นายปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าเลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยว่า ปัญหาต้นทุนการผลิตหมูที่สูงมากกว่าทุกปี หรือราวๆ 90 บาท/กก. แต่ขายได้ในราคาต่ำเตี้ยเพียง 60-70 บาท/กก. เกิดจากหลายปัจจัย แต่ปัจจัยหลักนั้น หนีไม่พ้น “หมูเถื่อน” ที่ยังคงไม่หมดไปจากประเทศไทยเสียที จึงขอเรียกร้องหน่วยงานรัฐปูพรมตรวจสอบหมูเถื่อนในทุกพื้นที่เสี่ยง
“หมูเถื่อน 161 ตู้ที่อยู่ในความดูแลและดำเนินคดีของ DSI นั้นเป็นเพียงส่วนน้อย ในความเป็นจริงยังมีหมูเถื่อนปะปนอยู่ในประเทศอีกจำนวนมาก อยากขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐทุกภาคส่วน ผนึกกำลังกันปูพรมตรวจสอบทุกตารางนิ้วในพื้นที่สุ่มเสี่ยง อาทิ ท่าเรืออื่นๆ ที่ไม่ใช่เพียงแหลมฉบัง แต่ยังมีท่าเรือคลองเตย ท่าเรือระนอง ท่าเรือสงขลา ท่าเรือกันตัง รวมถึงห้องเย็นทั่วประเทศ และร้านขายเนื้อสัตว์อีกมากมาย ทั้งนี้เพื่อกำจัดหมูเถื่อนให้หมดไปก่อนมันจะทำลายอุตสาหกรรมสุกรของประเทศให้ล่มสลาย” นายปรีชากล่าว
สำหรับคดีใหญ่ที่สุดตอนนี้คือ หมูเถื่อน 161 ตู้ตกค้าง ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งมีปริมาณหมูมากถึง 4,500 ตัน และ DSI เข้ามาดำเนินการตรวจสอบของกลางทั้งหมดเรียบร้อยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม กลับมีความล่าช้าในกระบวนการฝังทำลายเช่นกัน อยางไรก็ตาม รู้สึกดีใจที่ทราบว่า DSI จะมีการประชุมร่วมกับกรมศุลกากรและกรมปศุสัตว์ในวันพรุ่งนี้ (18 สิงหาคม 2566) เพื่อหารือเกี่ยวกับการกำหนดวันเวลา และขั้นตอนการขนย้ายเนื้อหมูเถื่อน หรือของกลางในคดี รวมถึงการทำลายฝังกลบ ณ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพราะนั่นหมายถึง การทำลายหมูเถื่อนที่กำลังทยอยหมดอายุ ขึ้นรา และเน่าเสีย ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดในประเทศซ้ำสอง และตนจะรอฟังผลการประชุมอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ หมูเถื่อนเข้ามาแทรกแซงตลาดในประเทศไทยนานนับปี ทำให้เกษตรกรคนเลี้ยงหมูประสบภาวะขาดทุนสะสมมานานกว่า 8 เดือน และสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมสุกรทั้งระบบกว่า 30,000 ล้านบาท และจนป่านนี้ยังไม่สามารถกวาดล้างปราบปรามได้หมดทั้งยังไม่สามารถจับตัวผู้บงการได้ สร้างความกังวลใจแก่เกษตรกรมาต่อเนื่องยาวนาน จนถึงปัจจุบัน