บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มียอดขายรวม 54,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% ต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 6.7% และ 6.4% ตามลำดับเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ บจ. มีความสามารถในการทำกำไรในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ดีขึ้น
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 211บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 220 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดยไตรมาส 1 ปี 2567 พบ บจ. รายงานกำไรสุทธิจำนวน 157 บริษัท คิดเป็น 73% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 ของ บจ. mai เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 54,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% มีต้นทุนขาย 39,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้น (GP) เพิ่มขึ้น 16.3% และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 6.4% ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 5,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.2% และมีกำไรสุทธิ 4,607 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.2% อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ดังกล่าวเป็นผลจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งที่มีผลประกอบการที่โดดเด่น และการมีรายการกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัล
“บจ.ใน mai โดยภาพรวมมียอดขายเติบโตขึ้น มีความพยายามควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 ของ บจ. mai มีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยมีกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มบริการ ที่มียอดขาย กำไรจากการดำเนินงาน และกำไรสุทธิเติบโต” นายประพันธ์กล่าว
ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 346,672 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากสิ้นปี มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.78 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2566 ที่เท่ากับ 0.80 เท่า
ปัจจุบันมี บจ.ใน mai 221 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2567) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 382.05 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 389,014 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 1,860 ล้านบาทต่อวัน