Home Blog Page 13

ไข่ไก่สหรัฐฯ แพงจัดจากไข้หวัดนก ไทยต้องระวังการนำเข้าสัตว์ปีก

0
บทความโดย อิสระ คงยินดี

เรื่องของกลไกตลาดที่มีปริมาณผลผลิตกับความต้องการบริโภคเป็นตัวถ่วงดุลซึ่งกันและกัน เมื่อใดที่ทั้งสองฝั่งนี้ขาดความสมดุล ก็จะเกิดผลกระทบตามมา เช่น ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรที่มากเกินความต้องการใช้หรือบริโภค ราคาสินค้าชนิดนั้นจะตกต่ำลง เกษตรกรผู้ผลิตก็อาจจะขาดทุน ในทางกลับกันหากผลผลิตขาดแคลนไม่เพียงพอ ราคาสินค้าก็จะสูงขึ้น เกษตรกรอาจได้กำไรเพิ่มขึ้น แต่ก็ยากในการหาหรือผลิตสินค้าออกมาขายได้ทันการณ์ กล่าวได้ว่าการรักษาปริมาณผลผลิตให้สมดุลกับความต้องการจะนำไปสู่ “เสถียรภาพราคา” ของสินค้านั้นๆ ในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องวางแผน

ยิ่งถ้าเป็นสินค้าเกษตรที่มีความอ่อนไหวสูงอย่าง “ไข่ไก่” ความสมดุลของกลไกตลาดก็ยิ่งมีความสำคัญมาก ในเชิงวิชาการการสร้างผลผลิตไข่ไก่ตลอดทั้งปีให้สมดุลกับผู้บริโภคชาวไทยทั้งประเทศ จะอยู่ที่การใช้พ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ 4.4 แสนตัว/ปี เป็นจำนวนที่ช่วยคุมให้ซัพพลายไข่ไก่เหมาะสมกับดีมานด์ ส่วนในระหว่างปี ไข่ไก่ก็จะมีปัจจัยเข้ามากระทบตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภค เทศกาลกินเจ เปิดเทอม-ปิดเทอม หรืออุณหภูมิร้อน-หนาวก็มีผลต่อการออกไข่ของแม่ไก่ ทำให้ดีมานด์และซัพพลายแกว่งขึ้น-ลงอยู่ตลอดเวลา การควบคุมที่ต้นน้ำหรือการวางแผนจำนวนพ่อแม่พันธุ์ให้เหมาะสม จึงมีส่วนช่วยให้การแกว่งขึ้นลงของซัพพลาย-ดีมานด์ อยู่ในกรอบที่พอเหมาะสมได้

ปัจจุบันไข่ไก่มีราคาประกาศอยู่ที่ 3.40 บาท/ฟองจากการบริโภคที่ชะลอตัว ขณะที่ต้นทุนการผลิตไข่ไก่จากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) อยู่ที่ 3.45 บาท/ฟอง แสดงให้เห็นว่าเกษตรกรยังขาดทุนอยู่ และแนวโน้มราคายังอยู่ในทิศทางขาลง ทั้ง ๆ ที่มีการจำกัดจำนวนพ่อแม่พันธุ์อยู่เท่าเดิม หากมีเพิ่มพ่อแม่พันธุ์เข้าสู่ระบบอีก จะมีการผลิตแม่ไก่สาวอีกจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องให้มีผลผลิตไข่ไก่เข้าสู่ระบบอีกปีละนับร้อยล้านฟอง เมื่อผนวกกับปริมาณผลผลิตเดิมที่มี ย่อมสูงเกินความต้องการบริโภค จะเป็นสาเหตุหลักให้เสถียรภาพราคาไข่ไก่สั่นคลอนและตกต่ำลง เดือดร้อนกันไปทั้งห่วงโซ่ … แล้วแบบนี้เกษตรกรจะอยู่รอดได้อย่างไร

ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องของ “โรคระบาด” ก็น่ากังวล เพราะยังมีผู้ประกอบการหลายรายที่ต้องนำเข้าพ่อแม่พันธุ์จากต่างประเทศ ขณะที่ปัจจุบันประเทศผู้ผลิตพ่อแม่พันธุ์ไก่ อาทิ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศ ล้วนกำลังเผชิญกับปัญหาไข้หวัดนก การอนุญาตให้นำเข้าสัตว์ปีกมีชีวิตย่อมความเสี่ยงในการนำโรคระบาดสัตว์เข้ามาด้วย แม้ภาครัฐของไทยจะต้องพิจารณาสั่งห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ตามองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (Office International des Epizooties; OIE) ก็อาจทำให้ผู้ประกอบการไทยพยายามสรรหาแม่พันธุ์จากประเทศอื่นๆ ที่ยังไม่ประกาศโรคระบาด ซึ่งนับว่ายังคงมีความเสี่ยงมากอยู่ดี สิ่งที่ต้องคิดต่อคือ ทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการไก่ไข่ของไทย จะสามารถลดการพึ่งพาพ่อแม่พันธุ์จากต่างประเทศ และดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยไม่สะดุด

