Home Blog Page 135

ซีพีเอฟ ส่งเสริมศักยภาพเด็กไทยเข้าถึงการศึกษา ร่วมขับเคลื่อน”คอนเน็กซ์ อีดี”

0

ด้วยความมุ่งมั่นและเชื่อมั่นในศักยภาพของภาคเอกชน ให้มีบทบาทร่วมยกระดับการศึกษาของไทย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ “บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ” จึงมีนโยบายส่งเสริมการเรียนรู้ทั้งด้านวิชาการและประสบการณ์จากการลงมือปฏิบัติจริง สานต่อความร่วมมือสนับสนุนมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์ อีดี (CONNEXT ED)ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นโครงการฯในปีแรก จนถึงปัจจุบัน เข้าสู่ปีที่ 8 ที่ซีพีเอฟ เป็น 1 ใน 50 องค์กร ส่งเสริมเด็กไทยเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม

จากจำนวนโรงเรียนทั้งหมด 5,570 โรงเรียน ในความดูแลของมูลนิธิ CONNEXT ED เป็นโรงเรียนที่อยู่ในความรับผิดชอบของซีพีเอฟ 302 โรงเรียน ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด คือ จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสระบุรี โดยในปี 2560-2566 ซีพีเอฟให้การสนับสนุนโครงการต่างๆของโรงเรียนไปแล้ว 351 โครงการ และในปีการศึกษา 2566 ได้พิจารณาโครงการของโรงเรียนเพื่อสนับสนุนงบประมาณดำเนินการจำนวน 74 โครงการ ทั้งด้านวิชาการ ด้านเกษตร และด้านวิชาชีพ อาทิ โครงการ Active Learning โครงการ STEM : Coding โครงการ Smart Kid-English โครงการฟาร์มไก่พันธุ์ไข่อัจฉริยะ โครงการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ โครงการเกษตรผสมผสาน และโครงการร้านกาแฟเด็กน้อย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการด้านเกษตรและวิชาชีพซึ่งตรงกับความรู้และความเชี่ยวชาญที่ซีพีเอฟมีอยู่ สามารถให้คำแนะนำคุณครูและนักเรียน ร่วมแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ผลักดันการดำเนินโครงการจนประสบความสำเร็จ สามารถเป็นต้นแบบให้กับโรงเรียนอื่นๆได้ เช่น โครงการฟาร์มไก่พันธุ์ไข่อัจฉริยะ เป็นโครงการที่ซีพีเอฟส่งสัตวบาลให้คำแนะนำการเลี้ยงไก่ การดูแลไก่ การให้อาหาร ฯลฯ โครงการร้านกาแฟเด็กน้อย เป็นโครงการที่โรงเรียนได้รับความช่วยเหลือในการดูแลความพร้อมด้านพื้นที่ วิทยากรจากสตาร์คอฟฟี่ หนึ่งในแฟรนไชส์ธุรกิจห้าดาวให้ความรู้ และให้คำแนะนำด้านการตลาด ฯลฯ สอดรับกับนโยบายของบริษัที่ส่งเสริมบุคลากร นำความรู้ ความสามารถ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี จึงได้เข้าร่วม “โครงการผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา หรือ ICT Talent เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยได้สนับสนุนบุคลากรที่มีความสามารถด้าน ICT ซึ่งมีภูมิลำเนาในพื้นที่และผ่านการคัคเลือกตามคุณสมบัติให้ประจำตามโรงเรียนภายใต้การดูแลของซีพีเอฟ ทำหน้าที่ให้ความรู้และส่งเสริมคุณครูใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการสถานศึกษาและจัดการเรียนรู้ให้กับโรงเรียน นำร่อง 3 โรงเรียน คือ โรงเรียนบ้านหัวยหัน จ.ชัยภูมิ โรงเรียนบ้านห้วยศาลา จ.บุรีรัมย์ และ โรงเรียนบ้านทองหลางน้อย จ.นครราชสีมา และโรงเรียนเครือข่ายรวมอีก 12 โรงเรียน โดยมีเป้าหมาย คือ ผู้อำนวยการโรงเรียนสามารถประยุกต์ใช้ ICT ในการบริหารจัดการสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณครูมีความชำนาญในการประยุกต์ใช้ ICT เพื่อจัดการเรียนการสอน นักเรียนมีทักษะและความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เข้าถึงสื่อดิจิทัลและและแหล่งเรียนรู้จากทั่วทุกมุมโลก ชุมชนสามารถประยุกต์ใช้ ICT ในการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพได้ เป็นต้น

ผลสัมฤทธิ์ของโรงเรียนที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากซีพีเอฟ สามารถวัดผลได้จากรางวัลต่างๆที่โรงเรียนได้รับ โดยในปี 2565 โรงเรียน อาทิ รร.หินกอง (พิบูลอนุสรณ์) จ.สระบุรี ทำโครงการพัฒนาศักยภาพครูผู้สอน ได้รับรางวัลเหรียญทองแดง การแข่งขันหุ่นยนต์เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 จากชมรมวิทยาการหุ่นยนต์ประเทศไทย รร.ชุมชนบ้านประโดก-โคกไผ่ (สถิตย์วิริยคุณ) จ.นครราชสีมา ทำโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะชีวิต สร้างอาชีพการทำเส้นขนมจีน ได้รับรางวัลชนะเลิศเหรียญทอง โครงงานอาชีพการทำเส้นขนมจีนสีสมุนไพร จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 1 รร.บ้านห้วยจรเข้ จ.นครราชสีมา ทำโครงการนักเทคโนโลยีน้อยก้าวสู่อาชีพ PLC & INNOVATION ได้รับรางวัลชนะเลิศ โครงงาน โรงเรียนบ้านบุเขว้า จ.นครราชสีมา ทำโครงการฟาร์มไก่พันธุ์ไข่อัจฉริยะ ส่งผลให้กลุ่มยุวเกษตรโรงเรียน ได้รับรางวัลที่ 1 สถาบันเกษตรกรดีเด่นระดับประเทศ และได้รับรางวัลที่ 1 บุคคลทางการเกษตรดีเด่นระดับประเทศ

ปี 2566 โรงเรียนบ้านห้วยหัน ได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันคอมพิวเตอร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น งานวันวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ นักเรียนโรงเรียนบ้านบุ(ประชารัฐพัฒนา) สพป.นครราชสีมา เขต 1 ได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันประกวดนวัตกรรมการโปรแกรมหุ่นยนต์ ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เป็นต้น

ตลอด 7 ปี ที่ซีพีเอฟเป็นส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมยกระดับคุณภาพการศึกษาของไทย ขับเคลื่อนเป้าหมายของมูลนิธิ CONNEXT ED มีการจัดระดับคุณภาพโรงเรียน (School Grading)และตัวชี้วัดคุณภาพโรงเรียน (KPIs) เป็นเกณฑ์ในการประเมินการดำเนินงานและติดตามพัฒนาการของโรงเรียนในแต่ละด้าน เช่น ด้านผู้เรียน ด้านการมีส่วนร่วม ด้านผู้สอนและผู้บริหารสถานศึกษา ด้านหลักสูตรและการสอน และด้านโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษาแล้ว เด็กๆยังสามารถนำประสบการณ์ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้จริงจากการลงมือปฏิบัติ เติบโตสมวัยทั้งทางร่างกายและสติปัญญา เพื่อเป็นกำลังในการขับเคลื่อนสังคม เศรษฐกิจ และประเทศชาติต่อไป

มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม เดินหน้าหน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ปีที่ 5

0

มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม จับมือเครือข่าย กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ บริษัท หอแว่น กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นสานต่อการสร้างโอกาสแก่กลุ่มผู้สูงอายุที่ยากไร้ “ออกหน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ปีที่ 5” ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสุขภาพของผู้สูงอายุในสังคมไทย สร้างคุณภาพชีวิตและรอยยิ้มให้แก่ผู้สูงอายุ โดยมีนางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม นายภาคี ประจักษ์ธรรม ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท หอแว่นกรุ๊ป จำกัด นายพุด แย้มพรหม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะนาวศรี นายนันทโชค เกียรติ์ภูมิพัฒน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนรุจิรพัฒน์ นางสมพิศ หลวงแจ่ม พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยผู้บริหารและจิตอาสาจาก เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกิจกรรม ณ โรงเรียนรุจิรพัฒน์ ตำบลตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

โดย นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หนึ่งในเครือข่ายพันธมิตรที่ร่วมสนับสนุนโครงการ “ตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุ” กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการอันเป็นประโยชน์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของเมืองไทยประกันชีวิตในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมในทุกมิติ พร้อมให้ความสำคัญต่อ “ผู้สูงอายุ” เพราะตระหนักดีว่าผู้สูงอายุ ได้มีส่วนร่วมในการสร้างคุณค่าให้แก่สังคมไทยมาโดยตลอด จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการดูแล โดยเมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้มจะจัดกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งรอยยิ้ม โดยผู้สูงอายุได้รับการดูแลเอาใจใส่ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

สำหรับวัตถุประสงค์โครงการ “ออกหน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ปีที่ 5” นั้น เพื่อการดูแลสายตาและการจัดหาแว่นตาให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยและยากไร้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการเอาใจใส่ในสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยเน้นไปที่การดูแลสายตาที่เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องสายตา มีการรวบรวมข้อมูลการตรวจสอบสายตาอย่างถูกต้อง จากนั้นผู้ที่มีความจำเป็นจะได้รับแว่นตาที่เหมาะสมสำหรับสายตาของตน เป็นการสร้างโอกาสให้กับผู้สูงอายุในกลุ่มประชากรที่มีความจำเป็นแต่ไม่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้ เนื่องจากปัญหาความยากจนและสภาพพื้นที่ห่างไกล

ในการดำเนินงานนั้น มีการตรวจวัดสายตาและการเสริมสร้างความตระหนักรู้ในการดูแลสายตาและสุขภาพที่สำคัญให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่ยากไร้ โดยการทำงานในขั้นตอนหลักไม่ว่าจะเป็น การตรวจวัดสายตา จากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาได้ทำการตรวจวัดค่าสายตาของกลุ่มผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อประเมินความเหมาะสมในการใช้แว่นตา การเลือกแว่นตาที่เหมาะสมจากผลการตรวจสอบ ทั้งนี้ผู้สูงอายุที่มีความจำเป็นในการใช้แว่นตาจะได้รับการเลือกแว่นตาที่เหมาะสมสำหรับสายตาของตน หรือ ตรงตามวัตถุประสงค์ของแต่ละคน ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้แว่นตาอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถใช้แว่นตาอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยโครงการ “หน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ปีที่ 5” เป็นที่ยอมรับและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มีเครือข่ายสำคัญที่ร่วมกิจกรรม ได้แก่ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ บริษัท หอแว่น กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ตลอดจนได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐและชุมชนต่าง ๆ ที่มูลนิธิเข้าไปจัดกิจกรรม ซึ่งโครงการนี้ได้สร้างโอกาสแก่กลุ่มผู้สูงอายุที่ยากไร้ในการเข้าถึงบริการตรวจวัดสายตาและแว่นตาที่เหมาะสม ไปแล้วกว่า 6,985 ราย ผ่านการออกหน่วยให้บริการ ทั้งสิ้น 53 ครั้ง ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและสวัสดิการของกลุ่มผู้สูงอายุที่ดีขึ้น โครงการนี้ยังเป็นต้นแบบที่ดีในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของกลุ่มที่มีความจำเป็นแต่ยากไร้ในสังคมไทย

ทั้งนี้ในปี 2566 มูลนิธิได้ร่วมออกหน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ในภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ เป็นจำนวน 7 ครั้ง เป้าหมายการมอบแว่นตาให้ผู้สูงอายุ จำนวน 1,200 ราย โดยที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมไปแล้ว คือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน อ.เถิน จ.ลำปาง อ.ด่านช้าง จ. สุพรรณบุรี อ.นาทม จ.นครพนม และที่กำลังจะเกิดขึ้นได้แก่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง และ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น

โครงการ “หน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ปีที่ 5” ได้เป็นแรงบันดาลใจและก้าวไปข้างหน้าในการสร้างสังคมที่เข้าใจและเอื้อเฟื้อกับกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หวังว่าความเอื้อเฟื้อและการเป็นกำลังใจในการให้บริการด้านสุขภาพและสวัสดิการจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ของกลุ่มผู้สูงอายุในอนาคต

AIS จับมือบัตรเครดิตกรุงศรี-กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ให้ลูกค้าโอนคะแนนเป็น AIS Points

0

AIS ยกระดับประสบการณ์การแลกคะแนนสะสม ต่อยอดฟีเจอร์โดนใจให้ลูกค้าสามารถแลกคะแนนจากการใช้บริการของพาร์ทเนอร์กว่า 10 ราย หลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ ธุรกิจบริการน้ำมัน ประกันชีวิต และสถาบันการเงิน มาเป็น AIS Points ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ความพิเศษจากคะแนนสะสมที่ไม่ใช่แค่เพียงการใช้สินค้าและบริการของ AIS เท่านั้น แต่ยังสามารถเชื่อมต่อคะแนนสะสมให้ลูกค้า โอนมาได้ แลกง่ายขึ้น ผ่านการใช้งานในทุกไลฟ์สไตล์ได้แบบครบครัน ล่าสุดขยายความร่วมมือกับบัตรเครดิต กรุงศรี และบัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ให้ลูกค้าของ AIS ที่ถือบัตรซึ่งรวมกว่า 19 หน้าบัตร สามารถโอนคะแนนที่ได้รับจากทุกการใช้งานบัตรเครดิต 1,000 คะแนน มาเป็น AIS Points 100 คะแนน แบบง่ายๆ บนแอป UCHOOSE เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แลกค่าโทร ค่าเน็ต แลกส่วนลดและแลกรับอาหารเครื่องดื่ม มากกว่า 1.8 ล้าน ร้านค้าทั่วประเทศ และอีก 20,000 Outlets จากแบรนด์ชั้นนำที่ครอบคลุมทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ บนห้างสรรพสินค้า ร้านค้ารายย่อย ร้านสตรีทฟู้ด รถเข็น ทั่วประเทศ บนแอป myAIS

นางสาวใจพร ศรีสกุล รักษาการหัวหน้าหน่วยธุรกิจบริหารลูกค้าและการบริการ AIS กล่าวว่า “ที่ผ่านมา AIS ได้ยกระดับมาตรฐานการให้บริการเพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ลูกค้า ด้วยการนำขีดความสามารถของดิจิทัลเทคโนโลยี ประกอบกับ Data Analytic มาออกแบบโปรแกรมการดูแลลูกค้า หรือแม้แต่การพัฒนาระบบ API ให้มีความอัจฉริยะมากยิ่งขึ้น จนสามารถเชื่อมต่อการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันของพาร์ทเนอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการโอน แลกคะแนนสะสม ทำให้เราสามารถเปิดตัวบริการ Points Transfer กับพันธมิตรชั้นนำจากหลากหลายอุตสาหกรรม ผ่านการทำงานร่วมกันตามหลัก Inclusive Growth ซึ่งเป็นการช่วยกันสนับสนุน และสร้างการเติบโตอย่างมีส่วนร่วม พร้อมสร้างโอกาสในการขยายตัวอย่างเท่าเทียม”

นับเป็นบริการที่พลิกโฉมระบบคะแนนสะสมให้ยกระดับไปอีกขั้น ด้วยการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์กว่า 10 แบรนด์ชั้นนำ เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้าที่ใช้บริการอื่นๆ ของพาร์ทเนอร์สามารถโอนคะแนนมาเป็น AIS Points เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษมากมายจาก AIS กับการผนึกกำลังกับบัตรเครดิต กรุงศรี และบัตรเครดิต กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญของบริการ Points Transfer เพราะบัตรเครดิต กรุงศรี และบัตรเครดิต กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ จัดเป็นผู้นำในตลาดบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล เป็นอันดับต้นๆ มีฟีเจอร์ และสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว การเดินทาง สุขภาพ และอีกมากมาย พร้อมนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพบริการ ให้แก่ลูกค้า AIS และลูกค้าบัตรเครดิต กรุงศรี และบัตรเครดิต กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ให้ได้รับประสบการณ์การ Earn และ Burn คะแนนสะสมได้แบบไร้รอยต่อ ทั้งนี้ลูกค้าบัตรเครดิต กรุงศรี และบัตรเครดิต กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ สามารถเปลี่ยนคะแนนสะสม เป็น AIS Points ได้ง่ายๆ ได้ทุกที่ ผ่านโมบายแอป UCHOOSE

ซีพี ออลล์ จับมือหอการค้าไทย พัฒนา SME จัด Meeting with CEO โครงการ Big Brother Season 7

0

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ร่วมกับหอการค้าไทย เดินหน้าจัดกิจกรรมพิเศษส่งเสริมผู้ประกอบการ SME “Meeting with CEO & On-site Visit By พี่เลี้ยงซีพี ออลล์” ภายใต้โครงการ Big Brother Season 7 เป็นโครงการที่จัดทำเพื่อยกระดับผู้ประกอบการขนาดย่อมไปสู่ผู้ประกอบการขนาดกลาง และพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น นำไปสู่การจ้างงานและการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทน้องทั้งหมดจะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้เชิงลึก เพื่อยกระดับความรู้ ความเข้าใจ การพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ เพื่อมาร่วมหาโอกาสใหม่ บนความเป็นไปได้ของธุรกิจ ด้วยกระบวนการ “พี่ช่วยน้อง” โดยบริษัทชั้นนำของประเทศ มาเป็นพี่เลี้ยงธุรกิจ SME อย่างใกล้ชิด ซึ่งซีพี ออลล์ได้ร่วมเป็นพี่เลี้ยงมาโดยตลอดนับตั้งแต่ Season ที่ 1 จนถึงปัจจุบัน Season ที่ 7 แล้ว โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ของซีพี ออลล์ คอยให้ความรู้ และคำแนะนำเชิงลึก ปัจจุบันมีบริษัทน้องเลี้ยงจากโครงการ Big Brother นำสินค้าเข้ามาจำหน่ายที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ได้แก่ เครื่องดื่มนมแพะ UHT จาก บริษัท เฮลธ์ชัวร์ นิวทริชัน จำกัด, ผักโขมอบชีส จาก บริษัท แวลู ซอร์สซิ่ง จำกัด , บัคกูเต๋แช่แข็ง จาก บริษัท ตี๊เล็กฟู้ดส์ จำกัด และ ห่อหมกพุดดิ้ง จาก บริษัท เอส พี เฮลธี โพรเซ่นฟู้ดส์ จำกัด เป็นต้น

การจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากพี่เลี้ยงบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) โดยนายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล รองประธานกรรมการบริหาร บรรยายพิเศษหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ SME ไทย” และนายพลิษศร์ ภิรมย์ภักดี รองประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการเพิ่มความเข้มแข็งให้สมาชิกให้เกียรติกล่าวต้อนรับ พร้อมกันนี้ ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิบรรยายพิเศษหลากหลายหัวข้อ อาทิ “นโยบายสนับสนุน SME ของ 7-Eleven” โดย นายสกล เตชะสถาพร ที่ปรึกษาอาวุโสคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีพี ออลล์ “SME ยั่งยืนด้วยนวัตกรรม” โดย นายพูลสวัสดิ์ เผ่าประพัธน์ ที่ปรึกษาคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ และ “ลดต้นทุนบริหาร ลดขั้นตอน ลดความผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพวงจรเงินสด ด้วย AI-OCR” โดย ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ็คโคเมท จำกัด นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมศูนย์บริการด้านวิชาการ ALL FOOD TECH เป็นศูนย์ปฏิบัติการทดสอบที่ทันสมัย โดยมีบริษัทน้องจากโครงการ Big Brother Season 7 เข้าร่วมงานกว่า 50 ราย ณ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ถ.แจ้งวัฒนะ

AXONS โชว์ผลงานเด่น นำแอปฯ โลจิสติกส์ คว้ารางวัล Asian Technology Excellence Awards 2023

0

แอ๊กซอน (AXONS) ธุรกิจด้านเทคโนโลยี ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเกษตรดิจิทัล คว้ารางวัล Asian Technology Excellence Award เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยในปีนี้บริษัทได้รับรางวัลในสาขา Smart Technology – Food Manufacturing Solutions จากแอปพลิเคชั่นด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ AXONS Move เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าอาหาร ช่วยป้องกันความปลอดภัยอาหาร ลดการสูญเสีย ประหยัดพลังงานและเวลา ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการสินค้าคุณภาพ สด ใหม่ ปลอดภัย ร่วมดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม

นายสรรเสริญ สมัยสุต กรรมการผู้จัดการ AXONS เปิดเผยว่า การขนส่งสินค้าเป็นโจทย์สำคัญของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร เนื่องจากสินค้าอาหารมีข้อจำกัดเรื่องอายุเก็บรักษา มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนและเสียหาย ในระหว่างการขนส่ง จึงจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันความเสียหายและลดโอกาสการสัมผัสกับสินค้าที่นำไปสู่การปนเปื้อนและอาหารเน่าเสีย รวมถึงลดตวามเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุของผู้ปฏิบัติงาน AXONS จึงได้พัฒนาแอปพลิเคชั่น AXONS Move ขึ้นเป็นโซลูชันและแพลตฟอร์มด้านการบริหารจัดการงานขนส่งและโลจิสติกส์อัจฉริยะ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธุรกิจด้านเกษตรและอาหารในการบริหารจัดการงานขนส่งทางออนไลน์ด้วยความแม่นยำ ช่วยให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดขั้นตอนการทำงานและค่าใช้จ่าย ขีดความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจ และมั่นใจว่าผู้บริโภคได้รับอาหารที่สดใหม่ สะอาด ปลอดภัย พึงพอใจในการบริการ ส่งผลให้แอป AXONS Move ชนะรางวัลความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการดิจิทัลระดับภูมิภาค

“รางวัลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแอ๊กซอน ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล AXONS Move ช่วยยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมอาหารไทยตลอดห่วงโซ่อุปทาน และตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและผู้บริโภค เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ในการขนส่งอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย เวียดนาม บังกลาเทศ มาเลเซีย และลาว” นายสรรเสริญกล่าว

