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างประสบการณ์การจับจ่ายสินค้าให้แก่ลูกค้า ทางด้านการบริการ การคัดสรรสินค้าคุณภาพ ความคุ้มค่า เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยปัจจุบันรางวัล Master Entrepreneur Award ได้ขยายไปยัง 16 ประเทศ รวมถึงจีน เขตบริหารพิเศษฮ่องกง อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน ไทย ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม และอื่นๆ อีกมากมาย

AWCเปิดตัว “เย่ว เรสเทอรองท์ แอนด์ บาร์” ห้องอาหารจีนโมเดิร์นชิคใน โรงแรมคอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์

0

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดตัว “เย่ว เรสเทอรองท์ แอนด์ บาร์” (Yue Restaurant and Bar) ห้องอาหารจีนสไตล์โมเดิร์นชิค ที่โรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มุ่งเป็นห้องอาหารจีนที่สร้างประสบการณ์ที่พิเศษที่สุด พร้อมด้วยเมนูที่หลากหลาย ประกอบกับห้องไพรเวทไดน์นิ่ง (private dining) ที่มีการออกแบบพิเศษสำหรับงานเลี้ยง งานสังสรรค์ งานประชุมได้อย่างครบครัน ผ่านการมอบประสบการณ์ด้านอาหารที่มีเอกลักษณ์ให้แก่ชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ พร้อมเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตให้โดดเด่นด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารระดับโลก

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC กล่าวว่า “AWC มุ่งมั่นที่จะร่วมเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวและสร้างชื่อเสียงให้ภูเก็ตเป็นแหล่งรวมความสุขและความอร่อยระดับโลก ได้เปิดตัว “เย่ว เรสเทอรองท์ แอนด์ บาร์” ที่โรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ ซึ่งบริหารโดยแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เครือโรงแรมระดับโลก พร้อมจุดเด่นของที่ตั้งบนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองภูเก็ต รายล้อมด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดดเด่นด้วยอาหารท้องถิ่น ร้านอาหารและบาร์ที่ได้รับความนิยม ซึ่งห้องอาหาร “เย่ว เรสเทอรองท์ แอนด์ บาร์” นี้จะเพิ่มประสบการณ์ความอร่อยที่พิเศษให้กับเมืองภูเก็ต ผ่านบรรยากาศและอาหารจีนที่หลากหลาย สไตล์โมเดิร์นชิคได้ตลอดในทุกๆ วัน ด้วยเมนูติ่มซำสุดพิเศษที่รังสรรค์จากวัตถุดิบชั้นเยี่ยมเพื่อร่วมสนับสนุนให้ภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกของประเทศไทย”

“เย่ว” 悅 (Yuè) ในภาษาจีนแปลว่า “ความสุข ความยินดีที่รื่นรมย์ (Delighted)” สะท้อนถึงความสุขของการได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารร่วมกับคนที่คุณรัก ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว คนรัก หรือเพื่อน ซึ่งการได้รับสุนทรีย์แห่งการรับประทานอาหารเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพที่ดีและความสุข โดยห้องอาหารจีน “เย่ว เรสเทอรองท์ แอนด์ บาร์” นี้ จะนำเสนอประสบการณ์ด้านอาหารที่มีเอกลักษณ์ พร้อมด้วยบรรยากาศและเมนูแบบโมเดิร์นชิค ซึ่งรังสรรค์โดยทีมเชฟผู้มีประสบการณ์กว่า 10 ปี โดดเด่นด้วยวัตถุดิบชั้นเยี่ยมที่คัดสรรจากชุมชนเพื่อสนับสนุนด้านความยั่งยืนพร้อมสร้างคุณค่ากลับสู่สังคม โดยมีเมนูไฮไลท์มากมาย อาทิ ติ่มซำสูตรจีนกวางตุ้ง หลากหลายรูปแบบที่ปั้นสดใหม่ทุกวัน เป็ดปักกิ่งสูตรต้นตำรับ หนังกรอบ เสริ์ฟพร้อมแผ่นแป้งบาง ตามด้วยเครื่องเคียงและซอสที่เป็นเอกลักษณ์ หมูสามชั้นตุ๋นที่เสิร์ฟพร้อมผักกาดดองและหมั่นโถว คู่กับซอสสูตรพิเศษจากห้องอาหาร และที่พลาดไม่ได้ คือ เมนูซิกเนเจอร์ ‘Chinese Peach’ สุดพิเศษที่โดดเด่นด้วยการใช้สีชมพูในการนำเสนอ สื่อถึงดอกท้อและลูกท้อแห่งความสิริมงคลตามตำนานของจีนได้อย่างละมุน รวมถึงซุปสมุนไพรอำพัน ดอกท้อหมื่นลี้ เมนูเพื่อสุขภาพและผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง พร้อมเพลิดเพลินไปกับ ‘ที-บาร์’ บาร์ชาจีนที่คัดสรรชาระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงจากประเทศจีน ผ่านการนำเสนอในสไตล์ชิคที่เป็นรูปแบบดอกไม้บาน (Blooming Tea) รับประทานไปพร้อมกับเมนูติ่มซำ ช่วยชูรสชาติมื้ออาหารให้อร่อยกลมกล่อมและลงตัวยิ่งขึ้น

ห้องอาหาร “เย่ว เรสเทอรองท์ แอนด์ บาร์” ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจากเรื่องราวแห่งกาลเวลาทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชาวเมืองภูเก็ตที่ได้รับการหล่อหลอมมาจากชาวจีนฮกเกี้ยนที่เดินทางเข้ามาทางตอนใต้ของประเทศไทยตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ทำกิจการค้าขายและนำความเจริญรุ่งเรืองสู่เมืองภูเก็ต โดยแรงบันดาลใจนี้ได้ถูกถ่ายทอดผ่านการตกแต่งภายใน ‘เย่ว เรสเทอรองท์ แอนด์ บาร์’ ที่ใช้ลวดลายมังกรมาเป็นองค์ประกอบหลัก แสดงถึงสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมการเชิดมังกรของชาวจีน รวมถึงการใช้ผ้าสีขาวที่ถูกถักทอและห้อยระโยงระย้าบนเพดานของห้องอาหาร ผสมผสานกับการตกแต่งพื้นที่ด้วยเส้นสายที่มีลวดลายพริ้วไหวสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวที่ทรงพลังของมังกร เสริมด้วยการใช้สีทองและสีแดงในการตกแต่งอย่างลงตัว สะท้อนเรื่องราวและความทรงจำอันทรงคุณค่าของความเป็นมาและวัฒนธรรมจีนที่เป็นมรดกตกทอดให้แก่ชาวเมืองภูเก็ตได้อย่างสมบูรณ์

 “AWC ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ พร้อมสร้างประสบการณ์พิเศษและมีเอกลักษณ์ สะท้อนคุณค่าศิลปะวัฒนธรรมและความเป็นไทย ควบคู่การร่วมขับเคลื่อนประเทศและสนับสนุนประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลก โดย “เย่ว เรสเทอรองท์ แอนด์ บาร์” ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของชาวเมืองภูเก็ตที่นิยมรับประทานอาหารจีน และเป็นห้องอาหารแห่งที่ 4 ของโรงแรมคอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ ซึ่งทุกห้องอาหารภายในโรงแรมได้รวบรวมหลากหลายแง่มุมของวัฒนธรรมเมืองภูเก็ตเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ ตะลุงเลานจ์ กอและพูลบาร์ และครัวตลาดใหญ่ ทั้งนี้ โรงแรมคอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ ยังมีห้องจัดเลี้ยงที่หลากหลายครบครัน และห้องบอลรูมขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่วีไอพีส่วนตัวพิเศษบนชั้นลอย สามารถเชื่อมต่อกับห้องบอลรูมได้ ทำให้สามารถรองรับการจัดงานสำคัญต่าง ๆ อาทิ งานประชุมสัมมนา งานกิจกรรม และงานแต่งงาน โดย AWC เชื่อมั่นว่าการเปิดห้องอาหาร “เย่ว เรสเทอรองท์ แอนด์ บาร์” แห่งนี้ จะช่วยเสริมจุดแข็งของโรงแรมให้ครบครันยิ่งขึ้น พร้อมรองรับงานประชุมสัมมนาระดับนานาชาติด้วยความพิเศษของอาหาร ไทย จีน และตะวันตก เพื่อร่วมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจการบริการและการท่องเที่ยวด้านอาหารในจังหวัดภูเก็ต มุ่งสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก (Global F&B Destination)” นางวัลลภา กล่าวสรุป

ทั้งนี้ ห้องอาหาร “เย่ว เรสเทอรองท์ แอนด์ บาร์” ตั้งอยู่ชั้น 2 ของโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ เปิดให้บริการทุกวัน ช่วงเช้า เวลา 07.00 – 10.30 น.* ช่วงกลางวัน เวลา 11.00 – 14.30 น. และช่วงเย็น เวลา 18.30 – 22.30 น.