ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นต่อเนื่อง หลังคลายล็อคเฟส 3-4

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จากการสำรวจความเห็นประชาชน 2,241 คนทั่วประเทศว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังจากที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้ในเฟสที่ 3-4 รวมถึงการที่รัฐบาลออกมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งมาตรการด้านการเงินและการคลัง เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.63 อยู่ที่ระดับ 49.2 เพิ่มขึ้นจาก 48.2 ในเดือนพ.ค.63 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แต่ยังอยู่ในช่วงของระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ทำการสำรวจมาในรอบ 21 ปี 9 เดือนตั้งแต่เดือนต.ค.41 เป็นต้นมา ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน อยู่ที่ 33.2 เพิ่มขึ้นจาก 32.2 และดัชนีความเชื่อมันผู้บริโภคในอนาคต อยู่ที่ 56.8 เพิ่มขึ้นจาก 55.7 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 41.4 เพิ่มจาก 40.2 ดัชนีความเชื่อมันเกี่ยวกับโอกาสหางาน อยู่ที่ 47.6 เพิ่มขึ้น 46.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 58.6 เพิ่มจาก 57.7

ดัชนีความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น มาจากการที่รัฐบาลออกมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 และ 4 ต่อเนื่อง การยกเลิกคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) เพื่อให้กิจการ ร้านค้า กลับมาดำเนินธุรกิจได้ รวมทั้งมาตรการดูแลเยียวยาผลกระทบจากการสถานการณ์โควิด-19

อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลของประชาชน เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและว่างงานในอนาคตจากผลกระทบโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป ทั้งนี้ คาดว่าผู้บริโภคจะยังชะลอการใช้จ่ายอีกอย่างน้อย 3-6 เดือน จนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลง และเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจและธุรกิจอย่างกว้างขวาง รวมถึงตวามกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมือง ที่มีจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปลี่ยนทีมเศรษฐกิจ และปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ

คาดว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 จะติดลบหนักสุดที่ 10-15% เพราะตรงกับช่วงล็อกดาวน์ ทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งด้านยอดขายสินค้า ยอดการใช้จ่ายของประชาชน และการท่องเที่ยวน้อยมาก ทำให้ศูนย์ คาดว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ น่าจะติดลบมากถึง 8-10% และจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 64 หากการระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย