Home Blog Page 132

สัตวแพทย์ ย้ำ เลือกซื้อเนื้อหมูจากผู้ผลิตมาตรฐาน ลดเสี่ยงโรค

0

สัตวแพทย์จุฬาฯ ยืนยัน ประเทศไทยมีมาตรฐานการเลี้ยงและการผลิตสุกรที่ดี มีการควบคุมตามหลักการสากล มีความปลอดภัยสูง มีการควบคุมการเคลื่อนย้ายสุกรและซากสุกรอย่างเข้มงวด แนะผู้บริโภครับประทานเนื้อหมูปรุงสุกเท่านั้น โดยเลือกซื้อเนื้อหมูจากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน และได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์

ศ.น.สพ.ดร.เผด็จ ธรรมรักษ์

ศ.น.สพ.ดร.เผด็จ ธรรมรักษ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ประเทศไทยมีแนวทางในการป้องกันโรคระบาดสัตว์ตามมาตรฐานสากล มีการตรวจสอบโดยกรมปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด ควบคุมการเคลื่อนย้ายสุกรและซากสุกรอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างหลักประกันเนื้อสัตว์ปลอดภัยและความมั่นคงทางอาหารให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever: ASF) ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัส กลุ่ม Asfivirus เป็น DNA virus ที่ระบาดเฉพาะในสุกรเท่านั้น โดยไม่ติดต่อสู่คนและไม่ติดต่อหรือเป็นอันตรายต่อสัตว์ชนิดอื่น

“ขอยืนยันว่า เชื้อโรค ASF ไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ ผู้บริโภคสามารถรับประทานเนื้อหมูได้อย่างปลอดภัย โดยจะต้องให้ความร้อนปรุงสุกที่อุณหภูมิสูงกว่า 70 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาทีขึ้นไป เพื่อทำลายเชื้อโรค ASF และเชื้ออื่น ๆ ที่อาจติดมาด้วย เช่น โรคไข้หูดับ โรคพยาธิ หรือโรคที่ทำให้เกิดท้องเสีย ที่สำคัญต้องเลือกซื้อเนื้อหมูจากผู้ผลิตและจำหน่ายที่ได้มาตรฐาน มีแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ มีการรับรองจากกรมปศุสัตว์” ศ.น.สพ.ดร.เผด็จ กล่าว

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้นำระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมในสุกร (Good Farming Management : GFM) มาส่งเสริมการเลี้ยงสุกรของเกษตรกรรายเล็กและเกษตรกรรายย่อย ให้มีการจัดการที่มีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) เพื่อลดปัญหาจากโรคระบาด และส่งเสริมให้สินค้าปศุสัตว์มีความปลอดภัย โดยระบบ GFM ประกอบด้วยการจัดการ 8 ด้าน คือ การจัดพื้นที่เลี้ยงและโครงสร้างการจัดการโรงเรือนหรือเล้าและอุปกรณ์ การจัดการยานพาหนะ การจัดการบุคคล การจัดการด้านสุขภาพ การจัดการอาหาร น้ำ และยาสัตว์ การจัดการข้อมูล และการจัดการสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีขั้นที่ปฏิบัติได้ง่าย ไม่ซับซ้อน และต้นทุนต่ำ สามารถป้องกัน และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาด ลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากโรคระบาดได้

น.สพ.ดร.เผด็จ กล่าวว่า จากกรณีล่าสุดที่มีการลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์สุกรเข้ามาในประเทศไทย อาจทำให้สถานการณ์การระบาดของโรคกลับมาอีก หากเกิดการติดเชื้อโรค ASF ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงจะทำให้สุกรตายเป็นจำนวนมาก และเกษตรกรจะต้องทำลายสุกรที่มีความเสี่ยงทิ้งทั้งหมด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค จึงควรซื้อเนื้อหมูจากร้านหรือผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ และได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีเพียงประเทศเวียดนามเท่านั้นที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้วัคซีนที่ผลิตขึ้นเองในประเทศเป็นตัวแรกของโลก เพื่อป้องกันโรค ASF ในเชิงพาณิชย์ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ยังไม่มีวัคซีนและวิธีการรักษาที่จำเพาะ ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของไทย ซึ่งเป็นความมั่นคงทางอาหาร หากผู้บริโภคพบเห็นเนื้อหมูต้องสงสัยไม่ทราบแหล่งที่มาให้แจ้งกรมปศุสัตว์เพื่อเข้าควบคุมและตรวจสอบได้ทันที

Chef Cares ต้อนรับวันแม่ 2566 ด้วยเมนู ‘บะหมี่เป็ดซอสทรงเครื่อง’ สูตรลับความอร่อยประจำบ้าน

0

เชฟแคร์ส (Chef Cares) เอาใจแม่-ลูก คู่ผูกพัน ช่วงเทศกาลวันแม่ 2566 ด้วยเมนูเฉพาะกิจ ‘บะหมี่เป็ดซอสทรงเครื่อง’ สูตรลับของคุณหญิงเทวี เจียรวนนท์ เมนูประจำบ้านเจียรวนนท์ที่คนในครอบครัวชื่นชอบ ด้วยความพิถีพิถันและสูตรที่เป็นเอกลักษณ์ เชฟแคร์ส จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบความอร่อยผ่านวันสำคัญครั้งนี้ ด้วยอาหารแช่แข็ง Limited Edition โดยกำไรทั้ง 100% ร่วมตอบแทนสังคมผ่านมูลนิธิเชฟแคร์สเช่นเคย วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา เพียง 69 บาทที่ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ทุกสาขาทั่วไทย

สำหรับ ‘บะหมี่เป็ดซอสทรงเครื่อง’ รังสรรค์จากวัตถุดิบหลักอย่างเนื้อเป็ดคุณภาพ ซึ่งอุดมด้วยธาตุเหล็กที่ช่วยในการไหลเวียนของเลือด ทั้งยังมีวิตามิน A B1 B2 E K ที่ดีต่อร่างกาย นำมาตุ๋นด้วยกรรมวิธีพิเศษให้เนื้อเป็ดแน่นแต่นุ่มลิ้น ปรุงด้วยซอสกระเทียมพริกไทยที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด คลอเลสเตอรอล และความดัน ที่เข้มข้น ให้รสชาติกลมกล่อม ราดเป็นน้ำขลุกขลิกบนเส้นบะหมี่ไข่ทำสดใหม่ เหนียวนุ่มหนึบ กำลังดี แล้วนำมาผ่านกระบวนการผลิตเป็นอาหารแช่แข็ง (Frozen Food) ตามมาตรฐานสากล ที่คงคุณค่าโภชนาการและรักษาความสดใหม่ให้อร่อยได้ยาวนาน

เชฟแคร์ส เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ภายใต้ชื่อ บริษัท เชฟแคร์ส โปรเจกต์ จำกัด สร้างรายได้ด้วยตัวเองและนำรายได้ช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดย เชฟแคร์ส โปรเจกต์ จะร่วมมือกับเชฟระดับแถวหน้าของประเทศไทยและของโลก ผลิตอาหารพร้อมรับประทานที่ครบถ้วนด้านคุณค่าทางโภชนาการ และนำกำไรทั้ง 100% คืนสู่สังคม “ผ่านมูลนิธิเชฟแคร์ส” ที่มุ่งสร้างโอกาสและมอบแนวทางประกอบอาชีพในวงการอาหารแก่เด็ก เยาวชนผู้ห่างไกล รวมถึงเยาวชนที่เคยหลงผิดและเด็กด้อยโอกาสในการเป็นเชฟมืออาชีพ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้โครงการ Chef Cares Dream Academy

AIS ZEED จับมือ YouTube ชวนวัยรุ่นปล่อยของกับกิจกรรม #ZEEDcallingyou

0

AIS ZEED 5G ตอกย้ำแบรนด์ที่ครองใจกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มวัยทีน ที่นอกเหนือจากการออกแบบสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์กับดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ทั้งด้านการเรียน ความบันเทิง เกม โซเชียลมีเดีย และสุดยอดคอนเทนต์โดนใจ แล้ว วันนี้ AIS ZEED 5G ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้าง Brand Engagement กับกลุ่มวัยรุ่น ผ่านกิจกรรมทางการตลาดแบบผสมผสานทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มชั้นนำระดับโลกอย่าง YouTube ประเทศไทย เปิดเวทีให้คนรุ่นใหม่ได้มีพื้นที่โชว์ไอเดียสร้างสรรค์ ฝึกเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ กับ #ZEEDcallingyou กิจกรรมที่ชวนวัยรุ่นมาร่วมผลิตคอนเทนต์สุดปังไม่ว่าจะเป็นการร้อง เล่น เต้น แดนซ์ ให้สุดเหวี่ยงไปกับเพลง Calling You จากศิลปิน PiXXiE พร้อมกันนี้ยังจัดเต็มของรางวัลให้ได้สานฝันสร้างแรงบันดาลใจเพื่อก้าวสู่การเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์มืออาชีพทั้งทุนการศึกษาและโอกาสร่วมเป็นนักแสดงใน MV กับ PiXXiE อีกด้วย

เบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าส่วนงานกลุ่มลูกค้าพิเศษและพรีเพด AIS กล่าวว่า “เป้าหมายสำคัญของ AIS คือการพัฒนาโครงข่ายเพื่อเชื่อมต่อการใช้งานและส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่เหนือกว่าให้กับลูกค้า ทำให้วันนี้เราสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของลูกค้าแต่ละกลุ่มแบบ Personalize โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทีนอย่าง New Generation ที่มีความคุ้นเคยกับการใช้งานดิจิทัลแบบ 100% ทำให้เราต้องคิดค้นสินค้า บริการ สิทธิพิเศษ ให้ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ผ่านผลิตภัณฑ์จาก AIS ZEED 5G ที่ออกแบบมาสำหรับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นโดยเฉพาะ มากไปกว่านั้นเรายังให้ความสำคัญกับการสร้างคอมมูนิตี้วัยทีนที่สอดรับกับดิจิทัลไลฟ์สไตล์ โดยครั้งนี้เราได้ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มชั้นนำระดับประเทศอย่าง YouTube และศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังในกลุ่มวัยรุ่น PiXXiE เพื่อเปิดพื้นที่ให้เหล่าครีเอเตอร์ได้ปล่อยของ แสดงความสามารถในการคิดและผลิตคอนเทนต์ การทำงานร่วมกันครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการทำงานของ AIS ที่ต้องการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของกลุ่มทีน ซึ่งจะนำมาสู่การส่งมอบประสบการณ์การใช้งานแบบรู้จักและรู้ใจวัยรุ่นอย่างแท้จริง”

มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ YouTube ประเทศไทยและเวียดนาม กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นความหลงใหลและความคิดสร้างสรรค์ของชุมชนครีเอเตอร์ไทย โดยเฉพาะบน YouTube Shorts ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ทุกคนได้สร้างสรรค์ผลงานและแสดงความเป็นตัวของตัวเองได้ง่ายๆ ภายในคลิกเดียวเท่านั้น วันนี้ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับทาง AIS ZEED 5G ในการร่วมจัดแคมเปญครั้งนี้ เพื่อสร้างสีสัน สร้างความสนุกสนานพร้อมเปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ไทยให้ได้เปล่งประกายบนพื้นที่ของ YouTube Shorts”

สำหรับวัยรุ่นที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม จะต้องถ่ายคลิปตัวเองเต้นประกอบเพลง Calling you ของศิลปิน PiXXiE อัพโหลดลงช่องทาง YouTube Shots พร้อมติด #ZEEDcallingyou เพื่อร่วมคัดเลือกเป็นตัวแสดงหลักใน MV เพลง Calling You จากศิลปิน PiXXiE และชิงรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย พิเศษสำหรับลูกค้าที่ใช้ AIS ZEED 5G มีสิทธิ์ต่อที่ 2 ในการเข้าร่วมกิจกรรม Mini Concert กับศิลปิน PiXXiE จำนวน 100 คน พร้อมร่วมชม MV เพลง Calling you ครั้งแรกพร้อมกัน โดยสามารถร่วมกิจกรรม ได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 25 สิงหาคม 2566 นี้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/zeedcallingyou/

ออมสิน เปิดตัวเงินฝากปันน้ำใจ ดอกเบี้ย 1.2% ชวนทำดีปันดอกเบี้ยช่วยสังคมผ่าน 4 มูลนิธิ

0

✨ ออมสินชวนร่วมทำความดี…ฝากเงินกับออมสิน รับประโยชน์ 2 ต่อ กับเงินฝากปันน้ำใจ (เผื่อเรียกพิเศษ) รับดอกเบี้ยเงินฝาก 1.20% ต่อปี ดอกเบี้ยรับเต็มไม่เสียภาษี
ต่อที่ 1 : ผู้ฝากได้รับ 1.00% ต่อปี (สูงกว่า ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน)
ต่อที่ 2 : ได้ปันน้ำใจช่วยเหลือสังคม 0.20% ต่อปี

ส่งมอบความสุขแบ่งปันให้กัน ได้ช่วยเหลือสังคม และได้ลดหย่อนภาษี
? เพียงลงทะเบียนรับฝาก และเลือกมูลนิธิที่ต้องการสนับสนุนได้จาก 4 มูลนิธิที่ร่วมโครงการ (เลือกได้มากกว่า 1 มูลนิธิ) ได้เลยที่ >> https://bit.ly/47coaya
ซึ่งเป็นมูลนิธิที่มีแนวทางสอดคล้องกับเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs ด้านขจัดความยากจน ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ด้านลดความเหลื่อมล้ำ และด้านการปกป้อง ฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
✔️ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
✔️ มูลนิธิสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท
✔️ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
✔️ มูลนิธิบ้านนกขมิ้น

รายละเอียดผลิตภัณฑ์ :
▪ เปิดบัญชีขั้นต่ำ 10,000 บาท
▪ ระยะเวลาฝาก 6 เดือน
▪ ไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย
▪ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.20 ต่อปี โดยผู้ฝากจะได้รับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.00 ต่อปี และบริจาคเงินในอัตราร้อยละ 0.20 ต่อปี ให้กับมูลนิธิช่วยเหลือสังคม

? เปิดบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. – 31 ต.ค. 66 ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา
อ่านรายละเอียด > https://www.gsb.or.th/news/gsbpr28-66/
⚠ เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

ได้โอกาส…ให้โอกาส! ซีพีเอฟ ชวนคนไทยใจบุญ โหลด Sticker Line สมทบทุนการปรับปรุงศูนย์การแพทย์ฯ ศิริราชมูลนิธิ

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกับ หมาจ๋า สร้างสรรค์และออกแบบ Sticker Line สุดน่ารัก ชุด “CP x หมาจ๋า…มูซีรีส์” เพื่อนำรายได้ทั้งหมดสมทบทุนการปรับปรุงห้องผ่าตัดและสร้างอาคารหอผู้ป่วยใน ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคมให้คนไทยเข้าถึงการรักษาและการบริการได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

สำหรับผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด Sticker Line ได้จากโทรศัพท์มือถือ ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android เพียงพิมพ์คำว่า “CP x หมาจ๋า….มูซีรีส์” ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2566 ในราคาเพียง 35 บาท (50 Coins) เท่านั้น สามารถร่วมทำบุญได้ทันที ไม่ว่าจะโหลดใช้เองหรือส่งต่อเป็นของขวัญสุดพิเศษให้คนที่คุณรัก โดยสแกน QR Code หรือ คลิก >> https://store.line.me/stickershop/product/23853577/ เพียงเท่านี้! ผู้รับก็อิ่มใจและผู้ส่งก็ยังอิ่มบุญ ติดตามข้อมูลศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/gj.mahidol?mibextid=LQQJ4d

กิจกรรม Sticker Line ชุด “CP x หมาจ๋า…มูซีรีส์” จัดโดย ชมรมศาสตร์เสริมพลังชีวิต จากหน่วยงานสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์และการตลาด ซีพีเอฟ เพื่อส่งเสริมให้พนักงานที่มีความสนใจด้านศาสตร์และศิลป์ของการเสริมพลังชีวิตทุกรูปแบบ ร่วมสร้างกำลังใจและเสริมความมั่นใจในการดำเนินชีวิตผ่านกิจกรรมดีๆ มากมายตลอดทั้งปี ./

กนง.มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% แตะ 2.25% มีผลทันที

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 2 สิงหาคม 2566 มีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ต่อปี จาก 2.00% เป็น 2.25% ต่อปี โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้ กนง. มองว่า เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ว่าล่าสุด อุปสงค์จากต่างประเทศจะชะลอลงบ้าง แต่คาดว่าจะทยอยปรับดีขึ้นในระยะต่อไป ด้านอัตราเงินเฟ้อปรับลดลง และมีแนวโน้มทรงตัวในกรอบเป้าหมาย โดยยังมีความเสี่ยงด้านสูง

สำหรับเศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มขยายตัวจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นสำคัญ ขณะที่การส่งออกสินค้าหดตัวในระยะสั้น ส่วนหนึ่งตามเศรษฐกิจจีน และวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ฟื้นตัวได้ช้า แต่คาดว่าจะปรับดีขึ้นในระยะข้างหน้า สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมีมากขึ้น จากภาคการส่งออกสินค้าที่อาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด และความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมือง

อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปรับลดลงจากราคาในหมวดพลังงาน มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ และผลของฐานที่สูงในปีก่อนหน้า แต่ประเมินว่าจะปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี หลังปัจจัยชั่วคราวทยอยหมดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงแต่มีแนวโน้มทรงตัวในระดับที่สูงกว่าในอดีต โดยมีความเสี่ยงด้านสูงจากต้นทุนราคาอาหารที่อาจปรับเพิ่มขึ้นหากปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรงกว่าคาด

ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ โดยธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง แต่คุณภาพสินเชื่ออาจด้อยลง จากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนที่ยังเปราะบางจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นและรายได้ที่ฟื้นตัวช้า คณะกรรมการฯ สนับสนุนการดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมาตรการเฉพาะจุดและแนวทางแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะมาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending)

ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลายลดลง แต่ยังเอื้อต่อการระดมทุนของภาคเอกชน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนโน้มสูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่สินเชื่อภาคเอกชนที่ชะลอลง ส่วนหนึ่งเป็นการปรับตัวเข้าสู่ระดับปกติ หลังจากที่ได้ขยายตัวต่อเนื่องในช่วงวิกฤตโควิด-19

ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวผันผวน ตามทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ แนวโน้มเศรษฐกิจจีน และความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทย

ภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องเข้าสู่ระดับศักยภาพ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อโน้มเข้าสู่กรอบเป้าหมาย แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงด้านสูง นโยบายการเงินยังควรดูแลให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน ควบคู่กับให้ความสำคัญกับเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม จะพิจารณาให้เหมาะสมกับแนวโน้ม และความเสี่ยงของเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ

“ทรีนีตี้” มองดัชนีทางลงหลังใกล้แตะ 1560 จุด ชี้ปัจจัยมีอิทธิพลกับการลงทุนเดือนส.ค. ทั้งดอกเบี้ยกนง. การเมือง และกำไรบจ.

