นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ “TNITY” เปิดเผยว่า จากกรณีที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TNITY 2 ราย คือ บริษัท คอมลิงค์ จำกัด และนายแพทย์นิติพล ชัยสกุลชัย ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมาให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่ รวมจำนวนทั้งสิ้น 49,829,300 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 23.24 ของทุนชำระแล้ว เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ยืนยันว่า การเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการบริหาร และการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ แต่อย่างใด
โดยบริษัท คอมลิงค์ จำกัด ได้ขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่จำนวน 28,029,375 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13.07 ของทุนชำระแล้ว ส่วนนายแพทย์นิติพลได้ขายบางส่วน จำนวน 21,799,925 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.17 ของทุนชำระแล้ว โดยยังคงถือหุ้นอยู่ 14,577,200 หุ้นหรือราว 6.8%
“ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งสองราย มีความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทมาเป็นเวลานาน และได้สนับสนุนธุรกิจของบริษัทฯ อย่างเต็มที่ มาโดยตลอด โดยเฉพาะบริษัท คอมลิงค์ จำกัด ซึ่งได้ร่วมก่อตั้งทรีนีตี้ มาตั้งแต่แรกเริ่ม ผมรู้สึกซาบซึ้ง และขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง การขายหุ้นในครั้งนี้เป็นความต้องการของทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายขายและฝ่ายซื้อ อย่างไรก็ตามนายแพทย์นิติพล ชัยสกุลชัย ยังคงถือหุ้นTNITY บางส่วนและยังคงสนับสนุนบริษัทฯ ต่อไป” นายภควัต กล่าว
นายภควัต กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่ คือ นายณัฐพงศ์ ศีตวรรัตน์ ถือหุ้นจำนวน 22,000,00 หุ้น หรือร้อยละ 10.26 ของทุนชำระแล้ว และนายสุทธิพจน์ อริยสุทธิวงศ์ ถือหุ้นจำนวน 10,000,000 หุ้น หรือร้อยละ 4.66 ของทุนชำระแล้ว โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ ถือเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งธุรกิจการเงิน การลงทุน และธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมทัพให้กับทรีนีตี้ ได้เป็นอย่างดี โดยทรีนีตี้จะยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทตามแผนงานที่วางไว้
ด้านนายณัฐพงศ์ ศีตวรรัตน์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ TNITY เปิดเผยว่า บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีความน่าสนใจ ผู้บริหารมีความเป็นมืออาชีพ มีจรรยาบรรณ มีเครดิตที่ดีเป็นที่ยอมรับในวงการ และทีมงานมีความเชี่ยวชาญในหลายด้าน ขณะที่หุ้น TNITY มีราคาที่เหมาะสม น่าลงทุน โดยบริษัทฯ มีการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย ไม่พึ่งพารายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว และเป็นหลักทรัพย์เจ้าแรกๆ ที่ให้ความสนใจในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล จึงมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก และได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต โดยตนและกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่พร้อมให้การสนับสนุนการขยายธุรกิจของทรีนีตี้อย่างเต็มที่