รู้เก็บรู้ออม : โชว์ศักยภาพตลาดทุนไทย!!

ปิดฉากไปอย่างสวยงาม สำหรับงาน “Thailand Focus 2021” งานโรดโชว์ โชว์ศักยภาพความแข็งแกร่งของตลาดทุนไทยและนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนสถาบันจากทั่วโลก ที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และรัฐบาลไทยร่วมเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

ปีนี้จัดขึ้นท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ที่ระบาดทั่วโลก ในรูปแบบ virtual conferenceในธีม “Thailand Focus 2021 : Thriving in the Next Normal” ปรากฏว่าปีนี้ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกเข้าร่วมงานมากถึง 192 ราย จาก 105 สถาบันทั่วโลก โดยมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) 102 บริษัท ร่วมให้ข้อมูล

ขณะที่ ผู้บริหารระดับสูงฝั่งผู้กำกับนโยบายภาครัฐ ยังคงนำทัพเข้าร่วมให้ข้อมูลสร้างความมั่นใจนักลงทุน กันอย่างคึกคัก นำโดย ขุนคลัง “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้ง นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นต้น

ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ

ด้าน “ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ฉายภาพโชว์ความแข็งแกร่งของตลาดทุนไทย ที่ยืนหยัดฝ่าวิกฤติและฟื้นตัวได้รวดเร็วจากโควิดหลายระลอก สะท้อนได้จากปรากฏการณ์ดังนี้ 1. ตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) เป็นแหล่งระดมทุนของธุรกิจในการขายหุ้น IPO ที่ได้รับความนิยมอย่างมากโดยปี 63 มูลค่าของ IPO ทะลุ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงสุด 10 อันดับแรกของโลก และครึ่งแรกปี 64 มีมูลค่าการเสนอขาย IPO แล้ว ถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

2. SET เป็นตลาดหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงสุดในอาเซียน ด้วยมูลค่าการซื้อขายต่อวันพุ่งขึ้นมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้ 3.ข้อนี้สำคัญมากคือ บริษัทจดทะเบียนใน SET เป็นผู้นำในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน บริษัทไทยได้รับเลือกให้เข้าเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) มากสุดในอาเซียน และไทยยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 1 ในอาเซียนที่บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs)

ก้าวต่อไป “next normal” ของตลาดหลักทรัพย์ ยุคหลังโควิด-19 นั้น “ภากร” ฉายภาพให้เห็นว่า ตลาดฯจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ รวมทั้งเปิดให้ผู้ลงทุนสามารถเชื่อมโยงกับตลาดทุนระดับโลกได้มากขึ้น โดยมุ่งดำเนินการดังนี้ 1.สร้างแพลตฟอร์มข้อมูลการพัฒนาแบบยั่งยืน (ESG data platform) โดย SET ได้พัฒนาแพลตฟอร์มการเปิดเผยข้อมูลออนไลน์ เพื่อแสดงและเปรียบเทียบข้อมูลด้านความยั่งยืนสำหรับนักลงทุน ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่การเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน

2.แพลตฟอร์ม Global Product โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มการซื้อขาย เพื่อเชื่อมโยงโอกาสการลงทุนในตลาดนอกประเทศ ผ่านการออกผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะทำให้ทั้งตัวกลางและลูกค้าสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศโดยผ่านตลาดภายในประเทศ 3.ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ด้วยการเพิ่มบริการใหม่ๆผ่านบริการออนไลน์ เช่น การประชุมผู้ถือหุ้น ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-AGM เป็นต้น นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ในปี 65 ซึ่งจะทำให้ธุรกิจใหม่และนักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนทางเลือกหลากหลายประเภทมากขึ้น

สรุป next normal ของตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ จะมุ่งเน้นผลักดัน ให้มีการดำเนินธุรกิจและการลงทุนแบบยั่งยืน, การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล และการเชื่อมโยงในประเทศเข้ากับภูมิภาค และระดับโลก เป็น 3 ยุทธศาสตร์หลักที่ตลาดหลักทรัพย์ฯใช้เพื่อต่อยอดความสำเร็จของปัจจุบัน!!

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