บาริสต้าสูงวัย กับโอกาสที่ได้รับ และรู้จักคุณค่าในตัวเองอีกครั้ง

การเปิดโอกาสให้คนสูงวัยได้แสดงศักยภาพสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ ได้มีงานทำ เป็นเรื่องที่ดีสำหรับสังคมไทยในปัจจุบัน  ก่อนหน้านี้ สังคมมักมองวัยสูงอายุว่าเป็นวัยที่เหมาะกับการอยู่บ้าน เลี้ยงดูลูกหลาน ไม่ต้องออกไปทำงาน ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว ผู้สูงวัยยังมีศักยภาพ สามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเอง ไม่ต้องเป็นภาระให้กับคนรอบข้าง

แต่ด้วยตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้โอกาสการหางานทำ เป็นไปได้ยาก นายจ้างก็ต้องการคนทำงานวัยหนุ่มสาว แต่เมื่อประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้เริ่มมีหลาย ๆ บริษัท ให้ความสำคัญกับคนสูงวัยว่ายังมีศักยภาพ และเปิดโอกาสรับคนสูงวัยให้ทำงาน เช่นเดียวกับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน ) หรือ โออาร์ ที่ให้โอกาสกลุ่มผู้สูงวัยได้กลับมาทำงานในร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน เพื่อการสร้างโอกาส หรือคาเฟ่ อเมซอน ฟอร์ แช้นส์ (Café Amazon for Chance) ที่สาขากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ละออ จันทภาส หรือ แม่ต้อ ผันตัวเองจากอาชีพครูในโรงเรียนเอกชนมาเป็นบาริสต้าสูงวัยคอยให้บริการ สร้างสรรค์กาแฟรสชาติเข้มข้นหอมกรุ่นได้มาตรฐานไว้คอยบริการลูกค้า “แม่ต้อ” เล่าให้ “บิ๊กเกรียน” ฟังว่าเมื่อก่อนตัวเองเป็นคุณครูสอนหนังสืออยู่ในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง แต่เมื่อเกษียณออกมาก็อยากมีงานทำต่อ อยากมีรายได้ จึงไปติดต่อกรมจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และทิ้งประวัติไว้

ละออ จันทภาส หรือ แม่ต้อ บาริสต้าสูงวัย คาเฟ่ อเมซอน ฟอร์ แช้นส์ (Café Amazon for Chance) อดีตคุณครูโรงเรียนเอกชน

ใช้ชีวิตหลังเกษียณผ่านมา 5 เดือน จนวันหนึ่งได้รับโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาสอบถามแม่ต้อว่า สนใจอยากชงกาแฟมั๊ย พอดีทาง คาเฟ่ อเมซอน มีโครงการรับผู้สูงวัยเข้าทำงาน แม่ต้อจึงตอบตกลง

เมื่อตอบตกลงที่จะทำงานนี้ เจ้าหน้าที่ก็มีการชี้แจงรายละเอียด รูปแบบการทำงาน และทางด้านของ คาเฟ่ อเมซอน ก็ส่งตัวแม่ต้อไปฝึกอบรมการชงกาแฟให้ได้มาตรฐาน

“งานแรกที่ทำ เริ่มจากฝึกชงกาแฟตามสูตร คาเฟ่ อเมซอน ทั้งการตวงกาแฟ ชงกาแฟ จากขั้นตอนแรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย และที่สำคัญคือต้องจำสูตรกาแฟสูตรต่าง ๆ ให้ได้ และได้มีการทดสอบสูตรกาแฟด้วย ก็ค่อนข้างยาก เพราะอายุเยอะ แต่ไม่มีอะไรเกินความพยายาม”

เมื่อผ่านการฝึกฝนจากทีมงาน AICA แล้ว สามารถเริ่มงานประจำที่สาขา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และทำงานจนถึงทุกวันนี้ ต้องขอบคุณ โออาร์ ที่ให้โอกาสคนสูงวัยอย่างแม่ต้อได้มีงานทำ มีรายได้เลี้ยงดูตัวเอง และจะทำงานตรงนี้จนกว่าจะทำไม่ไหว

