Home Blog Page 428

เอไอเอส เตือนลูกค้าระวังโจรออนไลน์ลวงเอารหัส OTP

0

ยืนยัน! บริษัทฯไม่มีนโยบายสอบถามรหัสจากลูกค้า

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า จากการเติบโตของการทำธุรกรรม Online ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นำมาซึ่งโอกาสที่มิจฉาชีพจะพยายามหาช่องทางในการหลอกลวงประชาชนหลากหลายรูปแบบเพื่อให้บอกรหัส OTP  เช่น การโพสต์หลอกลวงถึงมาตรการช่วยเหลือจาก Operator, การแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของผู้ให้บริการทั้งจากผู้ประกอบการมือถือ หรือ พนักงานธนาคาร และสถานประกอบการต่างๆ ที่มาในรูปของการแจ้งสิทธิพิเศษที่ต้องแลกเปลี่ยนด้วยการบอกรหัส OTP ส่วนบุคคล  ซึ่งท้ายที่สุดมิจฉาชีพจะสามารถเข้าไปสวมรอย ทำธุรกรรมในนามเจ้าของบัญชี นำมาซึ่งความเสียหายทางทรัพย์สิน ตามที่เป็นกระแสข่าวในปัจจุบัน

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส

 “บริษัทฯมีความห่วงใยลูกค้าและประชาชนในกรณีนี้อย่างยิ่ง จึงขอแจ้งเตือน ให้เก็บรหัส OTP เป็นความลับเฉพาะบุคคล เสมือนรหัส ATM และอย่าบอกรหัส OTP แก่บุคคลอื่นในทุกกรณี โดยขอเรียนย้ำว่า บริษัทฯ ในฐานะผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะไม่มีการติดต่อผู้ใช้บริการเพื่อขอให้บอกรหัส OTP โดยเด็ดขาด เพราะ รหัส OTP จะรู้และถูกใช้โดยเจ้าของเพื่อทำธุรกรรมออนไลน์ด้วยตนเองเท่านั้น”

นอกจากนี้ เอไอเอส ยังได้เพิ่มมาตรการแจ้งเตือนภัยจากมิจฉาชีพลงในข้อความแจ้ง OTP ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าตระหนัก และให้ความสำคัญกับการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล อย่างรหัส OTP   ทั้งนี้ลูกค้า หรือประชาชน สามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับกรณีนี้ได้ผ่านทาง AIS Official Channel อาทิ AIS Call Center 1175, AIS Facebook ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รู้ทันปากท้องกับตลาดหลักทรัพย์ : แก้หนี้ได้ด้วยชานมไข่มุก

0

ตอนนี้ใกล้ตัวมว้าก
“รู้ทันปากท้อง” กับตลาดหลักทรัพย์
ตอน “แก้หนี้ได้ด้วยชานมไข่มุก”

เดือน ๆ นึงเงินหายไปไหนหมด
“อาแปะ” สาธิต บวรสันติสุทธิ์ กูรูปลดหนี้ แนะให้ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย สามารถช่วยได้

ที่สำคัญต้องมีวินัย ตั้งใจ และอย่าท้อ

รพ.จุฬาฯ มอบไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน ให้ผู้ป่วยพาร์กินสันและผู้สูงอายุ 500 คน ฟรี!!

0

ข่าวดี สำหรับผู้ป่วยพาร์กินสัน และผู้สูงอายุทั่วประเทศ ทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสัน และกลุ่มโรคความเคลื่อนไหวผิดปกติ แห่งรพ.จุฬาฯ สภากาชาดไทย จะมอบ ไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน จำนวน 500 อัน ให้กับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน และผู้สูงอายุ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

เกณฑ์การคัดเลือกผู้รับไม่เท้าเลเซอร์พระราชทาน

  1. มีใบรับรองแพทย์ แสดงว่า ผู้ป่วยได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้ทำการรักษาอยู่ว่า ผู้ป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน ภายในระยะเวลา 1 ปี
  2. ยินดีให้ความร่วมมือกับศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย๋โรคพาร์กินสันฯ ในการประเมินอาการเดินตัดขัด ก้าวขาไม่ออก

ผู้สนใจสามารติดต่อเพื่อลงทะเบียนขอรับไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน ได้โดยสแกนคิวอาร์โค้ดในรูป หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม @Lasercane และเว็บ www.chulapd.org

สคอ. แจงคนทั่วไปโพสต์ภาพขวด-แก้วเหล้าเบียร์ ยังไม่ใช่ความผิดตามกม.

