เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ไม่ทน ยื่นหนังสือถึงนายกฯตู่ ร้องกระทบหนักจากนโยบายปล่อยนำเข้ากุ้ง

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า วันนี้ (9 สิงหาคม 2565) นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย นำทีมเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง จำนวนกว่า 20 คน ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้สินค้ากุ้งเป็นวาระแห่งชาติ -ออกมาตรการแก้ปัญหาการเลี้ยงเรื่องโรคให้พี่น้องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งเร่งด่วน พลิกฟื้น-สร้างความเข้มแข็ง- ยั่งยืนให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยทั้งระบบอย่างเป็นรูปธรรม เป้าหมายคือ วัตถุดิบกุ้ง 400,000 ตัน เพื่อการส่งออก ให้ได้ในปี 2566 (ที่ไม่ใช่มาจากการนำเข้ากุ้ง) โดยมี นายสมหมาย เอี่ยมสะอาด ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนรับมอบ ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สมาคมกุ้งไทย

นายเอกพจน์ เปิดเผยว่า หลังจากสมาคมกุ้งไทย และตัวแทนอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องตลอดสายห่วงโซ่การผลิต ได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งสมาคมกุ้งไทยได้เสนอแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้ง และการแก้ไขปัญหาเรื่องการเลี้ยง โดยเฉพาะวิกฤตปัญหาโรค ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกษตรกรเลี้ยงกุ้งไม่ได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางกรมประมง พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ แต่ข้อจำกัดด้านงบประมาณ บุคลากรและอื่นๆ ทำให้ยังไม่สามารถแก้ปัญหาโรค และสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกร โดยผลผลิตกุ้งครึ่งปีแรกของปี 2565 ลดลงถึง 1.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

“ 10 ปี หลังเกิดโรคระบาดในกุ้ง อุตสาหกรรมกุ้งไทย สูญเสียโอกาส-รายได้จากการส่งออกถึง 500,000 ล้านบาท ถึงวันนี้ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ วิธีที่รัฐพยายามช่วยยังไม่ตอบโจทย์ นอกจากนี้กรณีที่กรมประมงไทยยอมรับและประกาศอนุญาตให้มีการนำเข้ากุ้งจากเอกวาดอร์และอินเดียนั้น สมาคมเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหวต่อความอยู่รอดอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมกุ้งไทยในระยะยาว อาจสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ต่อกุ้งไทยด้านความเชื่อมั่นของผู้นำเข้าและผู้บริโภค ที่สำคัญส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งภายในประเทศในระยะกลาง และระยะยาว เช่น ส่งผลกระทบโดยตรงราคากุ้งภายในประเทศ อาจนำกุ้งที่ติดเชื้อแฝง-/ความเสี่ยงนำโรคเก่า/โรคใหม่เข้ามาเข้าประเทศสร้างความเสียหาย ทำให้เกษตรกรในประเทศอ่อนแอ ไม่มีความสามารถด้านการแข่งขัน”

นายกสมาคมกุ้งไทย กล่าวอีกว่า สมาคมฯ จึงได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาดำเนินการเร่งด่วน คือ

  1. ขอให้สินค้ากุ้งเป็นวาระแห่งชาติ โดยรัฐบาลเห็นความสำคัญ มีมาตรการการผลิตกุ้งในประเทศ ให้ได้ตามเป้าหมาย 400,000 ตันเพื่อการส่งออก ภายในปี 2566 อย่างเป็นรูปธรรม (ผลผลิตไม่ใช่มาจากการนำเข้า) ทั้งนี้ กุ้งเคยเป็นสินค้าส่งออกที่ทำรายได้เข้าประเทศได้ปีละมหาศาลมาอย่างต่อเนื่อง กว่า 100,000 ล้านบาท ในปี 2553 จากที่ผลิตกุ้งได้ถึง 640,000 ตัน แต่หลังจากประสบปัญหาโรคตายด่วน หรือ EMS และโรคอื่นๆ ตั้งแต่ปลายปี 2554 ผลผลิตกุ้งลดต่ำกว่า 3 แสนตัน และไทยสูญเสียโอกาสรายได้กว่า 5 แสนล้านบาทตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ สมาคมจึงขอให้ฯพณฯนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธาน ให้มีทุกภาคส่วนสำคัญ อาทิ ภาคการผลิต-เกษตรกร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง/ธนาคารแห่งประเทศไทย ฯลฯ มาบูรณาการทำงานร่วมกัน ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด ฉับไว มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องเกษตรกร และสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมได้เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง รวมถึงความยั่งยืนในระยะยาวของอุตสาหกรรมกุ้งของประเทศ
  2. แก้ไขปัญหาเรื่องโรค ให้เกษตรกรสามารถเลี้ยงกุ้งได้โดยเร็วที่สุด จัดสรรงบประมาณ บุคลากร ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อศึกษาวิจัย และดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาโรคให้สำเร็จ
  3. สินค้ากุ้งต้องได้รับการปกป้องดูแลอย่างเข้มแข็งจากรัฐ การนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศเป็นเรื่องอ่อนไหวที่สุด ขอให้ช่วยดูแล-ปกป้อง สนับสนุนส่งเสริมภาพลักษณ์ แบรนด์สินค้ากุ้งไทย (Branding) ให้เป็นที่ยอมรับฯ รวมถึงเรื่องเชื้อโรคกุ้งที่มีอยู่ปัจจุบัน, โรคอุบัติใหม่ที่อาจแฝงมากับกุ้งนำเข้า