Home Blog Page 5

ศาลแพ่งสั่งคืนเงินหุ้น MORE ที่อายัดให้โบรกเกอร์ และยึดหุ้น 1,500 ล้านหุ้นให้ตกเป็นของแผ่นดิน

0

คดี “หุ้น MORE” หรือ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) เป็นคดีอื้อฉาวที่เขย่าตลาดทุนไทย ด้วยการปล้นกลางแดดโบรกเกอร์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ วงเงินเสียหายกว่า 4,500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2565 ด้วยความพยายามของแก๊งปั่นและปล้นหุ้น MORE สร้างคำสั่งซื้อหุ้น MORE ในลักษณะอำพราง จนนำไปสู่การดำเนินดคีและฟ้องร้องผู้กระทำผิด ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ศาลแพ่งถนนรัชดาฯ ได้พิพากษาให้นำเงินที่อายัดไว้คืนให้กับโบรกเกอร์ 11 รายที่จ่ายเงินค่าขายให้กับลูกค้าวอลุ่มปริศนา 1,500 ล้านหุ้น ในช่วงเปิดตลาดที่ราคา 2.90 บาท เป็นเงิน 4,300 ล้านบาท และสั่งให้ยึดหุ้น MORE จำนวน 1,500 ล้านหุ้น ให้ตกเป็นของแผ่นดิน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้พิพากษาได้ใช้เวลาอ่านคำพิพากษาครั้งนี้นานกว่า 4 ชั่วโมงครึ่ง โดยผลการตัดสินครั้งนี้ ทางผู้ต้องสงสัยยังมีสิทธิอุทธรณ์ได้

สำหรับการยึดหุ้น MORE จำนวน 1,500 ล้านหุ้นนั้น จากการสืบสวนพบว่าไม่สามารถแสดงว่าได้หุ้นมาโดยสุจริต และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษผู้กระทำความผิดจำนวน 32 รายร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น MORE ในช่วงระหว่างวันที่ 18 ก.ค.-10 พ.ย. 2565

สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์สินไว้ทั้งหมดรวม 34 รายการ มูลค่าราว 5,376 ล้านบาท เหตุอันควรเชื่อว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อย่างไรก็ตาม อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา 9 ผู้ต้องหาหุ้น MORE

โบรกเกอร์ 11 รายที่จะได้รับเงินคืน ได้แก่ บล.กรุงศรีอยุธยา ประมาณ 900 ล้านบาท บล.เกียรตินาคินภัทร 700 ล้านบาท บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประมาณ 400 ล้านบาทและบล.คิงส์ฟอร์ด เกือบ 400 ล้านบาท โดยโบรกเกอร์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) หรือ Z.com และยังโดนฟอร์ซเซลหุ้นอีกหลายตัว จนขาดทุนอย่างหนัก และต้องยุติการให้บริการโบรกเกอร์ในประเทศไทย

เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมงาน “วันประกันชีวิตแห่งชาติ” ครั้งที่ 24 จัดเต็มผลิตภัณฑ์เด่น-โปรฯโดนใจ

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  เมืองไทยประกันชีวิต เข้าร่วมงาน “วันประกันชีวิตแห่งชาติ” ครั้งที่ 24  จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน และกองทุนประกันชีวิต ระหว่างวันที่ 19 – 20 กรกฎาคม 2568  ณ ลานโปรโมชัน ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนทุกกลุ่มได้เข้าถึงข้อมูลของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่หลากหลาย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกคนในสังคม (Democratizing Insurance)  เพื่อเป็นส่วนช่วยให้ทุกคนได้มีความอุ่นใจ คลายห่วง มีหลักประกันที่มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน  

โดยในพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจากดร.ชญานิน เกิดผลงาม รองเลขาธิการ ด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี นางสาววิไลรัตน์ แสงแก้ว ผู้ช่วยเลขาธิการ สายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค นางทัศน์วรรณ เที่ยงตระกูล ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พร้อมด้วยนายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายศรายุธ  ทินกร ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส นายปราโมทย์ ศักดิ์กำจร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส คณะผู้บริหาร และตัวแทนประกันชีวิต  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธีเปิดบูธเมืองไทยประกันชีวิต

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองชีวิต สุขภาพ โรคร้ายแรง  ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ในแคมเปญ ShieldLife  ตัวช่วยให้คุณเบาใจ ในวันที่คุณจากไป ด้วยการวางแผนสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้คนที่คุณรัก ด้วยแบบประกันชีวิตที่คุณเลือกได้ทั้งประกันชีวิตแบบตลอดชีพ  (Whole Life) ประกันชีวิตแบบคุ้มครองภายในระยะเวลา (Term) หรือประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life)  สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ  ดี เฮลท์ พลัส,  อีลิท เฮลท์ พลัส  และสัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง ซีไอ เพอร์เฟค แคร์  รวมไปถึงแบบประกันภัยพิเศษ  7 แบบประกัน ประกอบด้วย โครงการเมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 15/3 (Global), ออมทรัพย์ 20/14, โครงการเมืองไทย สไมล์ เซฟเวอร์ 20/16, โครงการเมืองไทย แฮปปี้ รีเทิร์น 80/4, เฟล็กซี่ รีไทร์ 90/5 ดี55, ดี60, ดี65 (บำนาญแบบลดหย่อนได้) เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ และโปรโมชันจัดเต็มสำหรับลูกค้าที่ซื้อประกันภัย รวมถึงลูกค้าที่ชำระเบี้ยประกันภัยต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน  ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดโปรโมชันได้ภายในบูธเมืองไทยประกันชีวิต

พร้อมพบกับตัวแทนประกันชีวิตของเมืองไทยประกันชีวิต ที่แต่งกายเป็นเอกลักษณ์ ด้วย “เสื้อเชิ้ตรุ่นใหม่ by ASAVA ดีไซน์ใหม่ สีชมพูทูโทน” เสริมภาพลักษณ์อย่างมืออาชีพ ความน่าเชื่อถือและความเชี่ยวชาญ    มาช่วยดูแลและให้บริการด้านการวางแผนประกันชีวิตและความคุ้มครองสุขภาพ ที่ออกแบบได้ตามความต้องการ ในไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณอย่างแท้จริง

ด้านสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ พบกับสิทธิพิเศษมากมาย ภายในจุดบริการสไมล์คลับ โดยสมาชิกฯ สามารถแลกคะแนนสะสม Smile Point เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมและรับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ  เมืองไทย Smile Society 2025: ผ่าตัดหัวใจเพื่อผู้ยากไร้แก่มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์   เมืองไทย Smile Trip : เที่ยว กิน ฟิน มู @ ระยอง-จันทบุรี การันตีความอร่อยโดย ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์  วันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2568 ใช้คะแนน 2,500 Smile Points ต่อ 1 ที่นั่ง  บริการปรึกษาด้านกฎหมาย Legal Consultant 1,500 Smile Points แลกรับบริการ Legal Consultant (1 ชั่วโมง) โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Tilleke & Gibbins เพื่อการบริหารจัดการทรัพย์สินธุรกิจของครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพและส่งต่ออย่างยั่งยืน หรือ 1 point 1 dose รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษอีกมากมาย ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ชิลต่อทุกโมเมนต์ ไปกับแคมเปญร่วมกับพันธมิตร SPAGHETTI FACTORY  PT Monomax  Smile for all  Lazada  และCold Stone หรือแลกรับของที่ระลึกต่าง ๆ ที่บูธ อาทิ เช่น บัตรกำนัลเซ็นทรัล  500 บาท บัตรเติมน้ำมัน ปตท. 500 บาท และบัตรกำนัลสเปเชียลพ้อยท์    บัตรชมภาพยนตร์ SF DELUXE Seat 30 คะแนน (จำนวนจำกัด) และพิเศษสุดสำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับที่เปิดบัญชีกองทุนและแลกคะแนน Smile Point to Invest เพื่อซื้อหน่วยลงทุน รับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 200 บาท (จากปกติ 100 บาท) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วพบกันที่ บูธเมืองไทยประกันชีวิต “วันประกันชีวิตแห่งชาติ” ครั้งที่ 24  ระหว่างวันที่ 19 – 20 กรกฎาคม 2568  ณ ลานโปรโมชัน ชั้น 1 โซน B  ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต

ซีพีเอฟ-ประมงสมุทรปราการ-ราชทัณฑ์ ยกระดับปลาหมอคางดำสู่ “น้ำปลาหับเผย” ของดีคู่ครัวไทย

0

กรมประมง เดินหน้าบูรณาการทุกภาคส่วนภาครัฐ เอกชน ชุมชน ดำเนินการมาตรการกำจัดปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการนำมาใช้ประโยชน์ แปรรูปเป็น “น้ำปลา” ที่ประมงสมุทรปราการ จับมือกับ เรือนจำกลางสมุทรปราการ และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกัน หมักน้ำปลา ใช้ชื่อ “หับเผยสมุทรปราการ” เป็นเครื่องปรุงรสที่ทุกบ้านต้องมี พร้อมถ่ายทอดเป็นทักษะอาชีพให้กับผู้ต้องขัง เป็นแนวทางกำจัดปลาอย่างสร้างสรรค์ ฟื้นฟูระบบนิเวศ ช่วยชุมชน และสร้างรายได้ให้กับผู้ที่มีส่วนร่วมในกระบวนการผลิต

สมพร เกื้อสกุล ประมงจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ปลาหมอคางดำเป็นปลาที่บริโภคได้ สามารถแปรรูปได้หลากหลายเมนู การนำมาหมักเป็นน้ำปลาเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับปลาหมอคางดำ และช่วยกระตุ้นการบริโภคได้ทั่วประเทศ นอกจากนี้ “น้ำปลา” เป็นของที่อยู่ทุกครัวเรือน สามารถขยายผล สร้างรายได้เสริมให้กับชุมชนได้ เป็นแนวทางการกำจัดปริมาณปลาหมอคางดำที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งชุมชนและระบบนิเวศ

สถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในพื้นที่สมุทรปราการลดลง จากการประเมินโดยหน่วยงานหลักของกรมประมงในปัจจุบันปลาหมอคางดำที่แพร่ระบาดในพื้นที่สมุทรปราการอยู่ในระดับปานกลาง เป็นผลจากการดำเนินการตามมาตรการควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำของกรมประมงอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะ การจัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” อย่างต่อเนื่อง เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติและนำมาใช้ประโยชน์ นอกจากนำมาหมักเป็นน้ำปลา สมุทรปราการยังร่วมกับสถานีพัฒนาที่ดินสมุทรปราการรับซื้อปลาหมอคางดำสำหรับทำเป็นน้ำหมักชีวภาพในจำนวน 50,000 กิโลกรัม นอกจากนี้ สมุทรปราการยังร่วมมือกับซีพีเอฟดำเนินโครงการ “กองทุนปลากะพง” เพื่อช่วยเกษตรกรลดต้นทุนในการกำจัดปลาหมอคางดำในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

วิชา ม่วงจินดา เจ้าพนักงานอบรมและฝึกวิชาชีพชำนาญงาน เรือนจำกลางสมุทรปราการ กล่าวว่า เรือนจำจะนำ “น้ำปลา” มาใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารสำหรับสวัสดิการเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องขัง กิจกรรมนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก ผู้ต้องขังเองได้แสดงศักยภาพ มีส่วนร่วมกับสังคมในการรักษาสิ่งแวดล้อม และยังมีความรู้วิธีการหมักน้ำปลาสามารถใช้เป็นอาชีพเลี้ยงตนเองหลังจากพ้นโทษ และในอนาคตจะต่อยอดส่งน้ำปลาให้หน่วยงานตรวจรับรองคุณภาพและความสะอาด นำออกมาจำหน่ายเป็นสินค้า “หับเผยสมุทรปราการ”

กิจกรรมหมักน้ำปลาจากปาหมอคางดำและฝึกทักษะอาชีพให้แก่ผู้ต้องขัง เป็นแนวทางบูรณาการความร่วมมือระหว่างกรมประมง กรมราชทัณฑ์ และซีพีเอฟ ที่ดำเนินการตั้งแต่ปี 2567 ใน 4 แห่ง ได้แก่ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร เพชรบุรี และสมุทรปราการ โดยประมงสมุทรสงครามกำลังนำ “น้ำปลา” ขวดแรกส่งให้กรมประมงตรวจรับรองคุณภาพและความปลอดภัย เพื่อเป็นต้นแบบสินค้าอาหารจากปลาหมอคางดำ เปลี่ยนปัญหาเป็นโอกาส สร้างสินค้าตัวใหม่ ช่วยสร้างรายได้ สร้างอาชีพ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของท้องถิ่น.

AIS eSports ผนึก ดัชมิลล์ ระเบิดศึกตีป้อม ชิงแชมป์มัธยม “AIS eSports S Series Thailand Championship 2025 by Dutch Mill” ปีที่ 5 ชิงทุนการศึกษากว่า 8 แสนบาท

0

AIS ปลุกพลังเกมเมอร์รุ่นใหม่ เดินหน้าสร้างโอกาสให้เยาวชนไทยสู่วงการกีฬาอีสปอร์ตระดับมืออาชีพ จับมือพันธมิตรภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาชั้นนำทั่วประเทศ จัดการแข่งขัน “AIS eSports S Series Thailand Championship 2025 by Dutch Mill” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยมี นมเปรี้ยวดัชมิลล์ (Dutch Mill) เป็นสปอนเซอร์หลักต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ร่วมกับ มาม่า (MAMA) และ ทาโร (Taro) เปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีพื้นที่ในการแสดงศักยภาพ ฝึกทักษะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์จากการแข่งขันระดับมืออาชีพ พร้อมขยายความร่วมมือครอบคลุมทั้งประเทศ เพื่อคัดเลือกตัวแทนจาก 28 จังหวัด เข้าร่วมแข่งขันในเกม ROV ชิงทุนการศึกษามูลค่ารวมกว่า 800,000 บาท

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ หัวหน้าแผนกงานบริหารธุรกิจเกม AIS กล่าวว่า “AIS เชื่อมั่นในศักยภาพของเยาวชนไทย และมุ่งมั่นสร้างเวทีการแข่งขันที่ได้มาตรฐาน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงฝีมืออย่างเต็มศักยภาพ สำหรับการแข่งขัน ‘AIS eSports S Series Thailand Championship’ ในปีนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ซึ่งไม่เพียงมอบโอกาสให้เยาวชนได้ฝึกฝนและเรียนรู้การทำงานเป็นทีม การเคารพกติกา และความมีน้ำใจนักกีฬา แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านอีสปอร์ตในระดับภูมิภาค โดยปีนี้เราได้ขยายความร่วมมือให้ครอบคลุมมากถึง  28 จังหวัดทั่วประเทศ และคาดว่าจะมีทีมสมัครเข้าร่วมกว่า 2,000 ทีม ตอกย้ำการเติบโตของโครงการอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านความร่วมมือระดับท้องถิ่น และความสนใจในกีฬาอีสปอร์ตจากเยาวชนไทยที่เพิ่มขึ้นในทุกปี”

นายธีรชัย เหล่ากอสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านผลิตภัณฑ์นมอันดับ 1 ของประเทศไทย หนึ่งในพันธกิจสำคัญของดัชมิลล์ คือการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการส่งเสริมสุขภาพและศักยภาพของเยาวชน ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์และกิจกรรมที่เสริมสร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งในปีนี้ เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ AIS eSports อีกครั้งในการจัดการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตระดับมัธยม เพื่อผลักดันวงการอีสปอร์ตไทยให้ก้าวไกลสู่เวทีระดับนานาชาติ เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเปิดเวทีให้นักเรียนไทยได้เดินตามความฝันบนเส้นทางของนักกีฬาอีสปอร์ตอย่างจริงจัง”

AIS eSports S Series Thailand Championship 2025 by Dutch Mill เปิดเวทีแข่งขันเกม ROV (Arena of Valor) สำหรับนักเรียนมัธยมทั่วประเทศ โดยคัดเลือกตัวแทนจาก 28 จังหวัด (จังหวัดละ 1 ทีม), ตัวแทน 4 ทีมจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล และอีก 4 ทีมจากรอบ OPEN ที่เปิดรับสมัครจากโรงเรียนทั่วประเทศ สนใจสมัครและติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/AiseSportsTournament

AIS จ่ายค่าคลื่นความถี่ 900 MHz งวดสุดท้าย ตอกย้ำพันธกิจสร้างโครงข่ายอัจฉริยะที่แข็งแกร่งเพื่อคนไทยอย่างยั่งยืน

0

บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ในเครือ AIS ได้ดำเนินการชำระค่าคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz งวดชำระครั้งสุดท้าย งวดที่ 10 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 8,094,978,000 บาท แก่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยมี นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช. เป็นผู้แทนรับมอบอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ เพื่อนำส่งเป็นรายได้ของประเทศ พร้อมส่งเสริมและพัฒนากิจการโทรคมนาคมไทยให้แข็งแกร่งอย่างยั่งยืนต่อไป

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานรัฐกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ถือเป็นรากฐานที่สำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานด้านโครงข่ายอัจฉริยะของ AIS ด้วยคุณสมบัติในการกระจายสัญญาณได้ครอบคลุมในวงกว้าง คลื่นนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มพูนศักยภาพการให้บริการโครงข่ายดิจิทัลไปยังพื้นที่ทั่วประเทศไทย ทั้งในเขตเมือง พื้นที่ชนบท และพื้นที่ห่างไกล ให้มีความพร้อมในการเชื่อมต่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการทำงานของทุกภาคส่วนทั้งลูกค้า AIS ภาครัฐและเอกชน โดย AIS ยังคงมุ่งมั่นลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทยให้มีความเสถียรภาพ และรองรับการใช้งานของคนไทยทุกกลุ่มอย่างครอบคลุมและยั่งยืน”

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขับเคลื่อนการศึกษาด้านความยั่งยืน เสริมศักยภาพอาจารย์ผ่านโครงการ ESG Campus Lecturers Program

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดโครงการพัฒนาอาจารย์เพื่อจัดการเรียนการสอนด้านความยั่งยืนในระดับอุดมศึกษา (ESG Campus Lecturers Program) มุ่งยกระดับความรู้และทักษะที่จำเป็นในการสร้างบุคลากรด้านความยั่งยืน (ESG Professionals) ให้เพียงพอและตรงกับความต้องการของภาคธุรกิจ

เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างภาคธุรกิจและภาคการศึกษา โดย รัตน์วลี อนันตานานนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวเปิดโครงการ และมีอาจารย์เข้าร่วม 88 ท่าน จาก 27 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 9-11 กรกฎาคม 2568

AIS 3BB FIBRE3 เปิดเกมรุกใหญ่ครึ่งปีหลัง 2568 ชูดีลเด็ด “พรีเมียร์ลีก + เน็ตแรง” ปลุกตลาดเน็ตบ้านทั่วไทย เสริมแกร่งธุรกิจผับบาร์ ดันมาตรฐานใหม่สู่อีเวนต์ยุคดิจิทัล

0

AIS 3BB FIBRE3 เดินเกมผู้นำตลาดโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของประเทศไทย ประกาศกลยุทธ์ธุรกิจครึ่งปีหลัง 2568 ต่อยอดแนวคิด “BOOSTING YOUR BRIGHTER FUTURE – อนาคตที่มากกว่าเพื่อคุณ” ที่เชื่อมต่อ-สร้างโอกาส-มอบความสุขให้ลูกค้าเน็ตบ้าน พร้อมเดินหน้ายกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมเน็ตบ้านไทย เปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำและบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล ทั้งด้าน ความเร็ว ความบันเทิง ความปลอดภัย และโอกาสทางธุรกิจ ตอกย้ำภารกิจดูแลลูกค้ากว่า 5 ล้านราย รวมถึงการสนับสนุนภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ และองค์กรภาครัฐ-เอกชนในทุกภาคส่วน เพื่อร่วมสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

นายยอดชาย อัศวธงชัย หัวหน้าหน่วยธุรกิจการค้า ธุรกิจบรอดแบนด์ AIS กล่าวว่า “ปัจจุบัน AIS 3BB FIBRE3 ยังคงเป็นโครงข่ายเน็ตบ้านอันดับ 1  ที่มีฐานผู้ใช้งานมากกว่า 5 ล้านราย ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการทั้ง 77 จังหวัด 928 อำเภอ ครบทั่วประเทศ 7,379 ตำบล สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อโครงข่ายและบริการของเรา ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมเน็ตบ้านไทยในวันนี้ มีจำนวนเลขหมายผู้ใช้บริการเน็ตบ้าน และอัตราการเข้าถึงบริการเน็ตบ้านต่อประชากร (Penetration rate) อยู่ที่ 36.8% แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตอีกมากในอนาคต AIS 3BB FIBRE3 จึงเดินหน้าเชื่อมต่อทุกการใช้งาน ภายใต้แนวคิด ‘BOOST YOUR BRIGHTER FUTURE’ ด้วยการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ เพราะเราเชื่อว่าธุรกิจเน็ตบ้านในวันนี้ ไม่ได้วัดกันแค่ความเร็วหรือความแรง แต่ต้องเข้าถึงความต้องการของทุกบ้านอย่างแท้จริง”

ภายใต้แนวคิด “BOOST YOUR BRIGHTER FUTURE – อนาคตที่มากกว่าเพื่อคุณ” AIS 3BB FIBRE3
มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจบรอดแบนด์ด้วย 3 แกนกลยุทธ์หลัก ได้แก่ “เชื่อมต่อ-สร้างโอกาส-มอบความสุข”

  • MORE CONNECTIVITY – เชื่อมต่อและเติมเต็มไลฟ์สไตล์ดิจิทัลที่เหนือกว่า

AIS 3BB FIBRE3 จัดเต็มประสบการณ์ความบันเทิงเต็มรูปแบบ ด้วยเน็ตบ้าน AIS 3BB FIBRE3 ที่ลูกค้าสามารถรับชมคอนเทนต์ระดับโลกจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เชียร์สดแบบครบทุกแมตช์ผ่าน AIS PLAY และ MONOMAX พร้อมความบันเทิงเต็มรูปแบบกับ หนัง ซีรีส์ และแอปสตรีมมิงชั้นนำอีกมากมาย ราคาเริ่มต้นเพียง 199 บาท/เดือน (ราคาพิเศษตั้งแต่วันนี้ – 9 สิงหาคม 2568 เท่านั้น) หรือรับชมผ่านจอใหญ่เพียงสมัครแพ็กเกจ 299 บาท/เดือน เพื่อรับชมคอนเทนต์บน AIS PLAYBOX และแพ็กเกจสำหรับร้านอาหารและสถานบันเทิง เริ่มต้นที่ 2,800 บาท/เดือน พร้อมสิทธิ์รับชมพรีเมียร์ลีก และเอมิเรตส์ เอฟเอ คัพ ครบทุกแมตช์แบบถูกลิขสิทธิ์ สร้างโอกาสเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากทั่วประเทศ

พิเศษ! เติมเต็มสีสันต้อนรับฤดูกาลแข่งขัน กับแคมเปญ “เฮลั่น ลีกลุ้นล้าน” สำหรับลูกค้าAIS และ AIS 3BB FIBRE 3 ทั้งลูกค้าใหม่ที่เปิดเบอร์ หรือสมัครและติดตั้งเน็ตบ้านพร้อมสมัครแพ็กเกจเสริมพรีเมียร์ลีก และลูกค้าปัจจุบันทั้ง AIS และ AIS 3BB FIBRE3 ที่มีกล่อง AIS PLAYBOX แล้วสมัครแพ็กเกจเสริมพรีเมียร์ลีก ลุ้นทริปพิเศษเส้นทาง Scotland – English 8 วัน 6 คืน พร้อมเชียร์ทีมโปรดระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้  ลุ้นรับของรางวัลทุกสัปดาห์ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 กันยายน 2568 ที่ www.ais.th/consumers/fibre/package/premier

นอกจากที่สุดของคอนเทนต์ระดับโลกที่ตอบโจทย์คอกีฬาแล้ว AIS 3BB FIBRE3 ยังเดินหน้ายกระดับเทคโนโลยีการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวครั้งแรก! กับ Router AI 2G ที่รองรับความเร็วสูงสุดถึง 2Gbps ทั้งผ่าน Wi-Fi และ LAN มาพร้อมเทคโนโลยี Wi-Fi 7 Multi-RU และชิป AI อัจฉริยะ ลดสัญญาณรบกวนและความหน่วงได้กว่า 50% พร้อมเร่งความเร็วการทำงานของแอปพลิเคชัน เช่น การสตรีมสด เกมออนไลน์ และการประชุมทางวิดีโอ รองรับอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 128 เครื่อง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ทั้งอีสปอร์ต, โลกเมตาเวิร์ส ได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด มอบประสบการณ์อินเทอร์เน็ตบ้านระดับ Ultra-Gigabit อย่างแท้จริง 

  • MORE OPPORTUNITY – สร้างโอกาสทางธุรกิจที่มากกว่า

AIS 3BB FIBRE3 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีโครงข่าย เปิดตัว “PRO-EVENT SOLUTION” โซลูชันอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับ 2Gbps ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การจัดงานอีเวนต์ยุคใหม่ ครอบคลุมการเชื่อมต่อจากโครงข่าย AIS และ 3BB FIBRE สู่สถานที่จัดงานโดยตรง ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่ให้ทั้งความเร็ว ความเสถียร และความแรงระดับสูงสุด รองรับการใช้งานได้ทั้งในร่มและกลางแจ้งทั่วประเทศ

PRO-EVENT SOLUTION เหมาะสำหรับผู้จัดงานอีเวนต์มืออาชีพทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Live Stream, Conference, Concert, E-Sport Tournament, งานแสดงสินค้า ไปจนถึงเทศกาลขนาดใหญ่ พร้อมทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบโครงข่าย การติดตั้ง จนถึงการดูแลหน้างานตลอดการจัดงาน เพื่อให้ทุกกิจกรรมเดินหน้าได้อย่างไร้สะดุด

โซลูชันนี้สะท้อนพันธกิจของ AIS 3BB FIBRE3 ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้ยกระดับศักยภาพธุรกิจอีเวนต์ ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ล้ำสมัย ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอีเวนต์ไทยในยุคดิจิทัล

  • MORE HAPPINESS – มอบความสุขและความอุ่นใจที่มากกว่า

เติมเต็มคุณภาพชีวิตและความอุ่นใจให้ทุกครอบครัว ทุกบ้าน ด้วยแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพร้อมความคุ้มครองที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรกับ AIS 3BB FIBRE3 HOME INSURANCE สมัครแพ็กเกจเริ่มต้นเพียง 699 บาท/เดือน รับฟรี! ประกันภัยจาก MSIG คุ้มครองจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ สูงสุด 500,000 บาท วงเงินครอบคลุมที่อยู่อาศัยจากโจกรรม สูงสุด 100,000 บาท วงเงินครอบคลุมทรัพย์สินส่วนบุคคล และชดเชยค่าใช้จ่ายในการดับเพลิง สูงสุดอย่างละ 50,000 บาท รับความช่วยเหลือเหตุฉุกเฉินในบ้าน 24 ชั่วโมง 1 ครั้งต่อปีพร้อมรับความคุ้มครองประกันที่อยู่อาศัยทันที ไม่ต้องรอลงทะเบียนรับความช่วยเหลือเหตุฉุกเฉินในบ้าน 1 ครั้งต่อปี

นอกจากนี้ ลูกค้า AIS 3BB FIBRE3 จะได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษตลอดทั้งปี ผ่านกิจกรรมและสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ Exclusive Trips ท่องเที่ยวเหนือระดับ พร้อมบริการครบวงจร Points Redemption แลกรับของรางวัล บริการพรีเมียม หรือสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ  Special Concert รับสิทธิ์เข้าร่วมคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟ นอกจากนี้ ยังมีคอนเทนต์ใหม่จาก AIS PLAYBOX ที่จะเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งช่องข่าวชั้นนำอย่าง Bloomberg, Fox News, Fox Business ช่องกีฬาระดับโลก Eurosport, LFCTV, W-Sport รวมถึงอัปเดตคอนเทนต์ชั้นนำจาก Netflix, Disney+ Hotstar และพิเศษยิ่งกว่าสำหรับลูกค้าที่สมัครแพ็กเกจ HBO Max สามารถรับชมคอนเทนต์ระดับพรีเมียมได้ พร้อมติดตามแคมเปญพิเศษกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดและซีรีส์ Original มาตอกย้ำความมุ่งมั่นของ AIS 3BB FIBRE3 ในการเป็นผู้นำด้านความบันเทิงภายในบ้านอย่างแท้จริง รายละเอียดเพิ่มเติมเร็วๆ นี้!

“AIS 3BB FIBRE3 ยังคงมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเน็ตบ้าน ด้วยแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านเทคโนโลยี บริการ และประสบการณ์ของลูกค้า เพื่อสร้าง ‘อนาคตที่มากกว่า’ ให้กับคนไทยทุกบ้านอย่างแท้จริง” นายยอดชาย กล่าวปิดท้าย

สมัครแพ็กเกจหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/consumers/fibre หรือ AIS Shop และ 3BB Shop ทุกสาขา, AIS Call Center โทร. 1175 หรือ 3BB Call Center โทร. 1530

เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลังภาคธุรกิจประกัน จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตเนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 24

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน กองทุนประกันชีวิต และบริษัทประกันชีวิตชั้นนำทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “บริจาคโลหิตเพื่อชีวิตเพื่อนมนุษย์” เนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2568 เพื่อเชิญชวนบุคลากรในอุตสาหกรรมประกันชีวิต และประชาชนทั่วไป ร่วมกันแสดงพลังความดี ด้วยการแบ่งปันโลหิตซึ่งเป็นของขวัญล้ำค่าต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์

ภายในงาน ได้รับเกียรติจาก นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในธุรกิจประกันชีวิต ร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิตอย่างพร้อมเพรียง โดยมี รศ. พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวแสดงความชื่นชม และขอบคุณที่ภาคธุรกิจประกันชีวิตให้การสนับสนุนกิจกรรมอย่างต่อเนื่องโดยเมืองไทยประกันชีวิตได้มอบหมายผู้แทนบริษัทฯ ได้แก่ นายปราโมทย์ ศักดิ์กำจร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และนายศรายุธ  ทินกร ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส  พร้อมผู้บริหารฝ่ายขาย ตัวแทน   และพนักงาน เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

กิจกรรมครั้งนี้ตั้งเป้าระดมผู้บริจาคโลหิตทั่วประเทศกว่า 15,000 ราย คาดว่าจะจัดหาโลหิตสำรองได้ไม่น้อยกว่า 6,000,000 ซีซี เพื่อนำไปใช้รักษาผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ที่ต้องได้รับโลหิตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยผ่าตัด อุบัติเหตุรุนแรง และโรคเรื้อรัง เช่น ธาลัสซีเมีย และเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งต้องการโลหิตอย่างทันท่วงทีเพื่อรักษาชีวิต  โดยข้อมูลจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2567 ประเทศไทยยังมีผู้บริจาคโลหิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยมีผู้บริจาคปีละ 1 ครั้ง ประมาณ      1 ล้านคน และผู้บริจาคปีละ 2 ครั้ง ประมาณ 300,000 คน ส่งผลให้หลายโรงพยาบาลประสบภาวะโลหิตขาดแคลนต่อเนื่อง

ทั้งนี้การบริจาคโลหิตจึงไม่เพียงช่วยชีวิตผู้อื่น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้บริจาค ทั้งในด้านสุขภาพ เช่น การกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดใหม่ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และได้รับการตรวจสุขภาพเบื้องต้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมืองไทยประกันชีวิตให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ผ่านโครงการ “สุขใจผู้ให้…เติมใจผู้รับ” โดยเปิดพื้นที่รับบริจาคโลหิตทั้งที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ และสาขาภูมิภาค ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ โดยตั้งแต่ปี 2567 จนถึงเดือนมิถุนายน 2568 มีปริมาณโลหิตที่ได้รับรวมกว่า 384,800 ซีซี สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของบริษัทในการมีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมแห่งการแบ่งปัน ตลอดจนความร่วมมือร่วมใจของผู้บริหาร พนักงาน และผู้มีจิตศรัทธา

กิจกรรมนี้จึงไม่เพียงเป็นการตอบแทนสังคมในเชิงจิตอาสาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนหลักการมิติด้านสังคม “Social” ของแนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) ที่เมืองไทยประกันชีวิตยึดถือมาอย่างต่อเนื่อง โดยส่งเสริมให้พนักงาน ตัวแทน และประชาชนทั่วไป มีส่วนร่วมสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน

เมืองไทยประกันชีวิตขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมบริจาคโลหิตครั้งนี้ เพราะ “หนึ่งหยดโลหิตของคุณ อาจต่อชีวิตให้ใครอีกหลายคน”  

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับคุมเข้ม DV8 ระดับ 2 ห้าม Net settlement และซื้อขายด้วยวิธี Auction

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยกระดับมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ DV8 เป็นระดับ 2 ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. – 5 ส.ค. 2568 ส่งผลให้ในช่วงเวลาดังกล่าว หลักทรัพย์ DV8 จะซื้อขายด้วยวิธี Auction และห้าม Net settlement เพิ่มเติมจากเงื่อนไขที่กำหนดในมาตรการระดับ 1 โดยผู้ลงทุนที่จะซื้อขายหลักทรัพย์ DV8 สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ 3 ช่วง คือ Pre-open 1/ Pre-open 2 และ Pre-close และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสุ่มเวลาจับคู่ (random) วันละ 3 รอบ ดังนี้

หลักทรัพย์ DV8 เริ่มอยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. 2568 เนื่องจากสภาพการซื้อขายปรับตัวเปลี่ยนแปลงไปจากก่อนหน้าอย่างมาก โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานและสารสนเทศสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ช่วงที่อยู่ในมาตรการพบว่าปริมาณการซื้อขายลดลงอย่างมาก (เฉลี่ยวันละ 5 ล้านหุ้น) ขณะที่ราคายังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สภาพการซื้อขาย DV8 ในวันนี้ (15 ก.ค. 2568) ปรับตัวสูงมากทั้งราคาและปริมาณ โดยราคาปิด New high ที่ 8.60 บาท (+21.13%) ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ 18 ล้านหุ้น ด้วย P/E ขาดทุน และ P/BV ที่ 15.4 เท่า ส่งผลให้ Market Cap ปรับสูงขึ้นเป็น 11,356 ล้านบาท จาก 700 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 เดือน โดยพบว่าในช่วงก่อนหน้า (วันที่ 3 ก.ค. และ 11 ก.ค. 2568) บริษัทแจ้งสารสนเทศเกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อ (Tender offer) ที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาดอย่างมากที่ราคาหุ้นละ 0.56 บาท โดยหากซื้อได้ไม่ถึง 990 ล้านหุ้น จะยกเลิกการทำ Tender offer และผู้ทำคำเสนอซื้อมีแผนที่จะนำเสนอการขยายธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ของธุรกิจ คาดว่าจะได้ความแน่นอนเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนภายในไตรมาส 4 ปี 2568 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงยกระดับมาตรการกำกับการซื้อขายเป็นระดับ 2 ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. – 5 ส.ค. 2568 และขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือประกอบให้รอบคอบก่อนการลงทุน 

ไม่หวั่น “ท่วม-แล้ง” มีธนาคารน้ำใต้ดินช่วย … สร้างโมเดลบริหารจัดการน้ำของเกษตรกร

0

เมื่อพูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อวิถีเกษตรกรรม “น้ำ” คือปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่หลายชุมชนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วม น้ำแล้ง หรือการขาดแคลนแหล่งน้ำสำรอง ยิ่งในยุคที่สภาพอากาศแปรปรวน การบริหารจัดการน้ำจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

“เมื่อปี 2564 หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้าของเรา มีปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก จนต้องซื้อน้ำมาใช้ในการเลี้ยงหมูและปลูกพืช แต่เมื่อฝนตกหนัก กลับมีปัญหาน้ำท่วมขัง จึงนึกถึงแนวคิด “ธนาคารน้ำใต้ดิน” ซึ่งเป็นระบบเติมน้ำฝนหรือน้ำส่วนเกินในฤดูฝน ลงไปเก็บในชั้นหินอุ้มน้ำใต้ดิน เหมือนการออมทรัพยากรธรรมชาติไว้ใช้ยามจำเป็น เราจึงเริ่มทำโครงการนับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีปัญหาภัยแล้งหรือน้ำท่วมขังอีกเลย” ภักดี ไทยสยาม ประธานกรรมการ หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บอกเล่าถึงที่มา

โครงการเริ่มต้นด้วยการร่วมมือกันของเกษตรกรในหมู่บ้านฯ และทีมงานซีพีเอฟที่เป็นพี่เลี้ยงคอยสนับสนุนหมู่บ้านฯ มาตลอด 48 ปี ควบคู่กับการถ่ายทอดความรู้อย่างลึกซึ้ง จากสถาบันน้ำนิเทศศาสนคุณ โดยผนวกความรู้ทางธรณีวิทยา การไหลของน้ำ และแนวคิดพึ่งพาตนเอง จนสามารถพัฒนาระบบธนาคารน้ำใต้ดิน ทั้งแบบเปิดและแบบปิดได้อย่างครบวงจร ช่วยหล่อเลี้ยงทั้งการเลี้ยงหมูและการปลูกพืชซึ่งเป็นอาชีพหลักของชุมชนได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่น้ำที่เพียงพอ แต่ยังช่วยลดต้นทุนค่าน้ำได้ถึงปีละ 1 ล้านบาท แก้ปัญหาน้ำท่วมขัง น้ำเน่าเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นในดิน ยกระดับสุขอนามัยในชุมชน จนทำให้หมู่บ้านฯ แห่งนี้กลายเป็น “ศูนย์เรียนรู้ธนาคารน้ำใต้ดิน” ที่หลายชุมชนเข้ามาศึกษาและนำไปปรับใช้

จากความสำเร็จของหนองหว้า ที่เป็นต้นแบบของการ “ฝากน้ำไว้กับดิน” ขยายผลสู่ หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมขังในฤดูฝนและขาดแคลนน้ำหน้าแล้งมายาวนาน

“ชุมชน องค์กรปกครองท้องถิ่น และซีพีเอฟ ร่วมมือกันภายใต้แนวคิด “ขีด คิด ร่วม ข่าย” ริเริ่มโครงการธนาคารน้ำใต้ดินอย่างเป็นระบบ โดยศึกษาดูงานจากหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ ไปจนถึงการขุดบ่อธนาคารน้ำแบบเปิดและปิดภายในพื้นที่ รวม 10 บ่อ ชาวชุมชนสามารถนำพื้นที่เดิมที่ถูกน้ำท่วมขังกลับมาใช้ประโยชน์ทางเกษตรได้มากกว่า 50 ไร่ มีน้ำใช้ในการเลี้ยงหมูและปลูกพืชได้ตลอดปี พร้อมต่อยอดสู่โครงการ “1 บ้าน 1 บ่อ” ให้ครอบคลุมครบ 40 ครัวเรือนภายในปี 2569” พิเชษฐ์ ใหญ่แก่นทราย ประธานหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร บอกอย่างภูมิใจ

ที่นี่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การจัดการน้ำ แต่ยังพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ ที่เปิดให้ชุมชนอื่นๆ เข้ามาศึกษาดูงาน ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่คนรุ่นใหม่ หน่วยงานท้องถิ่น และเกษตรกรจากทั่วประเทศ สิ่งที่น่าทึ่งไม่ใช่แค่เทคโนโลยีหรือโครงสร้างของบ่อธนาคารน้ำ แต่คือ “กระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน” ที่ทำให้คนในชุมชนเชื่อมั่นว่า พวกเขาสามารถดูแลทรัพยากรของตนเองได้จริง

วันนี้ ธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ ต่อยอดความสำเร็จของโครงการธนาคารน้ำใต้ดินทั้งสองหมู่บ้าน สู่สถานประกอบการของบริษัทอีก 8 แห่ง ทั้งที่ ฟาร์มสุรินทร์ ฟาร์มยโสธร ฟาร์มจอมทอง ฟาร์มวังชมภู ฟาร์มอุดมสุข ฟาร์มราชบุรี รวมถึงที่โรงชำแหละสุกรจันทบุรีและยโสธร ให้หันมากักเก็บน้ำไว้ใช้เอง ลดการพึ่งพาน้ำดิบจากธรรมชาติ

โครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ทั้งที่หนองหว้า กำแพงเพชร รวมถึงฟาร์มและโรงชำแหละของซีพีเอฟ สะท้อนให้เห็นว่า การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีราคาแพง แต่เป็นการผสานพลังของชุมชน ภาคเอกชน และองค์ความรู้ท้องถิ่นเข้าด้วยกัน ธนาคารน้ำใต้ดินจึงไม่ได้เป็นแค่บ่อเก็บน้ำใต้ดิน แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของการ “คิดอย่างเป็นระบบ ทำอย่างมีส่วนร่วม และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” ที่ช่วยให้ชุมชนมีทรัพยากรน้ำเพียงพอ รองรับวิถีชีวิตเกษตรกรรม และสร้างความมั่นคงทางน้ำในระยะยาว เพราะการฝากน้ำไว้กับดิน คือการวางรากฐานเพื่อความมั่นคงในอนาคต.