คดี “หุ้น MORE” หรือ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) เป็นคดีอื้อฉาวที่เขย่าตลาดทุนไทย ด้วยการปล้นกลางแดดโบรกเกอร์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ วงเงินเสียหายกว่า 4,500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2565 ด้วยความพยายามของแก๊งปั่นและปล้นหุ้น MORE สร้างคำสั่งซื้อหุ้น MORE ในลักษณะอำพราง จนนำไปสู่การดำเนินดคีและฟ้องร้องผู้กระทำผิด ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ศาลแพ่งถนนรัชดาฯ ได้พิพากษาให้นำเงินที่อายัดไว้คืนให้กับโบรกเกอร์ 11 รายที่จ่ายเงินค่าขายให้กับลูกค้าวอลุ่มปริศนา 1,500 ล้านหุ้น ในช่วงเปิดตลาดที่ราคา 2.90 บาท เป็นเงิน 4,300 ล้านบาท และสั่งให้ยึดหุ้น MORE จำนวน 1,500 ล้านหุ้น ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้พิพากษาได้ใช้เวลาอ่านคำพิพากษาครั้งนี้นานกว่า 4 ชั่วโมงครึ่ง โดยผลการตัดสินครั้งนี้ ทางผู้ต้องสงสัยยังมีสิทธิอุทธรณ์ได้
สำหรับการยึดหุ้น MORE จำนวน 1,500 ล้านหุ้นนั้น จากการสืบสวนพบว่าไม่สามารถแสดงว่าได้หุ้นมาโดยสุจริต และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษผู้กระทำความผิดจำนวน 32 รายร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น MORE ในช่วงระหว่างวันที่ 18 ก.ค.-10 พ.ย. 2565
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์สินไว้ทั้งหมดรวม 34 รายการ มูลค่าราว 5,376 ล้านบาท เหตุอันควรเชื่อว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อย่างไรก็ตาม อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา 9 ผู้ต้องหาหุ้น MORE
โบรกเกอร์ 11 รายที่จะได้รับเงินคืน ได้แก่ บล.กรุงศรีอยุธยา ประมาณ 900 ล้านบาท บล.เกียรตินาคินภัทร 700 ล้านบาท บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประมาณ 400 ล้านบาทและบล.คิงส์ฟอร์ด เกือบ 400 ล้านบาท โดยโบรกเกอร์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) หรือ Z.com และยังโดนฟอร์ซเซลหุ้นอีกหลายตัว จนขาดทุนอย่างหนัก และต้องยุติการให้บริการโบรกเกอร์ในประเทศไทย