Home Blog Page 439

แนะคนขี่มอเตอร์ไซค์ สวมหมวกกันน็อค ใส่หน้ากากนิรภัย กันโควิด-19 สองชั้น

0

กรมควบคุมโรค แนะประชาชนเพิ่มมาตรการป้องกัน 2 ต่อ ทั้งอุบัติเหตุและโรคโควิด-19 ด้วยมาตรการ “ใส่หน้ากากอนามัย สวมหมวกนิรภัย ปลอดภัย ไร้โควิด”

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนในการเดินทางช่วงนี้ เพื่อให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุและโรคโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ขอให้เพิ่มมาตรการป้องกัน 2 ต่อ ทั้งอุบัติเหตุและโรคโควิด-19 ด้วยมาตรการ “ใส่หน้ากากอนามัย สวมหมวกนิรภัย ปลอดภัย ไร้โควิด”

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ขอแนะนำมาตรการให้ประชาชนดำเนินการในช่วงนี้ร่วมกับการป้องกันโรคโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ คือ “ใส่หน้ากากอนามัย สวมหมวกนิรภัย ปลอดภัย ไร้โควิด” นอกจากต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเป็นปกติแล้ว ควรที่จะเพิ่มมาตรการป้องกันให้สูงขึ้น โดยการสวมหมวกนิรภัยควบคู่กับการใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่มีการใช้รถจักรยานยนต์ เพราะการสวมหมวกนิรภัยที่มีกระจกป้องกันลม จะทำหน้าที่เป็นหน้ากากพลาสติกคลุมหน้าคล้าย face shield ที่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขใช้ในโรงพยาบาล ซึ่งนอกจากจะป้องกันอุบัติเหตุเป็นหลักแล้ว ยังสามารถป้องกันเชื้อโควิด-19 ที่อาจฟุ้งกระจายออกมาจากคนรอบข้างได้ ถือเป็นมาตรการป้องกัน 2 ต่อ กล่าวคือป้องกันได้ทั้งอุบัติเหตุและโรคโควิด-19 และหลังการสวมใส่หมวกนิรภัยทั้งของตัวผู้ขับขี่และคนซ้อนท้ายแล้ว ควรมีการเช็ดและทำความสะอาดหมวกนิรภัยด้วยแอลกอฮอล์หรือเช็ดด้วยน้ำสบู่/น้ำยาล้างมือ หรือนำหมวกนิรภัยไปผึ่งแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรค และควรล้างมือหรือทำความสะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์ หลังใช้งานทุกครั้ง

กระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือประชาชนให้สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและใส่หมวกนิรภัยทุกครั้งที่ใช้รถจักรยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถของเราเองหรือรถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งหากมาตรการนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายอย่างจริงจังแล้ว คาดว่าประชาชนจะปลอดภัยจากโรคโควิด-19 และป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนอีกด้วย ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

สั่งปิด 34 สถานที่เสี่ยง ฝ่าฝืนเจอคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท ตามพรก.ฉุกเฉิน

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.)​ได้ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 8)

ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิด ตามมาตรา 18  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค จะถูกสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว

โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. – 31 พ.ค. หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง 

  • สำหรับสถานที่ยังคงปิดให้บริการเป็นการชั่วคราวดังนี้
  • 1.โรงมหรสพ (โรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงมหรสพ) 
  • 2.สถานบริการ ผับ บาร์ สถานบันเทิง และสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ
  • 3.สวนน้ำ สวนสนุก 
  • 4.สนามเด็กเล่น เครื่องเล่นสำหรับเด็กใตลาด ตลาดน้ำ และตลาดนัด 
  • 5.สวนสัตว์ 
  • 6.สถานที่เล่นเสก็ต หรือโรลเลอร์เบรด หรือการเล่นอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
  • 7.โต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด
  • 8.สถานที่เล่นโบว์ลิ่งหรือตู้เกม
  • 9.ร้านเกม และร้านอินเทอร์เน็ต 
  • 10.สระว่ายน้ำสาธารณะ หรือกิจการอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน 
  • 11.สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่ 
  • 12สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส 
  • 13.สถานที่จัดนิทรรศการ ศูนย์แสดงสินค้า และศูนย์ประชุม 
  • 14.พิพิธภัณฑ์ (พิพิธภัณฑสถาน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น)  
  • 15.ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดชุมชน ห้องสมุดเอกชน 
  • 16.สถานที่รับเลี้ยงเด็ก
  • 17.สถานดูแลผู้สูงอายุ
  • 18.สนามมวย และโรงเรียนสอนมวย 
  • 19.โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ (ยิม)
  • 20.สถานที่สักหรือเจาะผิวหนังหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
  • 21.สถาบันลีลาศหรือสอนลีลาศ 
  • 22.สนามม้า 
  • 23.สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อบไอน้ำ อบสมุนไพร
  • 24.สถานประกอบกิจการอาบ อบ นวด
  • 25.ศูนย์พระเครื่อง พระบูชา และสนามพระเครื่อง
  • 26.สถานที่ให้บริการควบคุมน้ำหนัก คลินิกเสริมความงาม สถานเสริมความงาม
  • 27.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (ร้านสปา ร้านนวดเพื่อสุขภาพ ร้านนวดเพื่อเสริมความงาม) สถานประกอบการนวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า
  • 28.สนามแข่งขันทุกประเภท 
  • 29.สถานที่แสดงมหรสพ สถานที่มีการแสดงหรือกาละเล่นสาธารณะ 
  • 30.สถานที่ให้บริการห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยง รวมถึงสถานที่ลักษณะเดียวกัน
  • 31.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้เฉพาะซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา สินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ธนาคาร และที่ทำการหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ส่วนแผนกร้านอาหารให้เปิดได้เฉพาะการนำกลับไปบริโภคที่อื่น
  • 32.ร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผม เปิดได้เฉพาะกิจกรรม สระ ตัด ซอย แต่งผม และต้องไม่มีผู้นั่งรอในร้าน 
  • 33.สนามกีฬา ให้เปิดได้เฉพาะกีฬาประเภทกลางแจ้งและต้องมีระยะห่างทางสังคม ไม่คลุกคลีกัน เช่น เทนนิส ขี่ม้า ยิงปืน ยิงธนู  
  • 34.สวนสาธารณะ ลาน พื้นที่กิจกรรมสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬา ลานกีฬา ให้เปิดได้เฉพาะพื้นที่โล่งแจ้ง เพื่อการเดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยาน

 

สพฐ.ปรับปฎิทินรับนักเรียนใหม่ ระดับชั้นม.1 และ ม.4 ปีการศึกษา 2563

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ออกหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ เรื่อง แนวทางการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2563

โดยระบุว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แจ้งแนวทางการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2563 เพื่อให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานนำไปเป็นแนวปฏิบัติ ความละเอียดทราบแล้ว

ประกอบกับตามหนังสือที่อ้างถึง 2 การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 เม.ย.253 มีมติเห็นชอบประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 1) ค่อไปอีก 1 เดือนจนถึงวันที่ 31 พ.ค.2563 นั้น

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงปรับปฏิทินการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2563 ให้สอดคล้องกับประกาศการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนร่วมกันกำหนดแนวทางการรับนักเรียนโดยใช้เทคโนโลยีเป็นสื่อสำคัญ เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามนโยบายและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2563 โดยให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

สำหรับปฏิทินการรับนักเรียน โดยจะจัดให้มีการสอบ/คัดเลือกในวันที่ 6-7 มิ.ย.นี้

งดพระราชพิธีสำคัญ 3 งานในเดือนพฤษภาคม

0

รายงานข่าวเปิดเผยว่า นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะลิาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี มีหนังสือลงวันที่ 1 พ.ค. 2563 เรื่อง งดการพระราชพิธีในเดือนพฤษภาคม 2563 ความว่า

ถึงรัฐมนตรีทุกท่าน เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร และประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร มีผลตั้งแต่วันที่ 3-31 พฤษภาคม 2563

กองกิจการในพระองค์ 904 จึงงดการพระราชพิธีดังนี้

1.พระราชพิธีการพระราชกุศลทักษิณานุปทานและการพระราชพิธีเฉลิมราชสมบัติสิริรัชพรรษา วันที่ 2-4 พฤษภาคม 2563

2.พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา วันที่ 6 และ7 พฤษภาคม  2563

3.พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ วันที่ 10 และ 11 พฤษภาคม 2563

นักเรียนดีใจ ศธ.ให้ไว้ผมยาวทั้งชายหญิง ขอไม่ดัด-ย้อมสี-ไว้หนวดเครา

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศเผยแพร่ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียนพ.ศ. 2563 โดยที่เป็นการสมควรกำหนดข้อปฏิบัติและข้อห้ามปฏิบัติในการไว้ทรงผมของนักเรียนเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการของสถานศึกษา มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบันและการปฏิบัติตนของนักเรียนเป็นไปด้วยความถูกต้อง รวมทั้งเป็นการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจึงวางระเบียบไว้ โดยสรุปสาระสำคัญได้ว่า

นักเรียนต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผม โดยนักเรียนชายจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวด้านข้าง ด้านหลังต้องยาวไม่เลยตีนผม ด้านหน้าและกลางศีรษะต้องเหมาะสมและเรียบร้อย ส่วนนักเรียนหญิง จะไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม ได้กำหนดข้อห้าม ไม่ให้นักเรียนปฏิบัติตามนี้ ได้แก่ ห้ามดัดผม, ย้อมสีผมให้ผิดไปจากเดิม, ไว้หนวดหรือเครา หรือการกระทำอื่นใดที่ไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน เช่น การตัดแต่งทรงผมเป็นรูปทรงสัญลักษณ์หรือลวดลาย

กรมชลฯ ปลื้มแผนจัดสรรน้ำฤดูแล้งสำเร็จ ขอบคุณคนไทยใช้น้ำประหยัด

0

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน กล่าวถึงผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งทั้งประเทศ พบว่า วันที่ 30 เม.ย. 63 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการส่งน้ำในช่วงฤดูแล้งของกรมชลประทาน มีการใช้น้ำตลอดฤดูแล้งที่ผ่านมารวมทั้งสิ้นประมาณ 17,053  ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น   96% ของแผนจัดสรรน้ำ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยามีการใช้น้ำตลอดฤดูแล้งรวมทั้งสิ้นประมาณ 4,595 ล้าน ลบ.ม. หรือ 102% ของแผน ถือได้ว่าการใช้น้ำเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำฤดูแล้งที่วางไว้

ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน

กรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำตลอดในช่วงฤดูแล้งปี 2562/63 อย่างรัดกุมที่สุด เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่จำกัด และในช่วงฤดูฝนปี 62 มีปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ส่งผลให้ปริมาณในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำธรรมชาติ และแม่น้ำสายต่างๆ มีปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย จำเป็นต้องจัดสรรน้ำให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ เป็นหลัก และยังได้เข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้ง 61 จังหวัด ใช้รถบรรทุกน้ำ 69 คัน ปริมาณน้ำสะสมทั้งหมด 26 ล้านลิตร , การติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 636 เครื่อง และเครื่องจักรกลอื่นๆอีก 334 หน่วย เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มศักยภาพ

ทั้งนี้ การส่งน้ำในช่วงฤดูแล้งของกรมชลประทาน ที่เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย. 62 – 30 เม.ย. 63 และจากนี้ไปจะเริ่มเข้าสู่การส่งน้ำในช่วงต้นฤดูฝน

สำหรับผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2562/63 ทั้งประเทศ มีการเพาะปลูกรวมทั้งสิ้น 4.75 ล้านไร่(แผนวางไว้ 2.83 ล้านไร่) เก็บเกี่ยวแล้ว 1.88 ล้านไร่แยกเป็นข้าวนาปรัง 4.21 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 3 ล้านไร่และพืชไร่-พืชผัก 0.54 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 0.27 ล้านไร่ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่มีแผนการเพาะปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอที่จะสนับสนุน แต่จากการสำรวจพบว่ามีการทำนาปรังประมาณ 1.98 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 1.85 ล้านไร่ ส่วนใหญ่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่ของตนเองทำการเพาะปลูก

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ขอขอบคุณเกษตรกรและประชาชน  ทุกภาคส่วนที่ร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด ทำให้การใช้น้ำเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้

คุณนายพารวย : เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้้!!

0

คอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออม…รู้ใช้รู้ลงทุน” สู่ความมั่งคั่งนี้ เกิดขึ้นโดยความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการเงินการลงทุนแก่ประชาชนทั่วไป

ให้มีความรู้ความเข้าใจและความสามารถในการบริหารจัดการการเงิน เพื่อการมีสุขภาพทางการเงินที่ดี เตรียมความพร้อมคนไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย

จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า คนไทย 34.6% ไม่มีเงินออม ขณะที่ 85.8% ของคนที่มีเงินออม มีความเสี่ยงมีเงินไม่พอใช้ดำรงชีพในยามชราหลังเกษียณ เพราะออมน้อยเกินไป และไม่ได้นำเงินออมมาลงทุน

ดังนั้นคนไทยทุกคนจำเป็นต้องเริ่มต้นวางแผนทางการเงินตั้งแต่วันนี้!! โดยวางแผนการออมและการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้เงินออมที่มีอยู่พอกพูน!!

ท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยเงินฝากที่อยู่ในระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินต่อเนื่องมาหลายปี และมีแนวโน้มต่ำต่อไปอีกนาน แต่คนส่วนใหญ่ยังคงทิ้งเงินออมไว้ในบัญชีธนาคาร ขณะที่ค่าของเงินลดลงเรื่อยๆตามอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในแต่ละปี หากไม่นำเงินออมออกมาลงทุนให้งอกเงย มูลค่าของเงินจึงหดหายไปเรื่อย

การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ โดยจากสถิติข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์พบว่า หากนำเงินไปลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้น มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนหรือกำไรจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้น (capital gain) มากกว่า เทียบจาก SET INDEX หรือดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ พบว่าลงทุนในตลาดหุ้นนาน 3 ปี (ปี59-61)ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 21.42 % ส่วนระยายาว 5 ปี(ปี57-61) ให้ผลตอบแทน 20.42% และระยะยาว 7 ปี(ปี55-61) ให้ผลตอบแทน 52.53 %

ยังไม่นับรวมผลตอบแทนจากเงินปันผล หากเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียน ที่มีผลประกอบการดีมีกำไรและมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราที่ดี!!

โดยตลาดหุ้นไทยมีความโดดเด่น ในเรื่องการจ่ายเงินปันผลเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค จากสถิติ 10 ปี (ปี 53 – 62) พบว่า บริษัทในตลาดหุ้นจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นรวมกันสูงถึง 4.74 ล้านล้านบาท

ปี 62 บริษัทในตลาดหุ้น 548 บริษัท หรือ 3 ใน 4 ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นรวม 610,768 ล้านบาท โดยจ่ายปันผลตั้งแต่ 3-4 % ไปจนถึงระดับ 10% ต่อปี สูงมากเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากที่ขณะนี้อยู่ที่ 0.25-1.85% ต่อปี

สำหรับผู้ที่ยังไม่มีความรู้การลงทุนในตลาดหุ้นโดยตรง สามารถนำเงินไปให้มืออาชีพหรือผู้จัดการกองทุนลงทุนให้ ผ่านการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ต่างๆ ที่มีการจัดตั้งกองทุนรวม เพื่อนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทให้เลือกมากมาย

ไม่เพียงแต่ลงทุนในตลาดหุ้นเท่านั้น ยังลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า พื้นที่ให้เช่าในโรงงานอุตสาหกรรม ผ่านกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกอง REIT รวมทั้งลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งกองทุนที่ลงทุนในรถไฟฟ้า โทรคมนาคม โรงไฟฟ้า หรือจะเลือกลงทุนและออมเงินในทองคำก็สามารถทำได้

เหล่านี้ ถือเป็นการ “ใช้เงิน..ทำงาน” เพื่อให้เกิดดอกออกผลงอกเงยนั่นเอง!!

คุณนายพารวย

ที่มา จากคอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออม…รู้ใช้รู้ลงทุน” โดย แม่พารวย หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โออาร์ เชิญชวนปันน้ำใจ สมทบทุนกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19

0
จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งส่งผลให้เกิดการขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นในการดูแลรักษาผู้ป่วย โออาร์ มีความห่วงใยต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงได้สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือทั้งการบริจาคเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ การจัดหาเจลแอลกอฮอล์และแอลกอฮอล์น้ำให้แก่โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ อีกทั้งยังได้เพิ่มมาตรการด้านสุขอนามัยในทุกจุดบริการเพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และครั้งนี้ โออาร์ ขอเชิญชวนให้ร่วมแบ่งปันน้ำใจ และส่งต่อกำลังใจให้บุคลากรทางแพทย์ในการต่อสู้กับโรคโควิด 19 ผ่านกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19 (และโรคระบาดต่าง ๆ) โดยผ่านทาง 2 กิจกรรม ได้แก่

·      “1 แก้ว 1 กำลังใจ ร่วมสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่” ร่วมส่งต่อพลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 โดยทุกการซื้อเครื่องดื่มคาเฟ่ อเมซอน 1 แก้ว ทั้งการซื้อที่ร้านคาเฟ่ อเมซอน กว่า 2,900 สาขาทั่วประเทศ หรือการสั่งซื้อผ่านเดลิเวอรี่แอปพลิเคชันทุกช่องทาง ระหว่างวันที่ 1 – 7 พฤษภาคม 2563 คาเฟ่ อเมซอน จะนำรายได้  1 บาท/แก้ว สมทบทุนกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19 (และโรคระบาดต่าง ๆ)

·       “สมัครสมาชิก Blue Card เป็นได้ทั้งผู้ให้และผู้รับ” เพียงสมัครสมาชิกบลูการ์ด (Blue Card) ผ่านทาง www.pttbluecard.com หรือที่สถานีบริการน้ำมัน  PTT Station หรือร้านค้าที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2563 โออาร์ จะบริจาค 10 บาท ต่อทุกการสมัครสมาชิก Blue Card ใหม่  1 ราย ให้แก่กองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19 (และโรคระบาดต่างๆ)  อีกทั้งผู้สมัครจะได้รับคะแนนสะสม Blue Card ทันที 100 คะแนน

โดยผู้บริโภคสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1365 Contact Center

ทั้งนี้ กองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19 (และโรคระบาดต่าง ๆ) เป็นกองทุนภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขทั่วประเทศ ที่ปฏิบัติหน้าที่แนวหน้าในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด 19 อีกทั้งยังมอบความช่วยเหลือให้กับชุมชนสังคม โดยจัดตั้งศูนย์พักอาศัย มูลนิธิชัยพัฒนา จังหวัดนครปฐม ฝึกสอนอาชีพเว็บไซต์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ถูกเลิกจ้างงานให้มีความรู้และสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ รวมถึงช่วยเหลือประชาชนในการกลับภูมิลำเนา เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19

โออาร์ ขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนคนไทยมาโดยตลอด และขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านชีวิตและความเป็นอยู่ให้สามารถดูแลตนเองและครอบครัวได้จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 จะผ่านพ้นไป

ชุมชนบางกอกน้อย-บางพลัด เตรียมรับแจกอาหารซีพีเอฟ เขตละ 10 วัน

0

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับบริษัท ซีพีเอฟ จัดทำ “โครงการอาหารปลอดภัยจากใจ…สู่ชุมชน” เพื่อส่งมอบอาหารที่มีดีมีคุณภาพ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในชุมชนแออัด ให้ได้รับการบริโภคอาหารที่ดีมีประโยชน์ มีคุณภาพ ในช่วงวิกฤตโควิด-19

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะร่วมกับ CPF เป็นสื่อกลางที่จะส่งมอบสินค้าเกษตรและอาหารที่มีความปลอดภัยให้กับชุมชม โดยจะแจกจ่ายอาหารให้แก่ประชาชนในชุมชนแออัด ที่อาศัยในพื้นที่เขตในกรุงเทพมหานคร นำร่องใน เขตบางกอกน้อย และเขตบางพลัด ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป โดยจะทยอยดำเนินการแจกอาหารทั้ง 2 เขต เขตละ 10 วัน และหลังจากนั้นจะเริ่มขยายผลดำเนินการในลักษณะเดียวกันในภาคอื่น ๆ ได้แก่ ภาคเหนือ ที่จังหวัดพิจิตร และภาคใต้ที่จังหวัดตรัง ต่อไป

ด้าน นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ กล่าวว่า ซีพีเอฟตระหนักถึงผลกระทบจากการสถานการณ์โควิด19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเดือดร้อนของคนในชุมชนแออัด จึงได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ ส่งมอบอาหารปลอดภัยให้แก่พี่น้องชาวบางกอกน้อยและบางพลัด

“เราขอใช้ความเชี่ยวชาญขององค์กรในด้านอาหาร มาร่วมบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน โดยจะใช้รถ Food Truck CP Freshmart นำอาหารไปอุ่นร้อนแจกจ่ายประชาชนในเขตบางกอกน้อยและบางพลัดเขตละ 10 วัน ให้พี่น้องประชาชนได้อิ่มท้องในช่วงเวลายากลำบากจากสถานการณ์โควิด19” นายประสิทธิ์กล่าว

การส่งมอบอาหารให้ประชาชนในครั้งนี้ เป็นอีกส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประเทศชาติ ประชาชน ให้ก้าวผ่านวิกฤตไวรัสโควิด19 ไปด้วยกัน ภายใต้หลักคิด Good Corporate Citizen กล่าวคือเป็นบริษัทที่ร่วมสร้างและดูแลสังคม ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างคุณค่าให้กับประเทศ โดยก่อนหน้านี้ ซีพีเอฟร่วมกับกองทัพภาคที่ 1 ได้มอบอาหารให้แก่ชุมชนคลองเตยไปแล้ว 8,499 ครัวเรือน

กระทรวงวัฒนธรรมแง้มเงื่อนไขผ่อนปรนถ่ายหนังละครต่อ งดแอ็คชั่นและเลิฟซีน

0

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงได้เสนอแนวทางการเตรียมความพร้อม เปิดทำการสถานที่และอนุญาตประกอบกิจการตามาตรการผ่อนปรนของรัฐบาล หลังวันที่ 3พ.ค. ในส่วนภารกิจที่อยู่ใต้การดูแลของกระทรวงวัฒนธรรม ต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019หรือ โควิด-19 (ศบค.) แล้ว ได้แก่ การเปิดอุทยานประวัติศาสตร์การจัดถนนสายวัฒนธรรม กองถ่ายละครและภาพยนตร์ ร้านหนังสือ

อิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

โดยในส่วนของกองถ่ายละครนั้น  วธ.ได้เสนอเกณฑ์การดำเนินงานโดยให้จำกัดจำนวนคนอยู่ที่ไม่เกิน 50 คนต่อกองถ่าย ไม่ให้ถ่ายทำฉากที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดและเข้าถึงตัวกัน เช่น ฉากต่อสู้ ฉากแสดงความรัก โอบกอด จูบ และสัมผัสใกล้ชิด โดยให้ใช้เทคนิคพิเศษแทนในกรณีที่เลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ให้มีการแจ้ง และส่งรายละเอียดฉากที่จะถ่ายทำมายังวธ.หรือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพื้นที่ต่างๆ ก่อน เพราะหากเกิดการติดเชื้อโควิด-19 ในกองถ่าย ต้องสามารถติดตามหาต้นตอของการแพร่ระบาดได้และผู้ประกอบกิจการจะต้องรับผิดชอบในการดำเนินงานทั้งหมดด้วย

นายอิทธิพล กล่าวอีกว่า การถ่ายทำในสถานที่ใดๆ ก็ตาม ต้องขออนุญาตถ่ายทำกับผู้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่นั้นๆ ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่หรือผู้แทนภาครัฐมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย ที่สำคัญเวลาถ่ายทำต้องไม่ให้เกินเวลาตามมาตรการเคอร์ฟิว ส่วนถ่ายทำในสตูดิโอมีข้อกำหนดให้มีการเว้นระยะห่าง ทั้งผู้ดำเนินรายการ ผู้ร่วมรายการผู้อยู่เบื้องหลังการผลิตต่างๆ รูปแบบกิจกรรมที่ถ่ายทำต้องไม่ให้มีความใกล้ชิดกัน และต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยง ทั้งนี้ ผู้ประกอบกิจการสามารถเตรียมความพร้อมในการทำงานได้ ทั้งการเตรียมบท การกำหนดสถานที่ รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในกองถ่าย โดยยึดตามหลักของกระทรวงสาธารณสุขที่ให้มีการคัดกรอง จัดหาเครื่องวัดอุณหภูมิ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