Home Blog Page 438

แนะปชช.ไม่สวมหน้ากากอนามัยขณะวิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะ เสี่ยงหายใจไม่ทัน เพราะรับออกซิเจนไม่พอ

0

แพทย์หญิงพรรณพิมล  วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า หลังรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิด-19 พบว่าขณะนี้กิจการประเภทสวนสาธารณะ ลานพื้นที่กิจกรรมสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬาและ ลานกีฬา มีประชาชนมาออกกำลังกายกันเป็นจำนวนมาก โดยให้อยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานที่รับผิดชอบหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่มีการคุมเข้มตั้งแต่จัดให้มีจุดคัดกรองพนักงานดูแล และผู้มาใช้บริการ ด้วยการสังเกตและสอบถามอาการในเบื้องต้น หรือใช้เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย หากพบว่ามีไข้หรือมีอุณหภูมิร่างกายมากกว่าหรือเท่ากับ 37.5 องศาเซลเซียส หรือมีอาการป่วย เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ต้องงดให้บริการและแนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที ส่วนผู้ดูแลหรือผู้ปฏิบัติงานในสวนสาธารณะต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ให้บริการ และให้ผู้มาใช้บริการทุกคนสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเมื่อมีการพูดคุยกับพนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานในสวนสาธารณะ พร้อมทั้งจัดให้มีจุดล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ในบริเวณที่มีการทำกิจกรรมอย่างทั่วถึง

แพทย์หญิงพรรณพิมล  วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย

สำหรับประชาชนที่วิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะนั้น ขณะวิ่ง  ไม่ควรสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เนื่องจากเวลาออกกำลังกาย ร่างกายจะต้องการออกซิเจนมากยิ่งขึ้น สังเกตได้จากการหายใจเร็วขึ้น การสวมใส่หน้ากากผ้าหรืออนามัยจะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอโดยเฉพาะหน้ากาก N95 ที่ป้องกันอนุภาคขนาดเล็กได้มากกว่าหน้ากากอนามัย ก็จะยิ่งทำให้คาร์บอนไดออกไซด์  ที่ออกมาจากร่างกายสะสมอยู่ในหน้ากาก มีโอกาสที่จะหายใจไม่ทันได้ ดังนั้น นักวิ่งทุกคนจึงควรจะเพิ่มระยะห่างในการวิ่งตามกันให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ เพราะยิ่งห่างกันเท่ากับโอกาสในการติดเชื้อก็ยิ่งน้อยลงด้วย และที่สำคัญอย่าไปสัมผัสกับพื้นผิวสัมผัสในที่สาธารณะต่าง ๆ โดยไม่จำเป็น ส่วนผู้ที่เดินออกกำลังกายให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยระยะใกล้ชิด ไม่ใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น และหลังออกกำลังกายให้ล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ นอกจากนี้เมื่อกลับถึงบ้านให้เปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำทันที

ทั้งนี้ ในส่วนสถานที่สวนสาธารณะนั้น ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ทางเดิน  ออกกำลังกาย พื้นถนน ประตู สวน เก้าอี้ ม้านั่ง จุดให้บริการน้ำดื่ม โดยเฉพาะก๊อกน้ำดื่ม อุปกรณ์และอื่น ๆ ที่มีการใช้ร่วมกันภายในสวนสาธารณะเป็นประจำทุกวันก่อนและหลังเปิดสวนสาธารณะ  ด้วยน้ำยาทำความสะอาด วันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นจุดสัมผัสหรือที่ใช้ร่วมกัน หากมีผู้ใช้บริการมากให้เพิ่มความถี่ทำความสะอาด อย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง จัดระยะห่างระหว่างเก้าอี้นั่งในบริเวณสวนสาธารณะให้มีระยะห่างกัน 1-2 เมตร และ    จัดให้มีถังขยะสภาพดีที่มีฝาปิด สำหรับทิ้งขยะ และให้รวบรวมขยะออกจากสวนสาธารณะทุกวันเพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกต้องต่อไป  

กรมชลฯ เดินหน้าช่วยเหลือพื้นที่ขาดแคลนน้ำ ภัยแล้งยังคุกคามหลายแห่ง

0

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ภัยแล้งยังคุกคามในหลายพื้นที่ของประเทศ ถึงแม้จะมีฝนตกลงมาบ้างในระยะนี้ แต่ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมทั้งอ่างเก็บน้ำต่างๆ ยังอยู่ในเกณฑ์น้อย

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน

กรมชลประทานจึงจัดส่งรถบรรทุกน้ำ เครื่องสูบน้ำเข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง ดังนี้

  • จ.พิจิตร โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่าบัว ได้ส่งน้ำเข้าไปช่วยเหลือสวนผลไม้ริมคลองข้าวตอก ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยระบายน้ำจากคลองส่งน้ำ C.1 ลงคลองข้าวตอก ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา อีกประมาณ 18 กิโลเมตร น้ำจะถึงพื้นที่เป้าหมายในระยะต่อไป และ จ. อ่างทอง โครงการชลประทานอ่างทอง ได้นำรถบรรทุกน้ำเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ตำบลองครักษ์ อำเภอโพธิ์ทอง ช่วยบรรเทาสถานการณ์ภัยแล้ง
  • จ.ฉะเชิงเทรา สำนักงานชลประทานที่ 9  นำเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ไปติดตั้งที่ท่าสูบ หมู่ 3 ตำบลเมืองใหม่ อำเภอราชสาส์น โดยทำการสูบน้ำจากคลองท่าลาดเข้าสู่คลองย่อย ให้ความช่วยเหลือปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และพื้นที่การเกษตร ในเขตโครงการชลประทานฉะเชิงเทรา
  • จ.ประจวบคีรีขันธ์ โครงการชลประทานประจวบคีรีขันธ์ นำรถบรรทุกน้ำเข้าช่วยเหลือชาวบ้านชาวบ้าน หมู่ 8 บ้านคลองลอย ตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และใช้ในการอุปโภคบริโภค จำนวน 10 เที่ยว ปริมาณน้ำรวมกว่า 60,000 ลิตร
  • จ.สงขลา โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาระโนด-กระแสสินธุ์ สำนักงานชลประทานที่ 16 ส่งน้ำช่วยเหลือเกษตรกร บริเวณคลองซอย 4L – MC ที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากการขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร พร้อมวางแนวทางแก้ไขปัญหาการส่งน้ำในจุดที่ขาดแคลนเพิ่มเติม

กรมชลประทาน ยังคงให้การช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ฤดูฝนปกติ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ จึงขอให้ร่วมใจกันประหยัดน้ำและใช้น้ำอย่างคุ้มค่าที่สุดด้วย

และ หากหน่วยงานหรือประชาชนต้องการความช่วยเหลือเรื่องน้ำ สามารถประสานไปยังโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460

แนะ 6 แนวทางดูแลจิตใจเด็กนร.ช่วงโควิด-19

0

กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข แนะ 6 แนวทางสำหรับการดูแลจิตใจนักเรียนในสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ดังนี้

1.สร้างความมั่นใจให้กับทุกคน

2.มีทีมเฉพาะกิจในการประสานงานสถานการณ์COVID-19 ในโรงเรียน

3.ให้การดูแลด้านจิตใจโดยใช้ระบบที่มีอยู่ เช่น ให้คำปรึกษา ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน

4.วางแผนการเรียนที่บ้าน จัดคลาสเรียนออนไลน์

5.เด็กก่อนวัยเรียน สอนด้วยวิธีง่ายและสนุก

6.เด็กมัธยมศึกษาส่งเสริมให้ค้นคว้าข้อมูลและสื่อสาร เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์

โออาร์ ต่อเวลาช่วยเกษตรกรขายมะม่วงน้ำดอกไม้ในพีทีที สเตชั่น ยาวถึงสิ้นเดือนพ.ค.

0

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชนป หรือ โออาร์ ร่วมกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ช่วยเหลือเกษตรกรในประเทศ เปิด “พื้นที่ปันสุข” ในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น เพื่อให้เกษตรกรไทยนำผลิตผลทางการเกษตรมาจำหน่ายตามโครงการรวมพลังสร้างรอยยิ้มเกษตรกรไทย

โดยจำหน่ายมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ราคาพิเศษ กล่องละ 150 บาท (บรรจุกล่องละ 5 กิโลกรัม) และเติมสินค้าใหม่เข้ามาเพิ่มทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ ขยายเวลาจำหน่ายจนถึง 31 พฤษภาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ณ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่ร่วมรายการ จำนวน 10 สถานี ดังนี้

  1. สถานีบริการ บจ.ปิโตรเลียมอเวนิว 99/114 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
  2. สถานีบริการ บจ.ที.เค.ที คอมเมอร์เชียล 673/1 ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ
  3. สถานีบริการ บจ.ปิโตรเลียมน้ำมัน(ถนนรามอินทรา) 60/8 ม.4 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ
  4. สถานีบริการ บจ.พลังไทยเพื่อไทย 58/8-58/17 ม.12 ถนนเสรีไทย แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ
  5. สถานีบริการ บจ.เทพรักษ์ อินโนเวชัน 395 ถนนเทพรักษ์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ
  6. สถานีบริการ สวัสดิการ ร.1 รอ. 181 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสามเสน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
  7. สถานีบริการ สาขาแยกประชาอุทิศ-ลาดพร้าว 359 ถนนประดิษฐมนูญธรรม แขวง/เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
  8. สถานีบริการ สาขาราชพฤกษ์ 15/26 ม.1 ถนนราชพฤกษ์ ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี
  9. สถานีบริการ บจ.ประดับดาว กรุ๊ป 97/9 ม.1 ถนนราชพฤกษ์ ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี
  10. สถานีบริการ บจ.เจษฎาบดินทร์ออยล์ 92/7 ม.8 ตำบลบางกร่าง อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี
พีทีทีสเตชั่น

รายละเอียดเพิ่มเติมโทร.1365 Contact Center หรือ www.pttor.com

กรมชลฯแนะอย่าเพิ่งทำนาปี รอฝนมาชัวร์ก่อน 3 เดือน

0

ปริมาณน้ำ 3 เขื่อน “ลำนางรอง-ลำแชะ-แม่กวง” น้ำยังน้อย  วอนประชาชนประหยัดน้ำ 

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือน ระหว่าง พ.ค.-ต.ค.2563 กรมชลประทานประเมินจะเกิดสถานการณ์ลานีญาอ่อน ๆ หรือปริมาณฝนตกชุกในบางพื้นที่ แม้กรมอุตุนิยมวิทยา จะประเมินปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั่วประเทศจะต่ำกว่าค่าปกติ 5% โดยคาดว่าตลอดฤดูฝนปีนี้จะมีปริมาณน้ำต้นทุนในวันที่ 1 พ.ย.2563 ปริมาณมากกว่าปีก่อนหน้า 3,500-5,000 ล้าน ลบ.ม.                                                 

ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน

คาดการณ์ฝนปี 2563 จะคล้ายปี 2538 ที่มีฝนตกทางตอนบนค่อนข้างมาก กรมชลประทานได้เตรียมแผนการบริหารจัดการน้ำหากมีฝนตกในพื้นที่ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุฯ ดังนี้ คือ

  • เดือน พ.ค.ปริมาณฝนปกติ
  • เดือน มิ.ย.ภาคเหนือ ภาคตะวันออกและตะวันตก ปริมาณฝนปกติ ภาคอีสานและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ฝนต่ำกว่า ค่าปกติ ส่วนกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล ฝนตกสูงกว่าค่าปกติ
  • เดือน ก.ค.ปริมาณฝนต่ำกว่าปกติและหลังจากนั้นปริมาณฝนก็ต่ำกว่าค่าปกติไปจนถึงสูงกว่าค่าปกติกระจายในทุกภาค

ทั้งนี้ 1 พ.ย. มีเขื่อนเก็บน้ำที่มีน้ำน้อย 31-50% จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ เขื่อนเก็บน้ำลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เขื่อนเก็บน้ำลำแชะ จังหวัดนครราชสีมาและเขื่อนเก็บน้ำแม่กวง จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น มีระดับน้ำต่ำว่าระดับควบคุมตอนบน (Upper Rule Curve) แต่คาดว่าเมื่อผ่านฤดูฝนนี้ไปเขื่อนอุบลรัตน์จะกลับมามีปริมาณน้ำกว่า 80% ของความจุเขื่อนฯ

“ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าไทยจะประสบปัญหาภัยแล้งทั้งปีแต่ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว รวมถึงจากการคาดการณ์ของกรมอุตุฯ คาดว่าในช่วงเดือน ส.ค. ถึง ก.ย.จะมีปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งจะช่วยให้คลี่คลายภัยแล้ง  ได้ในระดับหนึ่งแต่ประชาชนยังต้องช่วยกันประหยัดน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยหาภาชนะมาเก็บกักน้ำฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง อาทิ ถังน้ำ และโอ่ง เป็นต้น”

นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามกรมชลประทานขอความร่วมมือกับเกษตรกรที่เตรียมทำนาปี ให้รอกรมอุตุฯ ประกาศเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการก่อนจึงค่อยทำการเพาะปลูก เพื่อการทำนาปี ประชาชนใช้น้ำฝน หรือน้ำที่อยู่ในแม่น้ำลำคลองมาใช้ให้มากที่สุดเพื่อเก็บน้ำฝนที่ไหลลงอ่างเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งต่อไป มีเพียงในเขตชลประทานในบางพื้นที่ ได้แก่เขตที่ใช้น้ำจากเขื่อนลำปาว เขื่อนน้ำอูน เขื่อนแม่กวง เขื่อนสิรินธร เป็นต้น ที่สามารถทำนาปีได้โดยไม่ต้องรอกรมอุตุฯ ประกาศเข้าฤดูฝน เพราะน้ำต้นทุนและฝนที่ตกลงมาเติมสามารถสนับสนุนการเพาะปลูกข้าวได้เลย

สำหรับคาดการณ์ปริมาณน้ำในอ่าง ในช่วง 6 เดือนถึง 1 พ.ย.2563 กรมชลประทานคาดการณ์จากแบบจำลองสถานการณ์น้ำ 5 กรณีประกอบด้วย

  1. น้ำมากกว่าค่าปกติ หรือค่าเฉลี่ยจะมีปริมาตรน้ำอยู่ที่ 60,781 ล้าน ลบ.ม. หรือ 86% ของความจุ จะมีน้ำใช้การได้ 37,239 ล้าน ลบ.ม. หรือ 79% ของความจุ                                   
  2. น้ำใกล้เคียงค่าเฉลี่ยจะมีปริมาตรน้ำอยู่ที่ 52,452 ล้านลบ.ม.หรือ 74% ของความจุ จะมีน้ำใช้การได้ 28,910 ล้าน ลบ.ม. หรือ 61% ของความจุ
  3. น้ำน้อยจะมีปริมาตรน้ำอยู่ที่ 36,794 ล้าน ลบ.ม.หรือ 52% ของความจุ  จะมีน้ำใช้การได้ 13,252 ล้าน ลบ.ม. หรือ 28% ของความจุ
  4. กรณี Inflow 2538 ค่าเฉลี่ยจะมีปริมาตรน้ำอยู่ที่ 55,905 ล้าน ลบ.ม. หรือ 79% ของความจุ จะมีน้ำใช้การได้ 32,363 ล้าน ลบ.ม.หรือ 68% ของความจุ                      
  5. กรณีน้ำไหลเข้าอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย (AVG)-5 ตามที่กรมอุตุฯ พยากรณ์ฝนทั้งปีไว้ว่าจะน้อยกว่าค่าเฉลี่ย 5% จะมีปริมาตรน้ำอยู่ที่ 50,946 ล้าน ลบ.ม. หรือ 72% ของความจุ จะมีน้ำใช้การได้ 27,403 ล้าน ลบ.ม. หรือ 58% ของความจุ

อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนินงานในแต่ละโครงการ กรมชลประทาน ได้ร่วมกับ 38 หน่วยงาน ภายใต้การกำกับดูแลของ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ อาทิ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานประจำท้องถิ่นทั่วประเทศ และภาคประชาชน ซึ่งรูปแบบการทำงานของกรมชลประทานจะบูรณาการร่วมกันกับทุกหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้อง เพื่อดูแลได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น ส่วนในเรื่องของความกังวลเรื่องน้ำประปาขาดแคลนเหมือนในอดีต เชื่อว่าในปัจจุบันจะไม่ประสบปัญหาดังกล่าวอีก เนื่องจากรัฐบาลได้กำหนดยุทธ์ศาสตร์น้ำขึ้นมาโดยมีหน่วยงานกลางที่เข้ามาดูแลในแต่ละภาคส่วนแล้ว

บุญรอดฯ ดีเดย์ “สิงห์อาสา สู้ไฟป่า” เร่งจ้างงาน สร้างอาชีพช่วยคนไทย

0

บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด  ประกาศนโยบายเร่งด่วนในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยวางนโยบายช่วยเหลือทั้งในเรื่องปากท้องและการสร้างอาชีพเพื่อให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ผ่าน 10 โครงการสิงห์อาสาทั่วประเทศ โดยโครงการที่จัดทำขึ้นช่วยเหลือประชาชนครั้งนี้มีทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเพื่อความยั่งยืน   กำหนดดีเดย์ในต้นเดือนพฤษภาคม โดยเริ่มด้วยโครงการ “สิงห์อาสาสู้ไฟป่า” ที่จังหวัดเชียงราย เป็นที่แรก

โดยเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ได้มีพิธีเปิดโครงการ “สิงห์อาสาสู้ไฟป่า” รุ่นที่ 1 ที่สถานีควบคุมไฟป่าลำน้ำกก จ.เชียงราย มีว่าที่ร้อยตรีณรงค์ โรจนโสทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  คุณปรีชา ทองคำเอี่ยม ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า  คุณกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 คุณเพลินพิศ หาญเจริญวนะภูษิต ผู้จัดการทั่วไป  บริษัท สิงห์ปาร์คเชียงราย จำกัด ร่วมในงาน

“สิงห์อาสาสู้ไฟป่า” เป็นการอบรมให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องไฟป่า การป้องกันไฟป่า การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการดับไฟป่า แก่ชาวบ้านจาก 5 หมู่บ้านของ ตำบลแม่กรณ์ ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า คือ หมู่บ้านปางกอก หมู่บ้านปางริมกรณ์ หมู่บ้านปางป่าอ้อ หมู่บ้านหนองเขียว หมู่บ้านปางกลาง ส่วนในช่วงบ่ายเป็นการฝึกปฏิบัติการดับไฟป่า เพื่อให้ชาวบ้านในชุมชน เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ในการจัดการปัญหาไฟป่า ทำให้สามารถที่จะดูแลพื้นที่ หมู่บ้าน ชุมชน ของตนเองได้หากเกิดไฟป่าขึ้นและสามารถทำแนวป้องกันไฟป่าได้อย่างถูกวิธี

นอกจากนี้ยังช่วยสร้างรายได้ให้ผู้เข้าร่วมอบรม ผู้ที่เข้ารับการอบรมในโครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่า ของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ครั้งนี้เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าในแต่ละปีอีกทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19 โดยผู้เข้ารับการอบรมทุกคนจะได้รับเบี้ยเลี้ยงคนละ 200 บาท ต่อวัน พร้อมได้รับอาหารแห้งและข้าวตราพันดี เป็นการช่วยบรรเทาปัญหาปากท้องเบื้องต้น
 

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  เปิดเผยว่า ปีนี้ พื้นที่เชียงรายเกิดไฟป่าลดลงเหลือ 7,000 กว่า จุด ซึ่งถือว่าลดลงได้เกิน 60% แต่อย่างไรก็ตาม ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินมาตรฐาน 72   ซึ่งเกิดจากสภาพอากาศทั้งในพื้นที่จ.เชียงราย และเกิดหมอกควันข้ามแดนเข้ามา แต่ก็ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้โครงการ“สิงห์อาสาสู้ไฟป่า” ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน ที่ได้ความรู้เรื่องของการดับไฟป่า อุปกรณ์ดับไฟป่า และมีรายได้ในช่วงวิกฤตโควิด

สำหรับการอบรม โครงการ”สิงห์อาสาสู้ไฟป่า” ของ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด มีการจัดอบรมต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าในหลายจังหวัดทั้งทางภาคเหนือและภาคตะวันออก โดยผู้เข้ารับการอบรมได้รับประกาศนียบัตรรับรองการผ่านการอบรบด้วย

พีทีที สเตชั่น ขายแอลกอฮอล์ล้างมือราคาพิเศษใน กทม.ครั้งที่สอง

0

พีทีที สเตชั่น จำหน่ายแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือ ครั้งที่ 2 วันที่ 8 พฤษภาคม นี้ที่ปั๊มในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ยังคงร่วมดูแลคนไทยอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าการระบาดของโรคโควิด-19 จะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่แอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดยังคงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นสำหรับประชาชน พีทีที สเตชั่น จึงได้จัดหาแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70 % สำหรับทำความสะอาดมือโดยไม่ต้องล้างออกจากบริษัทผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานรับรองโดยสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อจำหน่ายให้ผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2563 ในราคาทุน เพื่อแบ่งเบาภาระผู้บริโภค และอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคได้อีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งเป็นการนำมาจำหน่ายเพิ่มเติมจากที่ได้จำหน่ายที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศแล้ว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

· แอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือชนิดน้ำ บรรจุขวด (ขวดละ 1 ลิตร) จำหน่ายขวดละ 110 บาท โดยสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่ร่วมรายการในเขตกรุงเทพฯ วางจำหน่ายแห่งละ 200 ขวด และในเขตปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) วางจำหน่ายแห่งละ 136 ขวด

· เจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือ บรรจุถุง (ถุงละ 500 มิลลิลิตร) จำหน่ายถุงละ 40 บาท โดยสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่ร่วมรายการในเขตกรุงเทพฯ วางจำหน่ายแห่งละ 240 ถุง และในเขตปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) วางจำหน่ายแห่งละ 144 ถุง

· สามารถซื้อได้โดยไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมัน หรือใช้บริการใด ๆ โดยผู้ซื้อต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือใบขับขี่ หรือบัตรที่มีหมายเลขประจำตัวประชาชนของผู้ซื้อ พร้อมเขียนชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน และเบอร์โทรศัพท์ในแบบฟอร์มการซื้อ

· ต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร และสวมหน้ากากอนามัยระหว่างการต่อแถวรอซื้อ ณ จุดจำหน่าย

· จำหน่าย ตั้งแต่เวลา 08:00 น. เป็นต้นไป จนกว่าของจะหมด บริเวณหน้าสำนักงาน หรือในร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสอบถามรายชื่อสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่ร่วมรายการ ได้ที่ 1365 Contact Center หรือ www.pttor.com

ทั้งนี้ นอกจากการจำหน่ายแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดในราคาทุน และกิจกรรมช่วยเหลือสังคมอื่น ๆ แล้ว พีทีที สเตชั่น ยังได้ยกระดับมาตรฐานการรักษาความสะอาดบริเวณสถานีบริการฯ และห้องน้ำ รวมทั้งเพิ่มมาตรการในการปฏิบัติงานของพนักงานในทุกจุดบริการตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโรคโควิท-19 ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ ให้พนักงานทุกคนล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยระหว่างปฏิบัติหน้าที่ และจัดให้มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัยและเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค

คติธรรม สมเด็จพระสังฆราช เนื่องในวันวิสาขบูชา 63

0

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันวิสาขบูชา ประจำปีพุทธศักราช 2563 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 6 พ.ค. ความว่า

ดิถีวิสาขบูชา อันเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นวันสำคัญสากลของโลก มีกาลกำหนดขึ้นไว้เป็นนักขัตฤกษ์พิเศษ เพื่อให้พุทธบริษัทได้กระทำสักการบูชาแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยดวงจิตตั้งมั่นในความเชื่อและความเลื่อมใสต่อพระพุทธคุณ ซึ่งเป็นโอสถวิเศษ และเป็นเครื่องป้องกันสรรพพิบัติภัยทั้งปวง

ภัยใหญ่หลวงสำหรับทุกชีวิต ตามหลักพระพุทธศาสนามี 3 ประการ กล่าวคือ ความแก่ 1 ความเจ็บ 1 และความตาย 1 ไม่มีภัยอื่นใดที่ผู้คนหวาดหวั่นครั่มคร้ามไปมากกว่าภัยทั้งสามประการนี้อีกแล้ว พระพุทธองค์ผู้ทรงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ ได้โปรดประทานหนทางดับภัยไว้แล้วแก่โลก กล่าวคือ “อริยมรรค” ซึ่งเป็นไปเพื่อละ เพื่อล่วงพ้นภัย ย่อมดับเหตุแห่งการเกิด ที่นำไปสู่ความแก่ ความเจ็บ และความตาย ได้อย่างสิ้นเชิง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระปัจฉิมวาจาก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า “วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลความว่า “สังขารมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด” จึงขอทุกท่านหันกลับมาพิจารณาชีวิตของตน ผู้ล้วนกำลังเผชิญภยันตรายกันอยู่ทั่วหน้า โดยไม่อาจทราบได้ว่าความเจ็บและความตายจะมาถึงเมื่อไร ขอจงเร่งสั่งสมอบรม “ความไม่ประมาท” ให้ถึงพร้อม ขอจงเร่งขวนขวายสั่งสมเพิ่มพูนกุศลธรรมให้เจริญงอกงามขึ้นในตน เพื่อผลคือ “สติ” และ “ปัญญา” อันสามารถช่วยให้ล่วงพ้นจากภัยได้ ในที่ทุกสถานและในกาลทุกเมื่อ

ขอสาธุชนอย่าละเลยการบำเพ็ญทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา อันนับเป็น “ปฏิบัติบูชา” ที่พึงกระทำต่อพระรัตนตรัย เพื่อความดำรงคงมั่นแห่งพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นประทีปส่องใจเวไนยนิกรทั้งปวงสืบไปตลอดกาลนาน เทอญ.

วัดบวรฯ เฟสบุ๊คไลฟ์จากพระอุโบสถ สวดมนต์ เวียนเทียน ฟังเทศน์ออนไลน์ วันวิสาขบูชา 63 รับ New Normal

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า ช่่วงสัปดาห์วันวิสาขบูชา ของปีพ.ศ.2563 ทั้งทางวัด และพุทธศาสนิกชน จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด โดยทางภาครัฐเองก็พยายามรณรงค์ให้คนไทยอยู่กับบ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ จึงส่งผลให้การมีส่วนร่วมในพิธีกรรมทางศาสนาในวันวิสาขบูชาปีนี้ แตกต่างไปจากปีที่ผ่านมา

ล่าสุด วัดบวรนิเวศวิหาร ได้เผยแพร่ข่าวผ่านทางเพจเฟสบุ๊คของวัดถึงกิจกรรมวันวิสาขบูชาปีนี้ของวัด ว่า

“วันวิสาขบูชา ๒๕๖๓ อยู่บ้าน ก็ฟังธรรม เวียนเทียน และติดตามกิจกรรมวิสาขบูชาได้ถ่ายทอดสดจากพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
วันที่ ๕-๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ไลฟ์เทศน์ตั้งแต่วันที่ ๖ ถึงเช้าวันที่ ๗ ทั้งคืน!!!! “

โดยจะเฟสบุ๊คไลฟ์ จากพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สวดมนต์ เวียนเทียน ฟังธรรมโต้รุ่งกันที่บ้าน ทั้งนี้ จะเริ่มเฟสบุ๊คไลฟ์ต้งแต่เวลา หนึ่งทุ่ม ของวันที่ 5 พค. และฟังเทศน์ตลอดคืนวันที่ 6 พ.ค.

เวียนเทียนที่บ้านพร้อมพระสงฆ์ที่วัดเวลา 19.00 น. เทศนากัณฑ์แรก เริ่มเวลา 21.00 น. ต่อเนื่องจนถึงรุ่งเช้า

รายงานข่าว เปิดเผยอีกว่า ในโซเชียลมีเดีย ยังมีการประชาสัมพันธ์ให้ร่วมเวียนเทียนออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์เวียนเทียนออนไลน์ โดยสามารถเลือกวัด และคำอธิษฐาน และยังสามารถแชร์ภาพกิจกรรมเวียนเทียนออนไลน์ผ่านทางเฟสบุ็ค ไลน์ และทวิตเตอร์ ได้อีกด้วย

คลีนิกความงาม ยังเปิดบริการไม่ได้ มองเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค กลุ่มเดียวกับโรงหนัง สถานบันเทิง

0

นพ. ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) เปิดเผยว่า สถานเสริมความงาม  ตามราชกิจจานุเบกษา ข้อกำหนดฉบับที่ 5 (6) ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2563 นั้น คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม เป็นหนึ่งในกิจการที่ต้องมีคำสั่งปิดสถานที่เพราะมีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากอธิบดีกรมควบคุมโรคมีความเห็นว่า กิจการหรือกิจกรรมที่ทำในคลีนิกเสริมความงาม ใช้ระยะเวลานาน และถือว่ามีความจำเป็นน้อย จึงจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับ โรงมหรสพ สถานบริการ ผับ บาร์ เป็นต้น ยืนยันว่ายังไม่สามารถให้กลับมาให้บริการได้