Home Blog Page 471

แนวปฏิบัติตัวภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

0

กระทรวงพลังงาน นำเสนอข้อปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อให้ทุกท่านร่วมมือกันป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสและลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ตามนี้

• ห้ามเข้าในพื้นที่ หรือสถานที่ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดต่อเชื้อโรคโควิด-19
• ปิดพื้นที่เสี่ยงต่อการติดโรค หรือสถานที่ที่มีคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกัน
• ปิดช่องการเข้ามาในประเทศทุกช่องทางในราชอาณาจักร
• ห้ามกักตุนสินค้า
• ห้ามชุมนุม หรือทำกิจกรรมมั่วสุม
• ห้ามเสนอข่าวเกี่ยวกับโควิด-19 ที่ไม่เป็นความจริง
• ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เฝ้าระวัง การกักกันตัวเองสำหรับผู้เดินทางข้ามเขตจังหวัด
• ให้กลุ่มผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิดได้ง่ายอยู่ในเคหะสถาน
• ชาวต่างชาติ หากจะเดินทางออกนอกประเทศให้ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรค
• เปิดสถานที่ทำการได้ตามปกติ อาทิ โรงพยาบาล ร้านขายยา ร้านอาหาร (ห้ามนั่งทาง/หิ้วกลับบ้านได้)
• ห้ามออกนอกเคหะสถาน ระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็น

ที่มา กระทรวงพลังงาน

สรรพากรขยายเวลายื่นแบบฯ ให้ผู้ประกอบการทั่วไป

0

จากเดิมที่ให้เฉพาะผู้ประกอบการที่ต้องปิดสถานประกอบตามคำสั่งของทางราชการ เป็นผู้ประกอบการทั่วไป

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอนุมัติขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและการชำระภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรออกไปให้ครอบคลุมผู้ประกอบการเป็นการทั่วไป ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมผู้ได้รับสิทธิดังกล่าวจากประกาศกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 25631 เพื่อช่วยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVId-19) ทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ ผู้บริหารหรือพนักงานที่เกี่ยวข้องการยื่นแบบภาษีต้องถูกกักตัวจาก COVID-19 จนไม่สามารถทำงานได้หรือสำนักงานบัญชีที่ไม่สามารถเข้าไปในสถานประกอบการเพื่อเตรียมทำบัญชีและภาษี หรือสถานประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เดียวกันกับสถานประกอบการที่ถูกปิดกิจการ เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่รณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้าน และให้ผู้ประกอบการพิจารณาให้ลูกจ้างทำงานที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดจาก COVID-19

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและการชำระภาษีอากรในครั้งนี้ มีรายละเอียดดังนี้
1. ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (แบบ ภ.ง.ด. 1 แบบ ภ.ง.ด. 2 แบบ ภ.ง.ด. 3 แบบ ภ.ง.ด. 53 และแบบ ภ.ง.ด. 54) ของเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน 2563 ที่ต้องยื่นและชำระภาษีภายในเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม 2563 ตามลำดับ ขยายออกไปถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
2.1 ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายสินค้าและบริการภายในประเทศ (แบบ ภ.พ. 30) ของเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน 2563 ที่ต้องยื่นและชำระภาษีภายในเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม 2563 ตามลำดับ ขยายออกไปถึงวันที่ 23 พฤษภาคม 2563
2.2 ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการจ่ายค่าบริการไปต่างประเทศ (แบบ ภ.พ. 36) ของเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน 2563 ที่ต้องยื่นและชำระภาษีภายในเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม 2563 ตามลำดับ ขยายออกไปถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563
3. ภาษีธุรกิจเฉพาะ (แบบ ภ.ธ. 40) ของเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน 2563 ที่ต้องยื่นและ ชำระภาษีภายในเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม 2563 ตามลำดับ ขยายออกไปถึงวันที่ 23 พฤษภาคม 2563 แต่ไม่รวมถึงกรณีการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางการค้าหรือหากำไรที่ชำระในขณะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
4. อากรแสตมป์ (แบบ อ.ส. 4 แบบ อ.ส. 4ก และแบบ อ.ส. 4ข) ที่ต้องยื่นชำระอากรแสตมป์ภายในวันที่ 1 เมษายน – 15 พฤษภาคม 2563 ขยายออกไปถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563
นอกจากนี้ ปัจจุบันกรมสรรพากรมีระบบที่สนับสนุนการยื่นแบบแสดงรายการและการชำระภาษีอากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกและลดภาระจัดเก็บเอกสาร รวมทั้ง ลดการเดินทางไปชำระภาษีอากรในสำนักงานสรรพากรพื้นที่หรือสรรพากรพื้นที่สาขา

มท. ออกหนังสือด่วนที่สุด สั่งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมยกระดับต่อสู้ไวรัสโควิด-19

0

ด่วนที่สุด! ‘มท.’ สั่งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เตรียมความพร้อมยกระดับต่อสู้ ‘โควิด-19’

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้ส่งหนังสือด่วนที่สุดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ให้เตรียมพร้อมดำเนินการในกรณีศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยกระดับการปฏิบัติการ ดังนี้

1.จัดเตรียมพื้นที่รองรับการกักกันตัวของจังหวัด (Local Quarantine) ให้มีความพร้อม โดยสามารถพิจารณาใช้พื้นที่ของภาคเอกชนได้ ทั้งในด้านการจัดทำเป็นสถานที่กักกันตัว โรงพยาบาลสนาม คลังเก็บอาหาร เครื่องดื่ม จุดรับบริจาค จุดประชาสัมพันธ์ให้ข่าว รวมทั้งกำหนดผู้ให้ข่าวที่ชัดเจน หากจังหวัดใดมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ขอให้รีบรายงานมท.โดยเร็ว เพื่อขยายวงเงินต่อไป

2.ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนและทุกภาคส่วน ถึงความจำเป็นในการปฏิบัติการเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของ โควิด-19 โดยให้ประชาชนอยู่ในที่พำนัก ไม่เคลื่อนย้าย เดินทาง อีกทั้งมอบหมายภารกิจหน้าที่แก่ส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ปกครองท้องที่ ถึงภารกิจและแนวทางการปฏิบัติงาน ตลอดจนกำหนดแผนเผชิญเหตุและซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติให้มีความเข้าใจร่วมกัน

3.วางมาตรการควบคุมการกักตุนสินค้า โดยเชิญประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด

4.วางแผนจัดระบบการขนส่งสินค้า เครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน มีการกำหนดจุดบริการอาหาร เครื่องดื่ม เพื่อดูแลประชาชนถึงระดับหมู่บ้าน/ชุมชนให้ชัดเจน และกำหนดในแผนปฏิบัติการ

5.ให้จังหวัดรายงานการปฏิบัติให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทย ทราบภายในเวลา 18.00 น. ทุกวัน เพื่อจะได้รายงานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อไป

ซีพีเอฟ เดินหน้า​ส่งมอบอาหารปลอดภัยแก่โรงพยาบาล 88 แห่งทั่วไทย ต้านภัยโควิด-19

0

สนับสนุนการทำงานของนักรับเสื้อกาวน์

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)​ หรือ ซีพีเอฟ ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านการผลิตอาหารของโลก นำร่องแสดงเจตนารมณ์ประสานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ใช้ศักยภาพการผลิตอาหารระดับโลก ส่งมอบอาหารปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ ภายใต้ “โครงการ CPF ส่งอาหารจากใจร่วมต้านภัย COVID-19” เพื่ออำนวยความสะดวก และร่วมเป็นกำลังใจบรรดาแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำงานกันอย่างเสียสละ กล้าหาญ เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพตัวเองในการดูแลผู้ป่วย สู้ภัยโควิด-19

ซีพีเอฟ เดินหน้าส่งมอบอาหารให้รพ.ทั่วประเทศแล้ว 88 แห่ง

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในการเป็นผู้ผลิตอาหารปลอดภัย และต้องการแบ่งเบาภาระในการจัดหาและเตรียมอาหารของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ ตลอดจนต้องการเป็นส่วนร่วมส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือคนไทยและประเทศไทยให้สามารถรอดพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้

นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นมา ซีพีเอฟได้จัดส่งอาหารปลอดภัยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ใน 88 โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกภูมิภาค อาทิ สถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลในต่างจังหวัด อาทิ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พิษณุโลก อุบลราชธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ภูเก็ต ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวมทั้ง​โรงพยาบาลในสังกัด กรุงเทพมหานคร เช่น โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน เป็นต้น

บริษัทได้ใช้ทีมซีพี เฟรชมาร์ท เดลิเวอรี่ และเครือข่าย จัดส่งอาหารไปมอบให้กับโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่องทุกวัน เพื่อให้มั่นใจว่าทีมนักรบเสื้อขาวของโรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ ได้รับอาหารที่สะอาด มีคุณค่าโภชนาการและเพียงพอ

ซีพีเอฟ มุ่งมั่นที่จะผลิตอาหารคุณภาพ ปลอดภัย ตามมาตรฐาน Food safety เพื่อให้คนไทยมีอาหารบริโภคอย่างเพียงพอ และจะดำเนิน โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจร่วมต้านภัย COVID-19″ อย่างต่อเนื่อง เป็นหนึ่งในโครงการทำดีตอบแทนคุณสังคม หากชาวไทยทุกคนร่วมแรงร่วมใจในการปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด เชื่อว่า ประเทศไทยจะก้าวรอดปลอดภัยไปด้วยกัน

สิงห์อาสา ส่งมอบอุปกรณ์ดับไฟป่า พื้นที่เชียงใหม่-เชียงราย

0

สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง

เหตุไฟไหม้ป่าในหลายพื้นที่ทั่วประเทศเกิดขึ้นมาหลายเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ พื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยกำลังได้รับผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก รวมถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

ตลอดช่วงระยะเวลาดังกล่าว สิงห์อาสา ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดับไฟป่ามาโดยตลอด และยังคงให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในหลายจังหวัด ได้แก่ นครนายก จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี ลำปาง เชียงราย และเชียงใหม่ ด้วยการสนับสนุนน้ำดื่มสิงห์ จำนวนรวมกว่า 15,000 แพ็ค พร้อมอุปกรณ์ดับไฟป่ามากมาย เช่น ไม้ตบดับไฟ เครื่องฉีดพ่นน้ำพ่นลม จำนวนรวมอีกกว่า 700 ชุด

ล่าสุด เมื่อ 5 เม.ย.63 สิงห์อาสา โดย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด, มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาภาคเหนือ ร่วมกับ บริษัท เชียงใหม่เบเวอเรช จำกัด, บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด ร่วมส่งมอบความช่วยเหลือ ทั้งอุปกรณ์ดับไฟป่า และน้ำดื่มสิงห์ ให้กับ สถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 จ.เชียงใหม่, ส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 จ.เชียงราย และ มูลนิธิกระจกเงา ที่กำลังลงพื้นที่ที่
ต.แม่ยาว จ.เชียงราย

“สิงห์อาสา” จะยังคงสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จนภารกิจดับไฟป่าของทุกพื้นที่ในปีนี้ ประสบความสำเร็จ “สิงห์อาสา และเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา” ในทุกพื้นที่ขอเป็นพลังเล็กๆ ที่ไม่เคยยอมแพ้และท้อถอย และพร้อมที่จะออกมาช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชาชนและเป็นกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ต่อไป

เตือนผู้ให้บริการส่งอาหาร ปฏิบัติทางการค้าไม่เป็นธรรม ระวังโดนคดีอาญา โทษทั้งจำทั้งปรับ

0

นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ได้ติดตามและตรวจสอบพฤติกรรมทางการค้าของผู้ให้บริการส่งอาหาร รวมทั้งพฤติกรรมอื่นๆที่อาจเข้าข่ายการกระทำผิดตามพรบ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 โดยกรณีที่เป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และส่งผลเสียต่อผู้ประกอบธุรกิจรายอื่่น จะมีโทษปรับทางปกครองในอัตรา 30% ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด หรือกรณีที่เป็นพฤติกรรมการใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม หรือจำกัดการแข่งขัน จะมีโทษอาญา จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 30% ของรายได้ในปีที่กระทำผิด หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ จะดำเนินการกำกับดูแลพฤติกรรมทางการค้าของผู้ให้บริการจัดส่งอาหารอย่างเข้มงวด และขอให้ปฏิบัติทางการค้าอย่างเป็นธรรมโดยเคร่งครัด หากพบว่า กระทำความผิด จะดำเนินการตามกม.อย่างเด็ดขาด และหากร้านค้าพบว่าผู้ให้บริการส่งอาหารมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมทางการค้า สามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า

ก่อนหน้านี้ มีกรณีว่า ผู้ให้บริการส่งอาหารบางรายมีการเรียกเก็บค่าบริการจากร้านอาหารเพิ่มสูงขึ้นมาก จากเดิม 20% เป็น 35-40% รวมทั้งยังเรียกเก็บค่าส่งเสริมการขาย โฆษณาแนะนำอาหาร ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนในท้ายสุด

โออาร์ แจงดราม่าแอลกอฮอล์ ชี้ซื้อมาเพื่อจำหน่ายช่วยประชาชน ได้มาจำนวนจำกัดจากผู้ผลิต

0

ส่วนประเด็นแอลกอฮอล์ในน้ำมัน กับแอลกอฮอล์ที่ใช้ทำความสะอาด แล้วนำมาโยงเรื่องราคาจำหน่าย ชี้แจงว่า เป็นแอลกอฮอล์คนละเกรด เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้

กรณีสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น  โดยบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีกจำกัด(มหาชน) หรือ โออาร์  นำแอลกอฮอล์ทำความสะอาด ความเข้มข้น 70% จากบริษัทผู้ผลิต ที่มีสูตรผลิตและได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จำนวน 100,000 ขวด มาจำหน่ายให้ผู้บริโภคในราคาพิเศษ เริ่มจำหน่ายเมื่อวันที่  4 เม.ย.ที่ผ่านมาเป็นวันแรก เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคได้ง่ายยิ่งขึ้น ในราคาขวดขนาด 1 ลิตร ขายราคาพิเศษ 110 บาท จนเกิดกระแสประชาชนไปเข้าคิวรอซื้อจำนวนมากและสินค้าหมดลงในเวลาอันรวดเร็วนั้น     

ล่าสุด โออาร์ ได้ชี้แจงว่า แอลกอฮอล์ดังกล่าว โออาร์เป็นผู้ที่ไปหาซื้อมาจากบริษัท WELLEX จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตโดยตรง เพื่อนำมาจำหน่ายบรรเทาความเดือดร้อนการขาดแคลนแอลกอฮอล์ให้กับประชาชน และโดยสามารถซื้อได้เพียงจำนวน 100,000 ขวดในลอตแรก ซึ่งบริษัทผู้ผลิตได้แจ้งว่าไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ทันทีหากโออาร์ต้องการเพิ่มจำนวนซื้อเพิ่ม  เพราะบริษัท WELLEX ก็ต้องผลิตสินค้าป้อนให้กับลูกค้ารายอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
       

ขณะเดียวกัน โออาร์ก็ไม่สามารถไปหาซื้อเพิ่มได้จากบริษัทผู้ผลิตรายอื่น เนื่องจากผู้ผลิตที่มีขีดความสามารถและผ่านเกณฑ์มาตรฐานของอย. ก็มีกำลังการผลิตจำกัด และผลิตเต็มกำลังการผลิตอยู่แล้ว เพราะมีลูกค้ารายอื่นๆก็สั่งสินค้าดังกล่าวเหมือนกับโออาร์ ที่สำคัญผู้ผลิตรายอื่นๆ สามารถผลิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์แต่ไม่มีภาชนะบรรจุให้แล้วเสร็จตามขั้นตอนเพื่อนำออกมาจำหน่ายได้ ซึ่งลูกค้าของผู้ผลิตรายอื่นๆต้องจัดเตรียมภาชนะไปบรรจุด้วยตัวเอง
       

สำหรับประเด็นที่มีตั้งข้อสงสัยถึงแอลกอฮอล์ที่นำมาผสมกับน้ำมัน อี85 แล้วราคาน้ำมัน ลิตรละ15บาท ขณะที่แอลกอฮอล์เพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค กลับจำหน่าย ราคาลิตรละ110 บาท เนื่องมาจาก แอลกอฮอล์ที่นำมาผสมในน้ำมันอี85 เป็นแอลกอฮอล์คนละประเภทกันกับแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรค อีกทั้งแอลกอฮอล์ที่นำมาผสมกับน้ำมัน มีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงช่วยอุดหนุนราคาขายปลีกแทนผู้บริโภคทำให้มีราคาถูกกว่าแอลกอฮอล์สำหรับฆ่าเชื้อโรค
          

สำหรับการจำหน่ายแอลกอฮอล์ทำความสะอาด ครั้งต่อไป  วันที่ 15 เม.ย.  พีทีที สเตชั่น ในจังหวัดนนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี วันที่  17 เม.ย.   พีทีที สเตชั่น ในภาคตะวันออก วันที่ 23 เม.ย.   พีทีที สเตชั่น ในภาคใต้ วันที่ 29 เม.ย.   พีทีที สเตชั่น ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันที่ 1 พ.ค.  พีทีที สเตชั่น ในภาคกลาง  วันที่ 3 พ.ค.  พีทีที สเตชั่น ในภาคเหนือและภาคตะวันตก

สำนักงานการบินพลเรือนฯ ประกาศปิดน่านฟ้าไทย ห้ามเครื่องบินเข้าประเทศชั่วคราว หลังสุวรรณภูมิวุ่น ผู้โดยสารไทยประท้วงไม่ยอมกักตัว

0

หลังจากความวุ่นวายที่สุวรรณภูมิที่ผู้โดยสารทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ และไม่ยอมกักตัว 14 วันนั้น

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 63 เวลา 00.01 ถึง 6 เม.ย. 63 เวลา 23.59 ยกเว้นอากาศยานของรัฐและทหาร อากาศยานที่ต้องลงจอดฉุกเฉินหรือมีปัญหาทางเทคนิค อากาศยานที่ส่งสิ่งของช่วยเหลือทางมนุษยธรรม อากาศยานที่ได้รับอนุญาตให้บินทำการรับบุคคลกลับภูมิลำเนา และอากาศยานขนส่งสินค้า

และให้ผู้โดยสารที่เดินทางจากต่างประเทศก่อนที่จะมีประกาศนี้ออกมา ให้อยู่ภายใต้บังคับของกฏหมายว่าด้วยโรคติดต่อ และข้อกำหนดของพ.ร.ก.ฉุกเฉินและต้องกักตัว 14 วันด้วย

เอไอเอส สนับสนุนทีมวิจัยวิศวะ จุฬาฯ พัฒนาหุ่นยนต์ “น้องปิ่นโต” ช่วยส่งอาหารและยา ลดความเสี่ยงบุคลากรทางการแพทย์ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19

0
หุ่นยนต์น้องปิ่นโต
น้องปิ่นโต

เอไอเอส สนับสนุนระบบสื่อสารให้แก่ทีม CU-RoboCovid คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อนำไปพัฒนาระบบสื่อสารของ “น้องปิ่นโต” (Quarantine Delivery Robot) หุ่นยนต์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการขนส่งและการสื่อสารทางไกล ช่วยแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์  ให้สามารถส่งอาหารและยาระยะไกลพร้อมพัฒนาระบบสื่อสารทางไกลระหว่างแพทย์และคนไข้

โดยหุ่นยนต์ “น้องปิ่นโต” จะช่วยทำหน้าที่
            1. ช่วยขนส่งอาหาร​ ยา​ เวชภัณฑ์แก่คนไข้​ ผ่านควบคุมทางไกลบนเครือข่ายสื่อสารไร้สาย ​ ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ลดความเสี่ยง จากการต้องเข้าไปอยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ​ และยังสามารถคอยเฝ้าระวังดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิดแทนได้อีกด้วย
            2. ช่วยในการสื่อสารระยะไกล ผ่านหน้าจอที่ติดอยู่ที่รถเข็นด้วยการควบคุมทางไกลบนเครือข่ายสื่อสารไร้สาย​ ช่วยให้แพทย์​ พยาบาล​ สามารถติดตามดูแลคนไข้ได้ตลอดเวลา​ ช่วยลดทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องทิ้งทุกครั้ง เมื่อเปลี่ยนโซนการตรวจ และลดระยะเวลาการเข้าใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์

ปัจจุบัน หุ่นยนต์ปิ่นโต และระบบสื่อสารทางไกลระหว่างแพทย์และคนไข้ ได้ถูกทยอยติดตั้งพร้อมใช้งานแล้ว และเริ่มใช้ปฏิบัติงานที่โรงพยาบาล 2 แห่ง

            1. โรงพยาบาลรามาธิบดี หุ่นยนต์ปิ่นโต จำนวน 1 ตัว ที่มาพร้อมระบบสื่อสารทางไกลระหว่างแพทย์และคนไข้ จำนวน 6 เครื่อง
            2. โรงพยาบาลจักรีนฤบดินทร เริ่มใช้ระบบสื่อสารทางไกลระหว่างแพทย์และคนไข้ จำนวน 17​ เครื่อง

ปัญหาไข่ไก่ อย่าโหนกระแส แบบไม่สร้างสรรค์

0
ไข่ไก่

บทความ โดย ประพิม พ้องไสว (นักวิชาการอิสระ)

การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้สร้างปรากฎการณ์ “ไข่ไก่” ขาดตลาด และราคาแพง ได้ กลายเป็นหัวข้อเผือกร้อนที่คนในวงการไข่ไก่ต่างเร่งจัดการเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเหมือนหน้ากากอนามัย จนทำให้ผู้คนมากมายทั้งในและนอกวงการลุกขึ้นมาให้ข้อเสนอไข่ไก่กันมากมาย

สถานการณ์โควิด-19 ครั้งนี้ไม่เหมือนกับภัยพิบัติครั้งก่อนๆ ที่เคยเกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนและทุกครอบครัวต้องอยู่บ้าน และเต็มไปด้วยความกังวลกับรายได้ และความไม่แน่นอนของการงานของผู้นำครอบครัว จึงเห็นความต้องการบริโภคไข่ไก่ อาหารโปรตีนราคาถูก เพิ่มสูงขึ้นแบบพุ่งพรวด จากที่ปกติเคยซื้อคนละ 1 แผงมาคราวนี้เหมากลับบ้านครั้งเดียว 3-5 แผง เผื่อกับการอยู่บ้านโดยไม่มีกำหนด และบางคนที่เห็นจังหวะนี้กว้านซื้อเพื่อนำไปขายต่อ ส่งผลให้เกิดภาวะไข่ขาดตลาด ยิ่งเป็นหัวเชื้อชั้นดีทำให้เกิดความตื่นตระหนกแย่งซื้อไข่ไก่กัน

ทั้งสองปัจจัย จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ไข่ขาดตลาดในรอบ 10 ปี แต่ หากในความจริงระบบการผลิตไข่ไก่ในประเทศยังเพียงพอต่อการบริโภค มีผลผลิตออกมาทุกวันๆ ละ 40-41 ล้านฟอง ขณะที่ความต้องการบริโภคในช่วงปกติอยู่ที่ประมาณ 39 ล้านฟอง มีไข่ไก่เหลืออยู่ในตลาดประมาณ 1 ล้านกว่าฟอง ผลผลิตที่ลดลงอาจจะประจวบกับผู้เลี้ยงปลดแม่ไก่ เปลี่ยนเป็นไก่สาวที่ผลผลิตยังไม่เต็มที่และเป็นไข่ใบเล็ก ประกอบกับการขนส่งที่ต้องล่าช้าเพราะโรคระบาด

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ปัญหา ไข่ล้นจนกดดันราคาไข่ไก่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตทำให้เกษตรกรหลายรายต้องเลิกเลี้ยง ในปี 2561 คณะกรรมการเอ็กบอร์ดต้องประชุมบรรดาผู้เลี้ยงไข่ไก่ที่มีทั้งรายใหญ่ รายกลาง และรายย่อยกระจายอยู่ทั่วประเทศ มาช่วยกันบริหารจัดการอุปทานไข่ไก่ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เพื่อลดปริมาณผลผลิตไข่ให้ลงมาใกล้เคียงกับความต้องการบริโภค และรักษาราคาไข่ไก่ให้มีเสถียรภาพขึ้น ช่วยให้ราคาไข่ไก่มีเสถียรภาพดีขึ้นเริ่มปรากฎเป็นรูปธรรมในช่วงปีที่ผ่านมา

ส่วนราคาไข่ที่เป็นราคากลาง 2.80 บาทนั้น เป็นราคาหน้าฟาร์ม คละขนาด หรือ ไข่ไก่เบอร์ 3 บนถาดกระดาษ 30 ฟองที่ขายในท้องตลาดทั่วไป แต่ยังไม่รวมค่าขนส่งและการจัดการ ราคากลางดังกล่าวประกาศโดยสมาคมไข่ไก่ พิจารณาร่วมกับเอ็กบอร์ดเพื่อให้เกษตรกรพอมีกำไรแต่ไม่เบียดเบียนผู้บริโภค และที่สำคัญราคากลางยังไม่นับรวมถึงราคาไข่ไก่ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์พิเศษ หรือไข่ไก่คัดขนาด เบอร์ 0 เบอร์ 1 ไข่ไก่เสริมวิตามิน ไข่ไก่จากแม่ไก่ที่เลี้ยงแบบเคจฟรี หรือ ฟรีแลนจ์ ดังนั้น ราคาขายไข่ไก่ถาด 30 ฟองในตลาดย่อมต้องบวกเพิ่มต้นทุนการจัดการหรือค่าขนส่งไปบ้างตามระยะทาง

สัปดาห์ที่ผ่านมา เกษตรกรและผู้ประกอบการยังให้ความร่วมมือด้วยความเต็มใจ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค ในช่วงภาวะวิกฤต ยืดระยะเวลาปลดแม่ไก่ไข่ และหยุดส่งออกชั่วคราว เพิ่มซัพพลายไข่ไก่ในตลาด

วันนี้ไข่ไก่ ที่เป็นผลผลิตหล่อเลี้ยงชีวิตเกษตรกร และอาหารโปรตีนคุณภาพสูงของคนไทย กลับถูกบางคนนำมาใช้เป็นเครื่องมือ โหนกระแสสังคมเรียกยอด like ด้วยการใส่ข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หมิ่นประมาทข้าราชการระดับสูง และจงใจกดหัวเกษตรกร…ซึ่งไม่สร้างสรรค์เอาเสียเลย