นครสวรรค์ เที่ยวชุมแสง แวะจุดเช็คอินใหม่ของเมืองสี่แคว

แรกทีเดียว ตอนแอดมินเห็นทริปพาเที่ยวนครสวรรค์ ก็ไม่ค่อยสนอกสนใจมากนักเท่าไร เพราะที่ผ่านมา นครสวรรค์เป็นเหมือนกับทางผ่าน เป็นจุดแวะพักสำหรับการเดินทางขับรถขึ้นสู่ภาคเหนือมาตลอด แต่เมื่ออ่านรายละเอียดสถานที่ต่างๆ ที่ทางคนจัด คือ SiamRise Travel (สยามร้าย ทราเวล) ร่วมกับททท.นครสวรรค์ ลิสต์รายการมาแล้ว ก็เห็นน่าสนใจ เพราะนอกเหนือจากตลาดชุมแสงแล้ว สถานที่อื่นๆ แอดมินไม่เคยได้ยินมาก่อน

ทริปนี้ เราใช้เวลาเที่ยวสั้นๆ สองวันหนึ่งคืน เดินทางกันแบบสบายๆ เที่ยวเจาะเฉพาะที่กันไปเลย เราออกเดินจากกรุงเทพฯ โดยเป้าหมายแรก คือ ตลาดชุมแสง ชื่อตลาดนี้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวกันมากเมื่อปีที่แล้ว จากละคร”กรงกรรม” ที่ออนแอร์ทางช่องสาม ซึ่งโด่งดังมาก จนจุดกระแสให้คอละครอยากมาตามรอยชมตลาดชุมแสงจริงๆ

ชุมแสงเป็นตลาดที่เคยเฟื่องฟูเป็นอย่างมากในอดีต ผ่านการสัญจรทางน้ำที่ติดกับแม่น้ำน่าน และการเดินทางโดยรถไฟ และซบเซาไปเป็นเวลานาน จนกลับมาเป็นที่รู็จักจากกระแสละครอย่างที่กล่าวไว้ แต่ปัจจุบัน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ตลาดชุมแสงเงียบเหงาไปมากทีเดียว

เรามาถึงที่ชุมแสงเที่ยงกว่าได้ มื้อแรกของทริปนี้ คือ ร้านก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟมุมแดง รสชาติอร่อยมาก ผู้ร่วมทริปสั่งเบิ้ลกันเกือบทุกคนทีเดียว

อาคารบ้านเรือน ร้านค้าเก่าๆ เป็นเสน่ห์ของตลาดเก่าที่ชวนให้เราเดิน เดิน และเดินได้อย่างไม่รู้เบื่อ


ทางเข้าตลาดเก่า 100 ปี อีกหนึ่งในฉากของละคร โด่งดังมากจนต้องติดป้ายว่า ตรอกเรณู ซึ่งเป็นชื่อตัวละครเด่น ฉากส่วนใหญ่ในละครเรื่องนี้ จริงๆแล้วไม่ได้มาถ่ายทำกันที่ชุมแสงจริงๆ อาจจะเป็นเพราะระยะทางที่ค่อนข้างไกล แต่เค้ามีทีมงานมาสำรวจ ถ่ายรูปจุดต่างๆ ไว้แล้วไปเซ็ตฉากใหม่ ถ่ายทำได้เนียน เหมือนกับสถานที่จริง

เดินผ่านร้านชัยวันท์ ซึ่งเป็นร้านขายของขนาดใหญ่ เจ้าของต้อนรับสู่ พอทราบว่าเป็นนักท่องเที่ยวมาจากกรุงเทพฯ ก็เปิดร้านให้เข้ามาเดินสำรวจภายในร้าน

ชาวบ้านร้านค้าที่นี่ ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างมีไมตรีจิต และพูดคุยทักทายตลอดทางเลยทีเดียว แอดมินเดินผ่านโรงแรมเก่าแก่ของที่นี่ ทีแรกเข้าใจว่า เป็นโรงแรมร้าง แต่พอสอบถามดู ได้รับคำตอบว่า ทุกวันนี้ ยังเปิดกิจการอยู่ และมีแขกมาพักอยู่บ้าง แอดมินเอ่ยปากขออนุญาตคนดูแลขึ้นไปชมสถานที่ ก็ไม่ขัดข้อง

จากนั้น เราก็เดินต่อไปถึงชุมแสงแกลลอรี่ ชมการสาธิตเพนท์หน้าเอ็งกอ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงงานศิลปะภาพวาด ภาพถ่ายจากศิลปินและเยาวชนให้ชมกันแล้ว ยังมีกิจกรรม DIY ที่ให้ผู้มาเยี่ยมชมสามารถลองทำกันได้คือ การเพ้นท์หน้ากากเอ็งกอ แบบมินิที่เป็นตัวติดตู้เย็น หรือพวงกุญแจ ให้เก็บงานฝีมือตัวเองกลับบ้านไปเป็นที่ระลึก

งานประจำปีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ชุมแสง ที่ชุมชนจัดขึ้นทุกปี ในงานจะมีขบวน “เอ็งกอ” ตำนานนักสู้แห่งเขาเหลียงซาน 108 คน ที่มีอาชีพและฐานะทางสังคมต่างกัน โดยที่ทั้ง 108 คนจะเขียนหน้าต่างกันเป็นเอกลักษณ์ ของใครของมัน ปีนี้ จะมีขบวนแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ชุมแสงในวันที่ 5 ธันวาคม 2563 ใครสนใจ อยากไปชมของจริง ก็เดินทางมาดูได้เลย

เสร็จกิจกรรมแล้ว เราเดินชมบรรยากาศตลาดเก่ากันต่อ มาที่นี่ ห้ามพลาด ไอศครีมน้ำตาลสด รสชาติหอมอร่อย แตกต่างจากไอศรีมกะทิที่คุ้นเคย

สะพานหิรัญนฤมิตร อีกหนึ่งไฮไลต์ของชุมแสง เป็นสะพานแขวน ที่อยู่คู่ชุมชนมาเป้นเวลานาน สร้างขึ้นในปี 2552 เพื่อให้ผู้คนจากสองฟากฝั่งแม่น้ำน่านสัญจรข้ามไป-มา โดยห้ามรถยนต์ 4 ล้อวิ่งผ่าน อนุญาตเฉพาะจักรยาน มอเตอร์ไซค์ และเดินเท้าเท่านั้น

เมื่อเดินเก็บภาพตลาดเก่าชุมแสงจนหนำใจแล้ว ก็ถึงเวลาออกจากชุมแสง เข้ามายังนครสวรรค์ เพื่อไปไหว้ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์และเจ้าแม่ทับทิมองค์ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้เรายังสามารถมองเห็นวิวของอาคารพาสาน แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของนครสวรรค์อีกด้วย

จากท่าเรือหน้าศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์และเจ้าแม่ทับทิม เราขึ้นเรือชมความงามของปากน้ำ และทัศนียภาพตลอดริมน้ำสองฟากฝั่ง คนบังคับเรือเป็นคุณยายวัยเกือบ 80 ปี “ป้าเกี๊ยะ” ยังดูทะมัดทะแมง แข็งแรง และมีความสุขกับการทำงานนี้อย่างมากทีเดียว

คุณยายบังคับเรือล่องไปตามปากน้ำ แล้ววนกลับมาส่งพวกเราขึ้นท่าตรงฝั่งของ อาคารพาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของปากน้ำโพ ที่มาของอาคารแห่งนี้ เกิดจากเทศบาลเมืองนครสวรรค์ ต้องการพัฒนาพื้นที่สาธารณะ เช่น การทำเส้นทางจักรยาน ปรับปรุงทางเท้า เพิ่มพื้นที่สวนสาธารณะและลานออกกำลังกาย ที่สำคัญคือปลุกให้ชุมทางในอดีตอย่างนครสวรรค์ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง มีการประกวดแบบอาคารที่มีทั้งผู้เชี่ยวชาญและคนในท้องถิ่นเห็นชอบต้องกัน จนได้รูปแบบอาคารที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ยิ่งตกเย็น มีคนมาเดินเที่ยว ถ่ายรูป ที่นี่เยอะขึ้นๆ แถมยังมีฉากหลังเป็นปากน้ำที่พระอาทิตย์กำลังตก จนแอดมินรู้สึกประทับใจ และอิจฉาคนนครสวรรค์ที่มีสถานที่พักผ่อนที่สวยงาม รับกับความสวยงามของฉากธรรมชาติ

