ในปี 2025 นี้ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายที่มาพร้อมกับโอกาสอันยิ่งใหญ่ของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงความเปิดกว้างและการยอมรับของสังคมไทยที่มีต่อชาว LGBTQ+
เอกภพ พันธุรัตน์ นักประชาสัมพันธ์ ที่โลดแล่นอยู่ในวงการพีอาร์มาอย่างยาวนาน ร่วมงานกับธุรกิจ องค์กร และบุคคลมีชื่อเสียงมากมาย ได้รับขนานนามว่า “ Princess of PR ” กล่าวถึงกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้ว่า “สังคมไทยเปิดกว้างและยอมรับกลุ่ม LGBTQ+ มากขึ้น ส่งผลให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศสามารถแสดงศักยภาพในแวดวงธุรกิจ การตลาด และการสร้างอาชีพได้อย่างเต็มที่ จึงจะเห็นได้ว่าในทุกๆ ผู้มีความหลากหลายทางเพศเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนอยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง”

เมื่อโอกาสเปิดกว้าง ผู้มีความหลากหลายทางเพศคือพลังสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจในยุคเปลี่ยนผ่าน เลยยิ่งต้องทำให้ทุกเพศสภาพตื่นตัวกับการใช้ทักษะความสามารถอย่างเต็มกำลัง ควบคู่การปรับตัวเข้าสู่บริบทต่างๆ ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา และนี่คือความชำนาญพิเศษของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศที่จะเผชิญความท้าทายนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ปรากฏการณ์นี้เห็นได้ชัดจากการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว แฟชั่น และความบันเทิง ซึ่งกลุ่ม LGBTQ+ มีบทบาททั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ไม่เพียงแต่สร้างสีสันให้กับอุตสาหกรรม หากแต่ยังนำเสนอมุมมองใหม่ๆที่ตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างมีวิสัยทัศน์ จึงทำให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศคือกลุ่มบุคคลที่มีประกายของความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่แฝงอยู่ในตัวตนเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์ ความสามารถเฉพาะตัว และการปรับตัวที่รวดเร็ว ซึ่งกลายเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้ แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจโลกก็ตาม
“เราคือกลุ่มคนที่เต็มไปด้วยไอเดีย กล้าในการนำเสนอสิ่งใหม่ๆ และเข้าใจบริบทธุรกิจได้อย่างลึกซึ้ง และพร้อมปรับตัวให้สอดรับกับทุกความเปลี่ยนแปลง เราคือส่วนสำคัญ
ในการขับเคลื่อนให้แบรนด์เกิดกระแส สินค้าขายได้ และตลาดมีชีวิต”
อย่างไรก็ตาม แม้ความหลากหลายทางเพศจะเบ่งบานในประเทศไทยแล้ว แต่ในมุมธุรกิจก็ยังถือว่าเป็นตลาดใหม่ที่ยังสามารถเติบโตได้อีกเยอะ ในฐานะนักประชาสัมพันธ์ที่ทำงานกับธุรกิจ องค์กร และผู้มีชื่อเสียง เอกภพ ให้ความเห็นว่า
“ในมุมของการเป็นผู้บริโภค การที่ธุรกิจออกมาสื่อสารให้การสนับสนุนความหลากหลายทางเพศนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้บรรยากาศของสังคมมีความเข้มข้นและมีความสำคัญมากขึ้น แต่อาจไม่ใช่ทุกธุรกิจจะสามารถยกระดับความพิเศษของสินค้าได้มากนัก เช่น ที่อยู่อาศัย รถยนต์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ตอบสนองต่อความหลากหลายอยู่แล้ว กลุ่มธุรกิจที่คิดว่าสามารถต่อยอดเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้มีความหลากหลายทางเพศได้มากขึ้น คือ เสื้อผ้าและแฟชั่น ซึ่งน่าสนใจว่าแฟชั่นสตรี จะตอบโจทย์สตรีข้ามเพศได้อย่างไร หรือแฟชั่นบุรุษจะต้องปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมอะไรเพื่อให้เข้าถึงบุรุษข้ามเพศมากขึ้น เช่น ในกลุ่มสาว LGBTQ+ ซึ่งมีร่างกายบางอย่างที่ยังคงเป็นตามเพศสภาพ เช่น ไซส์เท้าที่ใหญ่ แต่ใจมุ่งไปที่รองเท้าส้นสูง ส้นเข็ม ตรงนี้ก็หายากมากเราก็จะมีร้านลับเฉพาะกลุ่มที่คอยซื้อหาผลิตภัณฑ์ แต่ก็ไม่ได้มีหลากหลายมากนัก หรืออย่างกลุ่มสตรีที่มีความเป็นบุรุษ ก็จะเจอกับปัญหาเสื้อผ้า ร้องเท้า ที่หาเข้ากับสรีระยากเช่นเดียวกัน อีกธุรกิจที่น่าต่อยอดคือกลุ่มเครื่องสำอาง เนื่องจากกลุ่มคนข้ามเพศที่ใช้ฮอร์โมน จะมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสภาพผิว ซึ่งยังมีสินค้าที่ตอบโจทย์อยู่น้อยมาก สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่อยากส่งเสียงสะท้อนออกไปให้กับกลุ่มธุรกิจ เพราะกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศไม่ได้เป็นเพียงพลังแห่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียวแต่ยังเป็นพลังแห่งการเป็นผู้บริโภค ซึ่งมองว่า คงเป็นเรื่องดีหากในอนาคตเราจะมีโอกาสเห็นแบรนด์ต่างๆ ที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์มาเพื่อเรา เมื่อถึงวันนั้น คงจะมีโอกาสได้สัมผัสโลกธุรกิจในมุมมองใหม่ ที่ขับเคลื่อนโดยกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งคงมีสีสันและน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว”
“การเฉลิมฉลอง Pride month จึงไม่ได้เป็นเพียงการแสดงออกถึงตัวตน แต่ยังเป็นเวทีสำคัญในการยืนยันว่า กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศคือพลังขับเคลื่อนที่แท้จริงในสังคมและเศรษฐกิจระดับโลก หากได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสมและทำให้ยั่งยืนได้” เอกภพ กล่าวเสริม