Home Blog Page 461

กทม.เตรียมลงพื้นที่คุมเข้มหลังผ่อนปรนระยะสอง ขอความร่วมมือปชช.ทยอยไปใช้บริการ

0

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 12/2563 ว่า กรุงเทพมหานครขอความร่วมมือประชาชนให้ทยอยไปใช้บริการเพื่อไม่ให้เกิดความแออัด ซึ่งกรุงเทพมหานครจะจัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกรุงเทพมหานครอย่างเคร่งครัด

หากพบฝ่าฝืนมาตรการของกรุงเทพมหานครจะสั่งปิดทันที โดยในวันนี้ปลัดกรุงเทพมหานครจะสั่งการให้ 50 สำนักงานเขตจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจตราห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์อย่างเคร่งครัด

กรุงเทพมหานครได้พิจารณาผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ในสถานที่ กิจกรรม และกิจการต่างๆ ซึ่งจะมีผลวันพรุ่งนี้ (17 พ.ค.63) ประกอบด้วย กิจการในห้างสรรสินค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ ได้แก่

  • ร้านอาหารและเครื่องดื่ม
  • ร้านอื่นๆ ในห้างสรรพสินค้า
  • สถานที่รับเลี้ยงผู้สูงอายุ
  • กองถ่ายภาพยนตร์นอกสถานที่
  • ห้องประชุมในโรงแรมหรือศูนย์ประชุม
  • คลินิกเวชกรรม
  • สถานเสริมความงาม และร้านทำเล็บ
  • ฟิตเนสนอกห้าง
  • สถานที่ออกกำลังกายในร่มหรือโรงยิม
  • สระว่ายน้ำทุกประเภท
  • สวนพฤกษศาสตร์ สวนดอกไม้
  • พิพิธฑภัณฑ์ ศูนย์การเรียนรู้ แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณสถาน
  • ห้องสมุดสาธารณะ
  • หอศิลป์

และได้พิจารณาแนวทางการเฝ้าระวังในประชากรกลุ่มเสี่ยง หรือสถานที่เสี่ยง เช่น กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ กลุ่มผู้ต้องขังและผู้ต้องกักแรกรับ คนขับหรือพนักงานประจำรถขนส่งสาธารณะ เรือโดยสารสาธารณะ พนักงานไปรษณีย์และพนักงานส่งของ พระ นักบวช หรือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในศาสนสถาน คนงานในไซต์งานก่อสร้างและคนงานที่พักในแคมป์คนงานก่อสร้าง พนักงานขายของในห้างสรรพสินค้า ผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ในตลาด พนักงานร้านอาหาร บุคลการในรัฐวิสาหกิจ ทัณฑสถาน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น

ในส่วนของการเปิดห้องสมุด จะกำหนดให้มีการจำกัดจำนวนคนเข้าใช้บริการ และคำนึงถึงมาตรการในการเว้นระยะห่างด้วย

ที่มา ภาพจาก เฟสบุ๊ค สำนักงานประชาสัมพันธ กทม. และ เอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง(Earth Pongsakorn Kwanmuang)

พระปกเกล้าสกายปาร์ค สวนสาธารณะลอยฟ้า พร้อมเปิดมิ.ย.นี้

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เฟสบุ๊คของพล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้โพสความคืบหน้าของการก่อสร้าง พระปกเกล้าสกายปาร์ค ว่า ใกล้เสร็จสมบูรณ์ และพร้อมเปิดให้บริการ มิ.ย.63 นี้

โดยความคืบหน้าโครงการ เป็นรูปเป็นร่างและเริ่มเห็นความสวยงามของสวนสาธารณะลอยฟ้าโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ทางสัญจรบนโครงสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณช่องกลางสะพานพระปกเกล้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ “พระปกเกล้าสกายพาร์ค”

ปัจจุบันการก่อสร้างและปรับปรุงสวนสาธารณะแห่งใหม่คืบหน้าจนใกล้เสร็จสมบูรณ์ เหลือเก็บงานในส่วนของการปลูกต้นไม้ งานรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และการล้างทำความสะอาดพื้นที่ คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือนพ.ค.63 พร้อมทั้งจะมีการคัดเลือกชื่อที่ชนะการประกวดตั้งชื่อสวนสาธารณะลอยฟ้าแห่งนี้ในเร็วๆ นี้ และเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนมิ.ย. 63 ต่อไป

สวนสาธารณะแห่งใหม่นี้ นอกจากจะใช้ประโยชน์เพื่อการพักผ่อนและออกกำลังกายแล้ว ยังเป็นจุดชมวิวกลางแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงามที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และยังจะช่วยชูเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวย่านกะดีจีน – คลองสาน ซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลายด้านวัฒนธรรมท้องถิ่นอีกด้วย

กพท. ประกาศขยายเวลา ห้ามอากาศยานบินเข้าไทย ถึงสิ้นเดือนมิ.ย.63

0

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า ตนได้ลงนามออกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง ห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 5) ขยายระยะเวลาห้ามอากาศยานขนส่งคนโดยสารทำการบินเข้ามายังท่าอากาศยานไทยเพิ่มเติมอีก 1 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เวลา 23.59 น. จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 ทั้งนี้ ประกาศฉบับที่ 5 นั้น ให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปหรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รุนแรงมากยิ่งขึ้น และเพื่อสนับสนุนการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉินข้างต้นให้ยุติลงโดยเร็ว รวมถึงด้วยเหตุผลและความจำเป็นในการคงความต่อเนื่องของมาตรการดังกล่าวต่อไปอีก เพื่อประสิทธิผลในการป้องกันและควบคุมโรคนั้น จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 จึงมีคำสั่งออกประกาศดังกล่าว

สำหรับการประกาศห้ามอากาศยานขนส่งคนโดยสารเข้ามายังท่าอากาศยานประเทศไทยดังกล่าว ยกเว้นอากาศยานราชการหรือที่ใช้ในราชการทหาร, อากาศยานที่ขอลงฉุกเฉิน, อากาศยานที่ขอลงทางเทคนิค โดยไม่มีผู้โดยสารออกจากเครื่อง, อากาศยานที่ทำการบินเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมทำการบินทางการแพทย์ หรือการขนส่งสิ่งของเพื่อสงเคราะห์แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19, อากาศยานที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินรับส่งบุคคลกลับประเทศไทยหรือกลับภูมิลำเนา และอากาศยานขนส่งสินค้า

สำหรับบุคคลหรือผู้โดยสารบนอากาศยานที่ยกเว้นนั้น จะอยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ เช่น การกักตัวเป็นเวลา 14 วัน และบรรดาข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

ราชกิจจานุเบกษา ผ่อนปรนการบังคับใช้ม.ป้องกันแพร่ระบาดโควิด-19

0

เว็บไซต์ราชกิจจาบุเบกษา เผยแพร่ประกาศข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนตการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 7) ผ่อนคลายการบังคับใช้บางมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิต- 19 เพิ่มเติมจากที่เคยผ่อนคลายไว้แล้ว เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง

โดยกำหนดเวลาออกนอกเคหสถาน เป็นระหว่างเวลา 23.00 นาฬิกา ถึงเวลา 04.00 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2563 เป็นต้นไป และผ่อนคลายให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ อาทิ การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มในภัตตาคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร ร้านอาหารหรือเครื่องดื่มทั่วไป ซึ่งไม่รวมถึงสถานบริการ ผับ บาร์ แต่ยังห้ามบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในสถานที่

ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ให้เปิดดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนที่เป็นการจำหน่ายสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคและการให้บริการ รวมทั้งร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม แต่ยังคงห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน

ร้านเสริมสวย แต่งผม ตัดผม ทำเล็บ แต่ให้งดเว้นการจัดการแข่งขัน กิจกรรมส่งเสริมการขาย หรือการดำเนินการอื่นใดที่เปิดโอกาสให้ผู้คนมาชุมนุมกันหนาแน่น และให้เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 นาฬิกา

ร้านค้าปลีก ค้าส่ง หรือตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ สถานที่บริการดูแล สถานที่พำนักอาศัย หรือสถานสงเคราะห์อื่นที่จัดสวัสดิการ ให้แก่เด็กหรือผู้สูงอายุ

การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ภาพยนต์ วิดีทัศน์ รวมคณะทำงานไม่เกิน 50 คน และไม่มีผู้ชมเข้าร่วมรายการ

ห้องประชุมในโรงแรมหรือศูนย์ประชุม ให้เปิดดำเนินการได้เฉพาะกรณีจำกัดจำนวน

กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพหรือสันทนาการ คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม สถานเสริมความงาม และร้านทำเล็บ ทั้งที่อยู่ในและนอกห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตื้มอลล์ ให้เปิดดำเนินการได้เฉพาะการเสริมความงามเรือนร่างและผิวพรรณ ไม่รวมถึงการเสริมความงามบริเวณใบหน้า

สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนสที่มิได้ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ ให้เปิดดำเนินการได้เฉพาะส่วนที่เป็นการเล่นโยคะหรือฟรีเวท โดยงดเว้นการใช้เครื่องเล่น เครื่องสวิง จักรยานปั่น หรือการเล่นแบบรวมกลุ่ม ส่วนสถานที่หรือสนามออกกำลังกายในร่ม เฉพาะกีฬาประเภทที่ตามกติกาสากลที่มีได้มีการปะทะกันระหว่างผู้เล่นและต้องไม่มีผู้ชมการแข่งขัน หากเล่นเป็นทีม ให้มีผู้เล่นได้ฝั่งละไม่เกินสามคน ได้แก่ แบตมินตัน ตะกร้อ เทเบิลเทนนิส สควอช ยิมนาสติก ฟันดาบ และปืนผา สระว่ายน้ำสาธารณะทั้งกลางแจ้งและในร่ม สวนพฤกษศาสตร์ สวนตอกไม้ พิพิธภัณฑ์ ศูนย์การเรียนรู้ แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณสถาน ห้องสมุดสาธารณะ และหอศิลป์

ด่วน ยกเลิกเปิดสนามบินภูเก็ตออกไปไม่มีกำหนด

0

กพท.ออกประกาศ ฉบับที่ 3 ยกเลิกประกาศก่อนหน้านี้ เรื่องเงื่อนไขเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานที่ให้เปิดสนามบินภูเก็ตพรุ่งนี้ 16 พ.ค.63

รายงานข่าว เปิดเผยว่า สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศเรื่องเงื่อนไขและเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานฉบับที่ 3 มีเนื้อหาว่า

ตามที่ได้มีประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเรื่องเงื่อนไขและเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานฉบับที่ 2 ประกาศณวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 กำหนดเงื่อนไขและเวลาในการใช้ท่าอากาศยานภูเก็ตเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2563 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไปนั้น

แม้ว่าจังหวัดภูเก็ตจะสามารถควบคุมยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เรือโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่ด้วยสถานการณ์ยังถือว่ามีความเสี่ยงที่ต้องติดตามดูแลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคไปสู่พื้นที่อื่นและป้องกันมิให้โรคกลับมาแพร่ระบาดใหม่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้อีก

ดังนั้น ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โดยคำแนะนำของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 อำนาจตามความในข้อ 1 วงเล็บ 3 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพุทธศักราช 2548 ฉบับที่ 5 ประกอบกับมาตรา 15/16 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศพุทธศักราช 2497 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศฉบับที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ออกประกาศกำหนดเงื่อนไขและเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานดังต่อไปนี้

1 .ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเรื่องเงื่อนไขเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานฉบับที่ 2

2. รายชื่อท่าอากาศยานที่เปิดให้ขึ้นลงได้รวมถึงเงื่อนไขและเวลาในการใช้ท่าอากาศยานดังกล่าวเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานให้เป็นไปตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเรื่องเงื่อนไขและเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานประกาศ ณ วันที่ 3 พฤษภาคม 2563

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศอื่นเปลี่ยนแปลง

ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2553

นายจุฬา สุขมานพ

ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

4 ออมสู่ความมั่งคั่ง

0

คุณนายพารวย

บทความสัปดาห์ที่แล้ว  เราพูดถึงความสำคัญของ “คาถากันจน” คือ ต้อง “ออมก่อนใช้”เมื่อมีรายได้ หรือเงินเดือนออกมา ให้หักเงินออม 10-20% ของรายได้ แยกออกไปใส่บัญชีต่างหาก และหักภาระหนี้ที่ต้องจ่าย (ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ) เอาไว้ด้วย

​ที่เหลือถึงเป็นเงินสำหรับใช้จ่าย โดยเงินที่ต้องจ่ายประจำ อย่างค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน ค่าโทรศัพท์-อินเทอร์เน็ตให้กันไว้ก่อน   เงินที่เหลือจึงเป็นเงินสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน  โดยนำมาหาร 30 วัน เพื่อให้รู้ว่า  เรามีโควต้าใช้จ่ายเงินแต่ละวันสูงสุดเท่าไร 

หากวันไหนใช้เงินเกินโควต้า-วันรุ่งขึ้นต้องใช้น้อยลง  วันไหนใช้น้อยกว่าโควต้า-เก็บส่วนที่เหลือใส่กระปุกไว้เพื่อออมเพิ่ม!!

กลับมาเรื่องการออม เมื่อเรามีเงินออม ที่ได้จากการ “ออมก่อนใช้” แล้ว จะต้องแบ่งหรือจัดสรรเงินออมออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ ตามคำแนะนำของกูรูนักวางแผนการเงิน ที่ให้แบ่งเงินออมตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการออม ออกเป็น 4 ส่วนสำคัญ

​ดังนี้ 1. บัญชีเงินออมไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เป็นเงินก้อน สำหรับรับมือเหตุไม่คาดฝัน ที่อาจทำให้ขาดรายได้  เช่น เกิดอุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือตกงาน เช่น การตกงานฉุกเฉินจากกรณีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า(โควิด-19)ในครั้งนี้  ซึ่งกูรูแนะนำว่าเงินสำรองใช้ยามฉุกเฉินนี้ ทุกคนต้องมีไว้จำนวน  3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายในยามปกติ

​2. บัญชีเงินออมระยะสั้น-ปานกลาง ออมเพื่อเป้าหมายไว้ดาวน์ซื้อบ้าน ซื้อรถ ท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่งงานหรือเพื่อสร้างครอบครัว  

3. บัญชีเงินออมระยะยาว เพื่อค่าเล่าเรียนลูก หรือออมไว้ใช้หลังเกษียณ  เงินก้อนนี้ต้องอาศัยความตั้งใจและวินัยสูงต้องกันเงินไว้ทุกเดือน เช่น ลงทุนในกองทุน SSF และ RMF เงินนี้เก็บลูกเดียว ห้ามถอนออกเด็ดขาด

​4. บัญชีเงินออมเพื่อการลงทุน เพื่อใช้เงินทำงาน ให้เงินไปต่อเงิน ทั้งการลงทุนในหุ้น ทองคำ คอนโดให้เช่า หรือกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น หุ้นกู้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์

​หลายคนถามว่า บัญชีเงินออมที่ 2-3-4 ต้องมีเท่าไร ตอบสั้นๆได้ว่า มากที่สุดเท่าที่จะมีได้

เพื่อสร้างแรงผลักดัน แนะนำให้เริ่มจากการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าอยากออมเงินไปเพื่ออะไร เพื่อซื้อบ้านในฝัน เพื่อซื้อรถขับไปทำงาน เพื่อเงินเก็บ 10 ล้าน เพื่อส่งลูกไปเรียนเมืองนอก หรือต้องการมีเงินใช้หลังเกษียณเดือนละ2หมื่น     

จากนั้นมุ่งมั่นทำตามเป้าหมาย  เพราะจะสามารถคำนวณคร่าวๆได้ว่า ต้องใช้เงินเท่าใด   ใช้วิธีไหนจึงจะบรรลุเป้าหมาย ต้องเก็บออมเดือนละเท่าไร  ออมนานแค่ไหน และนำเงินออมไปลงทุนให้งอกเงยได้อย่างไร  เริ่มต้นเรียนรู้วางแผนทางการเงินได้ง่ายๆ ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ www.set.or.th เลือกเมนู “ความรู้การลงทุน”

ลงมือทันที ออมให้เยอะ ออมให้มาก ออมให้เร็ว หากคุณเริ่มออมตั้งแต่วันนี้ นั่นหมายถึงคุณได้หลุดพ้นจากความยากจน เดินตาม คุณนายพารวย”  ก้าวสู่ประตูแห่งความมั่งคั่งได้แน่นอน!!  เป็นกำลังใจให้ทุกคน

ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

“ประวิตร” นำทีมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ ยันแล้งนี้มีน้ำเพียงพอ

0

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ และคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออก พร้อมมอบนโยบายแก้ไขปัญหาน้ำอย่างยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2563 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยมี ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน และนายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน(ด้านบำรุงรักษา) พร้อมด้วยผู้เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำ- ประแสร์และแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งภาคตะวันออก ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาประแสร์ อำเภอ- วังจันทร์ จังหวัดระยอง

ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกน้อยกว่าค่าปกติในช่วงฤดูฝนปี 2562 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ และแหล่งน้ำต่างๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออก อยู่ในเกณฑ์น้อยและไม่เพียงพอที่สนับสนุนกิจกรรมการใช้น้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยเฉพาะเขื่อนประแสร์ จังหวัดระยอง ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดสรรน้ำไปยังอ่างเก็บน้ำต่างๆในพื้นที่ EEC มีปริมาณน้ำเหลืออยู่เพียง 23 ล้าน ลบ ม. เท่านั้น

ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน

กรมชลประทาน ได้ดำเนินการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้อ่างเก็บน้ำประแสร์ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำทั้งระบบในพื้นที่ EEC ด้วยการปันน้ำจากลุ่มน้ำวังโตนด ปริมาณ 10 ล้าน ลบ.ม. มายังอ่างเก็บน้ำประแสร์ ในช่วงเดือน มี.ค. 63 ที่ผ่านมา พร้อมปรับปรุงคลองส่งน้ำเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำรั่วซึมลงดิน รวมทั้งยังปรับแผนลดการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำ-ประแสร์ ส่งไปจังหวัดชลบุรี โดยใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทร 10 ล้าน ลบ.ม. ผันมายังอ่างเก็บน้ำบางพระ เพื่อส่งให้ผลิตน้ำประปาในจังหวัดชลบุรี

นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากบริษัท อีสต์วอเตอร์ฯ ทำการก่อสร้างระบบสูบกลับน้ำชั่วคราว จากคลองสะพานไปยังอ่างเก็บน้ำประแสร์ ประมาณวันละ 50,000 – 170,000 ลบ.ม. ส่งผลให้ปัจจุบันสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำประแสร์ ได้อย่างเพียงพอไปจนถึงเดือน มิ.ย. 63

กรมชลประทาน ยังได้ปรับแผนโครงการก่อสร้างระบบสูบกลับคลองสะพานมายังอ่างเก็บน้ำประแสร์ ที่เดิมมีแผนจะดำเนินการในปี 2564 นำมาดำเนินการให้เร็วขึ้นในปี 2563 เพื่อให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ไว้ใช้ในปีถัดไป พร้อมบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำต่างๆ ในพื้นที่EEC ให้สอดคล้องกันทั้งระบบ และยังได้เร่งก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในลุ่มน้ำวังโตนด 4 อ่างฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเก็บกักน้ำเป็นน้ำต้นทุนหล่อเลี้ยง EEC ได้อย่างเพียงพอและยั่งยืน ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างแล้ว 3 อ่างฯ ยังไม่สามารถก่อสร้างได้อีก 1 อ่างฯ คืออ่างเก็บน้ำวังโตนด เนื่องจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้ให้กรมชลประทานกลับมาพิจารณา EHIA ในประเด็นด้านการอนุรักษ์เพิ่มเติม

เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางด้านน้ำ และส่งเสริมเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้อย่างยั่งยืน

ขอความร่วมมือ สถานประกอบการทำความสะอาดจุดสัมผัสในห้องส้วมทุก 2 ชม.

0

แพทย์หญิงพรรณพิมล  วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากการสุ่มสำรวจติดตามสถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนปรนจากมาตรการป้องกันแพร่ระบาดโควิด-19 พบว่า ส่วนใหญ่ปฏิบัติตามมาตรการหลัก แต่ยังพบข้อจำกัดในการทำความสะอาดห้องส้วม ดังนั้น ทุกสถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนปรนจึงต้องมีการควบคุมและทำความสะอาดส้วมมากขึ้น โดยเฉพาะการทำความสะอาดจุดที่มีการสัมผัสร่วมบ่อย ๆ ทุก 2 ชั่วโมง เช่น พื้นห้องส้วม โถส้วม ที่กดชักโครกหรือโถปัสสาวะ สายฉีดชำระ กลอนหรือลูกบิดประตู  ฝารองนั่ง ฝาปิดชักโครก ก๊อกน้ำ และอ่างล้างมือ ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำยา   ทำความสะอาดหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ เมื่อเสร็จงานให้ซักผ้าที่ใช้แล้วและไม้ถูพื้นให้สะอาด และนำไปผึ่งแดดให้แห้ง

ทั้งนี้ ขณะปฏิบัติงานผู้ทำความสะอาดต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้ง สวมถุงมือยางและผ้ายางกันเปื้อน สวมรองเท้าพื้นยางหุ้มแข้ง หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น และหลังจากปฏิบัติงานเสร็จต้องล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำทันที นอกจากนี้ในส่วนของผู้ใช้ส้วมสาธารณะหรือส้วมในสถานที่ทำงานต้องดูแลสุขอนามัยตนเองโดยล้างมือด้วยสบู่และน้ำทุกครั้งหลังเข้าห้องส้วม และปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำ รวมทั้งลดการสัมผัสเชื้อโรคให้มากที่สุด เช่น ให้ฉีดน้ำจากสายฉีดชำระก่อนใช้ และหลังใช้เสร็จแล้วควรทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วย  เพื่อสุขอนามัยส่วนรวม

กทม.ขู่ปิดสวนสาธารณะ หลังพบคนจำนวนมากไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ใส่หน้ากากอนามัย ไม่เว้นระยะห่าง

0

นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมว่า จากรายงานของคณะทำงานด้านการประสานงานการดูแลความสงบเรียบร้อย พบว่า ประชาชนจำนวนไม่น้อย กว่า 80% ที่ใช้บริการสวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร ละเลยไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของมาตรการผ่อนปรนการใช้สวนสาธารณะ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ข้อกำหนดการเข้าใช้สวนทั้งบริเวณทางเข้า และบริเวณทั่วไปภายในสวน ตลอดจนประชาสัมพันธ์เสียงตามสายภายในสวนให้ผู้ใช้บริการปฏิบัติตามข้อกำหนด

ศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร

พบว่า ผู้มาใช้บริการสวนสาธารณะ ไม่สวมหน้ากากอนามัยระหว่างที่อยู่ในสวน ไม่เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล (Physical Distancing) ระหว่างการออกกำลังกายหรือนั่งพักผ่อน ออกกำลังกายแบบเป็นกลุ่ม บางส่วนนั่งจับกลุ่มพูดคุย รับประทานอาหาร บางส่วนใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายแม้จะมีการปิดกั้นพื้นที่ดังกล่าว โดยไม่เชื่อฟังและปฏิบัติตามที่เจ้าหน้าที่ประจำสวนสาธารณะแจ้งเตือน  

กทม. จึงมอบหมายให้สำนักเทศกิจ สำนักงานเขตจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจตรวจตราอย่างเข้มข้น หากตรวจพบบุคคลที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ให้เชิญบุคคลดังกล่าวออกนอกพื้นที่สวน ทั้งนี้หากปรากฎว่าประชาชนยังคงไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ กรุงเทพมหานครอาจปิดสวนสาธารณะ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ ซึ่งจะทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดและการรักษาผู้ป่วยเป็นไปด้วยความยากลำบากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ขอบคุณ ภาพประกอบจากเว็บไซต์ สำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร

กรมบัญชีกลางแจง ขรก.ติดคุก/ล้มละลาย ยังได้รับบำนาญต่อ

0

นางสาววิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์เกี่ยวกับบำเหน็จบำนาญ กรณีถูกศาลสั่งจำคุกหรือล้มละลาย ว่าจะยังคงได้รับบำนาญต่อไปหรือไม่

กรมบัญชีกลางขอชี้แจงว่า ผู้รับบำนาญที่ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ในหรือหลังวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 จะยังคงได้รับบำนาญต่อไปได้ เนื่องจาก ในปี พ.ศ. 2551 กระทรวงการคลังได้ออกพระราชบัญญัติบําเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2551 และให้ยกเลิกมาตรา 52 ของพรบ.เดิมที่ บัญญัติให้ผู้รับบำนาญที่กระทำความผิดถึงต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาโทษจำคุก เว้นแต่ความผิดในลักษณะลหุโทษ หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท และผู้รับบำนาญที่เป็นบุคคลล้มละลายทุจริต จะหมดสิทธิรับบำนาญตั้งแต่วันมีคำพิพากษาถึงที่สุด

ทั้งนี้ มีเหตุผลสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่
1) บำนาญ เป็นเงินที่ตอบแทนความชอบที่ได้รับราชการมา ความชอบดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผู้รับบำนาญได้สั่งสมมาตลอดชีวิตการรับราชการ แม้ผู้รับบำนาญจะได้กระทำผิดกฎหมายจนต้องได้รับโทษถึงจำคุกหรือเป็นบุคคลล้มละลายทุจริตในภายหลัง ก็ไม่ได้กระทบต่อความดีความชอบที่ผู้รับบำนาญได้กระทำไว้ในอดีต การนำเอาความผิดที่ได้กระทำในวันนี้ ไปลบล้างความชอบที่ได้กระทำลงไปแล้วจึงไม่ถูกต้อง ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการรับบำเหน็จ ซึ่งเป็นเงินที่จ่ายเพื่อตอบแทนความชอบที่ได้รับราชการมาเช่นกัน เมื่อผู้รับบำเหน็จได้รับโทษจำคุกหรือเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต ก็มิได้มีการเรียกเงินบำเหน็จที่ได้รับไปแล้วคืนแต่ประการใด
2) ผู้รับบำนาญ มีเงินบำนาญที่ได้รับจากรัฐบาลทุกเดือนเป็นรายได้เพียงประการเดียว การที่ผู้รับบำนาญถูกงดบำนาญเพราะเหตุถูกจำคุก ภายหลังเมื่อผู้รับบำนาญพ้นโทษก็จะกลายเป็นบุคคลผู้ไม่มีรายได้ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องจัดสรรงบประมาณในการสงเคราะห์ดูแลเช่นเดิม
3) ผู้รับบำนาญที่เสียสิทธิในการได้รับบำนาญเมื่อถึงแก่ความตาย ทายาทจะไม่มีสิทธิในการขอรับบำเหน็จตกทอด ทั้งที่ทายาทมิได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วย