SLAPP หรือ สิทธิที่ชอบธรรม? เมื่อการฟ้องร้องต้องมองเจตนา

0
บทความ โดย วิชญ์ พงศ์เจริญ นักวิชาการอิสระ

ในยุคที่สังคมเปิดกว้างและการแสดงความคิดเห็นกลายเป็นกลไกสำคัญในการตรวจสอบอำนาจ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกจึงถูกจับตามองมากขึ้น หนึ่งในประเด็นที่สะท้อนความซับซ้อนนี้คือ กฎหมาย SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation)

คำว่า SLAPP หมายถึง การฟ้องร้องเชิงกลยุทธ์ ที่ไม่ได้มุ่งหวังชนะคดี แต่ตั้งขึ้นเพื่อ ปิดปากหรือข่มขู่บุคคลหรือกลุ่มที่ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหรือเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะ เช่น การประท้วง การวิพากษ์วิจารณ์ หรือการเปิดโปงการกระทำที่ผิดกฎหมายขององค์กรหรือบริษัทเอกชน เป้าหมายคือสร้างแรงกดดัน ทำให้คู่กรณีเสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย และท้อถอยจนยุติการเคลื่อนไหวหรือการวิพากษ์วิจารณ์

เมื่อสรุปง่ายๆ คดี SLAPP คือ “คดีฟ้องร้องที่ตั้งขึ้นเพื่อปิดปากประชาชนไม่ให้แสดงความคิดเห็นหรือมีส่วนร่วมในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะ”

แต่ทุกวันนี้ไทยยังไม่มีกรอบกฎหมายเฉพาะที่รับรองหรือคุ้มครองในลักษณะ SLAPP โดยตรง คดีที่อาจเข้าข่าย SLAPP ยังอยู่ภายใต้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือกฎหมายหมิ่นประมาทและสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่ยังขาดมาตรการที่ชัดเจนในการป้องกันหรือแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ซึ่งสร้างความท้าทายต่อการรักษาสมดุลระหว่าง สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น กับ การปกป้องชื่อเสียงและสิทธิของบุคคลหรือองค์กร

ดังนั้น การวินิจฉัยว่าเป็น SLAPP หรือไม่ จำเป็นต้องพิจารณาหลายมิติร่วมกัน โดยเฉพาะเจตนาการฟ้องร้อง

1.เจตนาข่มขู่หรือกลั่นแกล้ง: คดี SLAPP มักเกิดจากการฟ้องโดยองค์กรขนาดใหญ่ เช่น บริษัทข้ามชาติหรือหน่วยงานรัฐต่อบุคคล กลุ่มสิทธิ หรือองค์กรภาคประชาสังคม โดยเน้นสร้างภาระทางกฎหมายและการเงิน เพื่อให้ฝ่ายถูกฟ้องท้อถอย

  1. ข้อเท็จจริงและหลักฐาน: หากฝ่ายถูกฟ้องเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือบิดเบือน และทำให้เกิดความเสียหาย การฟ้องร้องถือเป็นการใช้สิทธิทางกฎหมายที่ชอบธรรม ไม่ใช่ SLAPP รวมถึงการฟ้องร้องด้วยเจตนาที่ชอบธรรม เช่น การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หมิ่นประมาท หรือทำสัญญาผิดพลาด ที่มีหลักฐานชัดเจน ก็ไม่ถือเป็น SLAPP
  2. ความเหมาะสมของค่าเสียหาย: คดี SLAPP มักเรียกร้องค่าเสียหายสูงเกินจริง เพื่อสร้างแรงกดดัน ฝ่ายฟ้องที่เรียกร้องค่าชดเชยเหมาะสมและสมเหตุสมผลถือเป็นการฟ้องที่ชอบธรรม ถึง แม้การฟ้องร้องบางกรณีอาจดูเหมือนเป็นแรงกดดัน แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกกรณีเป็น SLAPP การกล่าวหาฝ่ายหนึ่งว่า โดน SLAPP โดยไม่มีหลักฐานชัดเจนอาจก่อให้เกิดผลกระทบสำคัญ เช่น ลดทอนความน่าเชื่อถือของผู้กล่าวหา บิดเบือนกระบวนการยุติธรรม ขัดขวางฝ่ายฟ้องจากการใช้สิทธิทางกฎหมาย และสร้างความขัดแย้งในสังคม กฎหมาย SLAPP เป็นกรอบความคิดสำคัญในการ ปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการมีส่วนร่วมในประเด็นสาธารณะ แต่การวินิจฉัยว่าใครถูกฟ้องแบบ SLAPP ต้องรอบคอบและมีหลักฐานชัดเจน มิฉะนั้นอาจบั่นทอนทั้งความน่าเชื่อถือของผู้กล่าวหา ระบบยุติธรรม และเสรีภาพของฝ่ายที่ฟ้องร้องอย่างถูกต้อง เสรีภาพในการแสดงความเห็นต้องสมดุลกับความรับผิดชอบต่อข้อมูลที่เผยแพร่ เพื่อให้การแสดงความคิดเห็นกลายเป็นเครื่องมือส่งเสริมความโปร่งใสและประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่เครื่องมือทำร้ายหรือบิดเบือนผู้อื่น