Home Blog Page 8

จากโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ สู่โต๊ะอาหารกลางวันนักเรียน…สอนบทเรียนชีวิตนอกตำรา

0

ทุกๆ เช้าที่ “โรงเรียนบ้านร้านตัดผม” โรงเรียนเล็กๆใน จังหวัดชุมพร ไม่ได้เริ่มต้นด้วยแค่การท่องสูตรคูณหรือร้องเพลงชาติ…แต่เป็นเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ ที่รีบตรงดิ่งไปโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่

ที่นี่ “ไข่ไก่” ไม่ได้เป็นแค่ของกิน แต่คือบทเรียนที่ปลุกให้เด็กๆ รู้จักความรับผิดชอบ การทำงานเป็นทีม และลงมือทำจริงทุกเช้า

โรงเรือนไก่ขนาดกะทัดรัดกับแม่ไก่สาว 150 ตัว กลายเป็นพื้นที่เรียนรู้ที่มีชีวิต เด็กๆ ป.4-6 รวมทีมกันดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่ให้อาหารไก่ คำนวณปริมาณให้พอดี เช็กระบบน้ำ เปิดพัดลมระบายอากาศ ไปจนถึงทำความสะอาดโรงเรือน

ผลลัพธ์จากความใส่ใจคือ “ไข่สด” วันละ 120-130 ฟอง ส่งตรงเข้าโรงครัว ทำเมนูเด็ดที่นักเรียนทั้งโรงเรียนกว่า 500 คนตั้งตารอ
ไม่เพียงแค่อิ่มท้อง ไข่ส่วนที่เหลือยังถูกนำไปขายในราคาประหยัดให้ผู้ปกครอง รายได้สะสมจากน้ำพักน้ำแรงของเด็กๆ สะสมจนทะลุ 150,000 บาท กลายเป็นทุนต่อยอดรุ่นไก่ต่อไปแบบไม่ต้องพึ่งใคร

ขนาดมูลไก่ ยังไม่ทิ้งให้เสียเปล่า เด็กๆ ช่วยกันตากแห้ง นำไปเป็นปุ๋ยบำรุงสวนปาล์ม 300 ต้น และแปลงผักปลอดสารของโรงเรียน ทำครบวงจรแบบมืออาชีพ

จากโรงเรือนเล็กๆ ข้างโรงเรียน โครงการนี้ได้กลายเป็นคลังอาหารที่ยั่งยืนของโรงเรียนและชุมชน และยังเป็น“ศูนย์เรียนรู้” ที่เปิดบ้านต้อนรับชาวบ้าน ผู้ปกครอง และโรงเรียนอื่นที่สนใจ

เช่นเดียวกับโรงเรียนอีก 988 แห่งทั่วประเทศ ที่เข้าร่วม “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” โดยการสนับสนุนของ CPF และมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท (มูลนิธิซีพี) ที่มีเด็กๆ มากกว่า 223,000 คน กำลังเรียนรู้จากไข่ไก่…เหมือนที่นี่

อยากมีโรงเรือนไก่แบบนี้ที่โรงเรียนของคุณ ติดต่อมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท โทร. 063-871-6545 หรือ 092-870-0783

กดดู แล้วยิ้มไปด้วยกัน >> https://youtube.com/shorts/IMG8tq2-_AM?si=T98bSSd97k1yNu6O

อ่านเรื่องเต็มๆได้ที่นี่ >> https://www.cpfworldwide.com/th/media-center/event-Egg-Farms-Shaping-Kids’-Life-Skills:-A-Fun-and-Educational-Journey

รู้เก็บรู้ออม : เข้าเว็บ SET เช็ก “หุ้นหลักประกัน”

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

สิ่งที่นักลงทุนต้องพิจารณาเวลาตัดสินใจซื้อขายหุ้น นอกจากดูปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดัชนีตลาดหุ้น, สภาวะเศรษฐกิจ, ตัวเลขการลงทุน และข้อมูลพื้นฐานของหุ้นตัวที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็น ราคาซื้อขายปัจจุบันและย้อนหลัง, ตัวเลขผลประกอบการ, ทิศทางธุรกิจ นอกจากนี้ ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่เกี่ยวกับ “หุ้นหลักประกัน” ถือเป็นอีกเรื่องที่นักลงทุนต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อหุ้น

หุ้นหลักประกัน คือ หุ้นที่ถูกนำไปวางเป็นหลักประกันกับโบรกเกอร์ เพื่อให้สามารถซื้อขายหุ้นในวงเงินที่สูงขึ้น หรือที่เรียกว่า “บัญชีมาร์จิ้น” ซึ่งนักลงทุนตัวเล็กตัวน้อยอาจต้องกลายเป็นผู้ประสบภัยแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หากหุ้นของ บจ.ถูกเจ้าของกิจการ ผู้บริหาร หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่นำไปวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน แล้วต้องโดนเปลี่ยนมือหรือบังคับขาย ทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาหุ้นและชื่อเสียงของ บจ.นั้น

นักลงทุนจึงควรจะระมัดระวังการลงทุนในหุ้นที่เป็นหลักประกัน โดยสามารถเข้าไปเช็กข้อมูลหุ้นหลักประกันในบัญชีมาร์จิ้นได้ที่เว็บไซต์ www.set.or.th ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเว็บของ ก.ล.ต. www.sec.or.th อีกช่องทาง

การเช็กข้อมูลหุ้นหลักประกันจะช่วยให้นักลงทุนรู้รายชื่อหุ้นตัวที่ถูกนำไปวางเป็นหลักประกันกับโบรกเกอร์ทั้ง 35 แห่งในตลาดหุ้นไทย โดยแสดงผลรายการหุ้นหลักประกันเป็นรายเดือน ข้อมูลจะแสดงเรียงลำดับตามจำนวนและเปอร์เซ็นต์ของหุ้นที่ถูกนำไปวางเป็นหลักประกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน เนื่องจากหุ้นที่ถูกนำไปวางเป็นหลักประกันจำนวนมากเมื่อเทียบกับหุ้นทั้งหมด หากโดนบังคับขาย หรือ Force Sell จะทำให้ราคาหุ้นผันผวนมาก

นอกจากนี้ยังแสดงเปอร์เซ็นต์ Free Float (การกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย) หุ้นที่เปอร์เซ็นต์ Free Float ต่ำ และถูกนำวางไปค้ำประกันจำนวนมาก เมื่อโดน Force Sell ราคาหุ้นตัวนั้นก็จะยิ่งผันผวนมากเช่นกัน

สำหรับวิธีเช็กข้อมูลหุ้นหลักประกัน เพียงทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ คือ เปิดหน้าเว็บ set.or.th แล้วเลือกเมนู “ข้อมูลการซื้อขาย” มองหาหมวด “ข้อมูลและสถิติ” แล้วกดเมนู “สถิติสำคัญตลาดหลักทรัพย์” จากนั้นเลื่อนลงไปที่หมวด “สถิติด้านธุรกิจหลักทรัพย์และการซื้อขายหลักทรัพย์” กดเลือกเมนู “สรุปรายงานหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้น” หน้าเว็บจะแสดงข้อมูลรายงานหุ้นหลักประกันเรียงตามเดือน นักลงทุนสามารถเลือกดูข้อมูลของเดือนที่ต้องการ และกดดาวน์โหลดข้อมูล

การตรวจเช็กข้อมูลหุ้นหลักประกัน จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ รวมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารของ บจ. ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นหลักประกัน เพราะเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ นักลงทุนควรต้องรู้ไว้ และใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจลงทุน.

คุณนายพารวย

AIS x GeForce NOW เปิดประสบการณ์ Cloud Gaming ระดับโลก ผ่านกล่อง AIS PLAYBOX

0

AIS เสริมแกร่งความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและความบันเทิงดิจิทัล จับมือ Bro.game ผู้ให้บริการ GeForce NOW ในประเทศไทย บริการ Cloud Gaming ระดับโลกจาก NVIDIA เปิดให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์เล่นเกม PC ระดับ AAA ผ่านกล่อง AIS PLAYBOX รุ่น Android TV และกล่อง 3BB GIGATV ได้ทันที บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบ้านคุณภาพสูง AIS 3BB FIBRE3 ที่ได้รับการปรับแต่งเส้นทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นพิเศษให้มีค่าปิงต่ำสุดเมื่อเล่นเกมกับ GeForce NOW พร้อมอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสมัครและชำระค่าบริการแพ็กเกจ GeForce NOW ผ่านบิล AIS และ AIS FIBRE3 ได้

นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “AIS มุ่งนำนวัตกรรมและโซลูชันล้ำสมัยมามอบให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งบนเครือข่าย 5G และอินเทอร์เน็ตบ้านอัจฉริยะ ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับ AIS PLAYBOX และ 3BB GIGATV ให้กลายเป็น All-in-One Entertainment Platform ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านวิดีโอสตรีมมิงและการเล่นเกม PC ได้ง่ายๆ ผ่านทีวีที่บ้าน เพียงดาวน์โหลดแอป GeForce NOW ลงในกล่อง AIS PLAYBOX / 3BB GIGATV และเชื่อมต่อ Game Controller ก็สามารถเล่นเกมได้เต็มประสิทธิภาพผ่านโครงข่ายอัจฉริยะที่ดีที่สุด โดยแนะนำให้เชื่อมต่อกล่องด้วยสาย LAN เพื่อการเล่นเกมที่ลื่นไหล ไม่สะดุด เพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้รับประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือกว่า”

GeForce NOW เปิดให้สัมผัสประสบการณ์ Cloud Gaming ระดับโลก ผ่านเกมคุณภาพระดับ AAA กว่า 2,000 เกม โดยมีแพ็กเกจแบบรายเดือนที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า AIS คอเกมทั้งมือถือและเน็ตบ้าน ดังนี้

· แพ็กเกจ Lite เล่นได้ชิลๆ ทุกอุปกรณ์ ราคา 219 บาท/เดือน ความละเอียดสูงสุด 1080p เล่นต่อเนื่อง 3 ชั่วโมง/ครั้ง เล่นสุดสเป็ก 40 ชั่วโมง/เดือน

· แพ็กเกจ Performance กราฟิกแรง ขั้นเทพ ราคา 399 บาท/เดือน ความละเอียดสูงสุด 1440p เล่นต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง/ครั้ง เล่นสุดสเป็ก 100 ชั่วโมง/เดือน

· แพ็กเกจ Ultimate คุ้มสุด จึ้งสุด ราคา 649 บาท/เดือน ความละเอียดสูงสุด 4K เล่นต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง/ครั้ง เล่นสุด สเป็ก 100 ชั่วโมง/ดือน

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สมัครและชำระค่าบริการผ่านบิล AIS และ AIS FIBRE3 ทดลองเล่น GeForce NOW แบบ Ultimate เพิ่มฟรี 4 ชั่วโมง สมัครได้ที่ https://www.ais.th/consumers/entertainment/game/geforcenow

เมืองไทยประกันชีวิต เปิดเผยรายงานความยั่งยืนปี 2567 ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบและโปร่งใส

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 อย่างเป็นทางการ โดยรายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นตาม กรอบการรายงานของ Global Reporting Initiative (GRI) สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) เพื่อสร้างคุณค่าร่วมอย่างยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

รายงานความยั่งยืนฉบับนี้ครอบคลุมผลการดำเนินงานในหลากหลายด้าน อาทิ

การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมขององค์กร และการลงทุนอย่างยั่งยืน ความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น การเสริมสร้างการเข้าถึง และความรู้ด้านการวางแผนการเงิน และการประกันชีวิต การส่งเสริมคุณภาพชีวิตพนักงาน การส่งเสริมความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของคนในสังคม
การกำกับดูแลกิจการที่ดี เช่น ความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการระบุประเด็นสาระสำคัญ (Material Topics) ภายใต้กระบวนการจัดทำ Double Materiality โดยคำนึงทั้งผลกระทบต่อธุรกิจ (Financial Materiality) และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (Impact Materiality) ผ่านการรับฟังเสียงของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมทั้งเปิดเผยตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องตามมาตรฐาน GRI เพื่อให้ลูกค้า ประชาชน และผู้สนใจ สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและตรวจสอบได้

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “รายงานความยั่งยืนของเราในปีนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่จับต้องได้ในด้าน ESG แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในการเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างมีจริยธรรม พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก โดยเรายึดมั่นในการทำธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวทั้งต่อผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม”

เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงเดินหน้าพัฒนาแนวทางการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมาย Net Zero scope 1 และ 2 ภายในปี 2030 นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นในการเสริมสร้างการเข้าถึง การประกันชีวิตและสุขภาพให้แก่คนในสังคม พร้อมมุ่งมั่นในการสร้างความรู้ความเข้าในด้านการวางแผนการเงินและการประกันชีวิตให้กับคนไทย และยังคงบริหารงานด้วยความโปร่งใส ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย #เมืองไทยประกันชีวิต #MuangThaiLife

สามารถดาวน์โหลดรายงานความยั่งยืนฉบับเต็มได้ที่ https://www.muangthai.co.th/reports/mtl-sr-2024/

สัตว์น้ำเถื่อน ขบวนการบั่นทอนความมั่นคงที่ต้องเร่งแก้

0
บทความ โดย อร่าม ทองพูล

ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจโลกและการแข่งขันทางการค้า ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและส่งออกสัตว์น้ำกลับต้องเผชิญกับ “ขบวนการลักลอบนำเข้าสัตว์น้ำผิดกฎหมาย” ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ ไม่ใช่แค่แอบขายของไม่เสียภาษี แต่เป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมเกษตร น้ำสะอาด สุขภาพคนไทย และชื่อเสียงของประเทศ

แม้ภาครัฐโดยเฉพาะกรมประมง จะพยายามปราบปรามอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการสกัดปลากะพงขาว 7 ตันที่ด่านสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส หรือ การบุกยึดหอยลายสดหลายร้อยกิโลกรัมที่ซุกซ่อนอยู่ในรถบรรทุกข้ามแดนในภาคตะวันออก แต่ดูเหมือนว่าขบวนการเหล่านี้กลับยิ่งเติบโตและปรับตัวได้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาใช้ช่องทางออนไลน์ ตลาดสด และแม้แต่แฝงมาในสินค้าถูกกฎหมายเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ การสำแดงเท็จที่ด่านก็เป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่บางส่วนก็ไม่ทันเกม

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสัตว์น้ำ “แปลก” และ “หายาก” อย่างปลาไหลแก้ว สายพันธุ์ยุโรป มูลค่ากว่า​ 40 ล้านบาท ที่ลักลอบนำเข้าทางเครื่องบิน หรือล่าสุด การลอบขนเต่าดาวอินเดียและปลามังกร มูลค่ากว่า 2 ล้าน ลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน สัตว์เหล่านี้แฝงเข้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดปลาสวยงาม แม้จะดูไม่เป็นพิษเป็นภัยในสายตาคนทั่วไป แต่แท้จริงแล้วอาจเป็นพาหะของโรคสายพันธุ์รุนแรง เช่น TiLV หรือ VNN ที่ยังไม่เคยปรากฏในไทย หากเล็ดลอดเข้าสู่ระบบน้ำของประเทศได้ ก็อาจแพร่เชื้อไปยังฟาร์มเพาะเลี้ยงต่างๆ จนก่อให้เกิดการสูญเสียมูลค่ามหาศาล และยิ่งไปกว่านั้น ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของตลาดโลกที่กำลังจับตามองมาตรฐานความปลอดภัยของไทยอย่างใกล้ชิด

ตัวเลขการส่งออกปลาสวยงามของไทยปีหนึ่งๆ อยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท ขณะที่ไทยคือประเทศผู้ส่งออกปลาสวยงามอันดับ 5 ของโลก ด้วยสัดส่วนตลาดกว่า 7% แต่หากภายในประเทศยังปล่อยให้มีการนำเข้าสัตว์น้ำผิดกฎหมายแบบไร้การควบคุม วันหนึ่งการส่งออกที่ภาคภูมิใจก็อาจถูกระงับจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Measures) จากประเทศคู่ค้า ด้วยข้อหาความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ

ที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในประเทศ ซึ่งต้องแบกรับต้นทุนจากมาตรฐาน GAP, GMP และ HACCP อย่างเต็มที่ ในขณะที่สินค้าลักลอบกลับสามารถขายได้ในราคาถูกกว่าหลายเท่า เพราะไม่ต้องผ่านการควบคุมใดๆ ความไม่เป็นธรรมนี้ กำลังทำลายทั้งห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ฟาร์มเพาะเลี้ยง ลูกพันธุ์ โรงงานอาหารสัตว์ ไปจนถึงตลาดปลายทาง

และถ้าคิดว่าสัตว์น้ำเถื่อนจะจบเพียงที่ “ฟาร์ม” หรือ “ตลาด” นั่นเป็นการประเมินที่ต่ำเกินไป เพราะมีกรณีจริงที่สัตว์น้ำที่นำเข้าผิดกฎหมายถูกนำไปปล่อยลงแม่น้ำลำคลอง ซึ่งกลายพันธุ์หรือรุกรานชนิดพันธุ์ท้องถิ่น สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศในระยะยาวอย่างประเมินค่าไม่ได้

การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ปราบปราม” แต่ต้องเริ่มที่ “ปิดช่องโหว่” ทั้งด้านกฎหมาย กลไกการตรวจสอบ และที่สำคัญคือ “ทัศนคติของผู้บริโภค” ที่มักเลือกของถูกโดยไม่ใส่ใจที่มาหรือผลกระทบระยะยาว หากภาครัฐไม่เร่งทบทวนระบบควบคุมการนำเข้าสัตว์น้ำให้ทันยุค พร้อมเปิดช่องให้การนำเข้าสัตว์น้ำถูกกฎหมายมีความยืดหยุ่นขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้จริงบนพื้นฐานที่เท่าเทียม ปัญหานี้ก็จะเป็นระเบิดเวลา

ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องตระหนักว่า “สัตว์น้ำเถื่อน” ไม่ได้ถูกแค่ที่ราคา แต่มัน “แพง” ที่ผลกระทบซึ่งทั้งลึกและยาวไกลกว่าที่ใครคาดคิด

รางวัลเดียว เปลี่ยนชีวิต  ลุ้น 70 ล้าน กับสลากออมสินพิเศษ 1 ปี

0

โลกการลงทุนยุคปัจจุบัน แม้ว่าเครื่องมือหรือผลิตภัณฑ์การลงทุนสมัยใหม่จะพัฒนาตามความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพียงใด แต่ต้องยอมรับว่า เรื่องความเสี่ยงยังเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการลงทุนในทุกยุคทุกสมัย ดังเช่นสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น การสู้รบรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อนานหลายปี, ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน  รวมถึงความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ล้วนเป็นปัจจัยความเสี่ยงสำคัญที่ล้วนส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจ และการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น ความผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ , ผลกระทบด้านการส่งออกสินค้า

ท่ามกลางสถานการณ์ที่การลงทุนมีความเสี่ยงสูงเช่นนี้ การมองหาการลงทุน “รูปแบบการฝากเงิน” ที่ปลอดภัยและไร้ความกังวล จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุน จึงทำให้ “สลากออมสิน” ยังเป็นรูปแบบการออมและลงทุนที่ได้รับความนิยมมาตลอด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบความเสี่ยง  เพราะสลากออมสิน มีความเสี่ยงเป็นศูนย์  ทุนไม่หาย ผลตอบแทนไม่หด เพราะเงินต้นอยู่ครบ และได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย นอกจากนี้ ผู้ฝากสลากฯ ยังมีสิทธิได้ลุ้นรางวัลใหญ่ทุกเดือน และรางวัลพิเศษอีกด้วย

ล่าสุด ธนาคารออมสิน ได้ออก “สลากออมสินพิเศษ 1 ปี”  แบบใบสลากและดิจิทัล ให้ผู้ฝากสลากฯ ได้ลุ้นรางวัลใหญ่ แบบรางวัลเดียว เปลี่ยนชีวิต กันไปเลย  กับรางวัลพิเศษ  70 ล้านบาท   และยังได้ลุ้นรางวัลใหญ่ 10 ล้านบาทกันทุกเดือน นาน 12 เดือน อีกด้วย

ใครอยากเปลี่ยนชีวิต ลุ้นรางวัลพิเศษ 70 ล้านบาท ต้องรีบหน่อย เพราะ รางวัลพิเศษก้อนเดียวเปลี่ยนชีวิต มีกำหนดออกรางวัลในวันที่ 16 กรกฏาคม 2568 นี้แล้ว

ใครที่ชอบลงทุนและยังชอบลุ้นรางวัล ต้องไม่พลาด รีบฝาก “สลากออมสินพิเศษ 1 ปี” โดยสามารถฝากสลากออมสินพิเศษ 1 ปี สำหรับแบบใบสลากเริ่มต้นฝากเพียงหน่วยละ 100 บาท และแบบดิจิทัล เริ่มต้นฝาก 1,000 บาท ฝากครบกำหนด 1 ปี จะได้รับดอกเบี้ย 0.20 บาทต่อหน่วย โดยทั้งดอกเบี้ยและรางวัลพิเศษ ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา หากมีการถอนก่อนครบกำหนด 6 เดือน จะถูกหักส่วนลดตามอัตราที่ธนาคารกำหนด

