Home Blog Page 432

คุณนายพารวย : ลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้!!

0

          2 สัปดาห์ที่แล้ว เราพูดถึงเส้นทางหลีกหนีจากความจน ด้วยคาถา “ออมก่อนใช้ ”  และ “จดแก้จน” ที่ให้พวกเรากลับมาหัดจดรายรับ-รายจ่าย ที่เกิดขึ้นทุกวัน

          เพื่อให้รู้นิสัยหรือพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเอง เห็นว่ามี “รูรั่ว” มีการใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็น เพื่อกลับมาทบทวนและ “อุดรูรั่ว” ได้อย่างถูกจุด!! 

          หลายคนบอกว่า จะให้ออมได้ยังไง รายได้ทุกวันนี้ยังไม่พอกินพอใช้เลย..!!

          อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ.. เชื่อมั้ยว่า “คุณนายพารวย” เคยสัมภาษณ์พนักงานเงินเดือนคนนึง ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว เงินเดือนหมื่นกว่า แต่เป็นหนี้เกือบครึ่งล้าน ทั้งหนี้บัตรเครดิต หนี้นอกระบบ หนี้ที่หยิบยืมเพื่อนฝูงญาติพี่น้อง โดนเจ้าหนี้รุมเร้าทวงหนี้จนถึงขั้นหนีตายเพื่อหนีชีวิตหนี้!!   

          แต่ดวงยังไม่ถึงฆาต และโชคดีมีเจ้านายดี  ที่รับรู้ปัญหาและนำพาให้เขาเข้าโครงการ  Happy Money Happy Retirement ที่บริษัทได้เข้าร่วมโครงการนี้กับตลาดหลักทรัพย์

          ที่มีเป้าหมายช่วยแก้ปัญหาลูกจ้างรายวัน มนุษย์รายได้เดือนชนเดือน ให้มีโอกาสเข้าถึงความรู้และเครื่องมือ ในการบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคล เพื่อให้มีหนทางในการปลดแอกจากชีวิตหนี้  มีเงินเก็บออมไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน และมีเงินลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ให้ตัวเองและครอบครัวในยามชรา โดยมีเทรนเนอร์เข้าไปให้คำแนะนำ และช่วยวางแผนปลดหนี้ให้

          ซึ่งการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย หรือ “จดแก้จน” นี้ ทำให้พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า  รายจ่ายของคนหาเช้ากินค่ำ มักมีค่าใช้จ่าย ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และตัดทิ้งได้ทันที เช่น เงินค่าซื้อหวย(ทั้งหวยบนดินและใต้ดิน) ค่าเหล้าเบียร์-บุหรี่-เครื่องดื่มชูกำลัง คนที่มีรายได้ขยับขึ้นมาอีกหน่อย รายจ่ายฟุ่มเฟือยที่เพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะคุณผู้หญิง ก็คือ เสื้อผ้า-กระเป๋า-รองเท้า ที่มีเต็มตู้แล้วก็ยังซื้อแล้วซื้ออีก

          เช่นเดียวกับคุณพี่มนุษย์เงินเดือนท่านนี้ เมื่อต้องลงมือจดรายรับรายจ่ายก็พบว่า ต้นตอของปัญหา ที่นำพามาสู่ “ชีวิตลูกหนี้” คือซื้อหวยทุกงวด แถมชอบเล่นพนันบอล สุดสัปดาห์ต้องคลายเครียดกินเบียร์กับเพื่อนร่วมงาน!!

          เมื่อพบรูรั่ว และต้องตัดใจ ลด-ละ-เลิก ต้นเหตุแห่งความจนได้แล้ว จึงมีเงินทยอยปลดหนี้ โดยเริ่มจากภาระหนี้ที่หนักหนาที่สุดก่อนคือ หนี้นอกระบบดอกเบี้ยแสนโหดร้อยละ10-20% ต่อเดือน ตามด้วยหนี้บัตรเครดิต แต่ยังไม่เพียงพอที่จะปลดหนี้ให้ได้ทันใจ ขณะที่รายจ่ายที่มีล้วนจำเป็น ปรับลดไม่ได้แล้ว

          ทางออกก็คือต้องเพิ่มฝั่งรายรับ เขาจึงเริ่มมองหารายได้พิเศษ เขากลับมาหาของใช้ในบ้านที่ซื้อไว้แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือมีเกินจำเป็น แล้วนำออกมาขายแปลงเพื่อเป็นเงินสด!!

           หลังจากนั้นในทุกวันหยุด เขากลายเป็นพ่อค้ามือสองที่นำของจากเพื่อนร่วมงานมาขายที่ตลาดนัด  และมองหาสินค้าจากแหล่งอื่นๆมาขายร่วมด้วย

          สุดท้ายสามารถปลดหนี้ได้ และเริ่มมีเงินออมก้อนแรกในชีวิต โดยเริ่มจากกันเงินออมเพื่อไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉินให้ได้ 6เดือนของรายจ่ายแต่ละเดือน  และออมเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่ม จากอดีตไม่ได้ให้ความสำคัญ จึงออมแค่2%ของเงินเดือน เพิ่มเป็น 5 และ 10% โดยตั้งเป้าออมเต็มแม็กที่ 15%

          ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ แต่ไม่ยากถ้ามีความมุ่งมั่นตั้งใจ ท่องไว้ลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้ ช่วงนี้ค้าขายออนไลน์กำลังรุ่งเรือง ลองดูลู่ทาง ว่าเราจะโดดไปหยิบจับเงินที่กำลังสะพัดในตลาดนี้ได้อย่างไร เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเงินในกระเป๋า ลุยลุยลุย!!!

ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออม รู้ใช้รู้ลงทุน…สู่ความมั่งคั่ง โดย คุณนายพารวย ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ                           

AIS ยกขบวนแพ็กเกจสุดคุ้มเพื่อการเรียน ช่วยลดภาระผู้ปกครอง ส่งเสริมการศึกษาที่บ้าน

0

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอส ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล เล็งเห็นความสำคัญด้านการศึกษามาโดยตลอด นับจากช่วงต้นๆ ของวิกฤต COVID-19 จนถึงช่วงที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การฟื้นฟูอย่างค่อยเป็นค่อยไปในหลายๆ ด้าน โดยเอไอเอส มุ่งพัฒนาโซลูชันที่พร้อมตอบโจทย์การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้สามารถเข้าถึงได้หลากหลายช่องทาง ราคาคุ้มค่า และใช้งานได้จริงครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง และตอบรับการใช้ชีวิตวิถีใหม่ในโลกการศึกษาของเด็กไทยที่เชื่อว่าโลกการศึกษาทั้ง Offline และ Online จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส

โดยเอไอเอส มุ่งเสริมการเรียนรู้ให้เด็กไทยช่วงก่อนเปิดเทอมอย่างเต็มที่ จัดต่อเนื่องด้วยแพ็กเกจสุดคุ้มเพื่อการศึกษา “LEARNING FROM HOME” ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและดิจิทัลแพลตฟอร์มวิดีโอที่สามารถเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ มาพร้อมคอนเทนต์มากมายที่ช่วยยกระดับความรู้ทางวิชาการตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ และเปิดโลกทัศน์เติมเต็มจินตนาการอย่างไร้ขีดจำกัด ทั้งช่องเพื่อการศึกษา DLTV, VEC TV และ ETV ครบทั้ง 17 ช่อง พร้อมรับชมคอนเทนต์จากทั่วทุกมุมโลกผ่าน YouTube และแพ็กเกจเสริมคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ตอบโจทย์ทุกครอบครัวบนอุปกรณ์หลากหลาย ทั้งสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์ PC, โน้ตบุ๊ค และโทรทัศน์ ผ่านแพลตฟอร์ม AIS PLAY พร้อมแพ็กเกจมือถือ เน็ตบ้าน และสมาร์ทโฟนราคาสุดคุ้มที่คัดสรรมาให้พร้อมสรรพแล้ว ประกอบด้วย

  1. แพ็กเกจเสริมบนมือถือ สำหรับลูกค้ามือถือเอไอเอส ทั้งระบบเติมเงินและรายเดือน รับชมช่องเพื่อการศึกษา DLTV, VEC TV และ ETV ครบทั้ง 17 ช่อง บนแอป AIS PLAY เริ่มต้นพียง 59 บาท ใช้งานได้ไม่จำกัด นาน 30 วัน และแพ็กเกจสุดคุ้ม รับชม AIS PLAY และการค้นหาความรู้ด้านการศึกษาผ่าน YouTube ได้ไม่จำกัด เหมาจ่ายเพียง 99 บาท ใช้งานรายเดือนต่อเนื่อง 30 วัน
  2. แพ็กเกจรายเดือน U-ZEED สำหรับนักเรียน นักศึกษา สามารถรับชมช่องเพื่อการศึกษา DLTV, VEC TV และ ETV ครบทั้ง 17 ช่อง ผ่านแอป   AIS PLAY ฟรีไม่เสียค่าเน็ต โดยแพ็กเกจเริ่มต้นที่ 20GB 250 บาท ใช้เน็ตได้เต็มสปีดจุใจ อยู่บ้านก็เรียนรู้ได้เต็มที่
  3. แพ็กเกจเน็ตบ้านคุณภาพ AIS Fibre ราคาประหยัด เพียงเดือนละ 399 บาท ด้วยความเร็ว 100/100 Mbps และสามารถปรับความเร็วอินเทอร์เน็ตด้วยตัวเองได้สูงถึง 200/50 Mbps

มาพร้อมกล่อง AIS PLAYBOX รับชมดิจิทัลแพลตฟอร์ม ช่องเพื่อการศึกษา DLTV, VEC TV และ ETV ครบทั้ง 17 ช่อง และเสริมวิตามินความรู้กับหมวดการศึกษาและสารคดี ในรูปแบบของวิดีโอออนดีมานด์ คลิปวิดีโอการเรียนการสอนแบบสนุก เข้าใจง่าย เลือกดูเมื่อไรก็ได้ตามต้องการ พร้อมเสริมการเรียนรู้เพิ่มเติมได้ง่ายๆ กับ YouTube บนกล่อง AIS PLAYBOX ที่เมนูเบราว์เซอร์ได้เลย 

  • สำหรับผู้ปกครองที่กำลังมองหา เครื่องสมาร์ทโฟนพร้อมเน็ตไม่อั้น ราคาประหยัด เพื่อให้เด็กๆ ใช้เรียนออนไลน์ที่บ้านได้ทันที เอไอเอสได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำอย่าง Huawei, OPPO และ VIVO จัดแคมเปญหนุนเรียนออนไลน์เด็กไทย ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ เครื่องพร้อมซิมเบอร์ใหม่และแพ็กเกจสุดคุ้ม เรียนออนไลน์ฟรี 3 เดือนเต็ม ราคาประหยัดที่สุดเท่าที่เคยมีมา ช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย ไม่ต้องกังวลว่าค่าเน็ตจะเกิน ได้แก่ 
  • AIS Super Smart Plus Gen 2 ราคาพิเศษ 990 บาท
  • Huawei Y6P ราคาพิเศษ 2,890 บาท
  • Oppo A12 ราคาพิเศษ 2,990 บาท
  • VIVO Y11 ราคาพิเศษ 3,090 บาท
  • Huawei MediaPad T3 LTE ราคาพิเศษ 3,290 บาท (เริ่มจำหน่ายวันที่ 15 มิ.ย.63)

ฟรี! ค่าบริการรายเดือน 3 เดือนแรก จากนั้น เพียงเดือนละ 199 บาท ได้เน็ตความเร็วสูง    1 GB จากนั้น เล่นเน็ตได้ไม่จำกัด ที่ความเร็ว 512 Kbps, โทรฟรีในเครือข่ายเอไอเอส 6 โมงเช้า – 6 โมงเย็น, ฟรีเน็ตใช้งานแอป AIS PLAY โดยสิทธิพิเศษนี้ สำหรับนักเรียน นักศึกษา แสดงบัตรประจำตัวหรือบัตรประชาชน ใช้สิทธิ์ได้ 1 คนต่อ 1 เครื่อง โดยจดทะเบียนหมายเลขใหม่ ระบบรายเดือนในชื่อของผู้ปกครอง 1 คน ต่อ 1 เครื่อง ไม่ติดสัญญาใช้บริการ

  • แพ็กเกจคอนเทนต์ AIS PLAY สำหรับลูกค้า AIS Fibre เพิ่มทักษะภาษาอังกฤษไปกับ          คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ด้วยเนื้อหาที่สนุก เข้าใจง่าย โดย  ติวเตอร์ชื่อดัง “แอนดรูว์ บิ๊กส์” มีให้เลือก 2 แพ็กเกจสำหรับนักเรียนนักศึกษา ได้แก่ แพ็กเกจ School English คอร์สปูพื้นฐานภาษาอังกฤษครบ สำหรับเด็กอนุบาล ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา และแพ็กเกจ English for Exams เน้นการเตรียมตัวสอบ IELTS, TOEFL, TOEIC, GAT-PAT และ O-Net เพียงเดือนละ 99 บาท ทดลองใช้งานฟรี 3 วันแรก สามารถรับชมผ่านกล่อง AIS PLAYBOX และสามารถใช้สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์ PC, โน้ตบุ๊ค รับชมผ่านแอปพลิเคชัน AIS PLAY และเว็บไซต์ https://aisplay.ais.co.th

          ผู้ที่สนใจ สามารถติดตามข้อมูลการรับสิทธิ์ซื้อสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ท และแพ็กเกจเสริม LEARNING FROM HOME ได้ทางเว็บไซต์ www.ais.co.th/learningfromhome

ตามติดงานกรมชลประทาน กำจัดผักตบชวา รับมือสถานการณ์น้ำช่วงหน้าฝน

0

บิ๊กเกรียน พาลงพื้นที่ ดูการทำงานของกรมชลประทาน ในการจัดเก็บและกำจัด ผักตบชวา วัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำ

เพราะ ตอนนี้ ไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ จึงเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการบริหารจัดการน้ำวางแผนบริหารจัดการน้ำให้เป็นระบบ

ทีมเพจบิ๊กเกรียน ส่ง “น้องแตง” กัลย์ทิชา นับทอง ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ติดตามภารกิจ การทำงานของกรมชลประทาน

และพูดคุยกับ ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ถึงแนวคิด และวิธีการทำงาน

ที่ทำให้ผลการดำเนินงานในการจัดการกับสิ่งกีดขวางทางน้ำในปีนี้ ประสบความสำเร็จดีกว่าปีก่อนๆ ที่ผ่านมา

เอไอเอส เดินหน้าสนับสนุน อสม. ให้อุ่นใจ สู้ภัยโควิด-19 แจกซิม กับประกันภัย

0

เอไอเอส นำโดย นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายระพี ผ่องบุพกิจ  เยี่ยมชมฐานปฏิบัติการเพื่อสุขภาพคนไทย ส่งมอบกำลังใจและเทคโนโลยีดิจิทัลให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) นักรบเสื้อเทา ยุคดิจิทัล ในการเป็นด่านหน้าเฝ้าระวัง และติดตามกลุ่มเสี่ยงโควิด-19 อย่างใกล้ชิด มอบความอุ่นใจให้ประชาชน

            นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ กล่าวว่า โครงการ “เอไอเอส 5G สู้ภัยโควิด-19” ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม และมีส่วนช่วยให้การปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างไม่สะดุด ทั้งการติดตั้งเครือข่าย 5G ในโรงพยาบาลที่รับตรวจและรักษาผู้ป่วย COVID-19 ทั่วประเทศ, ตั้งศูนย์ AIS Robotic Lab by AIS NEXT เพื่อร่วมผลักดันนวัตกรรมการแพทย์, การพัฒนาหุ่นยนต์บริการทางการแพทย์ 5G ROBOT FOR CARE เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ รวมถึงการติดปีกดิจิทัลให้กับ อสม. นักรบเสื้อเทา นำเทคโนโลยี ซิมแพ็กเกจพิเศษ และประกันโควิด-19 เสริมประสิทธิภาพและสร้างความอุ่นใจในการปฏิบัติงาน

  นอกจากทีมแพทย์และพยาบาล ยังมี อสม. ที่เป็นด่านหน้าคอยเฝ้าระวัง ติดตาม ดูแลผู้ที่มีความเสี่ยงติดโควิด-19  วันนี้จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่ เอไอเอส ได้ลงพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเสม็ดใต้ เพื่อให้กำลังใจและเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของอสม. ผู้ที่อยู่เบื้องหลังและมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนสาธารณสุขไทย

           นายสมชัย กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เอไอเอส ได้ร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับ อสม. ทุกพื้นที่ เพื่อจะทำให้การทำงานมีความสะดวก สบาย รวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์เสมอ จึงเกิดเป็นแอปพลิเคชัน อสม. ออนไลน์ ขึ้น ที่ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานจากรูปแบบกระดาษมาเป็นออนไลน์ 100% ทั้งการสนทนา การส่งรายงานประจำเดือน ก็สามารถทำผ่านแอปฯ ได้ทันที  รวมถึงในสถานการณ์โรคอุบัติใหม่ เราก็มีอัปเดตฟีเจอร์เพิ่มขึ้นมา อาทิ รายงานลูกน้ำยุงลาย และ คัดกรองและติดตาม COVID-19 นอกจากนี้เรายังได้อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของ อสม. ด้วยมอบซิมพิเศษ “ซิมฮีโร่” และประกันภัยโควิด-19 เพื่อให้อสม. สามารถปฏิบัติงานได้อย่างอุ่นใจมากยิ่งขึ้น

           นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวเสริมว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดฉะเชิงเทราที่ดูแลและเฝ้าระวังโรคโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง กองกำลังสำคัญที่ทำให้จังหวัดฉะเชิงเทราสามารถควบคุม และยับยั้งไม่ให้วิกฤตการณ์ครั้งนี้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง ก็คือเหล่า อสม. ที่ประจำอยู่แต่ละหมู่บ้าน การที่เอไอเอสได้เข้ามาสนับสนุนการปฏิบัติงานของ อสม. ผ่านการพัฒนาแอปพลิเคชัน อสม. ออนไลน์ ถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และช่วยยกระดับงานสาธารณสุขเป็นอย่างมาก เพราะการที่เรามีบุคลากรที่ขยันขันแข็ง ประกอบเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัย จะช่วยทำให้การปฏิบัติราบรื่นมากยิ่งขึ้น

            นอกจากนี้ เอไอเอส ยังได้สนับสนุนห้องผู้ป่วยความดันลบ (Negative Pressure Room) เป็นอุปกรณ์เสริมพิเศษ ที่ติดตั้งในห้องพักผู้ป่วยแยกโรคที่มีการติดเชื้อแบบ Airborne เช่น โควิด-19 วัณโรค ซาร์ส อีโบล่า ไข้หวัดใหญ่ และหัดเยอรมัน เพื่อช่วยปกป้องบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล โรงพยาบาลพุทธโสธรให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย

ห้องผู้ป่วยความดันลบ (Negative Pressure Room) ที่เอไอเอส มอบให้กับ รพ.พุทธโสธร

เผยราคาหมูเอเชียพุ่ง ทั้งจีน-เวียดนาม-กัมพูชา เหตุขาดแคลนจากโรค ASF

0
A selective closeup shot of pink pigs in a barn

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ชี้ ASF  ในสุกร กระทบอุตสาหกรรมหมูทั้งภูมิภาค ส่งผลราคาพุ่ง เหตุหลายประเทศขาดแคลนหนัก เผยจีนนำเข้าหมูเดือนเมษายน 170% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนเวียดนามเพิ่ม 300% ดันราคาหน้าฟาร์มสูงสุดรอบ 20 ปี ย้ำไทยคงสถานะปลอดโรค-ราคาต่ำสุดในภูมิภาค

น.สพ.วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า การระบาดของโรค ASF ในสุกรตลอดปี 2562 ที่ผ่านมา ส่งผลต่อปริมาณสุกรในตลาดโลกลดลงเป็นอย่างมาก ทำให้ระดับราคาสุกรมีชีวิตและเนื้อสุกรสูงเป็นประวัติการณ์  สำหรับภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศจีน ที่เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคสุกรรายใหญ่ของโลก ซึ่งปกติมีผลผลิตสุกรประมาณ 500 ล้านตัวต่อปี แต่ภาวะโรคที่ระบาดอย่างรุนแรงทำให้ปริมาณสุกรหายไปถึง 300 ล้านตัวในปีที่ผ่านมา เกิดภาวะขาดแคลนอย่างหนัก ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มจึงพุ่งสูงขึ้น ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 120-136 บาทต่อกิโลกรัม และทางการจีนแก้ปัญหาด้วยการนำเข้าเพิ่มขื้นอย่างต่อเนื่อง ในเดือนเมษายนมีการนำเข้าเนื้อสุกรมากถึง 400,000 ตัน ทำสถิตินำเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นมากถึง 170% จากช่วงเดียวกันของปี 2562

น.สพ.วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ

ขณะที่เวียดนาม ปริมาณสุกรทั้งประเทศลดลงไปกว่า 25% ทำให้มีเนื้อสุกรไม่เพียงพอกับการบริโภค โดยคนเวียดนามบริโภคเนื้อสุกรคิดเป็นสัดส่วนกว่า 3 ใน 4 ของการบริโภคเนื้อสัตว์ทั้งหมด ส่งผลให้ราคาสุกรหน้าฟาร์มของเวียดนาม ปรับเพิ่มขึ้นถึง 115-120 บาทต่อกิโลกรัม เป็นระดับราคาสูงสุดในรอบ 20 ปี โดยเวียดนามได้นำเข้าเนื้อหมูเพิ่มขึ้นถึง 300% เมื่อเทียบกับปีก่อน เฉพาะช่วง 4 เดือนแรกของปี 2563 นี้ มีการนำเข้าแล้วเกือบ 70% ของปริมาณทั้งหมดของปี 2562 ส่วนกัมพูชา ราคาหมูหน้าฟาร์มเฉลี่ยในปัจจุบันเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 96 บาทต่อกิโลกรัม

“จากสถานการณ์โควิด 19 ที่คลี่คลายลง หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะในประเทศจีน เมื่อผนวกกับภาวะการขาดแคลนเนื้อสุกรอย่างหนัก ทำให้จีนมีแนวโน้มความต้องการนำเข้าสุกรสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการบริโภคในประเทศ ขณะที่เวียดนามเหนือที่มีพรมแดนติดกับจีนก็มีโอกาสในการส่งออกไปได้ ส่วนไทยยังเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ที่ปลอดจากโรค ASF ทำให้มีปริมาณสุกรเพียงพอกับการบริโภคในประเทศ ไม่มีปัญหาขาดแคลน และปัจจุบันราคาหมูหน้าฟาร์มเฉลี่ยของไทยอยู่ที่ 66-71 บาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาที่ถูกที่สุดในภูมิภาค จึงถือเป็นโอกาสของคนไทยที่ได้บริโภคเนื้อหมูปลอดภัยจากกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพสูงในราคาไม่แพง” 

กางแผนจัดการน้ำ คาดความต้องการน้ำ ทะลุ 3 หมื่นล้านลบ.ม. น้ำต้นทุนมีจำกัด 1.1 หมื่นล้านลบ.ม.

0

กรมชลประทานแนะปลูกพืชใช้น้ำฝน กางแผนรับน้ำหลาก เปิดจุดเสี่ยงพื้นที่น้ำท่วมฉับพลัน

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า มาตรการบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนปี 2563  เพื่อให้ปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำ มีเพียงพอสำหรับการใช้น้ำตลอดฤดูฝน 2563 และเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งปี 2563/64 หรือระหว่าง 1 พ.ย.2563-30 เม.ย.2564 ภายใต้ความต้องการใช้น้ำทั่วประเทศ 31,351.15 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำต้นทุนประมาณ 11,654 ล้าน ลบ.ม. (ณ วันที่ 1 พ.ค.2563) ด้วยข้อจำกัดนี้ ส่งผลให้กรมชลประทาน ต้องบริหารจัดการน้ำเพื่อความต้องการของทุกภาคส่วนภายใต้ปริมาณน้ำต้นทุนที่มีจำกัด

ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน

การจัดสรรน้ำฤดูฝนจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ตามแผนการจัดสรรน้ำ ภายใต้น้ำต้นทุนประมาณ 11,975 ล้าน ลบ.ม. (ณ วันที่ 23 เม.ย.2563) แบ่งเป็นน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค 2,980 ล้าน ลบ.ม. หรือ 25% ของน้ำต้นทุน รักษาระบบนิเวศและอื่น ๆ จำนวน 3,654 ล้าน ลบ.ม. หรือ 30% ของน้ำต้นทุน  น้ำเพื่อทำการเกษตร จำนวน 4,974 ล้าน ลบ.ม.หรือ 42% ของปริมาณน้ำต้นทุน และน้ำเพื่ออุตสาหกรรม 367 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 3% ของน้ำต้นทุน

จากสถานการณ์น้ำท่วม น้ำแล้งที่ผ่านมา กรมชลประทานได้บริหารจัดการให้สถานการณ์ความรุนแรงทุเลาลง โดยเมื่อปี 2562 คาดว่าจะมีพื้นที่ประสบภัยแล้งประมาณ 58 จังหวัด แต่กรมชลประทาน ใช้การบริหารจัดการน้ำ ใช้เครื่องมือต่าง ๆ ทำให้ทั้งปี มีพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้งลดลงเหลือ 29 แห่ง ส่วนพื้นที่มีฝนตกหนัก มีการคาดการณ์ว่าน้ำจะท่วมขังอยู่ประมาณ 5 วัน กรมชลประทานก็เร่งดำเนินการให้มีน้ำท่วมขังเหลือเพียง 1 วัน ทั้งหมดคือการบริหารจัดการน้ำ เพื่อทุเลาภัยประจำถิ่นที่เกิดขึ้นในแต่ละท้องที่ไม่ให้เกิดท่วม หรือแล้งที่รุนแรง และเพื่อบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอใช้ในทุกกิจกรรม โดยเฉพาะน้ำอุปโภคบริโภค

“จากความต้องการน้ำที่สูงถึง 31,351.15 ล้าน ลบ.ม.ขณะที่น้ำต้นทุนเหลือเพียง11,654 ล้าน ลบ.ม.  กรมชลประทานจึงแนะนำให้เกษตรกร โดยเฉพาะชาวนา เพาะปลูกได้ก็ต่อเมื่อมีฝนตกและมั่นใจว่าจะตกต่อเนื่อง ไม่ทำให้พืชเกษตร หรือข้าวเสียหาย เพราะกรมชลประทานให้ทำนาปีด้วยน้ำฝน เนื่องจากน้ำต้นทุนที่มียังจำกัด”

และ ในช่วงฤดูฝน กรมชลประทานมีหน้าที่บริหารจัดการน้ำต้นทุนให้เพียงพอกับความต้องการตามภารกิจแล้ว จากนี้ต้องเตรียมมาตรการรับมือพื้นที่เสี่ยงจากอุทกภัยน้ำหลาก ปี 2563  หลังจากที่กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2563 ซึ่งทั่วประเทศ  จะมีบางพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก และมีบางพื้นที่จะมีฝนตกหนัก จนอาจเกิดน้ำท่วม โดยเดือนพ.ค.-ก.ค.พื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บางพื้นที่ ภาคกลาง ภาคตะวันออก  รวมถึงภาคใต้ตอนกลาง มีปริมาณฝนตกต่ำกว่าปกติ และระหว่างเดือนมิ.ย.-ก.ค. ฝนจะทิ้งช่วงโดยเฉพาะพื้นที่            แล้งซ้ำซาก เดือนส.ค.-ต.ค.พื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีฝนตกต่ำกว่าปกติ แต่ช่วงเดือนส.ค.-ต.ค.ระวังอาจมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย 1-2 ลูก

ช่วงบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยงที่อาจเกิดน้ำท่วม น้ำหลาก ระหว่างเดือนพ.ค.-มิ.ย.ใน 3 จังหวัดอาจมีน้ำล้นตลิ่ง คือ จันทบุรี เลย และศรีสะเกษ เดือนก.ค.อาจเกิดน้ำท่วมและน้ำหลากใน 8 จังหวัด คือ นครนายก เลย ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ อุบลราชธานี เพชรบูรณ์ พระนครศรีอยุธยา และชุมพร ในเดือนส.ค.อาจเกิดน้ำท่วมน้ำหลาก ใน 15 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แพร่ น่าน ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ยโสธร บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี สตูล

เดือนก.ย.คาดมีน้ำล้นตลิ่ง ใน 21 จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง น่าน แพร่ พิษณุโลก ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ จันทบุรี ระยอง ปราจีนบุรี นครนายก พิจิตร ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี สตูล และเดือนต.ค. มีพื้นที่เสี่ยงจะมีน้ำล้นตลิ่ง จำนวน 14 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์  ศรีสะเกษ พระนครศรีอยุธยา ระยอง ปราจีนบุรี ลำพูน ตาก ลำปาง เลย ร้อยเอ็ด นครราชสีมา กำแพงเพชร และอุบลราชธานี

ซีพีเอฟ ส่งคูปองลดค่าครองชีพถึงมือ อสม.แล้วกว่าล้านใบ

0

รายงานข่าว เปิดเผยความคืบหน้าของ “คูปองส่วนลดจากใจให้ อสม. #ฮีโร่ที่ลืมไม่ได้” ว่า ล่าสุด ได้มีการส่งมอบคูปองให้แล้วมากกว่า 1 ล้านใบ โดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) สามารถนำคูปองส่วนลดไปซื้อสินค้าที่ร้านซีพี เฟรชมาร์ททั่วประเทศได้ในราคาพิเศษ ทั้งนี้ อสม. กว่าล้านคนทั่วประเทศ ได้รับคูปองส่วนลดจากใจผ่านทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ภายใต้โครงการ ซึ่งเป็นความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เป็นการขยายการดูแลสังคมเพิ่มเติมไปถึงหน้าด่านที่ทำหน้าที่ป้องกันโควิดระดับชุมชน มีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพให้แก่ อสม.และเจ้าหน้าที่ รพ.สต.

ที่ผ่านมา อสม.ได้รับคำชื่นชมว่าเป็นกำลังสำคัญ และเป็นด่านหน้าในการปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด19 ในระดับชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ การทำงานของอสม. ได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะภาคเอกชนที่สนับสนุนให้อสม.ทำงานได้สะดวกและคล่องตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการลงพื้นที่เพื่อคัดกรองคนในชุมชน เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิแบบเลเซอร์ แอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย รวมทั้ง อาหาร ไข่ไก่ ข้าวสาร น้ำดื่มที่ส่งมอบเพื่อเป็นกำลังใจ สนับสนุนการทำงานของอสม. และยังช่วยลดค่าครองชีพให้อสม.ได้อีกทางหนึ่ง

โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ซีพีเอฟ ในฐานะบริษัทผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน และยึดปรัชญา 3 ประโยชน์ในการดำเนินงาน คือ ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และบริษัท ส่งมอบโครงการดังกล่าวด้วยใจ ให้อสม. แทนความขอบคุณและเป็นกำลังใจในการทำงานที่ทุ่มเทของอสม.ทั่วประเทศ

นางศศินันท์ เลิศเวคินจิรากุล อายุ 50 ปี ประธานอสม. หมู่ 8 ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นอสม.มานานกว่า 10 ปี ดูแลอสม.ในพื้นที่ 19 คน และอสม.แต่ละคนมีหน้าที่ดูแลประชาชน 20 ครัวเรือน กล่าวว่า ปกติอสม.มีหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อวัดความดัน ตรวจเบาหวาน ดูแลความเจ็บป่วยของประชาชนในหมู่บ้าน ประมาณเดือนละ 2 ครั้ง แต่ในช่วงโควิดต้องลงพื้นที่ทุกวันเพื่อตรวจวัดไข้และสอบถามอาการทุกบ้าน โดยเฉพาะประชาชนที่กลับภูมิลำเนาซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดอื่น อสม.ต้องคอยติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะต้องทำงานหนักขึ้น แต่เราก็ภูมิใจ และก็ต้องขอขอบคุณหน่วยงานต่างๆที่เข้ามาสนับสนุนการทำงานของอสม.มาโดยตลอด เช่น มอบอุปกรณ์เครื่องวัดอุณหภูมิแบบเลเซอร์ มอบข้าวสารเพื่อให้อสม.นำไปแจกประชาชนที่เดือดร้อน และมอบคูปองส่วนลดให้ อสม. นำไปใช้ซื้อสินค้า ที่ร้าน ซีพี เฟรชมาร์ท ช่วยลดภาระค่าครองชีพได้ เพราะปกติเราต้องซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว คูปองดังกล่าวสามารถใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าได้อีก

ศาลล้มละลายกลาง รับคำร้องฟื้นฟูกิจการการบินไทย

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ 27 พ.ค. ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน) ให้นัดไต่สวน วันที่ 17 สิงหาคม 2563 เวลา 09:00 น.

และสั่งให้ประกาศคำสั่งรับคำร้องขอและวันเวลานัดไต่สวนในหนังสือพิมพ์รายวันที่แพร่หลายอย่างน้อยหนึ่งฉบับไม่น้อยกว่าสองครั้งห่างกันไม่เกินเจ็ดวัน กับให้ส่งสำเนาคำร้องขอแก่เจ้าหนี้ทั้งหลายตามบัญชีรายชื่อเจ้าหนี้และแก่นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทหรือนายทะเบียนนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง กรมบังคับคดี และให้ส่งให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามมาตรา 90 / 9 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483

และให้ประกาศวันเวลานัดไต่สวนโดยวิธีลงโฆษณาทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอีกทางหนึ่ง หากเจ้าหนี้ประสงค์คัดค้าน ให้ยื่นคำคัดค้านก่อนวันนัดไต่สวนนัดแรกไม่น้อยกว่าสามวัน มิฉะนั้นถือว่าไม่คัดค้าน

