โควิดฉุดยอดใช้น้ำมันครึ่งปีแรก ลดฮวบ 13% ไตรมาสสองมีปั๊มน้ำมันปิดตัวเกือบ 200 แห่ง

นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันครึ่งแรกของปี 2563 (มกราคม – มิถุนายน) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 13.8% โดยกลุ่มเบนซิน ลดลง 7.6% กลุ่มดีเซล ลดลง 4.9% น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ลดลง 49.5% น้ำมันเตา ลดลง 21.9% น้ำมันก๊าด ลดลง 16.8% LPG ลดลง 16% และ NGV ลดลง 28.4%

สาเหตุสำคัญมาจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่มี.ค. 63 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2563 ภาครัฐได้ประกาศมาตรการผ่อนคลาย ระยะที่ 4 ทำให้ภาพรวมความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดือนก่อนหน้า เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัว การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 29.7 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 7.6% โดยกลุ่ม แก๊สโซฮอล์มีปริมาณการใช้ลดลง เฉลี่ยอยู่ที่ 28.9 ล้านลิตร/วัน คิดเป็น 7.2% และน้ำมันเบนซินมีการใช้ลดลงเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 0.8 ล้านลิตร/วัน คิดเป็น 21.1%

ภาพรวมการใช้น้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ พบว่า แก๊สโซฮอล์ อี85 มีปริมาณการใช้ลดลงมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 0.9 ล้านลิตร/วัน คิดเป็น 29.6% รองลงมาเป็นแก๊สโซฮอล์ 91 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 8.0 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 16.8% และแก๊สโซฮอล์อี 20 มีปริมาณการใช้ลดลงน้อยที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 6.0 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 6.1% ขณะที่แก๊สโซฮอล์ 95 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 13.9 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 1.2%

การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 65.6 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 4.9% โดยน้ำมันดีเซล หมุนเร็วธรรมดา (บี7) มีปริมาณการใช้ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 46.7 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 27.5% น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 11.5 ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2562) และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 4.9 ล้านลิตร/วัน ซึ่งสถานการณ์การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วอยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ตามนโยบายภาครัฐที่กำหนดให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เป็นน้ำมันดีเซลฐานของประเทศ จึงส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 9.9 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 49.5% เนื่องด้วยยังคงอยู่ในช่วงสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ไปจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.63 จึงส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

การใช้ LPG เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 15.0 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 16% โดยปริมาณการใช้ภาคขนส่งลดลงมากที่สุด มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 2.0 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลง 30.6% รองลงมาเป็นภาคปิโตรเคมี มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 6.0 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลง 19.3% ถัดมาเป็นภาคอุตสาหกรรมมีปริมาณการใช้ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 1.6 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลง 10.4% และภาคครัวเรือนมีปริมาณการใช้ลดลงน้อยที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 5.4 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลง 6.4%

การใช้ NGV เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 4.0 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 28.4 เนื่องจากยังคงอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ จึงทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการรถโดยสารหันไปใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 20 ทดแทน อีกทั้งยังมีนโยบายการปรับราคาขายปลีก NGV สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไปเพื่อสะท้อนต้นทุน จึงทำให้ราคา NGV ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์หรือน้ำมันดีเซลหมุนเร็วแทน

การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง มีปริมาณรวมลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 918,547 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 9.5% โดยมีปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 893,508 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 4.3% คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ย 40,269 ล้านบาท/เดือน เนื่องจากในเดือน มิ.ย. 63 ยังคงอยู่ในช่วงหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ รวมถึงมาตรการ Lockdown อย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศลดลง จึงส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบลดลงไปด้วย สำหรับน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG โดยมีปริมาณนำเข้าลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 25,039 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 69.4% คิดเป็นมูลค่านำเข้าเฉลี่ยรวม 1,253 ล้านบาท/เดือน การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยานและก๊าด และ LPG โดยมีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 203,647 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 18.7% คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวมเฉลี่ย 8,891 ล้านบาท/เดือน

อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวอีกว่า สถานีบริการน้ำมัน เดือน มิ.ย. 63 อยู่ที่ 2.67 หมื่นแห่ง ปั๊ม NGV รวม 446 แห่ง ปั๊ม LPG อยู่ที่ 1,940 แห่ง โดยจำนวนสถานีบริการน้ำมันไตรมาส 2 ปิดตัวลงไป 198 แห่ง และ NGV ปิด 2 แห่งเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 และแนวโน้มการปิดตัวครึ่งปีหลัง คาดว่าจะทรงตัวระดับนี้เพราะเริ่มคลายล็อกดาวน์ ทำให้การใช้มีทิศทางเพิ่มขึ้น