ฝาก “สลากออมสิน พิเศษ 1 ปี” แล้วมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลใหญ่ มูลค่า 70 ล้านบาทได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ทางแอปฯ MyMo by GSB  หรือ คลิก https://to.gsb.or.th/pExfarbZ และ ธนาคารออมสินทุกสาขา  

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 หรือ ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.gsb.or.th และ Facebook Fanpage : GSB Society

เริ่มต้นสร้างเครดิตอย่างมั่นใจด้วย “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” โดยธนาคารออมสิน ดอกเบี้ยเบาๆ หมื่นละ 60 บ./เดือน

0

เปิดขั้นตอน! สมัคร ‘สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส’ พร้อมให้คุณเริ่มต้นสร้างเครดิตอย่างมั่นใจ กู้ได้เลยบนมือถือผ่าน MyMo ดอกเบี้ยเบา หมื่นละ 60 บาท/เดือน
รายละเอียดเพิ่มเติม >https://to.gsb.or.th/7kc2mL

✨ สำหรับผู้ที่ไม่เคยกู้สินเชื่อกับสถาบันการเงินใดมาก่อนในระยะเวลา 2 ปี
✨ วงเงินอนุมัติสูงสุด 20,000 บาท
✨ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.60 ต่อเดือน (Flat Rate)**
✨ ปลอดชำระเงินต้น 3 งวดแรก***
✨ ผ่อนชำระ 12 เดือน
✨ ไม่มีหลักประกัน
ลงทะเบียนขอสินเชื่อด้วยตัวเองได้ที่ MyMo

📌 ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่าจะครบวงเงินโครงการ หรืออย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
**เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ร้อยละ 12.96 ต่อปี
***งวดที่ 4-12 ชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
⚠️ รู้ก่อนกู้ .. กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

เมืองไทยประกันชีวิต ยกระดับการดูแลเด็กไทย ผ่านโครงการปรับปรุงศูนย์กุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจ รพ.จุฬาลงกรณ์ฯ

0

เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้าขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านสังคม ผ่านโครงการปรับปรุงศูนย์กุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อพัฒนาคุณภาพการดูแลสุขภาพเด็กไทยให้เท่าทันเทคโนโลยีและมาตรฐานสากล ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่ความรับผิดชอบต่อสังคม ตามแนวทางการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนของสังคมไทย

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต เปิดเผยว่า “การสนับสนุนงบประมาณเพื่อปรับปรุงศูนย์กุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจในครั้งนี้  ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ เมืองไทยประกันชีวิตในการตอบแทนสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ ผ่านการพัฒนาสภาพแวดล้อมในการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม ทันสมัย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โครงการนี้จะนำมาซึ่งประโยชน์หลากหลายด้าน อาทิ 

ด้านการยกระดับคุณภาพการรักษาพยาบาล  การปรับปรุงศูนย์ฯ จะช่วยให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ มีเครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น สามารถรองรับผู้ป่วยเด็กได้จำนวนมากขึ้น และให้บริการทางการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดระยะเวลาการรอคอย และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพสำหรับเด็กที่เจ็บป่วยซับซ้อน

ด้านการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฟื้นตัว  การออกแบบและปรับปรุงพื้นที่ให้มีความเหมาะสมกับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นห้องตรวจ ห้องพักผู้ป่วย หรือพื้นที่สำหรับกิจกรรม จะช่วยลดความตึงเครียดและความหวาดกลัวของเด็กและผู้ปกครอง สร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและอบอุ่น ซึ่งส่งผลดีต่อสภาพจิตใจและกระบวนการฟื้นตัวของเด็ก

ด้านการสนับสนุนการศึกษาและวิจัยทางการแพทย์  ศูนย์กุมารเวชกรรมแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางการเรียนการสอนและวิจัยของภาควิชากุมารเวชศาสตร์ การปรับปรุงจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเป็นแหล่งเรียนรู้และพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ในสาขากุมารเวชศาสตร์ให้มีขีดความสามารถมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมทางการแพทย์ในระยะยาว

นอกจากนี้การสนับสนุนในครั้งนี้ ยังสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับแนวทางการพัฒนาความยั่งยืนในมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาล (ESG) อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในมิติของสังคมซึ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิต เสริมสร้างสุขภาวะที่ดี และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม  โครงการนี้จึงมิใช่เพียงแค่การปรับปรุงโครงสร้างทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังมีส่วนในการส่งเสริมให้โครงสร้างทางสังคมแข็งแรงขึ้น อันเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

