Home Blog Page 6

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขับเคลื่อนการศึกษาด้านความยั่งยืน เสริมศักยภาพอาจารย์ผ่านโครงการ ESG Campus Lecturers Program

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดโครงการพัฒนาอาจารย์เพื่อจัดการเรียนการสอนด้านความยั่งยืนในระดับอุดมศึกษา (ESG Campus Lecturers Program) มุ่งยกระดับความรู้และทักษะที่จำเป็นในการสร้างบุคลากรด้านความยั่งยืน (ESG Professionals) ให้เพียงพอและตรงกับความต้องการของภาคธุรกิจ

เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างภาคธุรกิจและภาคการศึกษา โดย รัตน์วลี อนันตานานนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวเปิดโครงการ และมีอาจารย์เข้าร่วม 88 ท่าน จาก 27 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 9-11 กรกฎาคม 2568

AIS 3BB FIBRE3 เปิดเกมรุกใหญ่ครึ่งปีหลัง 2568 ชูดีลเด็ด “พรีเมียร์ลีก + เน็ตแรง” ปลุกตลาดเน็ตบ้านทั่วไทย เสริมแกร่งธุรกิจผับบาร์ ดันมาตรฐานใหม่สู่อีเวนต์ยุคดิจิทัล

0

AIS 3BB FIBRE3 เดินเกมผู้นำตลาดโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของประเทศไทย ประกาศกลยุทธ์ธุรกิจครึ่งปีหลัง 2568 ต่อยอดแนวคิด “BOOSTING YOUR BRIGHTER FUTURE – อนาคตที่มากกว่าเพื่อคุณ” ที่เชื่อมต่อ-สร้างโอกาส-มอบความสุขให้ลูกค้าเน็ตบ้าน พร้อมเดินหน้ายกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมเน็ตบ้านไทย เปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำและบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล ทั้งด้าน ความเร็ว ความบันเทิง ความปลอดภัย และโอกาสทางธุรกิจ ตอกย้ำภารกิจดูแลลูกค้ากว่า 5 ล้านราย รวมถึงการสนับสนุนภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ และองค์กรภาครัฐ-เอกชนในทุกภาคส่วน เพื่อร่วมสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

นายยอดชาย อัศวธงชัย หัวหน้าหน่วยธุรกิจการค้า ธุรกิจบรอดแบนด์ AIS กล่าวว่า “ปัจจุบัน AIS 3BB FIBRE3 ยังคงเป็นโครงข่ายเน็ตบ้านอันดับ 1  ที่มีฐานผู้ใช้งานมากกว่า 5 ล้านราย ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการทั้ง 77 จังหวัด 928 อำเภอ ครบทั่วประเทศ 7,379 ตำบล สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อโครงข่ายและบริการของเรา ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมเน็ตบ้านไทยในวันนี้ มีจำนวนเลขหมายผู้ใช้บริการเน็ตบ้าน และอัตราการเข้าถึงบริการเน็ตบ้านต่อประชากร (Penetration rate) อยู่ที่ 36.8% แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตอีกมากในอนาคต AIS 3BB FIBRE3 จึงเดินหน้าเชื่อมต่อทุกการใช้งาน ภายใต้แนวคิด ‘BOOST YOUR BRIGHTER FUTURE’ ด้วยการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ เพราะเราเชื่อว่าธุรกิจเน็ตบ้านในวันนี้ ไม่ได้วัดกันแค่ความเร็วหรือความแรง แต่ต้องเข้าถึงความต้องการของทุกบ้านอย่างแท้จริง”

ภายใต้แนวคิด “BOOST YOUR BRIGHTER FUTURE – อนาคตที่มากกว่าเพื่อคุณ” AIS 3BB FIBRE3
มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจบรอดแบนด์ด้วย 3 แกนกลยุทธ์หลัก ได้แก่ “เชื่อมต่อ-สร้างโอกาส-มอบความสุข”

  • MORE CONNECTIVITY – เชื่อมต่อและเติมเต็มไลฟ์สไตล์ดิจิทัลที่เหนือกว่า

AIS 3BB FIBRE3 จัดเต็มประสบการณ์ความบันเทิงเต็มรูปแบบ ด้วยเน็ตบ้าน AIS 3BB FIBRE3 ที่ลูกค้าสามารถรับชมคอนเทนต์ระดับโลกจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เชียร์สดแบบครบทุกแมตช์ผ่าน AIS PLAY และ MONOMAX พร้อมความบันเทิงเต็มรูปแบบกับ หนัง ซีรีส์ และแอปสตรีมมิงชั้นนำอีกมากมาย ราคาเริ่มต้นเพียง 199 บาท/เดือน (ราคาพิเศษตั้งแต่วันนี้ – 9 สิงหาคม 2568 เท่านั้น) หรือรับชมผ่านจอใหญ่เพียงสมัครแพ็กเกจ 299 บาท/เดือน เพื่อรับชมคอนเทนต์บน AIS PLAYBOX และแพ็กเกจสำหรับร้านอาหารและสถานบันเทิง เริ่มต้นที่ 2,800 บาท/เดือน พร้อมสิทธิ์รับชมพรีเมียร์ลีก และเอมิเรตส์ เอฟเอ คัพ ครบทุกแมตช์แบบถูกลิขสิทธิ์ สร้างโอกาสเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากทั่วประเทศ

พิเศษ! เติมเต็มสีสันต้อนรับฤดูกาลแข่งขัน กับแคมเปญ “เฮลั่น ลีกลุ้นล้าน” สำหรับลูกค้าAIS และ AIS 3BB FIBRE 3 ทั้งลูกค้าใหม่ที่เปิดเบอร์ หรือสมัครและติดตั้งเน็ตบ้านพร้อมสมัครแพ็กเกจเสริมพรีเมียร์ลีก และลูกค้าปัจจุบันทั้ง AIS และ AIS 3BB FIBRE3 ที่มีกล่อง AIS PLAYBOX แล้วสมัครแพ็กเกจเสริมพรีเมียร์ลีก ลุ้นทริปพิเศษเส้นทาง Scotland – English 8 วัน 6 คืน พร้อมเชียร์ทีมโปรดระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้  ลุ้นรับของรางวัลทุกสัปดาห์ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 กันยายน 2568 ที่ www.ais.th/consumers/fibre/package/premier

นอกจากที่สุดของคอนเทนต์ระดับโลกที่ตอบโจทย์คอกีฬาแล้ว AIS 3BB FIBRE3 ยังเดินหน้ายกระดับเทคโนโลยีการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวครั้งแรก! กับ Router AI 2G ที่รองรับความเร็วสูงสุดถึง 2Gbps ทั้งผ่าน Wi-Fi และ LAN มาพร้อมเทคโนโลยี Wi-Fi 7 Multi-RU และชิป AI อัจฉริยะ ลดสัญญาณรบกวนและความหน่วงได้กว่า 50% พร้อมเร่งความเร็วการทำงานของแอปพลิเคชัน เช่น การสตรีมสด เกมออนไลน์ และการประชุมทางวิดีโอ รองรับอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 128 เครื่อง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ทั้งอีสปอร์ต, โลกเมตาเวิร์ส ได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด มอบประสบการณ์อินเทอร์เน็ตบ้านระดับ Ultra-Gigabit อย่างแท้จริง 

  • MORE OPPORTUNITY – สร้างโอกาสทางธุรกิจที่มากกว่า

AIS 3BB FIBRE3 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีโครงข่าย เปิดตัว “PRO-EVENT SOLUTION” โซลูชันอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับ 2Gbps ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การจัดงานอีเวนต์ยุคใหม่ ครอบคลุมการเชื่อมต่อจากโครงข่าย AIS และ 3BB FIBRE สู่สถานที่จัดงานโดยตรง ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่ให้ทั้งความเร็ว ความเสถียร และความแรงระดับสูงสุด รองรับการใช้งานได้ทั้งในร่มและกลางแจ้งทั่วประเทศ

PRO-EVENT SOLUTION เหมาะสำหรับผู้จัดงานอีเวนต์มืออาชีพทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Live Stream, Conference, Concert, E-Sport Tournament, งานแสดงสินค้า ไปจนถึงเทศกาลขนาดใหญ่ พร้อมทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบโครงข่าย การติดตั้ง จนถึงการดูแลหน้างานตลอดการจัดงาน เพื่อให้ทุกกิจกรรมเดินหน้าได้อย่างไร้สะดุด

โซลูชันนี้สะท้อนพันธกิจของ AIS 3BB FIBRE3 ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้ยกระดับศักยภาพธุรกิจอีเวนต์ ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ล้ำสมัย ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอีเวนต์ไทยในยุคดิจิทัล

  • MORE HAPPINESS – มอบความสุขและความอุ่นใจที่มากกว่า

เติมเต็มคุณภาพชีวิตและความอุ่นใจให้ทุกครอบครัว ทุกบ้าน ด้วยแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพร้อมความคุ้มครองที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรกับ AIS 3BB FIBRE3 HOME INSURANCE สมัครแพ็กเกจเริ่มต้นเพียง 699 บาท/เดือน รับฟรี! ประกันภัยจาก MSIG คุ้มครองจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ สูงสุด 500,000 บาท วงเงินครอบคลุมที่อยู่อาศัยจากโจกรรม สูงสุด 100,000 บาท วงเงินครอบคลุมทรัพย์สินส่วนบุคคล และชดเชยค่าใช้จ่ายในการดับเพลิง สูงสุดอย่างละ 50,000 บาท รับความช่วยเหลือเหตุฉุกเฉินในบ้าน 24 ชั่วโมง 1 ครั้งต่อปีพร้อมรับความคุ้มครองประกันที่อยู่อาศัยทันที ไม่ต้องรอลงทะเบียนรับความช่วยเหลือเหตุฉุกเฉินในบ้าน 1 ครั้งต่อปี

นอกจากนี้ ลูกค้า AIS 3BB FIBRE3 จะได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษตลอดทั้งปี ผ่านกิจกรรมและสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ Exclusive Trips ท่องเที่ยวเหนือระดับ พร้อมบริการครบวงจร Points Redemption แลกรับของรางวัล บริการพรีเมียม หรือสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ  Special Concert รับสิทธิ์เข้าร่วมคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟ นอกจากนี้ ยังมีคอนเทนต์ใหม่จาก AIS PLAYBOX ที่จะเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งช่องข่าวชั้นนำอย่าง Bloomberg, Fox News, Fox Business ช่องกีฬาระดับโลก Eurosport, LFCTV, W-Sport รวมถึงอัปเดตคอนเทนต์ชั้นนำจาก Netflix, Disney+ Hotstar และพิเศษยิ่งกว่าสำหรับลูกค้าที่สมัครแพ็กเกจ HBO Max สามารถรับชมคอนเทนต์ระดับพรีเมียมได้ พร้อมติดตามแคมเปญพิเศษกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดและซีรีส์ Original มาตอกย้ำความมุ่งมั่นของ AIS 3BB FIBRE3 ในการเป็นผู้นำด้านความบันเทิงภายในบ้านอย่างแท้จริง รายละเอียดเพิ่มเติมเร็วๆ นี้!

“AIS 3BB FIBRE3 ยังคงมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเน็ตบ้าน ด้วยแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านเทคโนโลยี บริการ และประสบการณ์ของลูกค้า เพื่อสร้าง ‘อนาคตที่มากกว่า’ ให้กับคนไทยทุกบ้านอย่างแท้จริง” นายยอดชาย กล่าวปิดท้าย

สมัครแพ็กเกจหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/consumers/fibre หรือ AIS Shop และ 3BB Shop ทุกสาขา, AIS Call Center โทร. 1175 หรือ 3BB Call Center โทร. 1530

เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลังภาคธุรกิจประกัน จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตเนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 24

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน กองทุนประกันชีวิต และบริษัทประกันชีวิตชั้นนำทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “บริจาคโลหิตเพื่อชีวิตเพื่อนมนุษย์” เนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2568 เพื่อเชิญชวนบุคลากรในอุตสาหกรรมประกันชีวิต และประชาชนทั่วไป ร่วมกันแสดงพลังความดี ด้วยการแบ่งปันโลหิตซึ่งเป็นของขวัญล้ำค่าต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์

ภายในงาน ได้รับเกียรติจาก นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในธุรกิจประกันชีวิต ร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิตอย่างพร้อมเพรียง โดยมี รศ. พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวแสดงความชื่นชม และขอบคุณที่ภาคธุรกิจประกันชีวิตให้การสนับสนุนกิจกรรมอย่างต่อเนื่องโดยเมืองไทยประกันชีวิตได้มอบหมายผู้แทนบริษัทฯ ได้แก่ นายปราโมทย์ ศักดิ์กำจร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และนายศรายุธ  ทินกร ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส  พร้อมผู้บริหารฝ่ายขาย ตัวแทน   และพนักงาน เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

กิจกรรมครั้งนี้ตั้งเป้าระดมผู้บริจาคโลหิตทั่วประเทศกว่า 15,000 ราย คาดว่าจะจัดหาโลหิตสำรองได้ไม่น้อยกว่า 6,000,000 ซีซี เพื่อนำไปใช้รักษาผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ที่ต้องได้รับโลหิตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยผ่าตัด อุบัติเหตุรุนแรง และโรคเรื้อรัง เช่น ธาลัสซีเมีย และเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งต้องการโลหิตอย่างทันท่วงทีเพื่อรักษาชีวิต  โดยข้อมูลจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2567 ประเทศไทยยังมีผู้บริจาคโลหิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยมีผู้บริจาคปีละ 1 ครั้ง ประมาณ      1 ล้านคน และผู้บริจาคปีละ 2 ครั้ง ประมาณ 300,000 คน ส่งผลให้หลายโรงพยาบาลประสบภาวะโลหิตขาดแคลนต่อเนื่อง

ทั้งนี้การบริจาคโลหิตจึงไม่เพียงช่วยชีวิตผู้อื่น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้บริจาค ทั้งในด้านสุขภาพ เช่น การกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดใหม่ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และได้รับการตรวจสุขภาพเบื้องต้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมืองไทยประกันชีวิตให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ผ่านโครงการ “สุขใจผู้ให้…เติมใจผู้รับ” โดยเปิดพื้นที่รับบริจาคโลหิตทั้งที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ และสาขาภูมิภาค ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ โดยตั้งแต่ปี 2567 จนถึงเดือนมิถุนายน 2568 มีปริมาณโลหิตที่ได้รับรวมกว่า 384,800 ซีซี สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของบริษัทในการมีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมแห่งการแบ่งปัน ตลอดจนความร่วมมือร่วมใจของผู้บริหาร พนักงาน และผู้มีจิตศรัทธา

กิจกรรมนี้จึงไม่เพียงเป็นการตอบแทนสังคมในเชิงจิตอาสาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนหลักการมิติด้านสังคม “Social” ของแนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) ที่เมืองไทยประกันชีวิตยึดถือมาอย่างต่อเนื่อง โดยส่งเสริมให้พนักงาน ตัวแทน และประชาชนทั่วไป มีส่วนร่วมสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน

เมืองไทยประกันชีวิตขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมบริจาคโลหิตครั้งนี้ เพราะ “หนึ่งหยดโลหิตของคุณ อาจต่อชีวิตให้ใครอีกหลายคน”  

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับคุมเข้ม DV8 ระดับ 2 ห้าม Net settlement และซื้อขายด้วยวิธี Auction

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยกระดับมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ DV8 เป็นระดับ 2 ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. – 5 ส.ค. 2568 ส่งผลให้ในช่วงเวลาดังกล่าว หลักทรัพย์ DV8 จะซื้อขายด้วยวิธี Auction และห้าม Net settlement เพิ่มเติมจากเงื่อนไขที่กำหนดในมาตรการระดับ 1 โดยผู้ลงทุนที่จะซื้อขายหลักทรัพย์ DV8 สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ 3 ช่วง คือ Pre-open 1/ Pre-open 2 และ Pre-close และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสุ่มเวลาจับคู่ (random) วันละ 3 รอบ ดังนี้

หลักทรัพย์ DV8 เริ่มอยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. 2568 เนื่องจากสภาพการซื้อขายปรับตัวเปลี่ยนแปลงไปจากก่อนหน้าอย่างมาก โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานและสารสนเทศสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ช่วงที่อยู่ในมาตรการพบว่าปริมาณการซื้อขายลดลงอย่างมาก (เฉลี่ยวันละ 5 ล้านหุ้น) ขณะที่ราคายังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สภาพการซื้อขาย DV8 ในวันนี้ (15 ก.ค. 2568) ปรับตัวสูงมากทั้งราคาและปริมาณ โดยราคาปิด New high ที่ 8.60 บาท (+21.13%) ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ 18 ล้านหุ้น ด้วย P/E ขาดทุน และ P/BV ที่ 15.4 เท่า ส่งผลให้ Market Cap ปรับสูงขึ้นเป็น 11,356 ล้านบาท จาก 700 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 เดือน โดยพบว่าในช่วงก่อนหน้า (วันที่ 3 ก.ค. และ 11 ก.ค. 2568) บริษัทแจ้งสารสนเทศเกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อ (Tender offer) ที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาดอย่างมากที่ราคาหุ้นละ 0.56 บาท โดยหากซื้อได้ไม่ถึง 990 ล้านหุ้น จะยกเลิกการทำ Tender offer และผู้ทำคำเสนอซื้อมีแผนที่จะนำเสนอการขยายธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ของธุรกิจ คาดว่าจะได้ความแน่นอนเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนภายในไตรมาส 4 ปี 2568 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงยกระดับมาตรการกำกับการซื้อขายเป็นระดับ 2 ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. – 5 ส.ค. 2568 และขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือประกอบให้รอบคอบก่อนการลงทุน 

