ซีพีเอฟโชว์แกร่ง ผลประกอบการครึ่งปีแรก กำไร 1.2 หมื่นล้าน จ่ายปันผล 0.40 บ.ต่อหุ้น คาดปีนี้กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยถึงผลดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปี ว่า ซีพีเอฟมีตัวเลขกำไร 12,139 ล้านบาท เติบโต 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากภาวะการขาดแคลนสุกรที่สืบเนื่องมาจากการระบาดของโรค ASFในเอเชีย และผลการดำเนินงานของธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศไทยที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้ รายงานรายได้จากการขาย ครึ่งปีแรกของปี 2563 เท่ากับ 281,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9% แบ่งเป็นกิจการในต่างประเทศ 69% และในประเทศกับส่งออก 31% ทั้งนี้ รายได้ของกิจการในต่างประเทศ เติบโต 12% และกิจการประเทศไทยเติบโต 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ผลประกอบการของซีพีเอฟที่ดีขึ้น มาจากการเติบโตของกิจการในต่างประเทศที่ซีพีเอฟได้เข้าไปลงทุนในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา โดยในช่วงปีนี้มีปัจจัยสำคัญมาจากการขาดแคลนสุกรในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม เนื่องจากการระบาดของโรค ASF โดยมองว่าภาวะขาดตลาดดังกล่าวอาจจะยังคงต่อเนื่องจากการที่ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันโรค และการลงทุนในการเลี้ยงสุกรมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นจากการต้องมีระบบการป้องกันทางชีวภาพและการบริหารจัดการป้องกันโรคที่เข้มงวดขึ้น

สำหรับผลกระทบจากโรคระบาด COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและกำลังซื้อที่ลดลง ธุรกิจของบริษัทได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากสินค้าของซีพีเอฟเป็นสินค้าจำเป็นในการดำรงชีพ และบริษัทได้มีการขับเคลื่อนกลุยุทธ์ด้านการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น พร้อมไปกับปรับรูปแบบการทำงานและการขายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

นอกจากนี้ ธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศไทยมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างมากจากประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้น ทำให้ความสามารถในการทำกำไรปรับตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ส่วนผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง ซีพีเอฟน่าจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง ปีนี้น่าจะเป็นปีที่มีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากปัจจัยหลัก คือ ภาวะขาดแคลนสุกรในภูมิภาคที่ส่งผลให้ราคาตลาดอยู่ในระดับที่สูงกว่าปีก่อน และความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศไทยน่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้ง การเติบโตของธุรกิจจากการเพิ่มมูลค่าและการลงทุน นอกจากนั้น ยังคาดว่าแนวโน้มการบริโภคน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 ได้มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปีนี้ ในอัตราหุ้นละ 40 สตางค์ โดยจะทำกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 (ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 สิงหาคม) และจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 กันยายนนี้