ในโอกาสนี้ นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมส่งมอบโครงการปรับปรุงศูนย์กุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย  ณ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ อาคาร สก. ชั้น 6 ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณ  จากเมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 19,200,000 บาท โดยโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่  ปี พ.ศ. 2564  โดยได้รับเกียรติจาก รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ ผศ.(พิเศษ) นพ.สมชาย ปรีชาวัฒน์ หัวหน้าศูนย์โรคหัวใจ  ศ.นพ.พรเทพ เลิศทรัพย์เจริญ อาจารย์พิเศษ  ศ.นพ.วิชัย เบญจชลมาศ อาจารย์พิเศษ และผศ.นพ.วิทวัส ลออคุณ หัวหน้าหน่วยกุมารโรคหัวใจ ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์  ให้การต้อนรับพร้อมนำเยี่ยมชม

“Legacy & Future: 50 Years of Thai Capital Market” งานสัมมนา 50 ปี ตลาดหลักทรัพย์ฯ มองอดีต ถอดบทเรียน สร้างอนาคตตลาดทุนไทยที่ยั่งยืน

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงานสัมมนา “Legacy & Future: 50 Years of Thai Capital Market” เนื่องในวาระครบรอบ 50 ปี เปิดมุมมองและวิสัยทัศน์ยกระดับบรรษัทภิบาลตลาดทุนไทยสู่ความยั่งยืน ได้รับเกียรติจากคุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแนวทางพัฒนาตลาดทุนไทยในอนาคต เน้นย้ำบทบาทสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการเป็นเสาหลักเศรษฐกิจไทย

รวมทั้ง เสวนา The Legacy: “มองอดีต สร้างอนาคต บรรษัทภิบาลไทย” โดยอดีตประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ดร. ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ดร. ประสาร ไตรรัตน์วรกุล และประธานกรรมการคนปัจจุบัน ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ และThe Future: “SET NEXT 50” อนาคตตลาดทุนไทยในครึ่งศตวรรษหน้า โดย ดร. สันติธาร เสถียรไทย นักยุทธศาสตร์แห่งอนาคต และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ดร. ชาริกา ชาญนันทพิพัฒน์ นักวิชาการ ด้านการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และคุณนครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และบรรณาธิการบริหาร THE STANDARD

เมืองไทยสไมล์คลับ จัดกิจกรรม พอยท์น้อยก็ได้ลุ้นกับ “เมืองไทยสไมล์มอบโชค 2568 ครั้งที่ 1”

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  โดยเมืองไทยสไมล์คลับ  เชิญชวนสมาชิกร่วมสนุกกับกิจกรรม “เมืองไทยสไมล์มอบโชค 2568 ครั้งที่ 1” เพียงใช้คะแนนสะสม Smile Point 2 คะแนน    แลกรับคูปองชิงโชค 1 ใบ เพื่อลุ้นรับ รถจักรยานยนต์ Honda Giorno+ มูลค่า 73,900 บาท จำนวน  3 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 220,000 บาท และสมาชิกฯ ที่อัปเดตข้อมูลส่วนตัวผ่าน MTL Click Application หรือผ่านระบบการแสดงตน (KYC) บนเว็บไซต์ของบริษัท จะได้รับคูปองชิงโชคเพิ่มอีก 2 ใบ ฟรีทันที!

โดยสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับสามารถแลกคะแนนสะสม Smile Point ได้ผ่านช่องทาง MTL Click Application  หรือ โทร 1766 กด 4  หรือศูนย์บริการลูกค้า เมืองไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ ทุกสาขา ระยะเวลาร่วมแลกคะแนนลุ้นโชคได้ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2568 – 15 กรกฎาคม 2568  จับรางวัลวันที่ 20 สิงหาคม 2568        

ทั้งนี้ สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ สามารถติดตามกิจกรรมและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมสิทธิประโยชน์สุดพิเศษตลอดทั้งปี ได้ที่เว็บไซต์เมืองไทยประกันชีวิต www.muangthai.co.th  หรือดาวน์โหลด MTL Click  Application ได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1766 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือศูนย์บริการลูกค้าทั่วประเทศ