SLAPP หรือสิทธิในการฟ้องร้อง? : “เสรีภาพในการพูด” ต้องไม่กลายเป็น “เสรีภาพในการบิดเบือน”

0

บทความ โดย อัปสร พรสวรรค์ นักวิชาการอิสระ

SLAPP คืออะไร? SLAPP หรือ Strategic Lawsuit Against Public Participation คือการฟ้องร้องที่มีเป้าหมายไม่ใช่เพื่อเอาชนะในสาระของคดี แต่เพื่อใช้กระบวนการกฎหมายเป็น “เครื่องมือข่มขู่” ทำให้ผู้ที่มีส่วนร่วมในประเด็นสาธารณะ เช่น นักข่าว นักกิจกรรมสิ่งแวดล้อม หรือประชาชนทั่วไป หยุดการพูด หยุดตั้งคำถาม หรือถอยจากการเปิดโปงความจริง

กลไก SLAPP มักอาศัยข้อหาหมิ่นประมาท การกล่าวหาทางแพ่ง หรือแม้แต่ข้อหาทางอาญา เพื่อสร้างภาระทั้งในด้านจิตใจและค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ถูกฟ้อง โดยที่เป้าหมายแท้จริงของผู้ฟ้องคือ การทำให้คู่กรณี “หมดแรง” หรือ “หมดใจ” ที่จะพูดต่อ

แต่!!…ไม่ใช่ทุกคดีที่อ้างว่าเป็น SLAPP จะเป็น SLAPP จริง ในช่วงหลัง กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน และนักเคลื่อนไหวเริ่มหยิบยกคำว่า “SLAPP” ขึ้นมาใช้ ในทุกกรณีที่ตนเองถูกฟ้องร้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง เพราะในบางกรณี:ข้อความหรือรูปภาพที่เผยแพร่ ไม่มีหลักฐานยืนยัน การกล่าวหาอาศัยการตัดตอนข้อมูล บางกรณีถึงขั้นปลอมแปลงเอกสารหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง

ตัวอย่างเช่น มีการโพสต์ภาพตัดต่อหรือนำเสนอข้อมูลบางส่วนโดยเจตนาให้เข้าใจผิด กล่าวหาบริษัทว่า “ทำลายป่า” ทั้งที่ไม่มีข้อมูลสนับสนุน สร้างความเสียหายกับภาพลักษณ์และการดำเนินธุรกิจบริษัท บริษัทจึงฟ้องคดีหมิ่นประมาท พร้อมหลักฐานว่าเนื้อหาเป็นเท็จ กรณีลักษณะนี้ ไม่ควรตีความว่าเป็น SLAPP เพราะการฟ้องมีเหตุอันชอบธรรมในแง่กฎหมาย เป็นสิทธิในการปกป้องชื่อเสียงและผลประโยชน์ทางธุรกิจของตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานไม่ต่างจากสิทธิในการแสดงออก

เรียกร้องเสรีภาพได้ แต่ไม่ใช่การปลอดจากความรับผิด เห็นได้ว่าสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก เป็นสิ่งที่ต้องคุ้มครองอย่างยิ่ง แต่ต้องแยกให้ออกว่าการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต พร้อมข้อมูลที่ตรวจสอบได้ เป็น “การใช้สิทธิโดยสุจริต”การโพสต์ข้อมูลเท็จ บิดเบือน ใส่ความ หรือใช้ภาพตัดต่อ โดยไม่มีการตรวจสอบ เป็น “การละเมิดสิทธิผู้อื่น”

วันนี้ เมื่อพบมีการกล่าวอ้างว่า “กำลังถูกฟ้อง SLAPP” สังคมควร พิจารณาโดยใช้เหตุผล ไม่ใช่อารมณ์หรือกระแสความสงสาร แต่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า : สิ่งที่เผยแพร่มีหลักฐานรองรับหรือไม่? มีเจตนาแสดงออกอย่างสุจริตหรือเป็นการโจมตีเชิงภาพลักษณ์? และฝ่ายที่ฟ้องร้องได้รับความเสียหายจริงหรือไม่?

ในกรณี SLAPP การพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งด้านวิชาการ ควรสนับสนุนงานวิจัยและฐานข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ เพื่อวิเคราะห์กรณี SLAPP อย่างรอบด้าน ด้านสื่อมวลชน ต้องรายงานข่าวด้วยความชัดเจนโปรงใส ตรวจสอบข้อมูลทั้งสองฝ่าย และไม่ใช้วาทกรรม “SLAPP” เพื่อสร้างภาพจำด้านเดียว ส่วนประชาชนทั่วไป อย่าด่วนตัดสินจากภาพหรือข้อความในโซเชียล ให้คำนึงถึงหลักฐานและบริบท ส่วนกลุ่มองค์กรที่ไม่หวังผลประโยชน์และนักเคลื่อนไหว ใช้สิทธิเสรีภาพอย่างมีความรับผิดชอบ และพร้อมตรวจสอบตนเองเมื่อตกอยู่ในข้อกล่าวหา

จากข้อมูลและรายละเอียดทางวิชาการดังกล่าวข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า “ไม่ใช่ทุกคดีที่กล่าวอ้างว่าเป็น SLAPP จะเป็น SLAPP จริง” แต่จำเป็นต้องเคารพความถูกต้อง คือ การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ พร้อมๆ กับการรักษาความยุติธรรม และสิทธิของทุกฝ่ายได้อย่างสมดุล หากเราต้องการปกป้องเสรีภาพในการพูดอย่างแท้จริง เราต้องปกป้องเสรีภาพที่ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ใช่บนข้อมูลบิดเบือน.