ระบบ AXONS Move ใช้ Big Data ที่รวบรวมข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พิกัดของยานพาหนะ อุณหภูมิ และความเร็วเข้ามาวิเคราะห์และปรับปรุงเส้นทางโลจิสติกส์ ลดระยะเวลาการจัดส่ง ช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายประจำปีได้ถึงร้อยละ 30 อีกทั้งยังเป็นการลดการปล่อย CO2 อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมรายงานรายงานข้อมูลการขนส่งเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมีระบบการตรวจสอบที่ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่าสินค้าถูกขนส่งอย่างครบถ้วน และปลอดภัย จึงช่วยลดภาระในการติดตามสินค้า ทำให้ผู้ประกอบการที่ใช้งานระบบนี้ สามารถนำเวลาไปพัฒนาด้านอื่นๆ และหาลูกค้าใหม่ ช่วยให้ธุรกิจเติบโต โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาด้านโลจิสติกส์

ทั้งนี้ รางวัล Asian Technology Excellence Awards 2023 จัดขึ้นเป็นปีที่ 5 โดย “ASIAN BUSINESS REVIEW” นิตยสารชั้นนำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลของสิงคโปร์ เพื่อยกย่องโครงการและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่โดดเด่นที่สุด ช่วยยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม โดยมีเกณฑ์การพิจารณาจากความมีเอกลักษณ์และนวัตกรรม ประสิทธิผลและผลกระทบในเชิงบวกต่อบริษัทและอุตสาหกรรม

AIS PLAY ชวนคนไทยส่งใจเชียร์นักกีฬาไทยลุยศึก “เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 หางโจว 2022” ยิงสดฟุตบอลและวอลเลย์ฯ นัดแรก 19 ก.ย.นี้

0

AIS PLAYเตรียมถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬาแห่งทวีปเอเชีย “เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 หางโจว 2022” ในฐานะ Official Broadcaster อย่างเป็นทางการรายเดียวในไทย ส่งตรงจากเมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ให้คนไทยได้รับชมและส่งกำลังใจเชียร์นักกีฬาไทยแบบจัดเต็ม มากที่สุด บน AIS PLAY นอกจากนี้เตรียมยิงสดประเดิมสนามการแข่งขันนัดแรกกับฟุตบอลชายทีมชาติไทย และทัพนักตบวอลเลย์บอลชายทีมชาติ ในวันที่ 19 กันยายนนี้ ตั้งแต่เวลาบ่าย 3 โมง เป็นต้นไป พร้อมชวนคนไทยนับถอยหลังสู่วินาทีสำคัญกับพิธีเปิดสุดยิ่งใหญ่ ต้อนรับขบวนนักกีฬาไทยเข้าสู่สนาม และรวมชม ไฮไลท์พิธีจุดคบเพลิงสุดอลังการ จากสนามหางโจว โอลิมปิก สปอร์ต เซ็นเตอร์ หรือสนามดอกบัวยักษ์รับชมได้แบบจัดเต็มต่อเนื่องในวันเสาร์ที่ 23 กันยายนนี้ ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป

พิเศษสุดสำหรับลูกค้า AIS เท่านั้น สามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ได้ตลอดทั้งวัน มากที่สุด ทั้งชมสด ไฮไลท์ และรีรัน ตามที่ได้รับสัญญาณการถ่ายทอดถึง 18 ช่อง จัดเต็มให้คอกีฬาได้ชมเชียร์นักกีฬาไทยโดยเฉพาะกับ 3 ช่องพิเศษ ได้ทีมนักพากย์เสียงมืออาชีพจาก FM99 มาเติมเต็มอรรสรถในการรับชม นอกจากนี้ AIS PLAY ยังพร้อมส่งต่อกำลังใจให้คนไทยได้รับชมอย่างต่อเนื่องกับการแข่งขันกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 22 – 28 ตุลาคม 2566 โดยความพิเศษทั้งหมดนี้รับชมได้บน AIS PLAY เท่านั้น

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการพันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS กล่าวว่า “จากความตั้งใจของเราในการนำการแข่งขันกีฬาระดับเอเชียอย่าง เอเชียนเกมส์ครั้งที่ 19 หางโจว 2022 มาให้คนไทยได้รับชม ซึ่งมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ถือเป็นวาระการแข่งขันกีฬาที่มีความสำคัญที่แฟนๆ กีฬาตั้งตารอ AIS ในฐานะ Official Broadcaster เราพร้อมทำหน้าที่ในการถ่ายทอดสดส่งต่อเสียงเชียร์จากประเทศไทยสู่ใจนักกีฬาให้คว้าชัยในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังขอส่งต่อสิทธิ์การถ่ายทอดไปยังทีวีดิจิทัลผ่านกล่อง IPTV ที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ตามหลักเกณฑ์การเผยแพร่โทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปจากประกาศของ กสทช. แบบจัดเต็มไม่ปิดกั้น โดยก่อนถึงพิธีเปิดการแข่งขันจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 กันยายน เหล่าทัพนักกีฬาไทยมีนัดประเดิมสนามนัดแรก ทั้งกีฬาประเภทฟุตบอลและวอลเลย์บอลชาย ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน นอกจากนี้เรายังเพิ่มความพิเศษสำหรับลูกค้า AIS เท่านั้น กับการถ่ายทอดสดรวมทั้งหมด 18 ช่อง ที่มากที่สุด ตลอดทั้งวัน ตามที่ได้รับสัญญาณ โดยเราจัด 3 ช่องพิเศษที่คัดสรรการแข่งขันของนักกีฬาไทยมาให้แฟนๆ ได้รับชมโดยเฉพาะ ซึ่งได้ผู้บรรยายชื่อดังจาก FM99 มาร่วมเติมเต็มอรรถรสจากการรับชมในครั้งนี้อีกด้วย”

ในปีนี้ประเทศไทยได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมชิงชัยกว่า 941 คน จาก 40 ชนิดกีฬา จาก 49 สมาคมกีฬา ซึ่งมีการบรรจุกีฬาใหม่เพิ่มอีก 2 ชนิดกีฬา คือ อีสปอร์ต และเบรกแดนซ์ กีฬายอดนิยมของ Gen Z ทำให้เอเชียนเกมส์ครั้งนี้มีความแปลกใหม่ และน่าติดตามมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ชวนคนไทยร่วมส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาไทยคว้าเหรียญกลับบ้านผ่าน AIS PLAY ประเดิมการถ่ายทอดสดการแข่งขันนัดแรกในวันที่ 19 กันยายน 2566  เวลา 15.00 น. การแข่งขันฟุตบอลทีมชายไทย นัดแรก เจอ ทีมชาติบาห์เรน  เวลา 18.00 น. วอลเลย์บอล ประเภทชาย ระหว่างทีมชาติไทย พบฮ่องกง  และไฮไลท์สำคัญ วันที่ 23 กันยายน 2566 เวลา 19.00 น. พิธีเปิดการแข่งขัน และต้อนรับนักกีฬาไทยในสนามหางโจว โอลิมปิก สปอร์ต เซ็นเตอร์ หรือสนามดอกบัวยักษ์ ไปพร้อมกัน 

สามารถรับชมและติดตามตารางการถ่ายทอดสดรายการอื่นๆ ได้ทาง https://www.ais.th/asian-games พิเศษเฉพาะลูกค้า AIS สามารถรับชมได้ทุกช่องทาง ทั้ง AIS PLAY แอปพลิเคชัน, กล่อง AIS PLAYBOX, Android TV, SAMSUNG Smart TV, Apple TV และ เว็บไซต์ https://aisplay.ais.co.th/portal/  ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน – 8 ตุลาคม 2566 นอกจากนี้ยังเตรียมถ่ายทอดสดอย่างต่อเนื่องกับการแข่งขันกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 22 – 28 ตุลาคม 2566 ผ่านช่องทาง AIS PLAY เท่านั้น!

รู้เก็บรู้ออม : TSD ยกระดับบริการเพื่อผู้ถือหุ้น

0

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อขายหลักทรัพย์ คงจะรู้จัก TSD เป็นอย่างดี ผ่านบริการต่างๆ ในหลากหลายธุรกรรม ไม่ว่าจะเป็นการส่งหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น หนังสือแจ้งนำเงินปันผลเข้าบัญชีธนาคาร หรือหนังสือรับรองการหักภาษี ที่ TSD ส่งให้กับผู้ถือหุ้นเป็นประจำ

รวมถึงจุดให้บริการ TSD Counter Services ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการของ TSD โดยตั้งอยู่ชั้น 1 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บนถนนรัชดาภิเษก ให้บริการที่หลากหลายแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดบริการเดียว เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการแก่ผู้ถือหุ้นที่มาติดต่อ

TSD (Thailand Securities Depository Company Limited) หรือ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทย่อยในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการบริการที่ต่อเนื่องของการซื้อขายหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการรับฝาก ถอน และโอนหลักทรัพย์ รวมทั้งทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์ ดูแลหลักทรัพย์ รวมทั้งการให้บริการข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์สำหรับผู้ถือหุ้น ทั้งรวบรวม ประมวลผล และเก็บรักษาอย่างปลอดภัย

ตลอดเวลาที่ผ่านมา TSD ได้มีการพัฒนาบริการต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือหุ้นมากยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับการลงทุนยุคใหม่ โดยเพิ่มบริการ e-service ตอบโจทย์ผู้ถือหุ้นยุคใหม่ให้ทำธุรกรรมได้สะดวก คล่องตัว รวดเร็ว และเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ล่าสุด TSD ได้พัฒนาบริการของ TSD Counter Services ด้วยการเปิดให้บริการยืนยันตัวตนดิจิทัลผ่านแอป ThaID (ไทยดี) ของกรมการปกครอง ทำให้ต่อไปนี้ ผู้ถือหุ้นที่มาติดต่อใช้บริการ ถึงแม้ว่าจะลืมบัตรประชาชน ไม่ได้พกติดกระเป๋าตังค์มาด้วย ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะสามารถยืนยันตัวตนโดยใช้บัตรประชาชนดิจิทัลผ่านแอป ThaID เพื่อติดต่อขอใช้บริการของ TSD Counter Services ได้ทุกบริการแบบง่าย สะดวก และรวดเร็ว

นอกจากนี้ TSD ยังเพิ่มประสิทธิภาพบริการจองคิวออนไลน์ล่วงหน้าให้สะดวก รวดเร็วแก่ผู้ถือหุ้นมากขึ้น โดยผู้ใช้บริการสามารถสแกนคิวอาร์โค้ด เลือกวันและเวลาที่สะดวก เพื่อรับคิวเข้ารับบริการ แถมยังสามารถเลือกหลายธุรกรรมได้ในคิวเดียว ไม่ว่าจะเป็น โอนหลักทรัพย์, ออกใบหลักทรัพย์ฉบับใหม่, แก้ไขข้อมูล, รับเช็คหรือใบหลักทรัพย์ และยังสามารถตรวจสอบการรอคิวแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย

โดยสามารถเข้าไปใช้บริการจองคิวได้ที่ www.set.or.th/tsdcounter  และตรวจสอบคิวออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.set.or.th/tsdqueue 

พบกับบริการใหม่ที่สะดวก รวดเร็ว และทันสมัย ของ TSD Counter Services ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ยินดีต้อนรับและพร้อมให้บริการนักลงทุนทุกคนค่ะ.

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่นคง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ตลาดหลักทรัพย์ฯ มอบทุนวิจัยตลาดทุนไทย ประจำปี 2566

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มอบรางวัลให้แก่งานวิจัยในโครงการสนับสนุนทุนวิจัยด้านตลาดทุน ประจำปี 2566 จำนวน 8 รางวัล โดยผู้ที่ได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่น ได้แก่ ธิติวรรธก์ เศรษฐแสงศรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หัวข้อ “Sustainability index and cost of debt: evidence from ASEAN market” และรางวัลงานวิจัยดี ได้แก่ นรเศรษฐ ศรีธานี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หัวข้อ “How does ESG affect listed family firms’ performance?”

นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัยที่ได้รับรางวัลเกียรติคุณ รางวัลนักวิจัยรุ่นใหม่ และรางวัลงานวิจัยด้านความยั่งยืน ในโอกาสนี้ ยังได้มอบทุนสนับสนุนการทำวิจัย 10 ทุนแก่อาจารย์เพื่อทำงานวิจัยตลาดทุนไทยด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนอีกด้วย ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลงานวิจัย และฐานข้อมูลตลาดทุนที่ www.set.or.th/setresearch

“แม็คยีนส์” เปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ แม็ค ไบค์เกอร์ 2023 พบกับ “อนันดา เอเวอริงแฮม” ถ่ายทอดแรงบันดาลใจแบบฉบับไบค์เกอร์

0

“แม็คยีนส์” เปิดตัว แม็ค ไบค์เกอร์ 2023 คอลเลกชั่น ในคอนเซ็ปต์ “The Original Retro” พบกับ “อนันดา เอเวอริงแฮม” แม็คยีนส์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ ร่วมถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากการเดินทาง ในแบบฉบับไบค์เกอร์ ภายใต้แคมเปญ My Mc My Journey ทริปไหน…ก็ลุยได้เต็มแม็ค ชูหลากหลาย ไอเท็มยอดนิยมเอาใจหนุ่มสาวนักเดินทาง พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้

นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยว่า บริษัทฯ เปิดตัว “แม็ค ไบค์เกอร์ 2023 คอลเลกชั่น” (Mc Biker 2023 Collection) ในคอนเซ็ปต์ ดิ ออริจินัล เรโทร (The Original Retro) เสน่ห์การเดินทางในแบบฉบับวิถีหนุ่มสาวไบค์เกอร์ กับนิยาม ออริจินัล เรโทร ไบค์เกอร์ในอดีต กลิ่นอายวินเทจขนานแท้ ที่ถูกนำมาออกแบบให้เหมาะกับยุคสมัย ที่ยังคงความคลาสสิก และสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ ภายใต้แคมเปญ My Mc My Journey ทริปไหน…ก็ลุยได้เต็มแม็ค ต่อยอดแคมเปญ My Mc My Way กับแนวคิด “Body Positivity” เข้าใจในความแตกต่างของรูปร่าง และพร้อมสร้างสรรค์ลุคที่ดีที่สุดในแบบฉบับของตัวเอง ด้วยผลิตภัณฑ์จากแม็คยีนส์ พบกับ “คุณอนันดา เอเวอริงแฮม” แม็คยีนส์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ ร่วมเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากการเดินทางให้ทุกคนได้ออกไปใช้ชีวิตให้…เต็มแม็ค

แม็ค ไบค์เกอร์ 2023 คอลเลกชั่น ในคอนเซ็ปต์ ดิ ออริจินัล เรโทร ความคลาสสิกของเรโทร ไบค์เกอร์ ที่ถูกออกแบบให้เหมาะกับยุคสมัย แต่ยังคงสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ พบกับไอเท็มยอดนิยมของแม็คยีนส์ กางเกงยีนส์ดีไซน์เท่ สวมใส่สบาย มิกซ์แอนด์แมทช์ง่าย ผ้ายีนส์ผสมเส้นใยเคฟล่า (Kevlar) ที่มีคุณสมบัติทนทานต่อความร้อน การเสียดสี มีน้ำหนักเบา และเทคนิคการตีลอนช่วงหัวเข่าช่วยปรับสมดุล เพิ่มความยืดหยุ่นให้ทุกการขับขี่คล่องตัวกว่าที่เคย เสื้อบอมเบอร์แจ็คเก็ต (Bomber Jacket) ไอเท็มที่สะท้อนสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์หนุ่มสาวไบค์เกอร์ ความคลาสสิกที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งาน และดีเทลแขนเสื้อรูปตัวซี C โค้งรับวงแขนเพิ่มความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ในคอลเลกชั่นนี้พบกับหลากหลายไอเท็มยอดนิยมให้คุณเลือกสรร อาทิ เช่น เสื้อยืดแขนสั้นและแขนยาว ในโทนสีวินเทจ อย่าง สีเหลืองมัสตาร์ด สีดำ และสีขาว เสื้อฮู้ดดี้ และเสื้อสเวตเตอร์ ที่ผลิตจากผ้าคอตตอน ทอแบบอินเตอร์ล็อค ให้สัมผัสนุ่มลื่น ระบายอากาศได้ดี รวมไปถึงการตัดต่อบ่า เย็บลอน และเสริมฟองน้ำเพื่อช่วยลดแรงกระแทก เสื้อรีสอร์ตเชิ้ต ความละเอียดของงานพิมพ์แบบไร้รอยต่อกับลวดลายสัญลักษณ์การเดินทาง และไอเท็มที่แฟนๆ สายวินเทจห้ามพลาด กับเสื้อโบว์ลิ่งเชิ้ต ที่สวมใส่สบาย กับวงแขนเสื้อที่กว้าง คอเสื้อแบบเปิด เพิ่มดีเทลการจับจีบที่ด้านหลังเสื้อให้ดูดี ดูโดดเด่นอย่างมีสไตล์ พบกับแอ็คเซสซอรี่ อย่าง หมวกแก๊ป สีครีม และสีดำ ที่จะช่วยคอมพลีทลุคของหนุ่มสาวไบค์เกอร์ให้ดูดีในแบบฉบับของตัวเอง

“พบกับประสบการณ์การเดินทางใหม่ๆ ไปกับแม็คยีนส์ ที่ถูกถ่ายทอดโดยผู้หลงใหลการเดินทาง อย่าง คุณอนันดา เอเวอริงแฮม แม็คยีนส์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ และยูทูบเบอร์ท่องเที่ยวชื่อดัง The Gaijin Trip คุณเบนซ์-ถาวร ภัสสรศิริกุล ด้วยบุคลิก และไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจน ความมาดมั่นในแบบฉบับไบค์เกอร์ ที่สามารถ สร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางให้กับทุกคน มั่นใจว่า “แม็ค ไบค์เกอร์ คอลเลกชั่น (Mc Biker Collection) จะเป็นอีกหนึ่งคอลเลกชั่นที่ถูกใจคุณลูกค้า ความลงตัวของไอเท็มที่ดูดี สวมใส่สบายไม่ว่าทริปไหน…ก็ลุยได้เต็มแม็ค” นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าว

พบกับ “แม็ค ไบค์เกอร์ 2023 คอลเลกชั่น” ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านแม็คยีนส์ทุกสาขาทั่วประเทศ และเว็บไซต์ www.mcshop.com สามารถติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าและกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/mcjeans

ALL ONLINE เปิดจอง iPhone 15 แล้ววันนี้ พร้อมรับ M-Stamp 1,000 บาท

0

สาวก iPhone เฮ ALL ONLINE เปิดจอง iPhone 15 บน 7App  พร้อมรับสิทธิพิเศษ เมื่อจอง iPhone 15 จะได้รับ  M-Stamp มูลค่า 1,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ ถึง 21 กันยายน 2566

โดย ALL ONLINE เปิดให้จองแล้ว ณ บัดนี้ พร้อมขอชวนมาร่วมเป็นผู้ใช้ iPhone15 สมาร์ทโฟนแห่งปี เป็นกลุ่มแรกในไทย พร้อมเทคโนโลยีครบครัน โดย iPhone15 / 15 Plus มาพร้อมกับวัสดุอลูมิเนียมเกรดระดับเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอากาศยาน  รวมถึงกล้องปรับเป็น 48 ล้านพิกเซลแล้ว แถมยังซูมออปติคัลแบบ 3 ระดับ ทั้งหมดนี้มาในสีพาสเทลหวานละมุน ส่วน iPhone 15 Pro / 15 ProMax ดีไซน์จากไทเทเนียม ให้สัมผัสที่แข็งแรง เบา พร้อมขอบมน และปุ่มแอ็คชั่นแบบใหม่ ขับเคลื่อนแบบทรงพลังด้วยชิปเซ็ตใหม่ล่าสุด A17 Pro พร้อม GPU 6 แกนใหม่ ใช้เทคโนโลยีการจำลองธรรมชาติของแสง ให้กราฟิกลื่นไหลมากขึ้น แสงสมจริงยิ่งขึ้น ซึ่งเคลมกันว่าแรงกว่าเดิมมาก แถมกล้องหลัง 3 ตัว ทุกเลนส์ได้รับการโค๊ตติ้งด้วยเทคโนโลยีนาโน ลดแสงแฟลร์หน้าเลนส์ที่เป็นปัญหาขาประจำของกล้องไอโฟนอีกด้วย

โดย iPhone15  / iPhone15 Plus มี 5 สีให้เลิือก คือ ดำ เขียว เหลือง ชมพู และ ฟ้า ส่วน iPhone15 Pro / iPhone15 Pro Max มีสีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีไทเทเนียมดำ Black Titanium ไทเทเนียมขาว White Titanium ไทเทเนียมน้ำเงิน Blue Titanium และไทเทเนียมธรรมชาติ Natural Titanium

สำหรับความจุ และราคาเต็มของแต่ละรุ่น (ราคาเครื่องเปล่า) มีดังนี้

  • iPhone 15 128GB เริ่มต้นที่ 32,900 บาท
  • iPhone 15 256GB เริ่มต้นที่ 36,900 บาท
  • iPhone 15 512GB เริ่มต้นที่ 45,900 บาท
  • iPhone 15 Plus 128GB เริ่มต้นที่ 37,900 บาท
  • iPhone 15 Plus 256GB เริ่มต้นที่ 41,900 บาท
  • iPhone 15 Plus 512GB เริ่มต้นที่ 50,900 บาท
  • iPhone 15 Pro 128GB เริ่มต้นที่ 41,900 บาท
  • iPhone 15 Pro 256GB เริ่มต้นที่ 45,900 บาท
  • iPhone 15 Pro 512GB เริ่มต้นที่ 54,900 บาท
  • iPhone 15 Pro 1TB เริ่มต้นที่ 63,900 บาท
  • iPhone 15 Pro Max 256GB เริ่มต้นที่ 48,900 บาท
  • iPhone 15 Pro Max 512GB เริ่มต้นที่ 57,900 บาท
  • iPhone 15 Pro 1TB เริ่มต้นที่ 66,900 บาท

สามารถสั่งจอง iPhone15 ผ่าน ALL ONLINE บน 7App หรือ https://www.allonline.7eleven.co.th พร้อมรับ M-Stamp มูลค่า 1,000 บาท และโปรโมชันพิเศษอีกมากมายจาก TRUE ตั้งแต่วันที่ 15 – 21 กันยายน 2566