ไม่หวั่น “ท่วม-แล้ง” มีธนาคารน้ำใต้ดินช่วย … สร้างโมเดลบริหารจัดการน้ำของเกษตรกร

0

เมื่อพูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อวิถีเกษตรกรรม “น้ำ” คือปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่หลายชุมชนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วม น้ำแล้ง หรือการขาดแคลนแหล่งน้ำสำรอง ยิ่งในยุคที่สภาพอากาศแปรปรวน การบริหารจัดการน้ำจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

“เมื่อปี 2564 หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้าของเรา มีปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก จนต้องซื้อน้ำมาใช้ในการเลี้ยงหมูและปลูกพืช แต่เมื่อฝนตกหนัก กลับมีปัญหาน้ำท่วมขัง จึงนึกถึงแนวคิด “ธนาคารน้ำใต้ดิน” ซึ่งเป็นระบบเติมน้ำฝนหรือน้ำส่วนเกินในฤดูฝน ลงไปเก็บในชั้นหินอุ้มน้ำใต้ดิน เหมือนการออมทรัพยากรธรรมชาติไว้ใช้ยามจำเป็น เราจึงเริ่มทำโครงการนับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีปัญหาภัยแล้งหรือน้ำท่วมขังอีกเลย” ภักดี ไทยสยาม ประธานกรรมการ หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บอกเล่าถึงที่มา

โครงการเริ่มต้นด้วยการร่วมมือกันของเกษตรกรในหมู่บ้านฯ และทีมงานซีพีเอฟที่เป็นพี่เลี้ยงคอยสนับสนุนหมู่บ้านฯ มาตลอด 48 ปี ควบคู่กับการถ่ายทอดความรู้อย่างลึกซึ้ง จากสถาบันน้ำนิเทศศาสนคุณ โดยผนวกความรู้ทางธรณีวิทยา การไหลของน้ำ และแนวคิดพึ่งพาตนเอง จนสามารถพัฒนาระบบธนาคารน้ำใต้ดิน ทั้งแบบเปิดและแบบปิดได้อย่างครบวงจร ช่วยหล่อเลี้ยงทั้งการเลี้ยงหมูและการปลูกพืชซึ่งเป็นอาชีพหลักของชุมชนได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่น้ำที่เพียงพอ แต่ยังช่วยลดต้นทุนค่าน้ำได้ถึงปีละ 1 ล้านบาท แก้ปัญหาน้ำท่วมขัง น้ำเน่าเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นในดิน ยกระดับสุขอนามัยในชุมชน จนทำให้หมู่บ้านฯ แห่งนี้กลายเป็น “ศูนย์เรียนรู้ธนาคารน้ำใต้ดิน” ที่หลายชุมชนเข้ามาศึกษาและนำไปปรับใช้

จากความสำเร็จของหนองหว้า ที่เป็นต้นแบบของการ “ฝากน้ำไว้กับดิน” ขยายผลสู่ หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมขังในฤดูฝนและขาดแคลนน้ำหน้าแล้งมายาวนาน

“ชุมชน องค์กรปกครองท้องถิ่น และซีพีเอฟ ร่วมมือกันภายใต้แนวคิด “ขีด คิด ร่วม ข่าย” ริเริ่มโครงการธนาคารน้ำใต้ดินอย่างเป็นระบบ โดยศึกษาดูงานจากหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ ไปจนถึงการขุดบ่อธนาคารน้ำแบบเปิดและปิดภายในพื้นที่ รวม 10 บ่อ ชาวชุมชนสามารถนำพื้นที่เดิมที่ถูกน้ำท่วมขังกลับมาใช้ประโยชน์ทางเกษตรได้มากกว่า 50 ไร่ มีน้ำใช้ในการเลี้ยงหมูและปลูกพืชได้ตลอดปี พร้อมต่อยอดสู่โครงการ “1 บ้าน 1 บ่อ” ให้ครอบคลุมครบ 40 ครัวเรือนภายในปี 2569” พิเชษฐ์ ใหญ่แก่นทราย ประธานหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร บอกอย่างภูมิใจ

ที่นี่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การจัดการน้ำ แต่ยังพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ ที่เปิดให้ชุมชนอื่นๆ เข้ามาศึกษาดูงาน ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่คนรุ่นใหม่ หน่วยงานท้องถิ่น และเกษตรกรจากทั่วประเทศ สิ่งที่น่าทึ่งไม่ใช่แค่เทคโนโลยีหรือโครงสร้างของบ่อธนาคารน้ำ แต่คือ “กระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน” ที่ทำให้คนในชุมชนเชื่อมั่นว่า พวกเขาสามารถดูแลทรัพยากรของตนเองได้จริง

วันนี้ ธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ ต่อยอดความสำเร็จของโครงการธนาคารน้ำใต้ดินทั้งสองหมู่บ้าน สู่สถานประกอบการของบริษัทอีก 8 แห่ง ทั้งที่ ฟาร์มสุรินทร์ ฟาร์มยโสธร ฟาร์มจอมทอง ฟาร์มวังชมภู ฟาร์มอุดมสุข ฟาร์มราชบุรี รวมถึงที่โรงชำแหละสุกรจันทบุรีและยโสธร ให้หันมากักเก็บน้ำไว้ใช้เอง ลดการพึ่งพาน้ำดิบจากธรรมชาติ

โครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ทั้งที่หนองหว้า กำแพงเพชร รวมถึงฟาร์มและโรงชำแหละของซีพีเอฟ สะท้อนให้เห็นว่า การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีราคาแพง แต่เป็นการผสานพลังของชุมชน ภาคเอกชน และองค์ความรู้ท้องถิ่นเข้าด้วยกัน ธนาคารน้ำใต้ดินจึงไม่ได้เป็นแค่บ่อเก็บน้ำใต้ดิน แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของการ “คิดอย่างเป็นระบบ ทำอย่างมีส่วนร่วม และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” ที่ช่วยให้ชุมชนมีทรัพยากรน้ำเพียงพอ รองรับวิถีชีวิตเกษตรกรรม และสร้างความมั่นคงทางน้ำในระยะยาว เพราะการฝากน้ำไว้กับดิน คือการวางรากฐานเพื่อความมั่นคงในอนาคต.


ชวนฟังสัมมนา SET Sustainability Forum หัวข้อ Claims, Consequences, and Credibility: Capital Market for Climate Action 16 ก.ค. นี้

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอเชิญผู้ประกอบการและผู้สนใจร่วมงานสัมมนา SET Sustainability Forum ครั้งที่ 2/2025 หัวข้อClaims, Consequences, and Credibility: Capital Market for Climate Action” รับฟังแนวทางและการดำเนินการของภาคส่วนต่าง ๆ พร้อมมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ ในการขับเคลื่อนตลาดทุนไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในการจัดการปัญหาสภาพภูมิอากาศที่โปร่งใสและวัดผลได้ โดยมี ดร. ไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ปาฐกถาพิเศษ  “Proof Your Climate Pledges as Grounded Governance” ถึงการเชื่อมโยงระหว่างคำมั่นสัญญาด้านสภาพภูมิอากาศกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี สู่การปฏิบัติจริงที่วัดผลได้ในระดับองค์กร และ ดร. ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บรรยายถึงบทบาทตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนของตลาดทุนและเศรษฐกิจไทย

นอกจากนี้ ยังมีเสวนาอีก 2 ช่วง โดยช่วงแรก “Multi-Regulatory Approach: Enabling Thailand’s Climate Transition” ชี้ถึงกรอบการดำเนินการและเครื่องมือสนับสนุนจากหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อให้ภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และเตรียมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงรอบด้านในอนาคต ร่วมด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานหลักของประเทศ ทั้งภาคการคลัง การเงิน ตลาดทุน และประกันภัย และช่วงที่สอง “Investment Consequences: Allocating Capital for Credible Transition” เจาะลึกมุมมองและหลักเกณฑ์ของผู้จัดสรรเงินทุน ในการนำข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศไปใช้ประเมินมูลค่าและตัดสินใจลงทุน ร่วมด้วยวิทยากรผู้มีประสบการณ์ด้านการลงทุน การเงิน และการวิจัยเชิงนโยบาย จากองค์กรชั้นนำของประเทศ

งานสัมมนา SET Sustainability Forum 2/2025 หัวข้อ “Claims, Consequences, and Credibility: Capital Market for Climate Action กำหนดจัดขึ้นวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00-17.30 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 7 อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ https://s.setth.org/x99 ไม่มีค่าใช้จ่าย

เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบ “เครื่องดูดเสมหะ” เพื่อฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ พัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชน

0

เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ร่วมมอบเครื่องดูดเสมหะ จำนวน 11 เครื่อง แก่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อใช้ในการฝึกอบรมหลักสูตรผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งสร้างอาชีพและพัฒนาทักษะให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มสตรีและครอบครัวกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Care Giver) ได้อย่างมีคุณภาพ

โครงการนี้จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 11 ปีของมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม โดยร่วมกับเมืองไทยประกันชีวิต เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนขององค์กรในมิติสิ่งแวดล้อม  สังคม บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (ESG)  โดยเฉพาะมิติสังคมที่มุ่งส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มที่ขาดโอกาส พร้อมสนับสนุนบทบาทของภาครัฐในการยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้สูงอายุในสังคมไทย  ซึ่งเครื่องดูดเสมหะที่มอบให้ในครั้งนี้ เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นสำหรับการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง โดยจะนำไปใช้เป็นสื่อฝึกปฏิบัติจริงในหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ (care giver) เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีทักษะที่ถูกต้องและพร้อมนำไปใช้งานจริงภายหลังสำเร็จการอบรม

การอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุถือเป็นการดูแลด้านสังคมที่ให้ผลตอบแทนอย่างรอบด้าน ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาวะของประชาชน โดยประโยชน์ทางตรง คือ การสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ ในขณะที่ประโยชน์ทางอ้อม คือ การยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวและชุมชน ช่วยลดภาระของระบบสาธารณสุข และส่งเสริมให้สังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน   ทั้งนี้ผู้สนใจเข้าอบรมสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนา กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว  โทร. 02-306-8767  โดยมีศูนย์ฝึกอาชีพบริการในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำนวน 12 แห่ง

สำหรับกิจกรรมนี้ได้รับเกียรติจาก นางจตุพร โรจนพานิช รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และ   นางพรนิภา มาสิลีรังสี  รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ  เป็นผู้รับมอบ โดยมี นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม และ นายปราโมทย์ ศักดิ์กำจร                 รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  ร่วมมอบเครื่องดูดเสมหะ จำนวน 11 เครื่อง

ทั้งนี้ เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ยังคงเดินหน้าส่งเสริมโอกาสทางสังคม ผ่านการสนับสนุนกิจกรรมด้านสาธารณสุข การศึกษา และการพัฒนาอาชีพ ภายใต้แนวคิด “การให้ที่ยั่งยืน” เพื่อสร้างประโยชน์ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และสังคมโดยรวม อันเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญขององค์กรในการขับเคลื่อนสังคมไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป ตลอดจนตอกย้ำสโลแกนของมูลนิธิเมืองไทยยิ้มตลอดระยะเวลา 11 ปี คือ ร่วมสร้างรอยยิ้มให้สังคมไทย #เมืองไทยประกันชีวิต #มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม #muangthailife

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนอุดหนุนผลไม้ช่วยเหลือเกษตรกรไทย กับแคมเปญ “รวมพลังอุดหนุนผลไม้ไทยยกกำลัง 2”

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จับมือกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ร่วมสนับสนุนผลไม้ไทย กระตุ้นการบริโภคและช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปิดด่านชายแดน และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้ผลผลิตออกมาจำนวนมาก จนทำให้มีปริมาณล้นตลาด

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้จัดแคมเปญภายในองค์กร “รวมพลังอุดหนุนผลไม้ไทยยกกำลัง 2” เชิญชวนพนักงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมอุดหนุนมังคุดจากจังหวัดชุมพร บรรจุในตะกร้า ขนาด 4.5 กิโลกรัม ราคา 150 บาท โดยเมื่อพนักงานซื้อผลไม้ 1 ตระกร้า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะซื้อเพิ่มอีก 1  ตระกร้า เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่กลุ่มผู้เปราะบางผ่านเครือข่ายพันธมิตรของตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สนับสนุนเกษตรกรชาวสวนมังคุดภาคใต้ โดยมียอดซื้อรวมทั้งสิ้น 5,400 กิโลกรัม  โดยยอดสั่งซื้อมังคุดของพนักงาน รวมทั้งสิ้น 2,700 กิโลกรัม และตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งซื้อเพิ่มอีก 2,700 กิโลกรัม เพื่อส่งมอบแก่ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่โดยรอบตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่ ศูนย์บริการสาธารณสุข 4 ดินแดง ศูนย์บริการสาธารณสุข 52 สามเสนนอก ศูนย์บริการสาธารณสุข 26 ห้วยขวาง และสถานพยาบาล ได้แก่ สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลราชวิถี (หอผู้ป่วยยากไร้)

พร้อมเชิญชวนภาคธุรกิจและองค์กรในตลาดทุน ร่วมอุดหนุนผลไม้ไทยช่วยเหลือเกษตรกร โดยสั่งซื้อได้ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่ ID Line @ditthaifruits  หรือโทร. 098-8935699, 092-5139944

