ซีพีเอฟ ประกาศจัดการอาหารส่วนเกินและขยะอาหารในกระบวนการผลิตเป็นศูนย์ ในปี 2573

นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ตระหนักดีถึงการสูญเสียอาหารและขยะอาหารที่เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่คุณค่าการผลิตอาหารตั้งแต่ โรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ กระบวนการผลิตอาหาร รวมทั้งการขนส่ง การจัดเก็บ บรรจุภัณฑ์ และสุดท้ายคือผู้บริโภค ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและสูญเสียโอกาสในการเข้าถึงแหล่งอาหารของผู้ด้อยโอกาสในสังคม

ซีพีเอฟ กำหนดเป้าหมายที่จะลดการสูญเสียอาหารจากกระบวนการผลิตในห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการสูญเสียอาหารในกระบวนการผลิต การลดอาหารส่วนเกิน และขยะอาหารในกระบวนการดำเนินธุรกิจ ให้เป็น 0 ในปี 2573 ทั้งในประเทศไทยและกิจการในต่างประเทศ

ทั้งนี้ ถือเป็นความรับผิดชอบของทุกภาคส่วน ทั้งระดับตัวบุคคล สถาบันและองค์กร เพราะ1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตมาทั่วโลก จะถูกทิ้งทำลายไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นการบริหารจัดการอย่างจริงจังตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมอาหาร ถึงผู้บริโภค จึงเป็นเรื่องความสำคัญอย่างมาก ในการใช้ทรัพยกรของโลกที่มีอย่างจำกัด ให้เกิดมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อโภชนาการและสุขอนามัยที่ดี สร้างการเข้าถึงอาหารและลดการเหลื่อมล้ำ ทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาการจัดการขยะอาหารของโลกที่ต้นเหตุ

โดยมีแนวทางปฏิบัติ 3 แนวทางหลัก คือ

  1. การลดการสูญเสียอาหาร อาหารส่วนเกิน และขยะอาหารตั้งแต่ต้นทางการผลิต ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าของการผลิตอาหาร
  2. สนับสนุนการนำอาหารส่วนเกินและขยะอาหาร (ที่เกิดระหว่างกระบวนการผลิต การขนส่ง ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจร้านอาหาร โดยใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อลดการสูญเสีย และเพิ่มมูลค่า ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
  3. การสร้างความตระหนักและส่งเสริมด้านการบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน เพื่อลดการสูญเสียและอาหารส่วนเกินและขยะอาหาร ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย เช่น ลูกค้า คู่ค้า พนักงาน และเกษตรกร ผ่านการสื่อสาร การให้ความรู้และการรณรงค์

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังมีนโยบายที่สนับสนุนเป้าหมายการลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารหลายด้าน เช่น จัดหาอย่างยั่งยืน และแนวปฏิบัติสำหรับคู่ค้าธุรกิจและแนวทางปฏิบัติด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน เป็นต้น โดยมีการสนับสนุนทางเทคนิคและอบรมให้กับคู่ค้าและผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่อุปทานให้ปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกันในการหลีกเลี่ยงและลดการสูญเสียก่อนและหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตและการจัดหาวัตถุดิบ ขณะที่การพัฒนาบรรจุภัณฑ์มุ่งเน้นให้การถนอมและการเก็บรักษาอาหารสามารถทำได้นานขึ้น และใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

ซีพีเอฟ ยังมุ่งมั่นบริหารจัดการวัตถุดิบในกระบวนการผลิตอาหารให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสนับสนุนให้เกิดโครงการเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต (Co-product) เพื่อลดปริมาณการสูญเสียในโรงงานของบริษัทฯ ตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น การนำชิ้นส่วนเป็ดไปผลิตเป็นลูกชิ้นเป็ด ผลิตภัณฑ์เลือดหมูหลอด ขนเป็ดสำหรับใส่หมอนและเครื่องนอน

นายวุฒิชัย กล่าวต่อไปว่า ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร ตามวิสัยทัศน์ “ครัวโลกยั่งยืน” ซีพีเอฟ มีการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน 3 เสาหลัก คือ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่า คงอยู่ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความยั่งยืนในการผลิตและการบริโภค สร้างความมั่นคงทางอาหารและลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