นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากที่ได้เริ่มโครงการเราเที่ยวด้วยกันตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา ในภาพรวมมีผลตอบรับในทางที่ดี มีประชาชนสนใจลงทะเบียน 4.76 ล้านราย ลงทะเบียนสำเร็จ 4.51 ล้านราย มีโรงแรมสนใจเข้าร่วมโครงการ 6,815 แห่ง กระจายตัวอยู่ครบในทุกจังหวัดทั่วประเทศ
เมืองหลักที่มีโรงแรมสนใจเข้าร่วมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ กระบี่ ภูเก็ต และประจวบคีรีขันธ์ และเมืองรองที่มีโรงแรมสนใจเข้าร่วมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เชียงราย จันทบุรี น่าน นครศรีธรรมราช และตราด โดยมีการจองโรงแรมแล้ว 391,731 ห้อง จ่ายเงินจองเรียบร้อยแล้ว 388,461 ห้อง และโรงแรมที่มีการจองห้องพักแล้วมีจำนวน 3,465 แห่ง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งของจำนวนโรงแรมที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืนอยู่ที่ 2,950 บาท นอกจากนี้ หลังจากได้เปิดให้ร้านค้า OTOP เข้ามาลงทะเบียนร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 พบว่า มีร้านค้า OTOP สนใจเข้าร่วม 453 แห่ง ทั้งนี้ ร้านค้า OTOP ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนจะสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ทุกวันที่เว็บไซต์ เราเที่ยวด้วยกัน.com
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบพบผู้ประกอบการที่พักขนาดเล็ก 1 แห่งมีพฤติกรรมต้องสงสัยอาจเข้าข่ายทุจริตจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยที่พักดังกล่าวมียอดการจองห้องพักเต็มตลอดเวลาและเกินกว่าจำนวนห้องพักที่มีอยู่ รวมทั้งผู้เข้าพักมีประวัติการใช้ e-Voucher สำหรับการซื้ออาหารในที่พักโดยที่โรงแรมดังกล่าวไม่มีห้องอาหารไว้ให้บริการแก่ผู้เข้าพัก โดยขณะนี้ได้ระงับการจ่ายเงินสนับสนุนค่าที่พักในสัดส่วนร้อยละ 40 ของราคาที่พัก และ E-Voucher แล้ว และจะพิจารณาตัดสิทธิ การเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันต่อไป
โครงการเราเที่ยวด้วยกันมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแหล่งรายได้และการจ้างงานหลักของประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังนั้น จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการที่พักปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อร่วมกันสร้างบรรยากาศที่ดีให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง