“ทรีนีตี้” มองดัชนีทางลงหลังใกล้แตะ 1560 จุด ชี้ปัจจัยมีอิทธิพลกับการลงทุนเดือนส.ค. ทั้งดอกเบี้ยกนง. การเมือง และกำไรบจ.

ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด

“ทรีนีตี้” มอง 3 ปัจจัยภายในสำคัญมีอิทธิพลต่อการลงทุนเดือนส.ค. นโยบายดอกเบี้ยกนง. การเมือง และกำไรบจ. มองดัชนีทางลงหลังขึ้นมาใกล้แตะ 1560 จุด แนะซื้อหุ้นกลุ่มโรงกลั่นเกาะจังหวะสวิงขึ้น หากต้องการปลอดภัยแนะหุ้นกลุ่ม รพ.

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือนสิงหาคม 2566 ว่า สำหรับภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนสิงหาคม ประเมินว่าจะผันแปรไปตามปัจจัยภายในประเทศอยู่ 3 ประเด็น ได้แก่ 1.แนวนโนบายการเงินและการส่งสัญญาณของกนง.ที่จะมีการประชุมกันในวันนี้ (2 สิงหาคม 2566 ) 2.พัฒนาการของปัจจัยการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะการโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ หากพรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยที่ไม่ได้มีพรรคก้าวไกลอยู่เป็นพรรคร่วม และไม่มีความวุ่นวายนอกสภาเกิดขึ้น คาดว่าจะเป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นในระยะสั้นได้ และ 3.การประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 2/66 และการปรับเปลี่ยนประมาณการของนักวิเคราะห์ ซึ่งล่าสุดยังคงเห็นสัญญาณการ Downgrade ต่อเนื่อง

ในเชิงกลยุทธ์ มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี SET Index ในเดือนสิงหาคมอิงทางลง หลังดัชนีขึ้นมาใกล้ระดับดีสุดในวิธี PE Model ของทรีนีตี้ที่ 1560 จุด โดยที่ยังไม่เห็นพัฒนาการเชิงบวกใดๆทางปัจจัยพื้นฐาน แนะนำนักลงทุนที่จำเป็นต้องถือหุ้น ใช้จังหวะที่ SET Index ทะลุระดับ 1560 จุดขึ้นไป ทยอยเปิดสถานะ Short ในตราสาร Index futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตหากดัชนีมีการปรับตัวลงมาตามที่เราคาดไว้

สำหรับหุ้นที่อาจพอ Selective ในช่วงที่ดัชนีอยู่สูงเช่นนี้ มองไปยัง 2 กลุ่มที่มีผลการดำเนินงานผ่านพ้นจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2 ไปแล้ว อย่างเช่น 1. หากต้องการลงทุนไปตามโมเมนตัม มองไปยังกลุ่มโรงกลั่นที่ได้แรงหนุนจากค่าการกลั่นที่ปรับขึ้นสูง เช่น TOP, SPRC, BCP, IRPC, PTTGC 2. หากต้องการความปลอดภัย มองไปยังกลุ่มโรงพยาบาลที่ยังคงปรับตัว Laggard ตลาดในช่วงที่ผ่านมา เช่น BDMS, BH, BCH, CHG, PR9