Home Blog Page 476

TSD ชวนผู้ลงทุนใช้ช่องทางออนไลน์และไปรษณีย์ ลดความเสี่ยงไวรัส COVID-19

0

บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TSD) ขอเชิญชวนผู้ลงทุนใช้บริการของ TSD Counter Services ในการทำธุรกรรมและรับบริการต่างๆ ผ่านช่องทาง เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการและเพื่อร่วมป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ดังนี้

1) บริการออนไลน์ Investor Portal เพื่อสอบถามข้อมูลผู้ถือหุ้น การจ่ายสิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งพิมพ์หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (สมัครได้ที่ www.set.or.th/tsd/th/investorportal/investorportal.html )

2) ช่องทางไปรษณีย์ โดยส่งแบบฟอร์มที่ต้องการทำธุรกรรม พร้อมเอกสารประกอบ (ดูรายละเอียดได้ที่ www.set.or.th/tsd/th/tsd.html => เลือกหัวข้อ “นักลงทุน”)

หากผู้ถือหุ้นมีความจำเป็นต้องใช้บริการด้วยตนเองที่ TSD Counter Services สามารถสมัครใช้บริการจองคิวออนไลน์เพื่อนัดหมายล่วงหน้า ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกรวดเร็วและลดความเสี่ยงจากความหนาแน่นของผู้ใช้บริการ โดยสมัครได้ที่ www.set.or.th/tsd/th/tsd.html => เลือกหัวข้อ “บริการจองคิวออนไลน์”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SET Contact Center 02 009 9999 หรืออีเมล [email protected]

แบงก์รวมพลัง ออกซอฟโลนดบ.ต่ำ 1.5 แสนล้าน ช่วยผู้ประกอบการสู้วิกฤตโควิด-19

0

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโรคโควิด-19 จนทำให้ต้องมีการประกาศปิดสถานบริการและร้านค้าบางประเภทไปแล้ว โดยตามประกาศล่าสุดของกรุงเทพมหานคร ทางสมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกทุกธนาคารได้มีการวางแผนการให้บริการที่ต่อเนื่องเพื่อรองรับทุกสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต และขอให้ความมั่นใจว่าธนาคารจะสามารถให้บริการลูกค้าและผู้มาใช้บริการของธนาคารตามปกติในทุกช่องทาง โดยเฉพาะบริการหลัก เช่น การรับฝากเงิน การถอนเงิน การโอนเงิน และบริการสินเชื่อต่างๆ รวมถึงการช่วยเหลือลูกค้าเพื่อเสริมสภาพคล่อง

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย

ทั้งนี้ในส่วนของการให้บริการเงินสดสำหรับลูกค้าที่มีความจำป็นต้องใช้เงินสด ทุกธนาคารมีการเตรียมเงินสดเพื่อรองรับให้เพียงพอทุกช่องทางทั้งสาขาและตู้เอทีเอ็ม แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากโรคโควิด-19

“อยากเชิญให้ลูกค้าใช้บริการระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านโมบายแบงกิงและอินเทอร์เน็ตแบงกิงของทุกธนาคาร ซึ่งทุกธนาคารได้มีการดูแลให้ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่จะเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนดูแลธุรกรรมตลาดเงินให้ดำเนินการได้อย่างราบรื่น เพื่อให้มั่นใจว่าบริการทางการเงินหลักของประเทศจะดำเนินต่อไปได้แม้ในกรณีที่สถานการณ์การระบาดรุนแรงมากขึ้น”

สำหรับลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ ธนาคารต่างๆมีมาตรการช่วยเหลือที่ทยอยให้ความช่วยเหลือลูกค้าไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เช่น การให้ลูกค้าผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยโดยยังไม่ต้องชำระเงินต้น หรือการปรับลดการชำระขั้นต่ำในแต่ละเดือน ซึ่งธนาคารต่างๆอยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อช่วยเหลือลูกค้า แต่หากลูกค้าประสบปัญหาและยังไม่ได้รับการติดต่อจากธนาคาร ท่านสามารถติดต่อธนาคารที่ท่านใช้บริการอยู่เพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ทันที ด้านการช่วยเหลือลูกค้าของสถาบันการเงิน พบว่าช่วงที่ผ่านมาธนาคารทั้งระบบได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้แล้วประมาณ 30,000 ราย เป็นมูลค่า 234,000 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งการพักชำระเงินต้น ลดอัตราดอกเบี้ย ปรับระยะเวลาการผ่อนชำระให้ยาวขึ้น เพื่อลดภาระให้กับลูกค้า