ตลาดหลักทรัพย์ฯ มอบรางวัลประกวดคลิปความรู้ทางการเงิน Happy Money Content Creator

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มอบรางวัลประกวดคลิปความรู้ทางการเงินแก่อินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่เข้าร่วมแคมเปญ “Happy Money Content Creator” โดยมี ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ พรรณวดี ลดาวัลย์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ อัยยา ตันติเสรีรัตน์ บ. เทลสกอร์ (Tellscore) ร่วมมอบรางวัล เมื่อ 17 มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา

แคมเปญนี้เป็นความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ และ บ. เทลสกอร์ ชวนเหล่าอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ยุคใหม่เรียนรู้และเข้าใจเรื่องการเงินการลงทุนที่ถูกต้อง เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่ตนเองพร้อมเป็นสื่อกลางส่งต่อความรู้ มีผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศ รวม 10 รางวัล หวังเป็นพลังสำคัญในการบอกต่อความรู้ผลักดันสังคมไทยไปสู่ความสุขทางการเงินได้อย่างยั่งยืน สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามคอนเทนต์จากเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ได้ที่ www.set.or.th/happymoneycontentcreator

รู้เก็บรู้ออม : ธุรกิจสาย Green สร้างโลก Clean

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้ หลายคนอาจมองว่าการไปเที่ยวเป็นเรื่องฟุ่มเฟือย แต่จริงๆแล้วการได้ออกเดินทางไปเปิดหูเปิดตา ถือเป็นการชาร์จแบตฯ เติมพลังชีวิตให้สู้กันต่อไป และหากเที่ยวไปด้วยได้ความรู้ไปด้วย ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี

“คุณนายพารวย” แนะนำพิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน INVESTORY ให้เป็นตัวเลือกการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนอกจากเป็นการเที่ยวพักผ่อนแล้ว ยังได้เพลิดเพลินกับความรู้ด้านการเงินการลงทุนที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง และเป็นสถานที่เที่ยวที่ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล อยู่ในเมือง ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย

ตอนนี้ INVESTORY กำลังจะจัดกิจกรรม Plearn Talk & TOUR หัวข้อ “ธุรกิจ สาย Green สร้างโลก Clean เพื่อเราทุกคน” ในวันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2568 นี้ ตั้งแต่เวลา 14.00-16.00 น. ที่บริเวณชั้นใต้ดิน อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ อยากชวนผู้สนใจ มาร่วมฟังเรื่องเล่าจากผู้ประกอบธุรกิจสาย Green ที่เปลี่ยนความใส่ใจสิ่งแวดล้อมให้กลายเป็นพลังสร้างโลกอย่างยั่งยืน

พบกับวิทยากรรับเชิญ คุณดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซาบีน่า และ คุณณัฐพล คำถาเครือ ผอ.อาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์การทำธุรกิจสาย Greenดำเนินรายการโดย คุณขวัญชนก วุฒิกุล ผู้ร่วมก่อตั้งเพจเรียลลงทุน

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีโครงการ New Life Bra CYCLE ที่ชวนให้ผู้ร่วมงานช่วยกัน SAVE โลกกับซาบีน่า โละชุดชั้นในเก่าหรือที่ไม่ใช้แล้ว ไม่จำกัดยี่ห้อ สามารถนำมาเข้าสู่กระบวนการทำลายอย่างถูกวิธี เพื่อเป็นพลังงานสะอาดต่อไป

สำหรับคนที่มีเวลาว่างทั้งวัน สามารถมาเดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์ INVESTORY ก่อนก็ได้ เพราะจะมีการจัดวอล์กทัวร์เดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์ และเยี่ยมชมนิทรรศการชุดพิเศษ INVESTOPIA หรือนครหุ้นยั่งยืน ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งใจจัดแสดงขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนอย่างยั่งยืน  ผู้ชมนิทรรศการจะได้สำรวจโลกของการลงทุนผ่านแนวคิด ESG (Environmental, Social, and Governance) และทำความรู้จักหุ้นยั่งยืนมากขึ้น

ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี ได้ที่ https://s.setth.org/htu “คุณนายพารวย” อยากชวนให้มาลองใช้เวลาว่างในวันหยุดให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ พร้อมฟังเสวนาที่จะทำให้เราแค่ “เปลี่ยนมุมคิด” ก็ช่วยโลกได้มากกว่าที่คิด!

พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน Investory แหล่งเรียนรู้ด้านการเงินการลงทุนแห่งแรกของไทย พร้อมต้อนรับทุกคนที่ต้องการเติมเต็มความรู้ด้านการลงทุน สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน และเปิดโลกการเรียนรู้ไปด้วยกัน เปิดให้บริการทุกวัน (ยกเว้น วันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 09.30–18.00 น.

คุณนายพารวย