คู่ค้าเอสเอ็มอี 6,000 ราย ซัพพลายเออร์ของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ต่างได้รับประโยชน์จากโครงการชำระค่าสินค้าและบริการ เครดิตเทอมภายใน 30 วัน (Faster Payment) ปรับการบริหารเงินทุนหมุนเวียนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มุ่งรักษาธุรกิจและการจ้างงานต่อเนื่อง ร่วมเป็นกลไลขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย
คู่ค้าหลายราย พึงพอใจในโครงการเครดิตเทอม 30 วันอย่างเต็มที่ โดยยอมรับว่านโยบายการลดระยะการจ่ายเงินค่าสินค้าของบริษัทฯ ช่วยให้มีกระแสเงินสดมาช่วยบริหารจัดการธุรกิจไม่หยุดชะงักและช่วยต่ออายุให้การดำเนินงานมีความคล่องตัวขึ้นและสามารถเดินหน้าธุรกิจได้รต่อเนื่อง แม้สถานการณ์โควิด-19 ยังต้องจับตาเฝ้าระวัง
นายเสกภณ บุญเตชะธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขอบคุณ 2562 ผู้จัดจำหน่ายสินค้าสำหรับห้องปฏิบัติการ จ.สระบุรี กล่าวว่า โครงการเครดิตเทอม 30 วันของซีพีเอฟ ช่วยสนับสนุนทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ SMEs ขนาดเล็กอย่างบริษัทขอบคุณ ได้เป็นอย่างดี ช่วยให้สภาพคล่องของบริษัทดีขึ้นกว่าเดิม เอื้อให้บริษัทสามารถปรับเปลี่ยน การจัดจำหน่าย และวางแผนการนำเข้าสารเคมีได้คล่องตัวขึ้น ช่วยให้ต้นทุนในการนำเข้าสินค้าต่ำลง และมีความมั่นใจที่จะขยายธุรกิจต่อไปได
นายกฤษฎา สิงหเดชา บริษัท ไวภพ วิศวกรรม จำกัด บริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นคู่ค้า ซีพีเอฟ มานานหลายปี กล่าวว่า โครงการเครดิตเทอม 30 วัน ของ ซีพีเอฟ มีประโยชน์มากกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัว หลังปริมาณงานและยอดสั่งซื้อลดลงมาก การได้รับเงินเร็วขึ้นช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ มีเงินใช้จ่ายในธุรกิจและลงทุนมากขึ้นในช่วงสภาพที่เศรษฐกิจขาลง
นางสาวนฤมล แสงมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอ็มพี ยูนิฟอร์ม จำกัด อยู่จังหวัดสระบุรี ผู้ผลิตชุดยูนิฟอร์มให้อุตสาหกรรมอาหารทั่วประเทศ กล่าวว่า ซีพีเอฟเป็นหนึ่งในลูกค้าหลักในช่วงโควิด-19 และได้รัผลกระทบยอดสั่งซื้อลดลง ไม่ต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น ขณะนี้แม้ว่ายอดสั่งซื้อจะเริ่มกลับมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เท่ากับก่อนที่เกิดโควิด เพราะลูกค้าหลายรายพยายามลดต้นทุนการผลิตโดยไม่สั่งซื้อใหม่ การได้รับเครดิตเทอมที่เร็วขึ้นช่วยสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดสั่งซื้อและลูกค้าใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องกู้เงิน ไม่มีภาระดอกเบี้ย
ด้านนายพิชิต กาญจนประพิณ เจ้าของกิจการ หจก.ไทยรัตน์วัสดุภัณฑ์ (1997) ผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ใช้ในโรงงาน จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ยอดสั่งซื้อสินค้าของบริษัทลดลงมาก เครดิตเทอม 30 วันเป็นโครงการที่ดี ช่วยซัพพลายเออร์ เอสเอ็มอี ได้รับผลกระทบจากยอดขายลดลง การที่เอสเอ็มอีรายเล็กๆ มีเงินเข้ามาหมุนเวียนในธุรกิจเร็วขึ้น ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน และมีกำลังในการรักษาธุรกิจให้เดินหน้าต่อได้ และสามารถรักษาคนงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดีต่อครอบครัวของลูกจ้างได้อีกด้วย
ผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี เป็นหัวใจสำคัญในห่วงโซ่การผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพ ปลอดภัย มาตรฐานสากล แก่ผู้บริโภค ของ ซีพีเอฟ นอกจากนี้ ยังมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งการผลิต การจ้างงาน การลงทุน ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โครงการ Faster Payment จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ซีพีเอฟจับมือคู่ค้าเพื่อเดินหน้าฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างมั่นคงและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ที่สำคัญเป็นแนวทางช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งหลังสถานการณ์โควิด-19 โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ซีพีเอฟ ร้านค้าและแบรนด์สินค้าในกลุ่มของซีพีเอฟ ทั้ง CP, CP Freshmart, ห้าดาว เชสเตอร์ ดัค กาลบี้ CP-HiLai เป็นต้น ประกาศชำระเงินค่าสินค้าภายใน 30 วัน ตั้งแต่เดือนตุลาคม เป็นต้นมา โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือคู่ค้า SMEs ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท รวมทั้งคู่ค้าที่เป็นรายบุคคลกว่า 6,000 รายทั่วประเทศ เพื่อรักษาธุรกิจให้ดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นการร่วมสนับสนุนฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล