Home Blog Page 459

ศาลล้มละลายกลาง รับคำร้องฟื้นฟูกิจการการบินไทย

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ 27 พ.ค. ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน) ให้นัดไต่สวน วันที่ 17 สิงหาคม 2563 เวลา 09:00 น.

และสั่งให้ประกาศคำสั่งรับคำร้องขอและวันเวลานัดไต่สวนในหนังสือพิมพ์รายวันที่แพร่หลายอย่างน้อยหนึ่งฉบับไม่น้อยกว่าสองครั้งห่างกันไม่เกินเจ็ดวัน กับให้ส่งสำเนาคำร้องขอแก่เจ้าหนี้ทั้งหลายตามบัญชีรายชื่อเจ้าหนี้และแก่นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทหรือนายทะเบียนนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง กรมบังคับคดี และให้ส่งให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามมาตรา 90 / 9 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483

และให้ประกาศวันเวลานัดไต่สวนโดยวิธีลงโฆษณาทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอีกทางหนึ่ง หากเจ้าหนี้ประสงค์คัดค้าน ให้ยื่นคำคัดค้านก่อนวันนัดไต่สวนนัดแรกไม่น้อยกว่าสามวัน มิฉะนั้นถือว่าไม่คัดค้าน

ไขข้อเท็จจริง เติมแบบไหนถึงประหยัดน้ำมัน

0

ความเชื่อเรื่องเติมน้ำมันแบบไหน ยังไง จะได้น้ำมันแบบเต็มเม็ดเต็มเหนี่่ยว จะเป็นช่วงเวลาตอนเติมน้ำมัน เช้าหรือเย็นดี หรือจะเติมเต็ม-ครึ่งถัง แบบไหนดีกว่ากัน

เติมน้ำมันยังไงถึงจะคุ้ม ทางบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ มีคำตอบมาให้

  • เติมน้ำมันตอนเช้า ได้ปริมาณมากกว่า ? ข้อเท็จจริง – ถังเก็บน้ำมันของปั๊มจะถูกติดตั้งไว้ใต้ดิน ลึกจากพื้นผิวประมาณ 1 – 1.5 เมตร และควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น อุณหภูมิไม่มีผลทำให้น้ำมันขยายตัวได้เลย จึงไม่มีความแตกต่างเรื่องปริมาณ ไม่ว่าจะเติมช่วงไหนก็ตาม
  • เติมน้ำมันครึ่งถัง เพื่อลดน้ำหนักเครื่องยนต์ ? ข้อเท็จจริง – ถังเก็บน้ำมันของปั๊มจะถูกติดตั้งไว้ใต้ดิน ลึกจากพื้นผิวประมาณ 1 – 1.5 เมตร และควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น อุณหภูมิไม่มีผลทำให้น้ำมันขยายตัวได้เลย จึงไม่มีความแตกต่างเรื่องปริมาณ ไม่ว่าจะเติมช่วงไหนก็ตาม
  • วอร์มเครื่องก่อนขับ ช่วยประหยัดน้ำมัน ? ข้อเท็จจริง – การวอร์มเครื่องทิ้งไว้เพื่อให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการขับขี่ ไม่ได้ช่วยประหยัดน้ำมันโดยตรง แต่การวอร์มเครื่องด้วยการขับรถในความเร็วต่ำ จะช่วยถนอมเครื่องยนต์และลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้คุ้มค่ากว่าการจอดแช่ทิ้งไว้

วิธีประหยัดน้ำมันที่ถูกต้อง

  1. ควรตรวจเช็คลมยางให้อยู่ในระดับมาตรฐาน
  2. หมั่นตรวจสภาพเครื่องยนต์ และ
  3. ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่จะทำให้ประหยัดกว่าการเร่งความเร็วกะทันหัน

ที่มา บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์

สั่งโครงการชลประทานทั่วประเทศ เฝ้าระวังติดตามและบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด

0
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน

ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้คาดการณ์สถานการณ์น้ำ โดยจำลองและเปรียบเทียบปริมาณน้ำไว้ 3 กรณี คือ กรณีคล้ายกับปี 2538 กรณีน้ำเฉลี่ย และกรณีน้ำน้อยกว่าค่าเฉลี่ย 5% ซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลปริมาณน้ำต้นทุน และการคาดการณ์สภาพฝนของกรมอุตุนิยมวิทยา นำมากำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้มีความเหมาะสม สามารถรองรับปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเก็บกักปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้ในอนาคตด้วย นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ อาทิ เครื่องสูบน้ำ 1,935 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 527 ชุด รถบรรทุก 511 คัน กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ในเขตสำนักงานชลประทานต่างๆ รวมทั้งสิ้น 4,850 หน่วย เพื่อให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยได้อย่างทั่วถึงและทันต่อเหตุการณ์

สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศว่า ปัจจุบัน(26 พ.ค. 63) มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกันประมาณ 31,949 ล้านลูกบาศก์เมตร( ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 45 ของความจุฯรวมกัน โดยมีปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 8,655 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 38,000 ล้าน ลบ.ม.  เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 8,101 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 1,405 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 16,000 ล้าน ลบ.ม.

สำหรับสถานการณ์ฝนที่กำลังตกอยู่ในหลายพื้นที่ขณะนี้ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำบ้างเล็กน้อย โดยเขื่อนขนาดใหญ่ทั้ง 35 แห่งทั่วประเทศ มีปริมานน้ำไหลลงอ่างฯรวมประมาณ 21 ล้าน ลบ.ม. แยกเป็นรายภาค ดังนี้

  • ภาคเหนือ มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 8 แห่ง มีน้ำไหลลงอ่างฯรวม 4.99 ล้าน ลบ.ม.
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 12 แห่ง มีน้ำไหลลงอ่างฯรวม 7.29 ล้าน ลบ.ม.
  • ภาคกลาง มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง มีน้ำไหลลงอ่างฯรวม 0.17 ล้าน ลบ.ม.
  • ภาคตะวันตก มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง มีน้ำไหลลงอ่างฯรวม 0.56 ล้าน ลบ.ม.
  • ภาคตะวันออก มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 6 แห่ง ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯรวม 1.45 ล้าน ลบ.ม. และ
  • ภาคใต้ มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯรวม 6.74 ล้าน ลบ.ม.

ทั้งนี้ จากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ทำให้มีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้

กรมชลฯ เตือนเกษตรกรกักเก็บน้ำให้ได้มากที่สุด เตรียมพร้อมภาวะฝนทิ้งช่วง

0

ชป.ย้ำฝนตกลงมาในระยะนี้ เน้นเก็บกักให้มากที่สุด หลังอุตุฯเตือนมิ.ย. – ก.ค. 63 อาจเกิดฝนทิ้งช่วง

แม้จะมีฝนตกลงมาในหลายพื้นที่ในระยะนี้ แต่ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯยังคงอยู่ในเกณฑ์น้อย ประกอบกับต้องส่งน้ำตามแผนการจัดสรรน้ำฤดูฝน เพื่อสนับสนุนการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ ย้ำเน้นกักเก็บน้ำฝนให้มากที่สุด หลังกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนช่วงมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ อาจะเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำจากพื้นที่ต่างๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน เปิดเผยว่า แม้ว่าขณะนี้จะเข้าสู่ฤดูฝนแล้วก็ตาม แต่เกษตรกรควรเพาะปลูกพืชเมื่อมีปริมาณน้ำในพื้นที่ของตนที่เพียงพอ หรือมีปริมาณฝนตกในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ และขอให้เก็บกักน้ำไว้ในพื้นที่ของตนด้วย เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 63 อาจมีฝนน้อยหรือเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงได้

ปริมาณน้ำต้นทุนยังคงอยู่ในเกณฑ์น้อย จำเป็นต้องอาศัยน้ำฝนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยาที่ต้องระบายน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ และส่งน้ำให้การเกษตรสำหรับพืชต่อเนื่องบางส่วน จะมีเพียงทุ่งบางระกำที่ส่งน้ำให้ทำนาปีได้ เนื่องจากปรับปฏิทินการเพาะปลูกเร็วขึ้น เพื่อใช้พื้นที่ดังกล่าวรองรับน้ำหลาก การบริหารจัดการน้ำจึงต้องทำอย่างรัดกุม ควบคุมระบายน้ำให้อยู่ในแผนและสอดคล้องกับสถานการณ์ให้มากที่สุด รวมไปถึงการรับน้ำเข้า 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งด้านตะวันตกและตะวันออก จะรับน้ำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยายังคงต้องระบายน้ำลงมา เพื่อรักษาคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างอย่างต่อเนื่อง พร้อมไปกับลำเลียงน้ำจากแม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำท่าจีนมาช่วยเสริมอีกทางหนึ่งด้วย

สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ล่าสุด (25 พ.ค. 63) มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกันประมาณ 33,501 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 44 ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ประมาณ 9,839 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีกกว่า 42,000 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 8,124 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 1,428 ล้าน ลบ.ม. ด้านผลการจัดสรรน้ำฤดูฝนทั้งประเทศ ปัจจุบัน (25 พ.ค. 63) มีการใช้น้ำไปแล้ว 2,153 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 18 ของแผนจัดสรรน้ำฯ เฉพาะในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการใช้น้ำไปแล้ว 711 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 22 ของแผนจัดสรรน้ำฯที่วางไว้

ส่วนผลการเพาะปลูกข้าวนาปี ล่าสุด(ข้อมูล ณ วันที่ 20 พ.ค. 63) ทั้งประเทศมีการทำนาปีไปแล้ว ประมาณ 1.07 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 6 ของแผนฯ(แผนวางไว้ 16.79 ล้านไร่) เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้ว 0.67 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 8 ของแผนฯ(แผนวางไว้ 8.10 ล้านไร่)

การบินไทยแจ้งตลท. พ้นสภาพรัฐวิสาหกิจแล้ว หลังคลังลดสัดส่วนถือหุ้น

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า วันที่ 25 พ.ค. 2563 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทการบินไทยได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท จำนวน 1,113.931.061 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 51.03 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ว่า

ในวันที่ 22 พ.ค. 2563 กระทรวงการคลังได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯลงต่ำกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยจำหน่ายหุ้นคิดเป็นร้อยละ 3.17 ให้แก่กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง โดยกระทรวงการคลังยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ และถือหุ้นคิดเป็นร้อยละ 47.86

ทั้งนี้ ภายหลังการลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯของกระทรวงการคลังดังกล่าว บริษัทฯ จะหลุดพ้นจากสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ไปทำงานเกาหลี ต้องตรวจสุขภาพก่อนยื่นขอวีซ่า และกักตัว 14 วันหลังไปถึง

0

นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ได้แจ้งเพิ่มเติมเอกสารเพื่อประกอบการยื่นขอตรวจลงตรา (วีซ่า) ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แก่แรงงานต่างชาติที่จะเข้าไปทำงานในเกาหลี  คือ

สุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน

1.ใบรับรองแพทย์ (Medical Certificate) ที่มีระยะเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง ในวันยื่นคำร้องขอวีซ่านอกเหนือจากหนังสือรับรองการตรวจสุขภาพ แบบ ค ตามประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง การตรวจสุขภาพคนหางานที่จะไปทำงานต่างประเทศ ลงวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2560

2.แบบรายงานสุขภาพ  (Health Condition Report Form) และหนังสือแสดงความยินยอมการกักตนเอง โดยคนหางานต้องเข้ารับการสัมภาษณ์เกี่ยวกับสุขภาพ พร้อมลงลายมือชื่อรับรองตนเองในวันรับวีซ่า 

โดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย จะใช้เวลาพิจารณาออกวีซ่า ไม่น้อยกว่า 14 วัน ตามมาตรการเฝ้าระวัง  และขอให้แรงงานไทยตรวจสุขภาพตามที่สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ระบุไว้  ซึ่งหากสถานการณ์การแพร่ระบาด คลี่คลายลงหรือเข้าสู่ภาวะปกติ กรมการจัดหางานจะแจ้งยกเลิกการตรวจสุขภาพแรงงานไทยให้ทราบอีกครั้ง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ โทร.022456706 สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10

โออาร์ ทุ่ม 30 ล. รวมพลังร่วมใจสู้ภัยโควิด-19 ทั่วประเทศ

0

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ในไทย แม้ว่าปัจจุบันจะเริ่มมีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น จากตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดน้อยลง และตัวเลขผู้ที่ได้รับการรักษาจนหาย นำไปสู่การผ่อนปรนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ดำเนินไปเป็นระยะที่สองแล้ว ไม่ว่าจะการอนุญาตให้ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการได้ โดยต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลที่รัดกุม เพื่อป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดกลับมาหนักอีก

หากมองย้อนกลับไปประมาณเดือนมีนาคม ซึ่งเริ่มมีการออกมาตรการควบคุม สั่งปิดร้าน ปิดสวนสาธารณะ ปิดสถานประกอบการต่างๆ รณรงค์ให้คนอยู่กับบ้านเพื่อชาติ และหลายบริษัทก็ให้ความร่วมมือโดยให้พนักงานที่สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ โดยไม่ต้องมาที่ที่ทำงาน และหลายภาคส่วนเริ่มเอาจริงเอาจังกับการคัดกรองคนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้กรอกข้อมูลก่อนเข้าอาคาร, การให้ใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า, การติดตั้งแอลกอฮอล์ เจลล้างมือ ตามจุดต่างๆ, การทำความสะอาดจุดหรือบริเวณที่มีการสัมผัสร่วม

แน่นอนว่า บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ก็เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งในส่วนที่ต้องดูแลสวัสดิภาพของพนักงานบริษัท และการขับเคลื่อนธุรกิจของ โออาร์

ด้านการรับผิดชอบต่อผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการต่าง ๆ ของธุรกิจของ โออาร์ ทั้งสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และร้านค้าต่าง ๆ ของ โออาร์  ได้มีนโยบายเพิ่มมาตรการด้านสุขอนามัย และปรับรูปแบบการให้บริการ เพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ ให้พนักงานทุกคนล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยระหว่างปฏิบัติหน้าที่ การติดตั้งเจลแอลกอฮอล์สำหรับลูกค้าไว้ล้างมือ

ทุกธุรกิจของ โออาร์  เปิดดำเนินการตามปกติ เพื่ออยู่เคียงข้างคนไทยทุกคน และพร้อมผ่านวิกฤตไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสถานีบริการน้ำมัน PTT Station, ร้านกาแฟ Café Amazon, ร้าน Texas Chicken, ร้านฮั่วเซ่งฮง ติ่มซำ, ร้านค้าสะดวกซื้อ Jiffy, ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto เพียงแต่ต้องปรับรูปแบบการบริการให้เข้ากับระเบียบต่าง ๆ ที่ทางภาครัฐออกมา

นอกจากนี้ โออาร์ ยังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของคนไทย ผ่านมาตรการความช่วยเหลือต่างๆ ทั้งในส่วนของโออาร์ เอง ไม่ว่าจะเป็น

  • การจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์มอบให้รพ.ราชวิถี
  • มอบแอลกอฮอล์ทำความสะอาดให้โรงพยาบาล 44 แห่งทั่วประเทศ
  • มอบหน้ากากผ้ามัสลินให้กับสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย

และ ธุรกิจต่าง ๆ ของโออาร์ ก็ร่วมแรงกัน ออกมาช่วยเหลือเช่นกัน

  • สถานีบริการน้ำมัน PTT Station แจกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ 1 ล้านชิ้น จัดหาแอลกฮอล์ ขวด 1 ลิตร มาจำหน่ายในราคาพิเศษ, เปิดพื้นที่ในสถานีให้เกษตรกรนำมะม่วงน้ำดอกไม้มาขาย, แจกน้ำดื่มให้เดลิเวอรี่แมน 1 ล้านขวด

  • ร้านกาแฟ Café Amazon, ร้าน Texas Chicken ช่วยสนับสนุนอาหาร เครื่องดื่ม ให้กับบุคคลากรการแพทย์
  • ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto พ่นยาฆ่าเชื่อทำความสะอาดห้องโดยสารรถยนต์ให้บุคลากรทางการแพทย์ ฟรี
  • บัตร Blue Card เปลี่ยนคะแนนสะสมเป็นเงินบริจาค ยอดรวมกว่า 1 ล้านบาท

และ ล่าสุด โออาร์ มีโครงการสมทบทุนให้กองทุนชัยพัฒนาสู้โควิด-19 และโรคระบาดต่าง ๆ ผ่าน 2 กิจกรรม คือ

1. ซื้อเครื่องดื่มร้านกาแฟ Café Amazon ทุกแก้ว หัก 1 บาทให้กองทุนนี้ ซึ่งสามารถเปลี่ยนพลังใจเป็นเงินสมทบทุนเข้ากองทุน

2. สมัครสมาชิก Blue Card โออาร์ บริจาคให้เลย 10 บาทต่อราย ให้กองทุนนี้ ตั้งแต่ 1 พ.ค.- 30 มิ.ย. นี้

ไม่เพียงแต่ความช่วยเหลือในประเทศเท่านั้น อย่างที่ทราบ โออาร์ เอง มีธุรกิจในต่างประเทศด้วย ซึ่งทาง โออาร์ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผ่านบริษัทในเครือด้วยเช่นกัน

  • Brighter Energy, Brighter Energy Brighter PTT Oil and Retail Business และ PTT Oil Myanmar แจกเจลแอลกอฮอล์ ให้กับลูกค้า Café Amazon ที่เมียนมาร์ 1,500 ชิ้น
  • PTT Cambodia แจกเจลแอลกอฮอล์ให้กับผู้มาใช้บริการที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station, ร้านกาแฟ Café Amazon, ร้านค้าสะดวกซื้อ Jiffy ในกัมพูชา รวม 1.4 แสนชิ้น
  • PTT Philippines แจกหน้ากากอนามัย และเฟซชิลด์ ให้บุคคลากรทางแพทย์ และตำรวจฟิลิปปินส์ 9,000 ชิ้น แอลกอฮอล์น้ำ 70% กับเครื่องดื่ม Café Amazon ให้กับบุคคลากรแพทย์ของฟิลิปปินส์

ถือเป็นการรวมพลังครั้งยิ่งใหญ่ทุกธุรกิจและทุกภาคส่วนของ โออาร์ เพื่อกระจายและส่งต่อความช่วยเหลือสู่วงกว้างให้ได้มากที่สุด และการร่วมใจ สู้วิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ของ โออาร์ ใช้งบรวมกว่า 30 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้คนไทยผ่านวิฤกตครั้งนี้ไปด้วยกัน

คุณนายพารวย : จดแก้จน!!

0

สัปดาห์ที่แล้ว แนะนำให้แบ่งเงินออม เป็น 4 ก้อนหรือ 4 บัญชี ตามวัตถุประสงค์ของการออมเงิน คือ  1.บัญชีเงินออมไว้ใช้ยามฉุกเฉิน 2.บัญชีเงินออมระยะสั้น-ปานกลาง 3.บัญชีเงินออมระยะยาว 4. บัญชีเงินออมเพื่อการลงทุน

          มีบางคนโอดโอยว่า ปฎิบัติตามคาถาแก้จนคือ  “ออมก่อนใช้” แล้ว แต่เมื่อถึงเวลา เงินที่กันไว้ใช้จ่าย กลับไม่พอใช้.. ไม่รู้ว่าเงินหายไปกับอะไร!! ยังไม่ทันสิ้นเดือน.. มารู้ตัวอีกที.. เงินหมดแล้ว   เงินหายไปไหน??!!   ใครเป็นอย่างนี้บ้าง…..!!

          บทเรียนสู่ความร่ำรวยมั่งคั่งที่สำคัญอีกอย่าง คือ ต้องวางแผนการใช้จ่ายวิธีปฎิบัติที่ทุกคนต้องทำคือ การจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย มีรายรับจากเงินเดือนเท่าไร เงินจากค่าล่วงเวลา เงินจากจ็อบพิเศษ เงินขายของออนไลน์ รับมาเท่าไรจดไว้

          ส่วนรายจ่ายอันนี้ สำคัญมาก  ต้องจดบันทึกไว้ทุกวันทุกครั้งว่าใช้จ่ายเงินซื้ออะไรไปบ้าง ค่าใช้จ่ายเล็กน้อย ที่ควักออกจากกระเป๋าต้องจดไว้ให้หมด พกสมุดเล็กๆติดตัวไว้เลย จะจดทันทีหรือมาจดตอนสิ้นวันก็ได้

          พอสิ้นเดือน มาพิจารณาดูว่ามี “รูรั่ว” ตรงไหน เงินที่จ่ายไป มีสิ่งฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็นต้องซื้อ หรือควรซื้อให้น้อยลงได้หรือไม่  เช่น กาแฟร้านหรู-ชานมไข่มุกแบรนด์ดัง ดูหนังฟังเพลง เที่ยวเตร่ ปาร์ตี้ กินข้าวนอกบ้าน

          เมื่อหาสาเหตุได้ว่าทำไมเงินถึงไม่พอใช้  ก็จัดการควบคุมหรือตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ในเดือนถัดไป เมื่ออุด “รูรั่ว”ได้แล้ว  จะทำให้เรามีเงินเหลือ มาออมได้เพิ่มขึ้นทันที!!

          เช่น ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ 5 วัน ที่มาทำงานต้องกินชานมไข่มุกแก้วละ 40 บาท(บางยี่ห้อแก้วนึงเป็นร้อยบาท) สัปดาห์ละ 200บาท  หนึ่งเดือน  4 สัปดาห์ ลดค่าใช้จ่ายได้ 800 บาทแล้ว

          นี่คือความสำคัญของการจดบันทึกรายรับรายจ่าย นอกจากจะทำให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เป็นต้นเหตุปัญหา “กระเป๋ารั่ว” ของตัวเองแล้ว ยังช่วยให้เราปรับวิธีใช้จ่ายและคุมค่าใช้จ่ายได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ

          นอกจากการจดรายจ่าย ที่เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน คือ ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่ากิจกรรมบันเทิงฟุ่มเฟือย ต่างๆแล้ว

           ยังมีค่าใช้จ่ายประเภทอื่นด้วย คือ ค่าใช้จ่ายเพื่อการออมและการลงทุน อันนี้จดเสร็จแล้วต้องกันเงินทุกเดือนแยกเงินใส่บัญชีเงินออมและเงินลงทุนไว้ต่างหากเลย  อีกค่าใช้จ่ายคือ “ค่าใช้จ่ายคงที่”  ที่ต้องจ่ายแน่นอนทุกเดือน เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือค่าเช่าบ้าน ค่าเบี้ยประกัน  เป็นต้น

          หากเบื่อการจดใส่กระดาษแบบเดิมๆ ลองโหลดแอปทำบัญชีรายรับรายจ่าย “SET Happy Money จดอย่างมีวินัย” ของตลาดหลักทรัพย์มาใช้ดู นอกจากบันทึกรายรับรายจ่ายแล้ว ยังมีบันทึกรายการสินทรัพย์และหนี้สิน และวิเคราะห์สุขภาพการเงิน และฟีเจอร์อื่นๆให้ด้วย ลองไปดูกัน ถ้าไม่ถนัดก็กลับมาจดใส่สมุดบันทึกเหมือนเดิม

          เริ่ม “จดแก้จน” ตั้งแต่วันนี้ แล้วเราจะรวยไปด้วยกัน!!

ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

คาเฟ่ อเมซอน มอบเงิน 4.5 ล้านบาท สนับสนุนกองทุนชัยพัฒนา ร่วมฝ่าวิกฤต สู้ภัยโควิด-19

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ให้เกียรติรับมอบเงินจำนวน 4,500,000 บาท จากโครงการ “1 แก้ว 1 กำลังใจ ร่วมสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่” จาก นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ คาเฟ่ อเมซอน จัดขึ้นเพื่อเชิญชวนให้ผู้บริโภคได้ร่วมแบ่งปันน้ำใจ และส่งต่อน้ำใจให้บุคลากรทางการแพทย์ผ่าน กองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19 (และโรคระบาดต่าง ๆ ) 

กองทุนดังกล่าว อยู่ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิชัยพัฒนาที่จัดตั้งขึ้นเพื่อมอบความช่วยเหลือแก่โรงพยาบาล และสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ตลอดจนสาธารณสุขทั่วประเทศ

โดยเมื่อผู้บริโภคซื้อเครื่องดื่มคาเฟ่ อเมซอนทุกแก้ว ทั้งการซื้อที่ร้านคาเฟ่ อเมซอน หรือการสั่งซื้อผ่านเดลิเวอรี่แอพพลิเคชั่นทุกช่องทาง ระหว่างวันที่ 1 – 7 พฤษภาคม 2563  คาเฟ่ อเมซอน จะหักรายได้ 1 บาทต่อแก้ว เข้าสมทบทุนกองทุนฯ ดังกล่าว นอกจากนี้ คาเฟ่ อเมซอนยังได้มอบหน้ากากผ้ามัสลิน จำนวน 10,000 ชิ้น เพื่อให้มูลนิธิฯ นำไปมอบให้ประชาชนใช้ป้องกันและลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของเชื้อโรคโควิด-19 ด้วย

เริ่มแล้ว “สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม” บุญรอดฯ ช่วยสร้างงานคนในพื้นที่

0

บุญรอดฯ” เริ่มโครงการ 3 “สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม” เร่งจ้างงานอาสาสมัครในพื้นที่   

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2563 บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับเทศบาลตำบลสามเมือง อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา และองค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่า  อ. บางเลน จ. นครปฐม  กรมชลประทาน และ เครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา จัดโครงการ “สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม” เพื่อจ้างงานเป็นการสร้างงานสร้างเม็ดเงินให้กับชาวบ้านในชุมชน ด้วยการร่วมกันกำจัดผักตบชวา ในลำคลองหนองบึงของพื้นที่ตำบลสามเมือง อ.ลาดบัวหลวง  จ.พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ตำบลบัวปากท่า อ.บางเลน จ.นครปฐม

โดยมี นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหารอาวุโส พร้อมด้วย นายสุชิน อิงคะประดิษฐ์ และคณะผู้บริหาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกันเปิดโครงการ  พร้อมด้วยเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาจาก 3 มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ กับชาวบ้านในพื้นที่รวมทั้งหมด 150  คนดำเนินกิจกรรมกำจัดผักตบชวาในพื้นที่

การกำจัดผักตบชวาเก็บกวาดลอกทิ้งไป  เพื่อไม่ให้เป็นวัชพืชกีดขวางทางน้ำไหลในคูคลอง อันเป็นต้นเหตุของปัญหาน้ำท่วมในแต่ละปี  นอกจากจะได้ลำคลองหนองบึงที่สะอาดปราศจากผักตบแล้ว กิจกรรมนี้ยังเป็นการช่วยให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้ร่วมกันดูแลชุมชนของตนเองอีกด้วยและผักตบทั้งหมดที่ลอกขึ้นมานั้น ทางเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลที่รับผิดชอบพื้นที่นั้นๆ จะส่งมอบให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จักสานจัดจำหน่าย บางส่วนจะนำไปทำเป็นปุ๋ยต่อไป  โดยชาวบ้านที่เข้าร่วมกิจกรรมกำจัดผักตบชวาในครั้งนี้จะได้รับเบี้ยเลี้ยงคนละ 200 บาทต่อวัน ข้าวสารตราพันดีขนาด 5 กิโลกรัม 1 ถุง และน้ำดื่มสิงห์ขนาด 1.5 ลิตร  จำนวน 1 แพ็ค


โครงการ “สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม” กำจัดผักตบชวาครั้งนี้   เป็นโครงการเร่งด่วนโครงการที่ 3 ของนโยบายการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด-19  ผ่านโครงการสิงห์อาสาทั่วประเทศ ที่บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด  เดินหน้าเร่งจ้างงานสร้างอาชีพอย่างต่อเนื่อง เป็นการบรรเทาความเดือดร้อน โดยหลังจากนี้จะกระจายโครงการไปยังในพื้นที่ภาคกลางอีกหลายจังหวัด ซึ่งสองโครงการก่อนหน้านี้คือ โครงการ “สิงห์อาสาสู้ไฟป่า” และโครงการ “สิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง” มีการจ้างงานสร้างเงินให้กับคนในพื้นที่ โดยจัดเป็นโครงการทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อการช่วยเหลืออย่างยั่งยืน

โดยโครงการจ้างงานสร้างอาชีพทั้ง 3 โครงการนั้น จะดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ยังมีโครงการที่เตรียมจะทำทั้งในส่วนของการสร้างรายได้และสร้างอาชีพในระยะยาวต่อไป

นายสุชิน อิงคะประดิษฐ์ ผู้บริหาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่มีโควิด – 19 ระบาด ส่งผลกระทบต่อชุมชนและคนในสังคมไทย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ ได้เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนต่างๆ และได้มีการส่งมอบช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการมอบเงินให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศทั้ง 26 แห่งเป็นจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อช่วยสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ให้กับคุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนั้นแล้วยังมีโครงการเร่งด่วนที่ทางบุญรอดฯได้ทำต่อมาคือการเร่งจ้างงานสร้างอาชีพ โดยมีทั้งหมด 3 โครงการ คือโครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่าซึ่งได้เริ่มไปแล้วเมื่อต้นเดือนพ.ค. ที่จ.เชียงราย โครงการสิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง ที่จ.ขอนแก่น และในวันนี้เป็นโครงการที่ 3 โครงการสิงห์อาสาสู้น้ำท่วม โดยได้ร่วมมือกับชุมชน เทศบาลตำบลสามเมือง องค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่า และเครือข่ายสิงห์อาสา รวมถึงประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลป้องกันน้ำท่วมและดูแลชุมชนของตัวเอง

ส่วนชาวบ้านในพื้นที่คลองพระยาบันลือบอกว่า ดีใจมากที่วันนี้ทางบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้มาจัดกิจกรรมที่นี่ทำให้พวกเขาได้มีรายได้ในช่วงนี้ และยังได้มอบข้าวสารและน้ำดื่มไว้ให้พวกเขาอีกด้วย ทั้งยังดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยกันดูแลพื้นที่ในชุมชน เนื่องจากพื้นที่ตรงนี้มีผักตบชวาเป็นจำนวนมาก ทำให้น้ำในคลองไหลได้ไม่คล่องตัวนัก วันนี้ที่ได้มาช่วยกันเก็บผักตบทำให้ได้ช่วยป้องกันในเรื่องของน้ำท่วมในพื้นที่นี้ได้อีกด้วย