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค.63 ธนาคารออมสินและ 17 สถาบันการเงิน ได้มีการลงนาม MOU โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยธนาคารออมสินสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำวงเงินรวม 150,000 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันการเงินนำไปปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ วงเงินสินเชื่อสูงสุดต่อรายไม่เกิน 20 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 2 ปี ผู้ประกอบการที่ต้องการวงเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและฟื้นฟูธุรกิจสามารถติดต่อขอสินเชื่อได้ตั้งแต่บัดนี้ โดยจะได้รับเงินข่วงต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไป

ทั้งนี้สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารทุกรายให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน เรามีการประเมินสถานการณ์และปรับแผนการช่วยเหลือและสนับสนุนลูกค้าในด้านการเงินตลอดเวลา ดังนั้นจึงขอให้ลูกค้าทุกคนมั่นใจได้ สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทุกรายและยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือผ่าน Call Center ของทุกธนาคารได้ทันที

ส.ผู้เลี้ยงไข่ไก่ มั่นใจไข่ไม่ขาดแคลน มองบริโภคมากขึ้นหลังคนเก็บตัวอยู่บ้าน ราคาปรับตัวเล็กน้อยตามกลไกตลาด

0

นายสุเทพ สุวรรณรัตน์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ เปิดเผยว่า ระดับราคาไข่ไก่จะเป็นไปตามกลไกตลาดเสมอ โดยการผลิตไข่ไก่ของไทยนั้น เป็นการรองรับการบริโภคในประเทศ มีผู้ผลิตส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย หรือรวมตัวกันในรูปแบบชมรมและสหกรณ์ ส่วนการส่งออกไข่ไก่นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อจำเป็นต้องระบายผลผลิตส่วนเกินให้สอดคล้องกับความต้องการบริโภค เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพราคาไข่ภายในประเทศ โดยผู้ส่งออกไข่ไก่ของไทยต้องยอมส่งไข่ในราคาขาดทุน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับจีนและสหรัฐฯ จึงไม่มีใครอยากทำการส่งออกไข่ เพราะไม่ใช่เป็นการสร้างกำไร แต่เป็นการเสียสละเพื่อเกษตรกรและคนในอุตสาหกรรมเดียวกัน

สุเทพ สุวรรณรัตน์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้

ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเกษตรกร ปัจจุบันอยู่ที่ฟองละ 2.60 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ฟองละ 2.69 บาท ที่ผ่านมา เกษตรกรแก้ปัญหาร่วมกันโดยวางแผนการผลิตอย่างรอบคอบ เช่น การปลดแม่ไก่ยืนกรง และปัจจุบัน ไทยเข้าสู่หน้าร้อน แม่ไก่ออกไข่ลดลง สวนทางกับการบริโภคที่มากขึ้นในช่วงที่หลายคนกักตัวอยู่บ้าน อาจทำให้ราคาไข่ไก่ปรับขึ้นเล็กน้อยตามกลไกตลาด อย่างไรก็ตาม ขอให้มั่นใจว่าปริมาณไข่ไก่ในประเทศไม่มีทางขาดแคลน

ที่ผ่านมา ราคาไข่ไก่มีขึ้นมีลงตลอดทั้งปี ในแต่ละปีจะมีช่วงที่ราคาไข่ไก่สูงเพียง 4-5 เดือน ขณะที่ช่วงที่ราคาตกต่ำมีถึง 7-8 เดือน ยังมีปัจจัยด้านต้นทุนการผลิต ภาวะโรค ปริมาณการเลี้ยงแม่พันธุ์ไก่ไข่ เป็นตัวกำหนดราคาในแต่ละช่วง โดยเฉพาะเดือนมีนาคมนี้ เป็นช่วงปิดภาคเรียนที่การบริโภคของนักเรียนจะต่ำลง เมื่อผนวกกับเหตุการณ์ไวรัสโควิด-19 เข้ามาทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวหายไป คนกินไข่หายไปจำนวนมาก ทำให้ปริมาณไข่เหลือล้นตลาด ราคาตกต่ำลงอีก เกษตรกรจึงวางแผนการผลิตด้วยการเข้าเลี้ยงแม่ไก่น้อยลง ทำให้ปริมาณไข่ไก่สมดุลขึ้น จึงเพิ่งเริ่มเห็นการขยับราคาขึ้นบ้าง ขอผู้บริโภคเข้าใจสถานการณ์

สถิติราคาไข่ไก่ปี 2557-2562 ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเฉลี่ยต่ำกว่าต้นทุนมาตลอด โดยปี 2557 ขาดทุน 0.12 บาทต่อฟอง ปี 2558 ขาดทุน 0.14 บาทต่อฟอง ปี 2559 เป็นปีเดียวที่มีกำไรอยู่ที่ 0.06 บาทต่อฟอง ปี 2560 ขาดทุน 0.21 บาทต่อฟอง ปี 2561 ขาดทุน 0.30 บาทต่อฟอง จึงมีการร่วมกันสร้างเสถียรภาพราคาไข่ไก่ โดยมีคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ หรือเอ้กบอร์ด (Egg Board) เป็นผู้ผลักดันการมาตรการต่างๆ โดยขอความร่วมมือภาคเอกชนและเกษตรกรทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม ช่วยกันปรับสมดุลปริมาณไข่ไก่ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโดยไม่ใช้งบประมาณของภาครัฐ

AIS พร้อมให้บริการ ลูกค้ามั่นใจ อยู่ที่ไหนก็อุ่นใจ ใช้บริการ ตลอด 24 ชั่วโมง

0

เอไอเอส ดำเนินการปฏิบัติตามประกาศอย่างเคร่งครัดในทันที ประกาศหยุดทำการชั่วคราว ทั้ง AIS Shop, Serenade Club และ AIS Telewiz ทุกสาขาในพื้นที่ซึ่งมีการประกาศปิดพื้นที่ เพื่อควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 – 12 เมษายน 2563 ทั้งนี้ ลูกค้าทุกท่าน ยังสามารถใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ ได้แก่
• my AIS appให้บริการเช็กยอดค่าใช้จ่าย, เติมเงิน, จ่ายบิล, ซื้อแพ็กเกจเสริมได้ 24 ชั่วโมง
• AIS Online Store ให้บริการสั่งซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ได้แก่ สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม และอุปกรณ์ IoT พร้อมบริการส่งถึงบ้าน ซึ่งจัดโปรโมชั่นพิเศษ ส่งฟรี ไม่มีขั้นต่ำ วันนี้-31 มีนาคม 2563
• AIS Contact Center 1175 ให้บริการข้อมูล แนะนำการใช้บริการต่างๆ และแก้ปัญหาต่างๆ ให้ลูกค้า ส่วนลูกค้าองค์กร ติดต่อผ่านช่องทาง 1149 พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ บนช่องทาง Social Media 

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอส เตรียมความพร้อมในทุกช่องทางเพื่อที่จะสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและเต็มที่ที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและคนไทย ตลอดจนพนักงานทุกคน ให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตินี้ไปด้วยกัน จากที่หน่วยงานภาครัฐยกระดับการเฝ้าระวังโดยการปิดสถานที่ต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งรวมถึง AIS SHOP, Serenade Club และ AIS Telewiz ในพื้นที่ซึ่งมีการประกาศปิด โดยลูกค้าทุกท่าน สามารถตรวจสอบข้อมูล AIS Shop, Serenade Club และ AIS Telewiz ที่หยุดทำการชั่วคราวได้ทาง http://m.ais.co.th/closedforcovid19 ขณะเดียวกัน เพื่อให้การใช้บริการต่างๆ สามารถเดินหน้าได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัด ลูกค้าสามารถใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายๆ หลากหลายช่องทาง ตลอด 24 ชั่วโมง

บริษัทได้เสริมกำลังทีมงานวิศวกร และงานบริการ พร้อมสแตนบายดูแลประสิทธิภาพเครือข่ายทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งส่วนกลางและศูนย์บริหารเครือข่ายส่วนภูมิภาค เพื่อให้พร้อมแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที

คลัง แบงก์ชาติ ก.ล.ต. แถลงร่วมมาตรการรองรับสถานการณ์โควิด-19

0

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น สร้างความกังวลให้แก่ตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก ราคาสินทรัพย์ผันผวนสูง นักลงทุนในหลายประเทศเทขายสินทรัพย์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง กระทบสภาพคล่องของตลาดการเงิน ส่งผลให้ตลาดการเงินไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ภาครัฐในหลายประเทศจึงได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินอย่างต่อเนื่อง 
แม้ระบบสถาบันการเงินไทยโดยรวมยังมีเสถียรภาพดี ธนาคารพาณิชย์ไทยมีเงินกองทุนเข้มแข็งและไม่มีปัญหาสภาพคล่อง แต่สถานการณ์สภาพคล่องตึงตัวในระบบการเงินโลก และกลไกตลาดการเงินที่ทำงานต่างจากสภาวะปกติ ได้เริ่มส่งผลต่อตลาดการเงินไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ช่วยบรรเทาปัญหาสภาพคล่องในตลาดการเงิน เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจ โดยเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลกว่าหนึ่งแสนล้านบาทในช่วงวันที่ 13 -20 มีนาคม 2563 ลดและยกเลิกการออกพันธบัตร ธปท. และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 0.75 ต่อปี ธปท. พร้อมที่จะเข้าดูแลตลาดพันธบัตรรัฐบาลให้ทำงานได้ตามปกติ ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลผันผวน

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ที่ยังมีความผันผวนสูง ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนบางส่วนเร่งไถ่ถอนหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมตราสารหนี้ ส่งผลให้กองทุนรวมตราสารหนี้บางแห่ง ต้องเร่งขายตราสารหนี้ที่ส่วนใหญ่มีคุณภาพดีในราคาต่ำกว่าปกติ เพราะการขาดสภาพคล่องในตลาดการเงิน ส่งผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าที่ควรโดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการไถ่ถอนหน่วยลงทุนอื่น ๆ ตามมา จนกระทบต่อการทำงานของกองทุนรวมตราสารหนี้และตลาดตราสารหนี้ในประเทศ รวมถึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาคเอกชน เศรษฐกิจ และประชาชนเป็นวงกว้าง

กระทรวงการคลัง ธปท. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และเห็นควรออกมาตรการสนับสนุนเสถียรภาพตลาดการเงินไทย ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาการขาดสภาพคล่องในตลาดการเงินขยายผลต่อไป โดยมาตรการดังกล่าวประกอบด้วยการดำเนินงานใน 3 ด้านดังต่อไปนี้
1. กองทุนรวมตราสารหนี้ ธปท. จัดตั้งกลไกพิเศษเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่กองทุนรวมผ่านธนาคารพาณิชย์ โดยธนาคารพาณิชย์ที่เข้าซื้อหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market fund) และกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เป็นกองทุนเปิด (Daily fixed income fund) ที่ถือสินทรัพย์คุณภาพดี แต่ได้รับผลกระทบจากการที่ตลาดการเงินขาดสภาพคล่อง สามารถนำหน่วยลงทุนดังกล่าวมาวางเป็นหลักประกัน เพื่อขอสภาพคล่องจาก ธปท. ได้ โดยจะดำเนินการจนกว่าสถานการณ์ในตลาดการเงินจะเข้าสู่ภาวะปกติ จากการประมาณการเบื้องต้นพบว่ามีกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีสินทรัพย์คุณภาพดีที่สามารถนำมาวางเป็นหลักประกัน เพื่อขอสภาพคล่องจาก ธปท.ได้ มูลค่ารวมกว่าหนึ่งล้านล้านบาท 
2. ตราสารหนี้ภาคเอกชน สมาคมธนาคารไทย ธนาคารออมสิน ธุรกิจประกันภัย และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ร่วมกันจัดตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่องเพื่อลดความเสี่ยงของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน วงเงินเริ่มต้น 70,000 – 100,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนออกใหม่ของบริษัทที่มีคุณภาพดี แต่ประสบปัญหาตลาดขาดสภาพคล่องจนส่งผลให้ไม่สามารถต่ออายุ (rollover) ตราสารหนี้ที่ครบกำหนดได้ครบทั้งจำนวน 
3. ตราสารหนี้ภาครัฐ ธปท. พร้อมที่จะดูแลให้กลไกตลาดตราสารหนี้ภาครัฐทำงานได้อย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และมีสภาพคล่องเพียงพอ ผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
มาตรการเหล่านี้จะเสริมสภาพคล่องของตลาดการเงินและช่วยให้กลไกตลาดตราสารหนี้กลับมาทำงานได้อย่างปกติท่ามกลางภาวะตลาดการเงินโลกที่ผันผวน และจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนตราสารหนี้ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน จะร่วมกันติดตามพัฒนาการในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะร่วมมือในการดำเนินมาตรการเพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจว่าตลาดการเงินทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นปัญหาการขาดสภาพคล่องในตลาดการเงินที่ส่งผลให้การทำงานของตลาดการเงินไม่ปกติ ในขณะที่กองทุนรวมตราสารหนี้โดยรวมมีสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีและความเสี่ยงต่ำ จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกหรือเร่งไปไถ่ถอนหน่วยลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้ในภาวะที่ตลาดการเงินไม่ปกติ เพราะอาจส่งผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนต่ำกว่าที่ควรโดยไม่จำเป็น

โออาร์ ร่วมดูแลคนไทย ปรับรูปแบบการให้บริการในสถานการณ์โควิด – 19

0
จิราพร ขาวสวัสดิ์

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) เปิดเผยว่า โออาร์ ได้เพิ่มมาตรการด้านสุขอนามัย และปรับรูปแบบการให้บริการ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดขอไวรัสโควิด – 19 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และกรุงเทพมหานครได้มีคำสั่งให้ปิดสถานที่ต่าง ๆ ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 12 เมษายน 2563 เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดนั้น ดังนี้

สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น

1.    ยกระดับมาตรการรักษาความสะอาดบริเวณสถานีบริการน้ำมัน และห้องน้ำ รวมทั้งเพิ่มมาตรฐานการปฏิบัติงานของพนักงานหน้าลานและแม่บ้าน เช่น เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์, พนักงานทุกคนล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยระหว่างปฏิบัติหน้าที่, มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ให้บริการแก่ผู้บริโภคหลังชำระเงิน

2.    เร่งแจกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ  1 ล้านชิ้น ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยแจกให้กับผู้ใช้บริการเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในภูมิภาคต่าง ๆ ในทุกวันจันทร์

·      วันจันทร์ที่ 30 มี.ค. ที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี 250,000 ชิ้น

·      วันจันทร์ที่ 6 เม.ย. ที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  250,000 ชิ้น

·      วันจันทร์ที่ 13 เม.ย. ที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเขตภาคเหนือและภาคใต้   250,000 ชิ้น

·      วันจันทร์ที่ 20 เม.ย. ที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเขตภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก  250,000 ชิ้น

โออาร์ และผู้ผลิตได้ประสานงานร่วมกันเร่งการผลิตเจลแอลกอฮอล์ให้เร็วที่สุดอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถแจกเจลแอลกอฮอล์ได้อย่างทั่วถึง

3.    แจกน้ำดื่มขนาด 35 มล. จำนวน 1 ล้านขวด ให้กับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับส่งอาหาร รวมถึงรถมอเตอร์ไซด์ทุกคันที่เข้ามาใช้บริการเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น จำนวน 60 สาขาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 1 ขวด ต่อ 1 คัน โดยไม่จำกัดจำนวนการเติมขั้นต่ำ ตั้งแต่วันที่ 1-30 เม.ย. นี้

4.    จัดทำแผ่นพับให้ความรู้เกี่ยวกับโรคโควิด – 19 อาทิ การป้องกัน การสังเกตอาการ และขั้นตอนการปฏิบัติตนเมื่อมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ เพื่อแจกให้ผู้ที่มาใช้บริการที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2563

ร้านคาเฟ่ อเมซอน

1.        ร้านคาเฟ่ อเมซอน ในกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาครนครปฐม และนครราชสีมา เปิดให้บริการตามปกติ แต่งดการนั่งรับประทานที่ร้าน แต่สามารถสั่งนำกลับ หรือใช้บริการส่งอาหารได้ ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม 2563 – 12 เมษายน 2563 หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

2.        ขอความร่วมมือลูกค้าที่มาใช้บริการยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร หรือยืนตามจุดที่มีการทำสัญลักษณ์ไว้ที่พื้นระหว่างรอสั่งสินค้า รอชำระเงิน และรอรับสินค้า

3.        จัดเจลแอลกอฮอล์ให้บริการที่ ร้านคาเฟ่ อเมซอน ทุกสาขา สำหรับลูกค้าและพนักงานรับส่งอาหารทุกท่าน เพื่อสุขอนามัยที่ดี

4.        เพิ่มมาตรฐานการให้บริการของพนักงาน โดยพนักงานทุกคนต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส  COVID-19 อย่างเคร่งครัด

5.        เตรียมความพร้อมเพิ่มความสะดวกในการสั่งซื้อกาแฟดริปและเบเกอรี่ ต่างๆ ที่ผลิตโดย SMEs ไทย ทางออนไลน์ (Online Platform) รวมทั้ง จัดชุดอาหารพิเศษสำหรับบริการส่งอาหาร (Delivery) โดย เมื่อสั่งเท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) หรือ ฮั่วเซงฮง ติ่มซำ จะได้รับกาแฟดริปเพิ่มไปด้วย เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค

ศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้

1.    ยกระดับข้อปฏิบัติมาตรฐานด้านสุขอนามัย พนักงานทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยขณะปฏิบัติงาน เช็ดทำความสะอาดพื้นที่สัมผัสต่าง ๆ อย่างน้อย 3 ครั้งต่อวัน ล้างมือด้วยสบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดก่อนให้บริการ และทำความสะอาดทั่วทุกบริเวณร้านหลังปิดให้บริการ

2.    มอบส่วนลดเพิ่มเติม 5% สำหรับลูกค้าทุกท่านที่จองคิวนัดหมายเข้ารับบริการล่วงหน้า ผ่านทาง www.pttfitauto.com  หรือ Application FIT Auto เพื่อลดความแออัดระหว่างรอรับบริการ ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2563 – 31 พฤษภาคม 2563

3.    มอบส่วนลด 200 บาทสำหรับการล้างแอร์ พร้อมรับบริการอบโอโซนฟรี เพื่อช่วยลดการสะสมของเชื้อรา แบคทีเรีย ในห้องโดยสารรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 ถึง 31 พฤษภาคม 2563      

โออาร์ ขอส่งความห่วงใยไปยังคนไทยทั่วประเทศ และขอเป็นกำลังใจให้คนไทยและประเทศไทยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้ด้วยดีโดยเร็วที่สุด 

ซีพีเอฟ มอบอาหารปลอดภัย กว่า 40 โรงพยาบาลทั่วไทย

0

กว่า 40 โรงพยาบาลทั่วประเทศได้รับอาหารปลอดภัยจากใจซีพีเอฟ
พร้อมจับมือคนไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

ซีพีเอฟ ได้ร่วมกับโรงพยาบาลของรัฐที่มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ดำเนิน “โครงการ CPF ส่งอาหารจากใจร่วมต้านภัย COVID-19” ขึ้น เพื่อสนับสนุนอาหารคุณภาพปลอดภัยให้คณะแพทย์และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้ที่เสียสละเป็นทัพหน้าในการปฏิบัติภารกิจในการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างทุ่มเทมาตลอดระยะเวลาเวลาเกือบ 2 เดือน และสนับสนุนอาหารแก่ประชาชนที่อยู่ในเกณฑ์ต้องเฝ้าระวังได้มีอาหารบริโภคอย่างเพียงพอในช่วงที่ต้องกักตัว

ล่าสุด บริษัทเดินหน้าส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารปลอดภัย CP ให้โรงพยาบาลรัฐไปแล้วกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลศิริราช สถาบันบำราศนราดูร สถาบันโรคทรวงอก รวมทั้งโรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ สงขลา สระบุรี ชลบุรี สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำผลิตภัณฑ์อาหารมอบให้บุคลากรของกองทัพเรือที่ทำหน้าที่ช่วยป้องกันการระบาดด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ทยอยจัดส่งผลิตภัณฑ์อาหารให้แก่ผู้ที่ลงทะเบียนขอรับการสนับสนุนอาหารสำหรับช่วงการกักตัวอย่างต่อเนื่องแล้วกว่า 10,000 คนทั่วประเทศ ทั้งนี้ ยังได้ผนึกพลังกับ กลุ่มทรู ร่วมแจกซิม ในแคมเปญ “ซิมกักตัว ไม่กลัวเหงา” จากทรูมูฟ เอช ฟรีเน็ตไม่อั้น ความเร็ว 10 Mbps. เป็นเวลา 30 วัน ให้แก่ ลูกค้าทรูมูฟ เอช ปัจจุบันแบบรายเดือนและแบบเติมเงิน ที่เป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรค เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานจากบ้าน ติดตามข่าวสาร เชื่อมต่อความบันเทิงจากโลกออนไลน์ รวมทั้งสามารถโทรฟรีนาน 60 นาทีผ่านแอปทรูไอดีอีกด้วย

โออาร์ มอบ กาแฟดริป คาเฟ่ อเมซอน และสินค้าโอทอป สนับสนุนสถาบันบำราศนราดูร และสายด่วนกรมควบคุมโรค ทำงานสู้โควิด-19

0

นายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีก บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) มอบ กาแฟดริป คาเฟ่ อเมซอน จำนวน 5,000 ซอง พร้อมด้วยขนมปั้นขลิบ และขนมปังกรอบ ซึ่งเป็นสินค้าโอทอป จาก เอสเอ็มอี ไทย รวม 480 ชุด ให้แก่ นายรังสรรค์ ถามูลแสน รองผู้อำนวยการด้านบริหาร สถาบันบำราศนราดูร และ นายแพทย์สุทัศน์ โชตนะพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ สังกัดกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ณ ร้านคาเฟ่ อเมซอน สาขากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขเพื่อสนับสนุนและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่สถาบันบำราศนราดูร ที่ปฏิบัติหน้าที่ตรวจคัดกรอง รวมไปถึงการดูแลรักษา ผู้ป่วยโควิด-19 และเจ้าหน้าที่สายด่วน กรมควบคุมโรค 1422 ในการเฝ้าระวังและให้ข้อมูลข่าวสารสถานการณ์โรค โควิด-19  ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ โออาร์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการช่วยเหลือประชาชนคนไทยมาโดยตลอด เพื่อก้าวผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน

กนง. หั่นดอกเบี้ย เหลือ 0.75% มีผล 23 มี.ค.นี้

0

คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 0.75% โดยให้มีผลในวันจันทร์ที่ 23 มีนาคมนี้ แว่วมาว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ เป็นการประชุมนัดพิเศษ จากเดิมที่จะมีการประชุมเกิดขึ้น ในวันที่ 25 มีนาคมนี้

การลดดอกเบี้ยนโยบายนัดพิเศษครั้งนี้ มาจากไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยความรุนแรงกว่าที่ แบงก์ชาติได้คาดไว้ และส่งผลกระทบและความวิตกกังวลไปทั่วโลก แม้ว่าประเทศไทยจะมีเสถียรภาพทางการเงินก็ตาม

ทั้งนี้ การลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.00%เหลือ 0.75% ก็จะลดภาระของลูกหนี้ บรรเทาสภาพคล่องในตลาดการเงิน ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นทางเศรษฐกิจ ช่วยสนับสนุนมาตรการการคลังของรัฐที่ออกมาแล้ว และกำลังจะออกมาด้วย

สำหรับการดอกเบี้ยครั้งนี้ จะช่วยลดภาระในการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกหนี้ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย MLR MRR และ MOR (M Rate) ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้สามารถช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ทั้งผู้ประกอบการธุรกิจและรายย่อยได้

พนักงาน AIS รวมใจทำหน้ากากอนามัย ส่งต่อบุคลากรทางแพทย์และผู้จำเป็นต้องใช้

0
เอไอเอส

AIS รวมพลังอุ่นใจอาสา ชวนพนักงานทำหน้ากากอนามัย DIY

ส่งมอบเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่จำเป็นต้องใช้งาน

นางสาวกานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในไทย ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงการทำงานของกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ จนเกิดปัญหา หน้ากากอนามัย เริ่มขาดแคลน

เอไอเอส โดย โครงการอุ่นใจอาสา จึงเดินหน้าสานต่อ “ภารกิจคิดเผื่อ”  รวมพลังพนักงานเอไอเอสทั่วประเทศ ร่วมเป็นอุ่นใจอาสา ทำหน้ากากอนามัย DIY จากผ้า เพื่อส่งมอบให้กับผู้ที่จำเป็นต้องใช้ต่อไป

แบ่งการทำหน้ากากอนามัยออกเป็น 2 รูปแบบ โดยเป็นหน้ากากอนามัยที่ใช้ผ้าสาลูหนา 4 ชั้น และสามารถใส่หรือเปลี่ยนแผ่นกรองข้างในได้ เพื่อมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์, มูลนิธิ และแบบหน้ากากผ้าสาลูหนา 3 ชั้น สำหรับบุคคลทั่วไป

กานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส

หน้ากากอนามัยทั้งหมดจะถูกนำไปอบฆ่าเชื้อก่อนส่งมอบ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแบ่งเบาภาระด้านการจัดหาหน้ากากอนามัย พร้อมส่งกำลังใจให้กับทีมงานที่ยังคงต้องรับมือกับสถานการณ์นี้ไปอีกระยะหนึ่ง