กรมชลประทาน เดินหน้าเก็บกักน้ำให้มากที่สุด ก่อนหมดหน้าฝน

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ปัจจุบัน ( 9 ส.ค. 64) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 38,272 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 50 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 14,343 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีกรวม 37,796 ล้าน ลบ.ม.  เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 8,234 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 1,538 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 16,637 ล้าน ลบ.ม.

ในส่วนของการเพาะปลูกข้าวนาปี ปัจจุบันมีการทำนาปีไปแล้วทั้งประเทศรวม 13.26 ล้านไร่ คิดเป็น 79% ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้ว 6.23 ล้านไร่ คิดเป็น 78% ของแผนฯ เฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำบางระกำเก็บเกี่ยวแล้วประมาณ 165,000 ไร่ คาดว่าจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จทั้งหมด (265,000 ไร่) ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ส่วนพื้นที่ที่เหลือคาดว่าจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน เพื่อใช้เป็นพื้นที่รับน้ำหลากต่อไป

สำหรับสถานการณ์ค่าความเค็มในลุ่มเจ้าพระยา ปัจจุบัน (9 ส.ค.64 เวลา 07.00 น. ) ที่สถานีสูบน้ำประปาสำแล วัดค่าความเค็มได้ 0.16 กรัม/ลิตร อยู่ในเกณฑ์ปกติ  แต่เนื่องจากปัจจุบันที่สถานีวัดน้ำท่า C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านค่อนข้างน้อย จำเป็นต้องปรับลดการระบายน้ำจากพื้นที่ตอนบน เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ กรมชลประทาน จึงได้ดำเนินการตามมาตรการใช้น้ำส่วนเกิน มาควบคุมคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาแทนการระบายน้ำจากพื้นที่ตอนบน ด้วยการผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองผ่านสถานีสูบน้ำพระยาบรรลือ มายังสถานีสูบน้ำสิงหนาท2 ในอัตรา 15  ลบ.ม./วินาที เพื่อควบคุมคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงระหว่างวันที่ 20-23 สิงหาคมนี้

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ ให้ติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุตนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง บริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาที่ยังคงมีปริมาณน้ำท่าค่อนข้างน้อย ต้องบริหารจัดการน้ำด้วยความระมัดระวัง ภายใต้ปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัด เพื่อให้ทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการรับมือสถานการณ์น้ำทุกช่วงเวลาให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด เพื่อลดผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามนโยบายของรัฐบาล และข้อสั่งการของนายประพิศ จันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน อย่างเคร่งครัด  หากหน่วยงานหรือประชาชนท่านใดต้องการความช่วยเหลือ สามารถร้องขอไปได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร 1460 สายด่วนกรมชลประทาน ได้ตลอดเวลา