0
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด

“ทรีนีตี้” มอง 3 ปัจจัยภายในสำคัญมีอิทธิพลต่อการลงทุนเดือนส.ค. นโยบายดอกเบี้ยกนง. การเมือง และกำไรบจ. มองดัชนีทางลงหลังขึ้นมาใกล้แตะ 1560 จุด แนะซื้อหุ้นกลุ่มโรงกลั่นเกาะจังหวะสวิงขึ้น หากต้องการปลอดภัยแนะหุ้นกลุ่ม รพ.

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือนสิงหาคม 2566 ว่า สำหรับภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนสิงหาคม ประเมินว่าจะผันแปรไปตามปัจจัยภายในประเทศอยู่ 3 ประเด็น ได้แก่ 1.แนวนโนบายการเงินและการส่งสัญญาณของกนง.ที่จะมีการประชุมกันในวันนี้ (2 สิงหาคม 2566 ) 2.พัฒนาการของปัจจัยการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะการโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ หากพรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยที่ไม่ได้มีพรรคก้าวไกลอยู่เป็นพรรคร่วม และไม่มีความวุ่นวายนอกสภาเกิดขึ้น คาดว่าจะเป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นในระยะสั้นได้ และ 3.การประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 2/66 และการปรับเปลี่ยนประมาณการของนักวิเคราะห์ ซึ่งล่าสุดยังคงเห็นสัญญาณการ Downgrade ต่อเนื่อง

ในเชิงกลยุทธ์ มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี SET Index ในเดือนสิงหาคมอิงทางลง หลังดัชนีขึ้นมาใกล้ระดับดีสุดในวิธี PE Model ของทรีนีตี้ที่ 1560 จุด โดยที่ยังไม่เห็นพัฒนาการเชิงบวกใดๆทางปัจจัยพื้นฐาน แนะนำนักลงทุนที่จำเป็นต้องถือหุ้น ใช้จังหวะที่ SET Index ทะลุระดับ 1560 จุดขึ้นไป ทยอยเปิดสถานะ Short ในตราสาร Index futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตหากดัชนีมีการปรับตัวลงมาตามที่เราคาดไว้

สำหรับหุ้นที่อาจพอ Selective ในช่วงที่ดัชนีอยู่สูงเช่นนี้ มองไปยัง 2 กลุ่มที่มีผลการดำเนินงานผ่านพ้นจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2 ไปแล้ว อย่างเช่น 1. หากต้องการลงทุนไปตามโมเมนตัม มองไปยังกลุ่มโรงกลั่นที่ได้แรงหนุนจากค่าการกลั่นที่ปรับขึ้นสูง เช่น TOP, SPRC, BCP, IRPC, PTTGC 2. หากต้องการความปลอดภัย มองไปยังกลุ่มโรงพยาบาลที่ยังคงปรับตัว Laggard ตลาดในช่วงที่ผ่านมา เช่น BDMS, BH, BCH, CHG, PR9

“ธนาคารน้ำใต้ดิน” หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า แหล่งเรียนรู้นวัตกรรมการบริหารจัดการน้ำยั่งยืน

0

น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต ทั้งพืช สัตว์ รวมถึงมนุษย์ ที่ใช้ในการอุปโภค บริโภค เกษตรกรรม อุตสาหกรรม ฯลฯ และยังช่วยรักษาความสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ต่างๆด้วย หากแต่ปริมาณน้ำบนโลกนี้เป็นน้ำทะเลหรือน้ำเค็มถึงร้อยละ 97 ส่วนที่เหลืออีกเพียงร้อยละ 3 เป็นน้ำจืด ถ้าหากแบ่งในปริมาณน้ำจืดนี้เป็น 100% พบว่าเป็นธารน้ำแข็งและภูเขาน้ำแข็งมากถึง 70% ส่วนอีก 29% เป็นน้ำใต้ดินหรือน้ำบาดาล และมีเพียง 1% เป็นน้ำผิวดิน