“การที่ โออาร์ ให้โอกาส เป็นเรื่องที่ดี ในการดูแลผู้สูงวัยได้มีงานทำ จากปกติ คนจะมองว่าผู้สูงวัยควรที่จะพักผ่อนได้แล้ว แต่บางคนยังมีกำลัง ยังมีแรงที่จะทำงานได้ ก็ไม่อยากที่จะพัก อยากที่จะทำงาน มีรายได้ อีกทั้งการดูแลที่ดีของ โออาร์ ก็ช่วยให้มีกำลังใจในการทำงาน เมื่อผู้สูงวัยคนอื่น ทราบว่า โออาร์ เปิดโอกาสรับคนสูงวัยเข้าทำงาน ก็มาสมัครงานเป็นจำนวนมากอยากให้ โออาร์ ให้โอกาสคนสูงอายุต่อไปเรื่อย ๆ” แม่ต้อบอก

ผู้สูงวัยอีกท่านที่ได้รับโอกาส คือ แม่รัตน์ รัตนา วิริยะเวสม์กุล อดีตพนักงานบัญชีบริษัทเอกชนข้ามชาติ ที่ทำงานมานานกว่า 20 ปี

แม่รัตน์ รัตนา วิริยะเวสม์กุล อดีตพนักงานบัญชีบริษัทเอกชนข้ามชาติ

เมือก่อนกิจวัตรประจำวัน คือ ตื่นเช้าไปทำงาน เย็นมาก็กลับบ้าน ดูแลคุณแม่ จนอายุล่วงเลยมาจนเกษียณ ตอนแรกแม่รัตน์ ตั้งใจจะอยู่บ้าน เลี้ยงดูคุณแม่เพียงอย่างเดียว ด้วยเงินที่ได้หลังเกษียณ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เงินหลังเกษียณก็เริ่มลดลง ไม่มีรายได้ใหม่เพิ่มขึ้น สักวันเงินก็จะหมด แม่รัตน์จึงตัดสินใจที่จะหางานทำ

แม่รัตน์มองว่า ตัวเองยังมีศักยภาพยังสามารถที่จะทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ ทำให้แม่รัตน์ตัดสินใจไปฝากประวัติที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และในระหว่างนี้ แม่รัตน์ ก็ได้เข้าร่วมการฝึกอบรมของกระทรวงแรงงาน รวมถึงหาความรู้เพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาตนเอง โดยเฉพาะเรื่องของคอมพิวเตอร์ ตอนที่มีโทรศัพท์ติดต่อกลับมาบอกว่า มีงานที่เหมาะสำหรับแม่รัตน์ แม่รัตน์ดีใจมาก เพราะด้วยอายุที่มากขึ้น ทำให้หางานยาก แม้ว่าตัวเธอจะมีประสบการณ์ด้านบัญชีกว่า 20 ปีก็ตาม แต่ก็ไม่ค่อยมีบริษัทที่อยากจะรับคนสูงวัยเข้าทำงาน ดังนั้น เมื่อ โออาร์ ยื่นโอกาส แม่รัตน์ ก็พร้อมที่จะศึกษาเรียนรู้ เพื่อที่จะทำงาน

“อาชีพบาริสต้ากับพนักงานบัญชี มีความแตกต่างกันมาก แต่แม่รัตน์ก็ทำได้ เพราะทาง โออาร์ ได้เปิดโอกาสให้แม่รัตน์ ได้ทำหลากหลายหน้าที่ ทั้งบาริสต้าชงกาแฟ ไปจนถึงแคชเชียร์คิดเงิน และบางครั้งยังได้นำความรู้ด้านบัญชีมาใช้ในการทำงานอีกด้วย แต่ก็ไม่มีอะไรที่ยากเกินความพยายาม”

“เรื่องที่แม่ต้องพยายามอย่างมากคือ การจำสูตรกาแฟ ที่ต้องเป๊ะ ตอนเรียนก็ต้องจำ กลับบ้านมาก็ต้องทบทวนทุกวัน จนจำได้เพราะสูตรชงกาแฟถือเป็นหัวใจหลัก หากจำสูตรไม่ได้ ทุกอย่างก็จบ ดังนั้น แม่จะต้องทบทวนจนทุกวันนี้ ไม่ว่าจะสั่งอะไร แม่ก็จำสูตรได้หมด แม่ภูมิใจกับอาชีพนี้ เมื่อคนสั่งได้กินกาแฟที่เราทำแล้วมีความสุขแม่ก็ดีใจ”

ขอบคุณ โออาร์ ที่ใส่ใจให้โอกาสคนสูงวัยได้มีงานทำ มีเงินหาเลี้ยงตัวเองได้อีกครั้ง อีกทั้งการดูแลผู้สูงวัยของ โออาร์ ก็ดูแลอย่างดี ทั้งในเรื่องของอุปกรณ์ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับคนสูงวัย มีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำ ทำให้พวกแม่ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง

พ่อหนึ่ง ธานินทร์ จิตระพันธุ์ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ทำงานมาหลากหลายอาชีพ ทั้ง ติวเตอร์ พ่อค้า ครูสอนผู้ด้อยโอกาสในสังคม เป็นอีกคนที่ได้รับโอกาสเข้ามาทำงานใน คาเฟ่ อเมซอน ฟอร์แชนส์ พ่อหนึ่งเล่าว่า ด้วยวัยที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานจนอายุเลย 60 ปี และทำมาหลากหลายอาชีพ ก็ไม่เคยคิดว่า วันหนึ่งจะได้รับเลือกให้เข้ามาทำงานในบริษัทขนาดใหญ่แบบนี้ เพราะที่ผ่านมาบริษัทใหญ่ ๆ มักจะไม่เปิดโอกาสให้คนสูงวัยได้ร่วมงาน แม้คน ๆ นั้นจะมีศักยภาพในการทำงาน

ธานินทร์ จิตระพันธุ์ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ทำงานมาหลากหลายอาชีพ ทั้ง ติวเตอร์ พ่อค้า ครูสอนผู้ด้อยโอกาสในสังคม

คนสูงวัย ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก เลี้ยงหลาน แต่คนสูงวัย บางคนที่ดูแลสุขภาพดี แข็งแรง ก็ทำงานได้ไม่แพ้หนุ่มสาว แค่วัยล่วงเลยมามากกว่าเท่านั้น ทุกวันนี้ การเข้ามาทำงานใน คาเฟ่ อเมซอน ฟอร์แชนส์ ถือเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมากสำหรับพ่อหนึ่ง เพราะไม่คิดว่าวันหนึ่งพ่อจะได้ทำงานกับองค์กรที่มีชื่อเสียง มีศักยภาพ มีความมั่นคง และยังเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศเช่นนี้

“อยากจะให้ทาง โออาร์ เปิดโอกาสให้คนสูงวัยหรือผู้ด้อยโอกาสทางสังคมต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อคนเหล่านี้ จะได้มีงานทำ มีเงินใช้ ไม่เป็นภาระของใคร ขอบคุณ โออาร์ ที่ให้โอกาสผมด้วยครับ”

จะเห็นได้ว่าการให้โอกาสกลุ่มคนด้อยโอกาสทางสังคม ผู้สูงวัยของ โออาร์ จะช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กลุ่มคนเหล่านี้ ได้ลุกขึ้นมาหางานทำ เพื่อหาเลี้ยงตัวเอง ไม่เป็นภาระให้กับบุตรหลาน สร้างภูมิคุ้มกันทางด้านจิตใจ ให้กับคนเหล่านี้ ได้มีกำลังใจในการต่อสู้ ใช้ชีวิต หาเงินเลี้ยงตัวเองต่อไป

นอกจาก กลุ่มผู้สูงวัยที่ได้รับโอกาสแล้ว ทาง โออาร์ ยังเล็งเห็นและให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางสังคมกลุ่มอื่น ทั้งผู้พิการทางการได้ยิน ผู้พิการทางการเรียนรู้ และทหารผ่านศึก เพราะการทำให้ทุกคนได้รับโอกาสที่เท่าเทียมและทั่วถึง ในการประกอบอาชีพ เพื่อสร้างโอกาส สร้างงาน อย่างยั่งยืน ล้วนเป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์ของ โออาร์ ในการทำธุรกิจบนฐานของการสร้างคุณค่าให้กับสังคมชุมชน เพื่อเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน