บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนช่วงโควิด-19 ทั้งการจ้างงาน-สร้างอาชีพ ผ่านโครงการ “สิงห์อาสาทั่วประเทศ” ล่าสุด ลงพื้นที่ อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี เป็นจังหวัดที่ 12 จ้างงานชาวบ้านร่วมเป็นอาสาสมัครป้องกันน้ำท่วมให้ท้องถิ่นตน ร่วมเก็บผักตบ กว่า 5,100 ตัน พัฒนาการไหลระบายในแม่น้ำน้อยป้องกันน้ำท่วม เมื่อวันที่19 มิ.ย. 2563
รายงานข่าว เปิดเผยว่า วันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา สิงห์อาสา โดย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี จัดโครงการ “สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม” ต่อเนื่องที่บริเวณแม่น้ำน้อย หมู่ที่ 3 บ้านพิกุลทอง ตำบลพิกุลทอง อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี โดยมี นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานเปิดโครงการฯ และ นายบุญเลิศ นาคอุไร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท บุญรอดเอเซียเบเวอเรซ จำกัด ร่วมลงพื้นที่ โดยในโครงการ เป็นการจ้างงานผ่านรูปแบบการเป็นอาสาสมัครร่วมกันดูแลชุมชนของตนเอง ด้วยการกำจัดผักตบชวาในพื้นที่ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาน้ำท่วม มีประชาชนร่วมโครงการจำนวนกว่า 100 คน โดยอาสาสมัครที่ได้รับการจ้างงานจะได้รับเบี้ยเลี้ยง พร้อมข้าวสารพันดี และน้ำดื่มสิงห์อีกด้วย ซึ่งพื้นที่อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี ถือเป็นพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมอยู่เสมอ และมีผักตบชวาขวางทางระบายน้ำจำนวนมาก
ที่ผ่านมา บุญรอดบริวเวอรี่ ได้ดำเนินนโยบายเร่งด่วนช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผ่านโครงการสิงห์อาสาทั่วประเทศ ทั้งการจ้างงานและสร้างอาชีพใน 12 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำพูน ขอนแก่น มหาสารคาม บุรีรัมย์ อยุธยา นครปฐม และสิงห์บุรี ทั้งการจ้างงานในรูปแบบอาสาสมัครดูแลท้องถิ่นตน ผ่าน 3 โครงการเร่งด่วน คือ โครงการ “สิงห์อาสาสู้ไฟป่า”, โครงการ “สิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง” ,โครงการ “สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม” และโครงการ “สิงห์อาสาอบรมสร้างอาชีพ” ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ในช่วงเดือนพฤษภาคม สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติและสร้างรายได้ผ่านการจ้างงานให้กับประชาชน ทั้งในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าเปิดโครงการ “สิงห์อาสาอบรมสร้างอาชีพ” นำศักยภาพของบริษัทในเครือทั้งหมด ร่วมกับ เครือข่ายของสิงห์อาสาทุกภูมิภาคทั่วประเทศ นำองค์ความรู้เปิดคอร์สอบรมฟรีให้กับประชาชนผู้ที่สนใจไปต่อยอดสร้างอาชีพ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มทักษะอาชีพ ประกอบด้วย การอบรมทักษะวิชาชีพทางด้านอาหาร สู่การเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก การอบรมทักษะวิชาชีพทางด้านงานช่าง และการอบรมทักษะวิชาชีพทางด้านการเกษตร ใช้งบประมาณทั้งหมดในโครงการนี้กว่า 200 ล้านบาท