หากไทยต้องเผชิญกับโรคระบาดอีกครั้ง จากการหย่อนยานละเลยมาตรการป้องกันโรค จะนำไปสู่หายนะอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต หรือคนไทยอาจต้องกินไข่ฟองละ 30 บาท เช่นเดียวกบที่สหรัฐฯกำลังเผชิญปัญหาไข่ไก่ขาดแคลนในขณะนี้ ซึ่งบางรัฐก็รุนแรงถึงขั้นลักขโมยไข่ไก่กันนับแสนฟอง

การทำเกษตร-ปศุสัตว์ในยุคนี้ไม่ง่าย ต้องพิจารณาหลากหลายประเด็นอย่างรอบคอบ สุดท้ายก็เพื่อความปลอดภัยของเกษตรกรที่จะสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้อย่างยั่งยืน เป็นผู้ผลิตอาหารให้ผู้บริโภครับประทานอย่างปลอดภัยและเพียงพอในราคาที่เข้าถึงได้ หรือที่เรียกว่า ความมั่นคงทางอาหาร นั่นเอง.

“ไก่ทอด” อร่อย ปลอดภัย แนะรับประทานอาหารให้หลากหลาย

0

เนื้อไก่ แหล่งโปรตีนคุณภาพดี ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับเด็กที่กำลังเจริญเติบโต และผู้ที่รักษาสุขภาพ โดยควรรับประทานไก่ที่มีวิธีปรุงหลากหลาย เช่น ไก่ต้ม ไก่อบ ไก่ย่าง สลัดไก่ ส่วนเมนูยอดฮิต “ไก่ทอด” สามารถกินได้อย่างปลอดภัย ในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากวิธีการทอดจะทำให้ได้รับไขมันเพิ่มขึ้นมากกว่าวิธีปรุงแบบอื่น นอกจากนี้ควรรับประทานควบคู่กับอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้มีสารอาหารที่ครบถ้วน

อ.สพ.ญ. พัชราภรณ์ ขำพิมพ์ อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ไก่ทอด เป็นอาหารยอดนิยมของหลายๆ คนรวมถึงเด็กๆ ที่สามารถกินได้อย่างปลอดภัย แต่พฤติกรรมการบริโภคอาหารประเภททอดที่ใช้น้ำมัน หรืออาหารไขมันสูงเป็นประจำ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะอ้วนและไขมันในเลือดสูงได้

อ.สพ.ญ. พัชราภรณ์ ขำพิมพ์

ยกตัวอย่างความเข้าใจผิดในข่าวต่างประเทศที่เชื่อมโยงการบริโภคไก่ทอดกับโรคไต ซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่เกิดจากตัวไก่ แต่เกิดจากกระบวนการทอดที่ใช้ไขมันและความร้อนสูง โดยในข่าวระบุด้วยว่าผู้ป่วยกินทุกวันติดต่อกันเป็นปี ซึ่งในวิถีปกติไม่มีใครกินอะไรซ้ำกันทุกวันได้นานเป็นปีๆเช่นนั้น

ทั้งนี้ โรคที่เกิดจากไขมันสูง สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลเรื่องโภชนาการ กินอาหารให้เหมาะสมและหลากหลาย หลีกเลี่ยงการกินอาหารทอด และอาหารที่มีไขมันสูงทุกมื้อ ไม่ใช่งดไก่ทอดเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ลดฟาสต์ฟู้ดและอาหารทอดอื่นๆ ก็ยังทำให้อ้วนได้ ขณะเดียวกัน การปรับเปลี่ยนวิธีการปรุงอาหารจากทอดเป็นต้ม หรืออบ ก็จะดีต่อสุขภาพมากขึ้น

สำหรับอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ของไทยนั้น มีมาตรฐานการผลิตในระดับสากล ส่งออกติดอันดับโลก ซึ่งไก่ที่เลี้ยงในระบบอุตสาหกรรมมีหลายปัจจัยที่ส่งเสริมให้ไก่เติบโตได้ดี โดยไม่ต้องใช้ฮอร์โมนเร่งโต ซึ่งที่เป็นสิ่งผิดกฎหมายเลย เช่น การคัดเลือกสายพันธุ์ไก่ การเลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดที่มีระบบการป้องกันโรคที่ดี และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม รวมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตอาหารให้ได้สารอาหารตรงตามความต้องการที่เหมาะกับทุกช่วงวัยของไก่

อ.สพ.ญ. พัชราภรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื้อไก่ เป็นโปรตีนเนื้อขาว แหล่งโปรตีนคุณภาพดี ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เป็นที่นิยมรับประทานมากที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กๆ และผู้ออกกำลังกาย-รักษาสุขภาพ ทั้งยังราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ และสามารถรับประทานได้ทุกชาติศาสนา และขอยืนยันว่า กินไก่ได้ปลอดภัย เพียงใส่ใจวิธีการปรุง ก็ไม่ต้องกังวลกับปริมาณไขมันที่จะได้รับ และดีต่อสุขภาพแน่นอน.

บอร์ดตลท. ไฟเขียวแนวทางปรับปรุงมาตรการเพิ่มความเชื่อมั่นนักลงทุน และสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้น

0

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติเห็นชอบแนวทางปรับปรุงมาตรการเพื่อยกระดับความเชื่อมั่น ที่ได้เริ่มใช้บังคับในช่วงปี 2567 โดยได้พิจารณาแนวทางและมาตรการอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความเหมาะสมของการใช้มาตรการตามสถานการณ์ มุ่งหวังที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุน และสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้นไทย โดยหลังจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งคาดว่าจะใช้บังคับได้ประมาณปลายไตรมาส 2 ปีนี้

สำหรับการปรับปรุงในครั้งนี้ สามารถสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

  • การกำกับดูแลการขายชอร์ต
  • ปรับปรุงคุณสมบัติของหลักทรัพย์ที่สามารถขายชอร์ตได้ ให้เป็นหลักทรัพย์เฉพาะในกลุ่ม SET100 จากเดิมที่กำหนดให้เป็นหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET100 และ non-SET100 ที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง (คือ มี Market Capitalization เฉลี่ย 3 เดือน ไม่น้อยกว่า 7,500 ล้านบาท และมี Monthly Turnover ในรอบ 12 เดือน ไม่น้อยกว่า 2% รวมทั้งมีการกระจาย Free Float ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว)
  • กำหนดให้ใช้เกณฑ์ Uptick เมื่อจำเป็น คือ กรณีปกติสามารถใช้เกณฑ์ Zero-Plus Tick สำหรับการขายชอร์ตได้ เว้นแต่เมื่อหลักทรัพย์ใดมีราคาลดลงถึงระดับที่กำหนด (เช่น X% จากราคาปิดของวันก่อนหน้า) จึงจะต้องขายชอร์ตหลักทรัพย์นั้นด้วยเกณฑ์ Uptick ในวันทำการถัดไป
  • การกำกับดูแล HFT
  • กำหนดให้ผู้ลงทุนที่ขึ้นทะเบียนส่งคำสั่งซื้อขายแบบ High Frequency Trading (HFT) สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้เฉพาะหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET100 ทั้งนี้ไม่รวม Market Maker และหลักทรัพย์บางประเภท
  • การผ่อนคลายมาตรการที่ได้ประกาศใช้เมื่อปี 2567
  • ยกเลิกเกณฑ์กำหนดเวลาขั้นต่ำของคำสั่งซื้อขาย (order) ก่อนที่จะสามารถยกเลิกคำสั่ง (Minimum Resting Time)
  • เลื่อนการบังคับใช้เกณฑ์การกำหนดกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band เป็นรายหลักทรัพย์ Phase 2 ออกไป

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในเชิงนโยบาย ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะคงมาตรการต่าง ๆ ที่มีอยู่เดิม และที่จะมีการปรับปรุงในครั้งนี้ให้มีการใช้อย่างต่อเนื่อง โดยจะทบทวนอีกครั้งในปี 2569  

TFEX มอบรางวัล TFEX Best Award 2024 แก่บริษัทสมาชิกที่มีผลงานโดดเด่น

0

นางสาวรินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TFEX) กล่าวว่า TFEX มอบรางวัล TFEX Best Award เป็นประจำทุกปีเพื่อประกาศเกียรติคุณแก่บริษัทสมาชิกที่มีการดำเนินงานโดดเด่นในด้านต่าง ๆ ซึ่งความร่วมมือและแรงสนับสนุนของบริษัทสมาชิกนั้นถือว่ามีส่วนสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมการเติบโตของตลาดอนุพันธ์ในประเทศไทย

