รู้เก็บรู้ออม : ทุบสถิติติดดัชนี DJSI สูงสุด

วันนี้อยากชวนแฟนคอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออมฯ” มาทบทวนความจำเรื่อง “ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์” หรือเรียกย่อๆว่า “ดัชนี DJSI” กันเล็กน้อยว่า เป็นดัชนีหลักทรัพย์ของบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ผ่านการประเมินความยั่งยืน ตามตัวชี้วัดด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกต่างยอมรับและใช้เป็นข้อมูลประกอบการลงทุน

เพราะตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพิ่งประกาศข่าวดีอย่างเป็นทางการ ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศว่า บริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ในตลาดหุ้นบ้านเรา ทุบสถิติติดดัชนี DJSI สูงสุดของประเทศในอาเซียน (อีกแล้ว) ปีนี้เป็นปีที่ 9

แสดงให้เห็นพัฒนาการด้านความยั่งยืนที่โดดเด่นในระดับสากลของ บจ. ไทย โดยปีนี้มีจำนวนสูงถึง 26 บริษัท เป็นรายเดิม 23 บริษัท ได้แก่ ADVANC, AOT, BANPU, BDMS, BJC, BTS, CPALL, CPF, CPN, DELTA, EGCO, HMPRO, IRPC, IVL, KBANK, MINT, PTT, PTTGC, SCB, SCC, TOP, TRUE และ TU และรายใหม่ 3 บริษัท คือ CRC, GPSC และ SCGP

ถือเป็นภารกิจสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะขับเคลื่อนตลาดทุนไทยสู่ความยั่งยืน (Sustainable Capital Market) โดยส่งเสริมให้นักลงทุนเห็นความสำคัญของการลงทุนที่ยั่งยืน และสนับสนุนให้ บจ. ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของกิจการ

การที่ บจ.ไทยมีชื่อในดัชนีความยั่งยืน DJSI เพิ่มขึ้นทุกปี สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจให้ความสำคัญทั้งการสร้างผลประกอบการที่ดีควบคู่ไปกับการดำเนินงานด้าน ESG ซึ่งมีหลายเรื่องที่ถูกยกระดับมาตรฐานขึ้น เช่น การลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์, การเปิดเผยข้อมูลเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การคำนึงถึงความปลอดภัยและอาชีวอนามัย เป็นต้น

และไม่ใช่เพียงดัชนี DJSI เท่านั้น แต่ บจ.ไทยยังติดอันดับท็อปในดัชนี FTSE4Good Index และ MSCI ESG Universal Index เป็นจำนวนที่สูงที่สุดในอาเซียนอีกด้วย

ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เตรียมความพร้อมให้ บจ.ก้าวไปสู่ดัชนีสากลเพื่อสร้างความน่าสนใจในการลงทุน รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูล ESG Information ของผู้ประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนระดับโลก (Sustainability Rating Agencies) อีกด้วย

ความสำเร็จครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างครั้งสำคัญที่ดำเนินไปตามยุทธศาสตร์ในการสร้างการเติบโตและความยั่งยืนในอนาคต ทำให้ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกเห็นถึงศักยภาพของ บจ.ไทย ตลอดจนทำให้ตลาดทุนไทยมีความโดดเด่นและน่าสนใจ สำหรับการลงทุนในระยะยาว.

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