การเก็บกักน้ำไว้บนผิวดินเพิ่มเติมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ กลายเป็นทั้งเรื่องที่จำเป็นและเป็นความท้าทาย โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้น้ำเป็นจำนวนมาก วันนี้พามารู้จักกับหนึ่งในตัวอย่างการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนในภาคเกษตร ที่ โครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา โครงการที่ริเริ่มดำเนินการโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ มาตั้งแต่ปี 2520 ด้วยการพลิกฟื้นผืนดินแห้งแล้งให้เกษตรกรทั้ง 50 ราย ได้มีอาชีพเลี้ยงหมูเป็นอาชีพหลัก และมีการเพาะปลูกพืชสวนพืชไร่เป็นอาชีพเสริม จนถึงปัจจุบันที่นี่กลายเป็นผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ มีสวนผลไม้ สวนยาง แปลงผักปลอดสาร ฟาร์มเห็ด สุดแต่ความถนัดของเกษตรกรช่วยสร้างรายได้เสริมให้ตลอดปี

สำหรับการเลี้ยงหมูและการเพาะปลูกพืช ของเกษตรกรในหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า ซึ่งมีการใช้น้ำเป็นจำนวนมาก และที่ผ่านมาที่นี่ยังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง เกษตรกรจึงร่วมกับทีมงานของธุรกิจสุกร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่ช่วยสนับสนุนทั้งการผลิตหมูและทุกๆกิจกรรมของเกษตรกร ด้วยการร่วมกันคิดหาวิธีการกักเก็บน้ำไว้ใช้ให้ได้ตลอดทั้งปี ซึ่งหนึ่งในวิธีการที่เห็นผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมคือ “ธนาคารน้ำใต้ดิน (Groundwater Bank)”

ภักดี ไทยสยาม ประธานกรรมการ บริษัท หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า จำกัด เล่าว่า ธนาคารน้ำใต้ดิน ถือเป็นนวัตกรรมด้านสังคมที่เกษตรกรร่วมกับซีพีเอฟดำเนินการ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำใช้ จากแต่ก่อนที่เกษตรกรจำเป็นต้องซื้อน้ำมาใช้มากถึง 50,000 คิว ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงถึงปีละ 1,000,000 บาท ส่งผลกระทบต่อรายของได้เกษตรกร ทุกคนจึงร่วมกันคิดหาวิธีที่จะกักเก็บน้ำไว้ใช้สำหรับทั้งการเลี้ยงหมูและปลูกพืชได้ทั้งปี โดยนำแนวคิดการทำ “ธนาคารน้ำใต้ดิน” ของหลวงพ่อสมาน สิริปัญโญ ประธานสถาบันน้ำนิเทศศาสนคุณ มาใช้ ด้วยหลักการเติมน้ำไปเก็บในชั้นใต้ดิน ด้วยการขุดบ่อในบริเวณพื้นที่น้ำท่วม น้ำขัง น้ำหลาก หรือจุดรวมของน้ำเพื่อกักน้ำให้ซึมลงไปชั้นหิน เป็นการพักน้ำรวมไว้เหมือนธนาคาร

“เมื่อก่อนพอฝนตกจะเกิดน้ำท่วมขังและไหลทิ้งออกนอกพื้นที่ ไม่สามารถนำน้ำมาใช้ประโยชน์ได้ แต่ธนาคารน้ำใต้ดิน คือสถานที่เก็บน้ำฝนที่ตกลงมาไปกักเก็บไว้ใต้ดินในชั้นหินอุ้มน้ำให้ได้มากที่สุด จากบ่อที่ทุกคนร่วมใจกันประดิษฐ์ขึ้นมา ในรูปแบบนวัตกรรมทางธรรมชาติ จัดการน้ำที่ไหลอยู่บนผิวดินให้ลงไปเก็บไว้ใต้ดิน มีการเชื่อมโยงเป็นระบบเครือข่ายธนาคารน้ำ ร่วมกับแหล่งน้ำที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ เป็นการนำความรู้พื้นฐานการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ทั้งด้าน วิทยาศาสตร์ ธรณีวิทยา สังคม ชุมชน และธรรมชาติ ทิศทางการไหลของน้ำ การหมุนของโลกมาผนวกกัน เมื่อมีธนาคารน้ำใต้ดิน พอถึงฤดูแล้งระดับน้ำใต้ดินจะเพิ่มสูงขึ้น เกษตรกรสามารถนำน้ำจากใต้ดินขึ้นมาใช้ได้เพียงพอตลอดฤดูกาล” ภักดี กล่าว

ธนาคารน้ำใต้ดิน หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า เริ่มดำเนินการในปี 2563 หลังจากทีมงานได้ศึกษาดูงาน จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และเชิญวิทยากรของสถาบันน้ำนิเทศศาสนคุณ มาให้ความรู้กับเกษตรกร พร้อมวางแผนสำรวจตำแหน่งที่จะทำธนาคารน้ำใต้ดินในหมู่บ้าน โดยทีมผู้เชี่ยวชาญของซีพีเอฟทำการสำรวจข้อมูลปริมาณน้ำใต้ดินเบื้องต้น จนเริ่มสร้างธนาคารน้ำใต้ดินรูปแบบบ่อปิดบริเวณรอบสำนักงานและพื้นที่ส่วนกลาง และทำธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิดที่บ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ของหมู่บ้าน โดยน้ำที่นำมาเก็บมาจากหลายแหล่ง ทั้งน้ำฝนที่ตกลงมา และน้ำจากการทำธนาคารน้ำใต้ดิน ระบบปิด ต่อมาในปี 2564 ต่อยอดสู่ธนาคารน้ำใต้ดินรูปแบบรางระบายน้ำบริเวณถนนภายในหมู่บ้านฯ และในปี 2565 ผลักดันสู่แหล่งเรียนรู้ให้แก่ผู้ที่มีความสนใจได้มาศึกษาดูงาน

ปัจจุบันที่นี่มีธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิดบริเวณพื้นที่ส่วนกลางรวม 31 บ่อ แบ่งออกเป็นรูปแบบบ่อปิด 30 บ่อ และแบบรางระบายน้ำ 1 บ่อ ส่วนธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิดบริเวณรอบหมู่บ้านมีทั้งหมด 64 บ่อ แบ่งออกเป็นรูปแบบบ่อปิด 9 บ่อ และรูปแบบรางระบายน้ำจำนวน 55 บ่อ ช่วยลดปัญหาน้ำท่วมขังและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับต้นไม้ภายในฟาร์ม ส่วนธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิด บ่อเดิม ความจุ 37,000 ลบ.ม. โดยทำการขุดบ่อเพิ่มเติมเพื่อเก็บกักน้ำให้ลึกถึงชั้นหินอุ้มน้ำ เชื่อมต่อจากบ่อเดิม อีก 1 บ่อ มีความจุ 17,000 ลบ.ม. ทำให้สามารถเก็บน้ำไว้ใช้ได้มากกว่า 18 เดือน จึงช่วยแก้ไขทั้งปัญหาภัยแล้ง การขาดน้ำ แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังทั้งภายในและภายนอกฟาร์ม เพิ่มปริมาณระดับน้ำบาดาลในพื้นที่เก็บไว้ใช้อนาคต และเพิ่มความอุมดมสมบูรณ์ของพื้นดินสำหรับปลูกพืช ความสำเร็จนี้ได้ถูกต่อยอดไปยังฟาร์มหมูของธุรกิจสุกรซีพีเอฟภาคตะวันออกอีก 6 แห่ง รวมถึงขยายผลไปยังธุรกิจสุกรใน ซี.พี.ลาว ด้วย

“ธนาคารน้ำใต้ดินเปรียบเสมือนการฝากน้ำไว้กับดิน เป็นการเก็บน้ำส่วนเกินเพื่อเติมน้ำที่ขาด ช่วยแก้ปัญหาทั้งน้ำท่วมและภัยแล้งทุกปี และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำได้ถึงปีละ 1 ล้านบาท เกษตรกรและทีมงานซีพีเอฟทุกคนภูมิใจที่ ได้มีโอกาสเปิดรับผู้สนใจเข้ามาศึกษาดูงานธนาคารน้ำใต้ดินของเราและนำไปประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งเรียนรู้นวัตกรรมการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันยังได้รับเชิญเป็นวิทยากรให้ความรู้ และให้คำปรึกษาเรื่องการทำธนาคารน้ำแก่หน่วยงานต่างๆ และยังได้ไปร่วมงานสัมมนาบริหารจัดการน้ำนานาชาติด้วย” ภักดี กล่าว

หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้าพิสูจน์ ทำให้เห็นแล้วว่าน้ำบาดาลและแหล่งน้ำใต้ดินมีความสำคัญ และเป็นแหล่งขุมทรัพย์ที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการ หากมีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่สนใจเข้าศึกษาดูงาน สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 038-557-081

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือนนักลงทุนศึกษาและติดตามเรื่องการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ของ ALL

0

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทสไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (ALL) ได้แจ้งผิดนัดชำระหนี้ สรุปได้ดังนี้

1. หุ้นกู้ของ ALL เนื่องจากการผิดนัดในมูลหนี้รวมเกินเกณฑ์ตามข้อกำหนดสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้ (Cross Default)

          ทั้งนี้ บริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ทั้งหมด (7 รุ่น) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,416 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินต้นคงค้าง 2,334 ล้านบาท และดอกเบี้ยที่ค้างชำระจนถึงวันที่ผิดนัด 82 ล้านบาท (คิดเป็น 40% ของสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566) โดยบริษัทจะเร่งดำเนินการขายทรัพย์ และหาแหล่งเงินทุน
เพื่อนำมาชำระคืนหนี้หุ้นกู้

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ได้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่
2 สิงหาคม 2566 เวลา 14.00 น. เพื่อขอมติอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในการดำเนินการเรียกร้องให้
ผู้ออกหุ้นกู้ชำระหนี้ไถ่ถอนหุ้นกู้ หรือดำเนินการฟ้องร้อง และบังคับจำนองทรัพย์สินหลักประกันของ
ผู้ออกหุ้นกู้ โดยจะขอมติอนุมัติมอบหมาย หรือมอบอำนาจให้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ หรือเจ้าหน้าที่ของผู้แทน
ผู้ถือหุ้นกู้ ดำเนินการฟ้องร้องคดี และบังคับคดี

2. หนึ้ของธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) รวม 264 ล้านบาท โดยหากไม่นำเงินมาชำระหนี้ภายใน 30 วันนับจากได้รับหนังสือจาก KKP (วันที่ 20 กรกฎาคม 2566) KKP จะใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมาย (รายละเอียดตามข่าวของบริษัท วันที่ 31 กรกฎาคม 2566)

 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาและติดตามข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา   และใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์

สินเชื่อเคหะ Refinance ดอกเบี้ยถูก ผ่อนสบาย

0

การเป็นเจ้าของบ้านหลังหนึ่งสำหรับคนที่ต้องกู้ซื้อบ้านแล้ว ถือเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่สูงเป็นอันดับต้นๆ จากการจ่ายค่าส่งบ้านในแต่ละเดือน   และปัญหาหนึ่งที่ผู้มีภาระผ่อนบ้านทุกคนต้องเจอ คือ ภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น หลังหมดระยะเวลาโปรโมชันดอกเบี้ยแล้ว  จากเดิมที่เราสามารถผ่อนเงินต้นได้มาก ดอกเบี้ยน้อย แต่เมื่อหมดโปรฯ แล้ว  ค่างวดของหลายคนอาจแสดงตัวเลขค่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายสูงกว่าเงินต้น ภาระที่เพิ่มขึ้นนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินในที่สุด

ด้วยสาเหตุนี้ การรีไฟแนนซ์ จึงเป็นทางออกของหลายคนที่ผ่อนบ้านอยู่เลือกใช้ ด้วยการหาแหล่งเงินกู้ใหม่ที่มีข้อเสนอเรื่องดอกเบี้ยที่จูงใจกว่าเดิม  กล่าวให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ การขอสินเชื่อเงินกู้จากธนาคารใหม่ที่มีข้อเสนอดอกเบี้ยถูกกว่าธนาคารเดิม เพื่อทำให้การผ่อนจ่ายค่าดอกเบี้ยแต่ละเดือนลดลง  ช่วยผ่อนปรนภาระรายจ่ายเรื่องผ่อนบ้านของผู้กู้ อย่างไรก็ตาม การรีไฟแนนซ์นั้น ต้องพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น ค่าธรรมเนียม ค่าประเมิน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ แตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคารด้วย

ด้วยข้อเสนอที่จะทำให้คนผ่อนบ้านสบายตัวมากขึ้น หากย้ายมาอยู่กับออมสิน  นั่นคือ ผ่อนต่ำล้านละ 3,555 บาทต่อเดือน นาน 6 เดือนแรก   อัตราดอกเบี้ยคงที่ เดือนที่ 1 – 6  อยู่ที่  2.390% ต่อปี   และตั้งแต่เดือนที่ 7 เป็นต้นไป  อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด  อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ MRR = 6.995% (ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2566)

หากใครที่กำลังมองหา หรือตัดสินใจที่จะรีไฟแนนซ์บ้านอยู่ ตอนนี้ ธนาคารออมสิน มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่น่าสนใจ และสามารถตอบโจทย์เรื่องการลดภาระรายจ่ายเรื่องผ่อนบ้านได้อย่างแน่นอน นั่นคือ “สินเชื่อเคหะ Refinance”  สินเชื่อบ้านจากธนาคารออมสิน ที่ให้ดอกเบี้ยถูก ผ่อนสบาย

ผู้ต้องการรีไฟแนนซ์ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นให้พร้อม และจัดเตรียมเอกสารประกอบการกู้ให้ครบถ้วน แล้วติดต่อยื่นเรื่องได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2526  โดยกำหนดระยะเวลาโปรโมชั่นนี้ การขอสินเชื่อต้องผ่านการอนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญาให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566   สามารถสมัครขอสินเชื่อได้ที่  https://bit.ly/43KNCIh

ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115  หรือติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.gsb.or.th และ  เฟสบุ๊ค GSB Society

คนผ่อนบ้านที่ต้องการลดภาระค่าผ่อน มองหาดอกเบี้ยค่าบ้านที่ต่ำลง ต้องไม่พลาดโอกาสพิเศษนี้  “ดอกเบี้ยถูกกว่า ผ่อนสบายกว่า กู้เพิ่มเติมได้…ย้ายมาอยู่กับออมสิน ด้วยสินเชื่อเคหะรีไฟแนนซ์”