นางสาว ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยถึงผลดำเนินงานของปี 2563 ว่า ปีที่แล้วเป็นปีที่ท้าทาย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่กลุ่มทรูยังเติบโตเหนืออุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดยเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวในที่มีรายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มสูงขึ้น
รวมทั้งธุรกิจบรอดแบนด์ก็มีรายได้เติบโต และฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นสูงกว่าตลาดเช่นกัน นอกจากนี้ แพลตฟอร์มคุณภาพและระบบนิเวศทางธุรกิจที่ครบวงจรของกลุ่มทรูยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล คลาวด์โซลูชั่นและวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูล
พบว่าธุรกิจ Truemove H มีรายได้พิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน เป็น 80,100 ล้านบาทในปี 2563 สวนทางกับอุตสาหกรรมที่รายได้รวมของผู้ให้บริการรายอื่นลดลงร้อยละ 6 จากปีก่อน มีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 5.41 แสนรายในไตรมาส 4 ขยายฐานผู้ใช้บริการรวมเป็น 30.6 ล้านราย
ส่วน True Online มีรายได้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 1.2 พันล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 4.6% จากปีก่อน เป็น 27,100 ล้านบาทในปี 2563 พร้อมจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 390,000 รายในปี 2563 ทำให้จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 ล้านราย เป็นผู้นำของตลาด
ขณะที่ True Visions มีรายได้จากการให้บริการ 10,700 ล้านบาทใน มีฐานลูกค้า 3.9 ล้านราย ปี 2563 โดยCOVID-19 ทำให้ทั้งรายได้และต้นทุนที่เกี่ยวข้องปรับตัวลดลง แต่รายได้จากการให้บริการของทรูวิชั่นส์เริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4 โดยเพิ่มขึ้นในอัตรา 4.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
และ True Digital Group เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของกลุ่มทรู ด้วยบริการและแพลตฟอร์มคุณภาพ อย่าง True id ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีฐานผู้ใช้งานสูงถึง 1.12 ล้านรายในปี 2563 สำหรับแพลตฟอร์มบนจอโทรทัศน์ กล่องทรูไอดี ทีวี ได้ไต่ระดับไปอีกขั้น ด้วยยอดขายสูงถึง 2.1 ล้านกล่อง
ทั้งนี้ ถือเป็นความแข็งแกร่งของกลุ่ม True ที่มีความหลากหลายของธุรกิจ และพยายามนำธุรกิจต่างๆ มาเชื่อมต่อเพื่อเกื้อกูลกัน โดยเฉพาะฝั่ง True Digital Group ที่เป็นศูนย์กลางของบริการต่างๆ และในอนาคตธุรกิจนี้น่าจะเติบโตมากขึ้น