ไขข้อเท็จจริง เติมแบบไหนถึงประหยัดน้ำมัน

0

ความเชื่อเรื่องเติมน้ำมันแบบไหน ยังไง จะได้น้ำมันแบบเต็มเม็ดเต็มเหนี่่ยว จะเป็นช่วงเวลาตอนเติมน้ำมัน เช้าหรือเย็นดี หรือจะเติมเต็ม-ครึ่งถัง แบบไหนดีกว่ากัน

เติมน้ำมันยังไงถึงจะคุ้ม ทางบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ มีคำตอบมาให้

  • เติมน้ำมันตอนเช้า ได้ปริมาณมากกว่า ? ข้อเท็จจริง – ถังเก็บน้ำมันของปั๊มจะถูกติดตั้งไว้ใต้ดิน ลึกจากพื้นผิวประมาณ 1 – 1.5 เมตร และควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น อุณหภูมิไม่มีผลทำให้น้ำมันขยายตัวได้เลย จึงไม่มีความแตกต่างเรื่องปริมาณ ไม่ว่าจะเติมช่วงไหนก็ตาม
  • เติมน้ำมันครึ่งถัง เพื่อลดน้ำหนักเครื่องยนต์ ? ข้อเท็จจริง – ถังเก็บน้ำมันของปั๊มจะถูกติดตั้งไว้ใต้ดิน ลึกจากพื้นผิวประมาณ 1 – 1.5 เมตร และควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น อุณหภูมิไม่มีผลทำให้น้ำมันขยายตัวได้เลย จึงไม่มีความแตกต่างเรื่องปริมาณ ไม่ว่าจะเติมช่วงไหนก็ตาม
  • วอร์มเครื่องก่อนขับ ช่วยประหยัดน้ำมัน ? ข้อเท็จจริง – การวอร์มเครื่องทิ้งไว้เพื่อให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการขับขี่ ไม่ได้ช่วยประหยัดน้ำมันโดยตรง แต่การวอร์มเครื่องด้วยการขับรถในความเร็วต่ำ จะช่วยถนอมเครื่องยนต์และลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้คุ้มค่ากว่าการจอดแช่ทิ้งไว้

วิธีประหยัดน้ำมันที่ถูกต้อง

  1. ควรตรวจเช็คลมยางให้อยู่ในระดับมาตรฐาน
  2. หมั่นตรวจสภาพเครื่องยนต์ และ
  3. ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่จะทำให้ประหยัดกว่าการเร่งความเร็วกะทันหัน

ที่มา บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์

สั่งโครงการชลประทานทั่วประเทศ เฝ้าระวังติดตามและบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด

0
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน

ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้คาดการณ์สถานการณ์น้ำ โดยจำลองและเปรียบเทียบปริมาณน้ำไว้ 3 กรณี คือ กรณีคล้ายกับปี 2538 กรณีน้ำเฉลี่ย และกรณีน้ำน้อยกว่าค่าเฉลี่ย 5% ซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลปริมาณน้ำต้นทุน และการคาดการณ์สภาพฝนของกรมอุตุนิยมวิทยา นำมากำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้มีความเหมาะสม สามารถรองรับปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเก็บกักปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้ในอนาคตด้วย นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ อาทิ เครื่องสูบน้ำ 1,935 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 527 ชุด รถบรรทุก 511 คัน กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ในเขตสำนักงานชลประทานต่างๆ รวมทั้งสิ้น 4,850 หน่วย เพื่อให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยได้อย่างทั่วถึงและทันต่อเหตุการณ์

สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศว่า ปัจจุบัน(26 พ.ค. 63) มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกันประมาณ 31,949 ล้านลูกบาศก์เมตร( ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 45 ของความจุฯรวมกัน โดยมีปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 8,655 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 38,000 ล้าน ลบ.ม.  เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 8,101 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 1,405 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 16,000 ล้าน ลบ.ม.

สำหรับสถานการณ์ฝนที่กำลังตกอยู่ในหลายพื้นที่ขณะนี้ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำบ้างเล็กน้อย โดยเขื่อนขนาดใหญ่ทั้ง 35 แห่งทั่วประเทศ มีปริมานน้ำไหลลงอ่างฯรวมประมาณ 21 ล้าน ลบ.ม. แยกเป็นรายภาค ดังนี้

  • ภาคเหนือ มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 8 แห่ง มีน้ำไหลลงอ่างฯรวม 4.99 ล้าน ลบ.ม.
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 12 แห่ง มีน้ำไหลลงอ่างฯรวม 7.29 ล้าน ลบ.ม.
  • ภาคกลาง มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง มีน้ำไหลลงอ่างฯรวม 0.17 ล้าน ลบ.ม.
  • ภาคตะวันตก มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง มีน้ำไหลลงอ่างฯรวม 0.56 ล้าน ลบ.ม.
  • ภาคตะวันออก มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 6 แห่ง ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯรวม 1.45 ล้าน ลบ.ม. และ
  • ภาคใต้ มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯรวม 6.74 ล้าน ลบ.ม.

ทั้งนี้ จากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ทำให้มีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้