นายจรัส อัศวชาญชัยสกุล รองกรรมการผู้จัดการบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ตามที่ซีพีเอฟได้รับนโยบายจาก ประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ ร่วมผนึกกำลังส่งมอบยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ภายใต้โครงการ “ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร” แก่ประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ (สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) และจังหวัดนครราชสีมา ผ่านกลุ่มและองค์กรพันธมิตร เพื่อส่งมอบถึงมือกลุ่มเปราะบางโดยเร็วที่สุด เพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงยาสมุนไพรไทย เพื่อใช้เสริมภูมิคุ้มกันป้องกันโรค ภายใต้แนวคิด “ร้อยเรียงความดีซีพี 100 ปี” โดยเครือซีพี ได้เริ่มปลูกต้นฟ้าทะลายโจรตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2564 และนำมาผลิตสมุนไพรฟ้าทะลายโจรแจกฟรี 30 ล้านแคปซูล
ขณะนี้พร้อมแจกจ่ายส่งมอบไปยังประชาชนคนไทยแล้ว โดยให้ทุกกลุ่มธุรกิจ ผนึกกำลังส่งมอบยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเพื่อมอบแก่พี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึง
โดยจะเร่งส่งมอบยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ให้กับหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัดสงขลา ส่งมอบแก่ รพ.สต.น้ำน้อย รพ.สต.บ้านท่าจีน รพ.สต.บ้านพรุ ศูนย์แพทย์ชุมชนสามตำบล รพ.รัตภูมิ รพ.สต.ตลิ่งชัน รพ.สต.คลองยางแดง เทศบาลบ้านไร่ และเทศบาลควนลัง, จังหวัดปัตตานี มอบแก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, จังหวัดยะลา มอบแก่ สาธารณสุขจังหวัดยะลา, จังหวัดนราธิวาส มอบแก่ สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ด้าน จังหวัดนครราชสีมา มอบแก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา
ทั้งนี้ เครือซีพียึดมั่นในหลักปรัชญา 3 ประโยชน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในค่านิยมสำคัญขององค์กร ที่ต้องสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ ประชาชนมาเป็นลำดับแรก ประธานอาวุโสธนินท์ เล็งเห็นว่าเครือฯ มีศักยภาพที่จะช่วยเหลือสังคมได้ในภาวะปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นการสร้างสุขภาพอนามัยที่แข็งแรงเป็นสำคัญ ซีพีจึงขอร่วมส่งเสริมสนับสนุนการใช้สมุนไพรไทยฟ้าทะลายโจร ที่มีสรรพคุณช่วยป้องกันไข้หวัดสร้างภูมิคุ้มกัน โดยจัดโครงการ “ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร” บนพื้นที่ปลูกต้นฟ้าทะลายโจร จำนวน 100 ไร่ ที่ศูนย์วิจัยแสลงพัน และฟาร์มคำพราน จ.สระบุรี ซึ่งได้การรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) จากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการบรรจุแคปซูลผ่านการรับรองมาตรฐานจาก GMP PIC/S ซึ่งเป็นมาตรฐานสำคัญของโรงงานผลิตยา เพื่อผลิตสมุนไพรฟ้าทะลายโจร 30 ล้านแคปซูล แจกจ่ายฟรีให้กับประชาชนคนไทย ผ่านกลุ่มองค์กรพันธมิตรต่างๆ ทั้งโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน สถาบันการศึกษา มูลนิธิและกลุ่มจิตอาสาในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งพื้นที่ที่ยังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19