เอไอเอส จับมือธรรมศาสตร์ เปิดศูนย์ปฏิบัติการความยั่งยืนแห่งแรกในเอเชีย

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า บริษัท ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดตัวศูนย์ปฏิบัติการความยั่งยืนแห่งแรกในเอเชีย “SDG Lab by Thammasat & AIS” ที่อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ภายใต้แนวคิดเชิงบูรณาการนำเทคโนโลยีดิจิทัล 5G และ IoT มาเป็นฐานรากเพื่อสร้างความยั่งยืน ผลักดันให้เป็นพื้นที่แห่งการทดลองและการลงมือปฏิบัติของนักคิด นักประดิษฐ์ เพื่อรองรับการพัฒนานวัตกรรมและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในมิติต่างๆ อันนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้

ทั้งนี้ แนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals (SDGs) เป็นเป้าหมายที่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยให้ความสำคัญมากขึ้นและถูกใช้เป็นฐานการกำหนดนโยบายของประเทศและองค์กร โดยมีเป้าหมายสูงสุดของแนวคิดอยู่ที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรโลก โดยยังสามารถรักษาระดับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของมนุษย์ไม่ให้เกินศักยภาพการผลิตของธรรมชาติ และมุ่งเน้นความสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ เอไอเอส จึงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่ตั้งอยู่บนแนวคิดความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจและการนำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเข้าไปสนับสนุนเพื่อสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นแก่ทุกฝ่าย โดยได้กำหนดกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) การประสานสังคมให้เป็นหนึ่งเดียว 2) ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า 3) สร้างหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ยั่งยืน 4) ส่งเสริมบุคลากรให้เติบโตในทุกย่างก้าว 5) สรรค์สร้างนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้ ที่ผ่านมา เอไอเอสได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนในทั้งระดับสากลและระดับประเทศ โดยได้รับการประกาศให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ในกลุ่มดัชนีโลก (World Index) และดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) ในกลุ่มอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม 2 ปีซ้อน คือ ปี 2019 และ 2020 และได้รับคัดเลือกให้ผ่านดัชนีความยั่งยืน FTSE4Good Index Series ต่อเนื่อง 6 ปี และในระดับประเทศได้รับประกาศจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยติดรายชื่อ หุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2563 ซึ่งถือเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน 

จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการพัฒนาศูนย์ SDG Lab by Thammasat & AIS ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอสในการนำเทคโนโลยีและบริการดิจิทัลที่ดีและทันสมัยที่สุด โดยเฉพาะ 5G มาให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ที่เหนือระดับไปอีกขั้นของ 5G ตลอดจนเห็นถึงประโยชน์ของการนำเทคโนโลยี 5G ไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นทรัพยากรสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศไทยในระยะยาว โดยมีขอบข่ายการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดประโยชน์กับสังคมและประเทศชาติอย่างสร้างสรรค์ ประกอบด้วย

1) Climate& Environment พัฒนาความยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้เทคโนโลยี 5G ในการพัฒนาเพื่อสังคม

2) City พัฒนาระบบ การขนส่ง และระบบการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ให้สอดรับกับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

3) Living พัฒนาความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนให้กับคนในสังคม ผ่านการบริหารจัดการพลังงาน, ทรัพยากรธรรมชาติ และขยะรวมทั้งขยะอิเล็กทรอนิกส์

4) Farming พัฒนาเทคโนโลยี เพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืนที่จะตอบรับเรื่องความมั่นคงทางอาหาร

5) People ส่งเสริมการมีส่วนร่วมองประชาชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

เป้าหมายของ SDG Lab by Thammasat & AIS คือ การเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ และลงมือปฏิบัติจริง ที่เปิดโอกาสและเชื่อมโยงนวัตกร นักพัฒนา และนักประดิษฐ์จากทั่วโลกที่มีจุดมุ่งหมายในการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม หรือต้องการสร้างนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนได้เข้ามาร่วมสร้างนวัตกรรมต้นแบบที่ตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาได้จริง โดยสามารถใช้งาน Network Infrastructure โครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทั้ง 5G, IoT, Fibre และ AIS Super WiFi รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัยต่างๆ ภายในศูนย์ฯ เพื่อสร้างนวัตกรรมต้นแบบได้ด้วยตนเอง พร้อมทดลอง ทดสอบบนเครือข่ายและสภาพแวดล้อมจริงได้เลย

นอกจากนี้ เอไอเอส ยังติดตั้งอุปกรณ์ IoT ควบคุมดูแลการเพาะปลูกแบบอัตโนมัติ และติดตั้งสถานีวัดสภาพอากาศและวัดปริมาณฝุ่น PM2.5 ไว้บนแปลงเกษตร Rooftop อาคารอุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี ที่สามารถควบคุมการทำงานผ่านระบบฟาร์มอัจฉริยะ Smart Farm เพื่อบริหารจัดการน้ำในภาคการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งในอนาคตก็จะนำ AIS 5G มาใช้ในการพัฒนาและบริหารจัดการพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มากยิ่งขึ้น อาทิ การบริหารจัดการการจราจร ผ่านเทคโนโลยี Smart Parking และ Autonomous Car (รถยนต์ไร้คนขับ) เพื่อเดินหน้ายกระดับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สู่ Smart University อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยให้เกิดการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ก่อให้เกิดการสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน พร้อมรับมือกับวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

รศ.เกศินี วิทูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การสานต่อความร่วมมือกับเอไอเอส ในการนำเทคโนโลยีดิจทัล 5G, IoT และดิจิทัลโซลูชันอีกมากมายเข้ามาใช้ภายในศูนย์ SDG Lab by Thammasat & AIS และครอบคลุมบริเวณอุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี ทั้ง 100 ไร่ นี้ จะทำให้การบริหารจัดการภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้นวัตกรรมต่างๆ ที่ได้คิดและพัฒนาสามารถเกิดขึ้นได้จริง และเป็นต้นแบบของนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนให้กับประเทศ ที่จะก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของนักศึกษา นวัตกรรุ่นใหม่ และเหล่าสตาร์ทอัพที่จะเข้ามาร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ที่จะส่งผลประโยชน์ต่อประเทศชาติและทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของมหาวิทยาลัยในการสร้างเมืองอัจฉริยะให้เกิดขึ้นจริง