เที่ยวกันจนเย็นย่ำใกล้ค่ำ ถึงเวลาของอาหารมื้อเย็น ผู้จัดทริปเลือกพาเราไปชิมอาหารอร่อยกันที่ ตลาดท่าเรือคลองคาง ติดริมน้ำปิง ที่นี่เคยเป็นท่าเรือเก่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ต่อมาได้พัฒนามาเป็น “ตลาดท่าเรือคลองคาง” ด้วยความร่วมมือกันระหว่างคนในชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อให้ชาวบ้านได้มีพื้นที่ประกอบอาชีพเสริม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครสวรรค์ มีร้านขายอาหารท้องถิ่นมากกว่า 100 ร้านค้า ที่สำคัญ อาหารมีเยอะแยะมากมาย ราคาไม่แพง มีวงดนตรีเล่นสดให้ฟังกันด้วย ตลาดเปิดทุกวันเสาร์อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 15.00-21.00 น. เสร็จจากที่นี่ ก็ถึงเวลาพักผ่อนนอนหลับหลังจากเที่ยวกันมาทั้งวัน

วันที่สอง เราเดินทางไปไหวัพระกันที่วัดนครสวรรค์ เป็นพระอารามหลวงตั้งอยู่ในตลาดปากน้ำโพ ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อศรีสวรรค์ ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัด เป็นที่เคารพสักการะของชาวเมือง ผู้ที่ผ่านจังหวัดนครสวรรค์มักจะแวะมานมัสการ หลวงพ่อศรีสวรรค์เพื่อความเป็นศิริมงคลของตน

แล้วเดินทางต่อไปเยี่ยมชมอุทยานเทวสถานพระพิฆเนศ ตั้งอยู่ที่ ตำบลกลางเเดด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อเข้าไปถึง องค์พิฆเนศองค์ใหญ่ตั้งตระหง่านจนเห็นแต่ไกล และภายในยังมีเทวรูปเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมากมาย

และปิดท้ายทริปนี้ด้วย น้ำตกเกาะญวน หรือโครงการพัฒนาเกาะญวนเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ของเทศบาลนครสวรรค์ ที่ได้รับแนวคิดมาจากคลองชองเกชอน ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ จากสถานีบำบัดน้ำเสีย ที่บำบัดน้ำทิ้งจากครัวเรือนก่อนปล่อยลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา สู่เรื่องการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม น้ำเสียที่ผ่านการบำบัดและปรับปรุงคุณภาพแล้ว มีคุณภาพดีขนาดที่สามารถนำมาเลี้ยงปลาได้ ทำให้คนกรุงเทพอย่างเรา อิจฉาคนนครสวรรค์ที่มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจพร้อมกับมีระบบบำบัดน้ำที่ดีเช่นที่นี่

ทริปนี้ ทำให้เรารู้ว่า นครสวรรค์ ยังมีที่เที่ยวอีกเยอะแยะมากมายซ่อนอยู่ ไม่ได้มีแค่ประเพณีแห่มังกร หรือเป็นแค่ทางผ่านไปจังหวัดภาคเหนืออีกต่อไป หากใครคิดจะเที่ยวที่ใช้เวลาเดินทางไม่นานมากนัก นครสวรรค์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับที่เที่ยวที่ดีทีเดียวครับ.


ขอบคุณ ข้อมูล ททท.นครสวรรค์ , บริษัท สยามร้าย ทราเวล