บริษัทสมาชิกที่ได้รับรางวัล TFEX Best Award ประจำปี 2024 มีดังนี้

  • รางวัล “TFEX Best Award of Honor” เป็นรางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จสำหรับบริษัทที่สามารถรักษาความยอดเยี่ยมและครองอันดับหนึ่งในด้านใดด้านหนึ่งต่อเนื่องตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ซึ่งในปีนี้มอบแก่ 3 บริษัท
    • บริษัท เอ็มทีเอส แคปปิตอล จำกัด (MTSGF) รักษาความยอดเยี่ยมในด้าน Market Maker Best Performance หรือด้านการทำหน้าที่ผู้ดูแลสภาพคล่องการซื้อขายของสินค้า อันดับหนึ่งตั้งแต่ปี 2018-2024
    • บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) (PI) รักษาความยอดเยี่ยมในด้าน Active Agent อันดับหนึ่งตั้งแต่ปี 2020-2024
    • บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KGI) รักษาความยอดเยี่ยมได้ 2 ด้าน ได้แก่ ด้าน Most Active House อันดับหนึ่งตั้งแต่ปี 2021-2024 และด้าน Active Prop-Trading ตั้งแต่ปี 2022-2024
  • รางวัลMost Active House” สำหรับบริษัทสมาชิกที่มีปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์รวมสูง มอบแก่ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) (PI)*
  • รางวัล “Active Agent” สำหรับบริษัทสมาชิกที่มีปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์รวมสูงในส่วนบัญชีลูกค้าบุคคล มอบแก่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด (YUANTA)*
  • รางวัล “Popular Agent” สำหรับบริษัทสมาชิกที่สามารถขยายฐานผู้ลงทุนใหม่ใน TFEX ได้โดดเด่น มอบแก่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (KTX)
  • รางวัล “Active Prop-Trading” สำหรับบริษัทสมาชิกที่มีปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์รวมสูงในส่วนบัญชีเพื่อบริษัท (Proprietary Trading) มอบแก่ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด (CAF)*
  • รางวัล “Market Maker Best Performance” สำหรับบริษัทสมาชิกที่มีผลงานโดดเด่นด้านการทำหน้าที่ผู้ดูแลสภาพคล่องของ TFEX โดยพิจารณารวมทุกประเภทสินค้ามอบแก่ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KGI)*

ผู้สนใจซื้อขายสามารถติดต่อบริษัทสมาชิก TFEX หรือดูรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า ข้อมูลการซื้อขาย กิจกรรมสัมมนา และความรู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ที่ www.TFEX.co.th สอบถามโทร 0 2009 9999

จ.ตราดสุดมั่น ปลอดปลาหมอคางดำ ติดตามสำรวจใกล้ชิด รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ

0

ประมงจังหวัดตราดมั่นใจยังไม่พบปลาหมอคางดำในพื้นที่ ยังคงร่วมมือกับชาวประมงในท้องถิ่นติดตามและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดปลาชนิดนี้ในทุกแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่อง และการสำรวจครั้งล่าสุดยืนยันจังหวัดตราดยังคงปลอดปลาหมอคางดำ ทั้งนี้ จังหวัดตราดยังคงดำเนินมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้น เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพในแหล่งน้ำ
เมื่อเร็วๆ นี้ (วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568) นายกุณสมบัติ ศิริสมบัติ ประมงจังหวัดตราด มอบหมายให้นายชัชวาล วุฒิเมธี หัวหน้ากลุ่มพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการประมง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานประมงจังหวัดตราด ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งตราด ตัวแทนสื่อมวลชน ลงพื้นที่สำรวจปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำ 3 แห่งไม่พบปลาหมอคางดำแต่อย่างใด

นายกุณสมบัติ ศิริสมบัติ ประมงจังหวัดตราด ได้นำทีมสำรวจการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในพื้นที่ โดยมอบหมายให้นายชัชวาล วุฒิเมธี หัวหน้ากลุ่มพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการประมง พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานประมงจังหวัด ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งตราด และตัวแทนสื่อมวลชน ลงพื้นที่สำรวจปลาด้วยวิธีการทอดแหในคลอง 3 แห่ง ได้แก่ คลองท่าน้ำ ตำบลแหลมกลัด คลองประทุน ตำบลแหลมกลัด และคลองบ้านแตง ตำบลชำราก จากการทอดแหไม่พบปลาหมอคางดำแต่อย่างใด พบปลาท้องถิ่น อาทิ ปลากระบอก ปลาขี้จีน และปลาแป้น

นายกุณสมบัติ กล่าวว่า จนถึงทุกวันนี้ จังหวัดตราดยังไม่พบปลาหมอคางดำในพื้นที่ และประมงตราดมีการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมช่วยเฝ้าระวังและแจ้งการพบ ตามแนวทาง “เจอ แจ้ง จับ” และมีแผนที่สำรวจเพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาดในแหล่งน้ำธรรมชาติและบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในทุกอำเภออย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจังหวัดตราดปลอดปลาหมอคางดำ

นอกจากการติดตามเฝ้าระวัง ที่ผ่านมา จังหวัดตราดได้มีการปล่อยปลากะพงขาวลงในแม่น้ำเวฬุ เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นปลานักล่าช่วยควบคุมจำนวนตัวอ่อนของปลาหมอคางดำ ช่วยตัดวงจรการแพร่ระบาดในแหล่งน้ำของตราด นอกจากนี้ ปลากะพงขาวยังถือเป็นปลาเศรษฐกิจที่ชาวบ้านสามารถจับไปบริโภคหรือจำหน่ายได้ จังหวัดตราดให้ความสำคัญกับการป้องกันผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและรักษาสมดุลของระบบนิเวศในจังหวัด.

AIS ผนึก กสทช. ตำรวจไซเบอร์ เจาะพื้นที่สงขลา คุมเข้มเสาสัญญาณแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

0

เอไอเอส เดินหน้าสนับสนุนการทำงานของภาครัฐ แก้ไขและควบคุมเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือบริเวณชายแดนที่มีความเสี่ยง เพื่อป้องกันการใช้สัญญาณก่ออาชญากรรมข้ามแดนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ล่าสุดวันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2568) AIS โดยทีมผู้บริหารและวิศวกรภูมิภาค ร่วมกับ กสทช., ตำรวจไซเบอร์ ลงพื้นที่ชายแดน อ.สะเดา จ.สงขลา (ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ 2 อยู่ห่างจากเขตแดน ไม่เกิน 1 กิโลเมตร) โดยเอไอเอสได้ดำเนินการปรับทิศทางการส่งสัญญานให้อยู่ในพื้นที่ประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว และควบคุมกำลังส่งไม่ให้กระจายออกไปนอกประเทศ รวมถึงปรับลดระดับสายอากาศลงมาที่ 15 เมตร เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ AIS ยังดำเนินการติด Tag ชื่อเครือข่ายที่สายสื่อสารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ตามมาตรการของภาครัฐ เพื่อยกระดับการป้องกันและปราบปรามเชิงรุก ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยที่ผ่านมา เอไอเอสได้ลงพื้นที่กวดขัน และปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐ อย่างเคร่งครัดในพื้นที่เสี่ยง บริเวณชายแดน 7 จังหวัด 11 อำเภอ เสร็จสิ้นเรียบร้อยตั้งแต่กลางปี 2567 รวมถึงดำเนินการแก้ไขเสาส่งสัญญาณบริเวณแนวชายแดนเพิ่มเติมในอีก 10 จังหวัด โดยมีกำหนดตามแผนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ตลอดจน ยืนยันการเชื่อมต่อจุดสัญญาณกับผู้ให้บริการในประเทศเพื่อนบ้านต้องได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดต่อลูกค้าและประชาชนในพื้นที่ชายแดน AIS ได้เตรียมดูแลเครือข่าย อาทิ ติด Small Cell, นำรถสถานีฐานเคลื่อนที่มาให้บริการประชาชนให้สามารถติดต่อสื่อสารได้

รู้เก็บรู้ออมฯ : New Breed 2025

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

สถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทย แม้ว่าจะยังมีความผันผวน แต่ความต้องการแรงงานสายอาชีพด้านการเงินก็ยังอยู่ในระดับสูง และมีการผลิตบุคลากรด้านนี้ป้อนเข้าสู่ตลาดทุนเพิ่มขึ้นในแต่ละปี ซึ่งที่ผ่านมา “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” มีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนด้านการผลิตและยกระดับศักยภาพบุคลากรของตลาดทุนไทยมาโดยตลอด

เราจึงได้เห็นโครงการต่างๆมากมายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาหลักสูตรด้านการวิเคราะห์การเงินการลงทุน, โครงการเชื่อมโยงหลักสูตร CISA เข้ากับหลักสูตรของมหาวิทยาลัย, โครงการห้องเรียนนักลงทุน, พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน โดยจัดการศึกษา การอบรม และกิจกรรมต่างๆครอบคลุมทุกระดับ ตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงกลุ่มคนที่สนใจวิชาชีพการเงิน ทั้งหมดนี้เพื่อผลิตและเตรียมบุคลากรด้านการเงินการลงทุนรองรับกับระบบเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยได้อย่างยั่งยืน

รวมถึงโครงการล่าสุดของตลาดหลักทรัพย์ฯ “New Breed Capital Market Financial Professionals 2025” ที่อยากเชิญชวนนิสิตนักศึกษา และวัยเริ่มต้นทำงาน (First Jobber) ให้มาร่วมค้นหาศักยภาพด้านการเงินการลงทุนของตัวเอง ติดอาวุธความรู้ เพิ่มทักษะในสายอาชีพการเงินและการลงทุน พร้อมกับโอกาสคว้าทุนสอบ CISA ระดับ Foundation Knowledge (AISA) 2 ครั้ง มูลค่า 14,000 บาท จำนวน 250 ทุน

นอกจากเป็นการเปิดประตูสู่อาชีพสายการเงินการลงทุนแล้ว ยังเป็นการสร้างความพร้อมและความมั่นใจในการก้าวสู่เส้นทางอาชีพสายนี้ โดยผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนจะได้เรียนรู้หลักสูตร e-Learning AISA 9 วิชา และได้รับ e-Book AISA สามารถเรียนรู้เนื้อหาได้ไม่จำกัดเวลา และยังได้เข้าร่วม Live Training ตะลุยโจทย์เพื่อเตรียมความพร้อมสอบ AISA

ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับทุนสอบ AISA ซึ่งเป็นคุณวุฒิความรู้ด้านการวิเคราะห์ทางการเงินและการจัดการลงทุนที่มีมาตรฐาน ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน ก.ล.ต. สามารถนำไปใช้ขึ้นทะเบียนนักวิเคราะห์การลงทุนหรือผู้จัดการกองทุนได้ นอกจากนี้ยังได้โอกาสสำคัญเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ Exclusive Financial Career Camp ช่วยพัฒนาทักษะที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจ เป็นการเตรียมพร้อมและติดอาวุธความรู้สู่ความเป็นมืออาชีพบนเส้นทางวิชาชีพด้านการเงินให้กับตัวเอง

คุณสมบัติของผู้สมัครคือ เป็นนักศึกษาที่อยู่ในระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 3 ขึ้นไป ระดับปริญญาโท–เอก อายุไม่เกิน 35 ปี (เกิดวันที่ 1 ม.ค.2533 เป็นต้นไป), ผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี (เกิดวันที่ 1 ม.ค.2543 เป็นต้นไป) สามารถดูรายละเอียดและสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 28 ก.พ.2568 ทาง https://www.set.or.th/th/newbreed2025

คุณนายพารวย

AIS ชวนส่งต่อความรัก “เปลี่ยน E-Waste เป็นเน็ตให้น้อง” ช่วยโลกยั่งยืนสร้างโอกาสการเรียนรู้ให้เด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกล ลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล

0

AIS ชวนคนไทยร่วมส่งต่อความรักและโอกาสทางการศึกษาให้เด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกล เนื่องในเดือนแห่งความรัก ผ่านแคมเปญ “เปลี่ยน E-Waste เป็นเน็ตให้น้อง” ส่งต่ออินเทอร์เน็ตจากพลังงานสีเขียวเพื่อการศึกษา โดยทุกๆ การทิ้ง E-Waste 1 ชิ้น จะถูกเปลี่ยนเป็นอินเทอร์เน็ต 1GB มอบให้กับโรงเรียนในชุมชนห่างไกล ภายใต้โครงการ Green Energy Green Network for THAIs เพื่อช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้แก่นักเรียนบนพื้นที่สูง โดยสามารถนำขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทิ้งได้ที่ AIS Shop ทุกสาขา และองค์กรพันธมิตรกว่า 235 องค์กร รวมทั้งสิ้น 2,700 จุดทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2568

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “AIS ให้ความสำคัญกับภารกิจการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นระบบ พร้อมสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยเป้าหมาย ‘Hub of E-Waste’ หรือศูนย์กลางการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมาตรฐานระดับสากล โดยแคมเปญ ‘เปลี่ยน E-Waste เป็นเน็ตให้น้อง’ ที่เป็นการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ เชิญชวนทุกคนนำขยะ E-Waste มาเปลี่ยนเป็นอินเทอร์เน็ตให้แก่เด็กๆ ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่การทิ้ง E-Waste ที่นอกเหนือจากการทิ้งอย่างถูกวิธี ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยสนับสนุนโอกาสทางการเรียนรู้ ให้นักเรียนบนพื้นที่สูงสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษา ตามเจตนารมณ์ส่งมอบโครงข่ายไปยังชุมชนในพื้นที่ห่างไกล ภายใต้นโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้าน Digital Inclusion สร้างการเข้าถึงดิจิทัลให้ประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม”

ทั้งนี้ แคมเปญ “เปลี่ยน E-Waste เป็นเน็ตให้น้อง” จะเริ่มนำร่องใน 6 โรงเรียนพื้นที่ห่างไกลที่อยู่ภายใต้โครงการ Green Energy Green Network for THAIs ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง AIS, GULF และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) โดยจะเปลี่ยน E-Waste ที่ได้รับเป็นอินเทอร์เน็ตให้แก่ โรงเรียนบ้านหนองบัว สาขาบ้านดอกไม้สด อ.ท่าสองยาง  จ.ตาก, ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านมอโก้โพคี  อ.ท่าสองยาง จ.ตาก, ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านขุนก๋อง จ.ลำพูน, โรงเรียนบ้านแม่โขง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่, โรงเรียนบ้านแม่โมงเย้า อ.แม่สรวย จ.เชียงราย และโรงเรียนบ้านแม่ตอละ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อให้โรงเรียนนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน และส่งเสริมการอ่านของนักเรียนผ่าน E-Book บนแพลตฟอร์มห้องสมุดดิจิทัล AIS ReadDi Digital Library ทั้งนี้ AIS ยังมีแผนขยายการส่งเสริมไปยังพื้นที่อื่นๆ อย่างต่อเนื่องต่อไป

เมืองไทยประกันชีวิต เชิดมังกรชมพูฉลองตรุษจีน 687 พร้อมสักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม เทพเจ้ากวนอู และเทพเจ้ามังกรเขียว

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  โดยนายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ประธานกรรมการ นางยุพา ล่ำซำ  นายสาระ  ล่ำซำ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  นางสลิล ล่ำซำ นายภูมิชาย  ล่ำซำ  ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ดร.สุธี  โมกขะเวส  กรรมการผู้จัดการ  พร้อมด้วยบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด โดยนางสาวกฤษณา อัมพุช รองประธานกรรมการ นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด  และนายอิทธิฤทธิ์ รัตนทารส อัมพุช ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป Leasing & Business Development The EM District  คณะผู้บริหาร  และพนักงานร่วมจัดพิธีสักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม  เทพเจ้ากวนอู  และเทพเจ้ามังกรเขียว พร้อมเชิดมังกรชมพูและสิงโต เฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2568 เพื่อแสดงความเคารพกราบสักการะองค์เทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงขอพรเสริมความเป็นสิริมงคลตลอดปี ณ สวนสุขภาพโพธิพงษ์ เมืองไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่

ทั้งนี้ ภายในงานเริ่มลำดับพิธีด้วยคณะผู้บริหารอัญเชิญองค์เทพมา ณ แท่นประทับ ถวายเครื่องสักการะพระโพธิสัตว์กวนอิม เทพเจ้ากวนอู และเทพเจ้ามังกรเขียว ตามด้วยคณะผู้บริหาร ผู้มีเกียรติร่วมงาน และพนักงาน ร่วมสักการะองค์เทพ  การแสดงเชิดมังกรชมพูและสิงโต ปิดท้ายด้วยคณะผู้บริหาร ผู้มีเกียรติ และพนักงานร่วมพิธีลอดใต้ท้องมังกรชมพู

โดยในงานปีนี้ เมืองไทยประกันชีวิต จัดงานภายใต้แนวคิดการร่วมรณรงค์ลดฝุ่นควันและมลพิษ ด้วยการใช้ประทัดไฟฟ้า แทนการจุดประทัดแบบดั้งเดิม รวมถึงการใช้ธูปไร้ควันในพิธีสักการะองค์เทพ ที่ช่วยให้ปลอดภัยต่อสุขภาพและลดมลพิษทางอากาศ ตามความมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรที่ใส่ใจด้าน ESG มุ่งสร้างความสุขและรอยยิ้มอย่างยั่งยืนที่แท้จริง. 

CPF ปันน้ำปุ๋ยให้เกษตรกร … ต้นแบบความร่วมมือบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

0

การสร้างความมั่นคงของทรัพยากรน้ำ เป็นอีกเรื่องที่มีความสำคัญในการรับมือผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่เป็นต้นเหตุของภัยแล้ง น้ำท่วม ฯลฯ และต้องเกิดจากความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน

เป็นเวลามากกว่า 20 ปีมาแล้ว ที่ความร่วมมือขับเคลื่อน “โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกร” ส่งผลเชิงบวกต่อเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในแง่ของผลผลิตที่ดีขึ้นทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรและภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่ลดลง จากการลดการใช้ปุ๋ยเคมี

ความสำเร็จของกระบวนการบริหารจัดการน้ำภายในองค์กรของซีพีเอฟ ที่นำน้ำหลังการบำบัดด้วย Biogas ในฟาร์มเลี้ยงสุกร ซึ่งเป็นน้ำที่ยังมีแร่ธาตุที่เหมาะสมกับพืช เรียกว่า “น้ำปุ๋ย” กลับมาใช้ประโยชน์ในฟาร์ม ทั้งรดต้นไม้ สนามหญ้า และแปลงผักปลอดภัย ที่พนักงานปลูกในพื้นที่ว่างของฟาร์มไว้เพื่อบริโภค และด้วยสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงที่เกิดขึ้นทุกๆปี น้ำปุ๋ยจากฟาร์ม จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเกษตรกรโดยรอบ

สิงห์คำ อินทะ เกษตรกรรุ่นบุกเบิกที่รับน้ำปุ๋ยจากฟาร์มสุกรจอมทอง จ.เชียงใหม่ มาใช้กับไร่ข้าวโพดหวาน มานานกว่า 20 ปี เล่าว่า เริ่มแรกที่ขอใช้น้ำปุ๋ยเพราะต้องการลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี เมื่อใช้น้ำปุ๋ยที่มีแร่ธาตุไนโตรเจนสูงเหมาะกับข้าวโพดหวาน ต้นโตไว ฝักใหญ่ ผลผลิตเพิ่มขึ้น รายได้จึงเพิ่มตาม และยังลดค่าปุ๋ยได้ถึง 50-70% จากนั้นเกษตรกรรอบข้างก็ชวนกันมาใช้น้ำปุ๋ย ปัจจุบันใช้อยู่ 15 ราย ทั้งปลูกข้าวโพดหวานและผักสวนครัวโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีเลย ที่ผ่านมาไม่ต้องเสี่ยงกับภัยแล้ง มีน้ำใช้เพียงพอตลอดทั้งปี

ด้าน ณรงค์สิชณ์ สุทธาทิพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิสภาเกษตรกร และประธานหมอดินจังหวัดจันทบุรี เล่าว่า รับน้ำปุ๋ยจากฟาร์มสุกรจันทบุรี 2 ซึ่งปัจจุบันปรับปรุงเป็นระบบท่อลำเลียงน้ำที่เปิดใช้วันละ 2-4 ราย ให้เกษตรกร 20 ราย บนพื้นที่ 200 กว่าไร่ ใช้ในสวนผลไม้ ทั้งทุเรียน มังคุด ลองกอง เงาะ กล้วย เฉพาะตนเองใช้ในสวนทุเรียน 10 กว่าไร่ ผลผลิตดีขึ้นมาก ติดผลดี คุณภาพผลผลิตดี เพราะน้ำปุ๋ยมีอินทรีย์วัตถุที่ดีแทนปุ๋ยเคมี ช่วยปรับโครงสร้างดิน ปรับปรุงบำรุงดิน ต้นไม้จึงเจริญงอกงาม ลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีไปกว่า 20-30%

จากความสำเร็จของธุรกิจสุกร เป็นแนวทางที่ดีที่ธุรกิจอื่นๆ นำไปใช้เป็นต้นแบบ อาทิ คอมเพล็กซ์ไก่ไข่ของซีพีเอฟ จำนวน 9 แห่ง ที่ส่งต่อน้ำปุ๋ยให้เกษตรกรใกล้เคียง วิโรจน์ ใจด้วง ปลูกหญ้าเนเปียร์ บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ ซึ่งการปลูกหญ้าต้องใช้ปุ๋ยยูเรียจำนวนมาก จึงเริ่มรับน้ำตั้งแต่ปี 2564 จากฟาร์มไก่ไข่สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยฟาร์มวางระบบท่อยาว 1 กิโลเมตร ส่งมาให้โดยต้องผสมกับน้ำจากคลองชลประทานอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ใช้ตอนหลังเก็บเกี่ยวหญ้าเพื่อปรับสภาพดิน ใช้น้ำ 3-4 เดือนต่อครั้ง หลังใช้พบว่าหญ้าลำต้นอวบใหญ่ใบใหญ่โตเร็ว โดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยยูเรียอีกเลย ช่วยลดรายจ่ายไปถึง 4,000 บาทต่อปี และได้ผลผลิตเพิ่มเกือบ 50%

ภูเมฆ ถ้ำขี้นาค เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ต.หนองเสาเล้า อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เล่าว่า ปี 2565 ในพื้นที่มีปัญหาภัยแล้ง ตนเองมีไร่อ้อยติดกับฟาร์มไก่ไข่ขอนแก่น จึงขอน้ำมาทดลองใช้ปลูกอ้อย 30 ไร่ ทางโรงงานต่อท่อน้ำให้ใช้โดยตรง เมื่อใช้ช่วงเตรียมดินสังเกตว่าดินคืนสภาพดี ต้นอ้อยเจริญเติบโตดีลำใหญ่ยาว ได้ผลผลิตไร่ละ 21-22 ตัน จากเดิมได้เพียง 15 ตันต่อไร่ และยังลดค่าปุ๋ยเคมีจากเดิม 9 หมื่นบาทต่อปี หลังใช้น้ำปุ๋ยก็ไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมีและไม่เคยประสบปัญหาแล้งอีกเลย ส่วนไร่อ้อยอีก 10 ไร่ ในอีกพื้นที่เลือกใช้ปุ๋ยกากไบโอแก๊สที่คอมเพล็กซ์ต่อยอดความสำเร็จของโครงการฯ โดยนำไปใส่รองพื้นก่อนปลูกอ้อย ช่วยประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีได้ 60-70% ผลผลิตเพิ่มกว่า 30%

เสียงสะท้อนจากเกษตรกร ที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือกันเพื่อบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรน้ำเกิดประโยชน์สูงสุด ที่ไม่เพียงเกิดประโยชน์กับองค์กร แต่ยังมองรวมไปถึงความมั่นคงด้านน้ำตลอดห่วงโซ่คุณค่าอีกด้วย./

คลิกชมคลิป TikTok >>
https://www.tiktok.com/@cpf.journey/video/7471119244432837896?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7416584634233243154