0

นายแพทย์นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สคอ.) กรมควบคุมโรค ชี้แจงประเด็นการแชร์ข้อมูลที่เป็นกระแสข่าวในโลกออนไลน์ กรณีมีผู้กระทำความผิดได้โพสต์ถึงกรณีที่ตนเองถูกเจ้าหน้าที่เรียกให้ไปพบและเสียค่าปรับ จึงได้โพสต์เรื่องราวต่างๆ เพื่อให้ประชาชนลงชื่อยกเลิกมาตรา 32 ของพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551  กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลว่า จากกระแสข่าวที่มีการตีความมาตราดังกล่าวนั้น เป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ประชาชน

มาตรา 32 ระบุใจความสำคัญไว้ 2 ส่วนด้วยกัน ดังนี้

1.ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อประโยชน์ในทางการค้า เช่น การโพสต์ภาพเหล้าเบียร์พร้อมข้อความต่างๆ เพราะต้องการที่จะขายสินค้าเหล้าเบียร์นั้นๆ รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ

2.ห้ามแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมกับการมีข้อความหรือพฤติการณ์ที่เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้คนอื่นอยากจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดังกล่าว  

ดังนั้น การที่ประชาชนโพสต์ภาพขวดเหล้าเบียร์ หรือแก้วเบียร์ที่มีโลโก้เบียร์ จึงยังไม่ใช่ความผิดตามกฎหมายนี้  จากกระแสข่าวเมื่อหลายปีที่ผ่านมา มีดารา เน็ตไอดอล หรือบุคคลผู้มีชื่อเสียงเข้ามาพบพนักงานเจ้าหน้าที่ เพราะมีการโพสต์ภาพคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งบุคคลที่มีชื่อเสียงกับบุคคลทั่วไปมีความแตกต่างกัน ถ้าเป็นบุคคลทั่วไปโพสต์ภาพคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยที่ไม่มีข้อความเชิญชวนอวดอ้างชักจูงใจก็จะไม่เป็นความผิด แต่ดาราหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ทำให้คนหันมาสนใจสินค้ามีผลเป็นการโน้มน้าวหรือชักจูงใจไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม จึงไม่สามารถทำได้

ที่ผ่านมามีผู้กระทำความผิดในกรณีนี้มาโดยตลอด แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ร้านค้าต่างๆ ถูกสั่งปิดและห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงมีการหันมาขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น จากข้อมูลช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2563 เรื่องร้องเรียนผ่านระบบเฝ้าระวังการละเมิดกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (TAS) มีจำนวนถึง 174 เรื่อง จึงได้มีการออกหนังสือเรียกให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ถ้อยคำกับพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นข้อมูลและเป็นการเปิดโอกาสให้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง หากไม่เกี่ยวข้องก็สามารถแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมแสดงพยานหลักฐานได้ ซึ่งโทษความผิดฐานโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นโทษตามกฎหมาย คือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าเป็นการโฆษณาของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าจะปรับ 500,000 บาท โดยมีการกำหนดอัตราการเปรียบเทียบปรับไว้ด้วย  ซึ่งการปรับตามกฎหมายนี้ไม่มีการผ่อนจ่ายเป็นงวดตามที่เป็นข่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีระบบเฝ้าระวังการละเมิดกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (TAS) โดยสามารถเข้าใช้งานผ่านเว็บไซต์ https://tas.go.th ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถร้องเรียนผ่านระบบดังกล่าวได้ และขอให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย หากมีข้อสงสัยสามารถโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนบุหรี่และสุรา โทร. 0 2590 3342

กรมชลฯ ปลื้ม ยอดเข้าชมนิทรรศการออนไลน์ ทะลุ 5 ล้านใน 3 วัน

0

กรมชลประทาน เผยผลสำเร็จการจัดงานนิทรรศการเสมือนจริง เนื่องในวันสถาปนากรมชลประทาน ครบรอบปีที่ 118 ภายใต้ชื่อ “RID Creativity & Innovation 2020 ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมชลประทาน 2563” ที่เปิดให้รับชมบนโลกออนไลน์เป็นครั้งแรกในรอบ 118 ปี ผ่านเว็บไซต์ http://exhibition.rid.go.th/118/ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 มิถุนายน 2563 ผลตอบรับดีเกินคาดจากยอดผู้เข้าไปชมอย่างล้นหลามตลอด 3 วัน กว่า 5 ล้านครั้ง และมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 40,000 คน

ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีและชื่นชมในความสำเร็จของการจัดนิทรรศการครั้งนี้ เพราะได้รับผลตอบรับดีเกินคาดจากยอดการเข้าชมเว็บไซต์นิทรรศการอย่างล้นหลามตลอด 3 วัน เข้าชมกว่า 5 ล้านครั้ง และผู้ลงทะเบียนกว่า 4 หมื่นคน มีผู้บริจาคเงินสมทบทุน เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน จำนวน1,228,118 บาท ซึ่งเกินจากเป้าหมายที่ตั้งใจไว้มาก ถือว่าเป็นผลสำเร็จของงานปีนี้ และกรมชลประทานมีเป้าหมายต่อไปที่จะเดินหน้าช่วยกันทำงาน เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรอัจฉริยะ และสร้างความมั่นคงด้านน้ำ ตลอดจนเป็นการคิดค้นสร้างสรรค์ พัฒนางาน และนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวชลประทานมุ่งมั่นพัฒนา เพื่อขับเคลื่อนภารกิจของกรมชลประทาน ให้บรรลุผลตามแนวทางของ RID NO.1 Express 2020 แล้วพบกันใหม่ปีหน้า ปีที่ 119 ปี กรมชลประทาน

การจัดนิทรรศการครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญที่กรมชลประทานได้แสดงศักยภาพในการจัดงานนิทรรศการวันสถาปนาชลประทาน ครบรอบปีที่ 118 ในรูปแบบเสมือนจริงบนโลกออนไลน์เป็นครั้งแรก ด้วยการนำนิทรรศการจากสำนัก/กองต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมสำคัญในวันสถาปนากรมชลประทาน ให้ประชาชนได้เข้ามาเยี่ยมชมบนเว็บไซต์ http://exhibition.rid.go.th/118/ ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะให้ประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานชลประทาน ได้เข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของภารกิจกรมชลประทานที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น

สำหรับการจัดบูธนิทรรศการบนโลกออนไลน์ของสำนัก และกองต่างๆ นั้น พบว่าบูธที่มีผู้เข้าชมและสนใจมากที่สุดคือ สำนักงานจัดรูปที่ดินกลาง ลำดับที่ 2 สำนักงานพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ลำดับที่ 3 สำนักงานชลประทานที่ 16 ในส่วนของผลการประเมินจากผู้เข้ารับชมนิทรรศการในครั้งนี้ พบว่าร้อยละ 96.35 มีความพึงพอใจในภาพรวมของนิทรรศการและเห็นว่าได้รับประโยชน์จากการเข้าชมนิทรรศการ และร้อยละ 98.2 แสดงความตั้งใจ จะเข้าร่วมชมนิทรรศการของกรมชลประทานอีกในโอกาสต่อไป

เว็บไซต์นิทรรศการเสมือนจริงของ กรมชลประทาน จะยังเปิดให้เข้าชมต่อไปได้แม้จะสิ้นสุดงานในวันที่ 14 มิถุนายนแล้วก็ตาม เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ผู้สนใจเข้าไปเยี่ยมชมได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้ฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคน้อยใหญ่ จนประสบความสำเร็จในภารกิจพัฒนาและบริหารจัดการน้ำ ทั้งหมดเกิดจากความร่วมมือ ร่วมใจ ของทุกภาคส่วนในการมุ่งสร้างเสริมและพัฒนาหน่วยงานให้ก้าวหน้า เป็นองค์กรที่มีภารกิจหลักในการพัฒนาแหล่งน้ำและมุ่งมั่นที่จะเพิ่มพื้นที่ชลประทาน ตามศักยภาพของลุ่มน้ำให้เกิดความสมดุล พร้อมทั้งบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการให้เพียงพอทั่วถึงและเป็นธรรม รวมไปถึงการป้องกันและบรรเทาภัยอันเกิดจากน้ำตามภารกิจอย่างเหมาะสม แม้จะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กรมชลประทาน ได้ปรับแนวทางการทำงานใหม่ให้เข้ากับสถานการณ์ โดยไม่บกพร่องต่อหน้าที่

เช็กลิสต์ 4 รายการ ดูแลรถยนต์ช่วงอากาศร้อน

0

สภาพอากาศที่ร้อนจัด นอกเหนือจากส่งผลต่อร่ายกายคนเรา รวมไปถึงสภาวะด้านอารมณ์ด้วย ยังมีผลกับรถยนต์ พาหนะคู่กายของเราด้วยเช่นกัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ แนะวิธีดูแลรถยนต์ในสภาวะอากาศร้อน ดังนี้

  • เช็กยางรถ เพราะอากาศร้อนมีผลกับสภาพของยางรถ ซึ่งอาจส่งผลให้ยางรถเกิดการบวม บิด หรือมีแรงดันภายในจนเกิดระเบิดได้ จึงต้องหมั่นตรวจสอบทุกครั้งก่อนสตาร์ทรถ
  • ไม่เร่งแอร์ทันที เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักจนพังเร็ว แนะนำให้เปิดกระจกเพื่อไล่ความร้อนออกจากภายในรถถก่อน จึงค่อยเปิดแอร์
  • เช็กระดับน้ำในหม้อน้ำ ให้อยู่ในระดับปกติ ไม่ปล่อยให้น้ำแห้ง เพื่อป้องกันเครื่องยนต์ร้อนจัด จนเกิดอาการดับกลางทางระหว่างขับรถ
  • ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง เพราะอากาศร้อนทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้น ดังนั้นต้องมั่นใจว่าได้มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามที่กำหนด ที่สำคัญคือต้องเลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพดีที่เหมาะกับรถของคุณด้วย

ที่มา บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์

คุณนายพารวย : เกษียณสุขกับกองทุน RMF

0

คราวที่แล้ว พูดถึงประโยชน์และความสำคัญของการออมเงินผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ถือเป็นการออมที่สำคัญและจำเป็นที่สุดของมนุษย์เงินเดือน เพราะเป็นการออมเงินระยะยาวเพื่อใช้ยามเกษียณ!!

โดย 3 หลักสำคัญของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพคือ

1.ต้องตัดใจหักเงินสะสมเข้ากองทุนสูงสุด 15% ของเงินเดือน

2.เลือกแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง

3.ปรับแผนการลงทุนตามอายุ สถานการณ์ และเวลาในการลงทุน เพื่อให้ได้เงินออมและผลตอบแทนก้อนสุดท้ายไว้ใช้ในยามเกษียณมากที่สุด!!

แต่สำหรับหลายคนที่นายจ้างไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นสวัสดิการให้พนักงาน ยิ่งต้องรีบหารีบเก็บรีบออมมากขึ้น!!

โชคดีที่ยังมีกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือกองทุน RMF สนับสนุนให้คนไทยเก็บออมระยะยาวเพื่อใช้จ่ายยามเกษียณ คล้ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แต่กองนี้เราต้องออมเอง ไม่มีนายจ้างใจดีร่วมสมทบเงินให้!!

ปัจจุบัน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ได้ออกกองทุน RMF จำนวนมากแต่ละกองทุนก็มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย บริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่เป็นนักบริหารเงินมืออาชีพ เพื่อให้สอดคล้องกับผลตอบแทนและความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนแต่ละคนสามารถเลือกรับได้ มีตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำไปจนถึงเสี่ยงสูง ทำให้โอกาสในการรับผลตอบแทนในระยะยาวก็แตกต่างกันออกไป

แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องมีวินัยในการออม ตั้งหลักไว้เลยว่าจะต้องซื้อหน่วยลงทุนทุกปี ซึ่งกองทุน RMF นี้ จะขายคืนหน่วยลงทุนได้ก็ต่อเมื่อผู้ลงทุนมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี และลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก

ซึ่งถือเป็นข้อดี เพราะเป็นการบังคับให้เราออมระยะยาว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการออมและการลงทุนเพื่อไว้ใช้จ่ายยามเกษียณนั่นเอง!!

นอกจากนี้ กองทุน RMF จะไม่มีการจ่ายเงินปันผลในระหว่างการลงทุน โดยผลตอบแทนหรือเงินปันผลที่ได้ จะนำไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดผลตอบแทนทบต้น-ทบดอก เพื่อสุดท้ายแล้ว จะได้เงินลงทุนและผลตอบแทนก้อนสุดท้ายที่มากที่สุดให้เรานั่นเอง

ถามว่ากองทุนนี้เหมาะสมกับใคร!!? ตอบได้ทันทีเลยว่า เหมาะสมกับทุกคนทุกเพศทุกวัย ที่เป็นผู้มีรายได้ ทั้งคนทำงานที่มีอาชีพอิสระ หรือมนุษย์เงินเดือนที่แม้จะมีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่แล้ว ยังออมเพิ่มผ่านกองทุน RMF นี้ได้ แถมยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มด้วย

อย่าลืมว่า ผลการสำรวจของธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า คนไทยมีเงินออมไม่เพียงพอเพื่อใช้ชีวิตในยามเกษียณ โดยเกือบ 40% หลังเกษียณไม่มีเงินออม ส่วนผู้ที่มีเงินออม ก็พบว่ามีการออมน้อยมาก จนไม่พอใช้ยามเกษียณ

พอเจาะลึกๆลงไปก็พบว่า ผู้ที่มีเงินออมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ออมน้อยและออมต่ำมาก โดยหักเงินสะสมเข้ากองทุนเพียงขั้นต่ำเท่านั้น จึงทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยในยามเกษียณไม่ได้สุขสบายมากนัก และอาจเป็นภาระลูกหลานในอนาคต

หากต้องการความรู้เรื่องการวางแผนการเงินยามเกษียณเพิ่มเติม “คุณนายพารวย” จะชวนไปงานสัมมนาออนไลน์กับตลาดหลักทรัพย์ฯ 21 มิ.ย.นี้ กูรู “วิโรจน์ ตั้งเจริญ” นักวางแผนการเงินและวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ จะเปิดหลักสูตร “วางแผนเกษียณ สไตล์มนุษย์เงินเดือน” รีบเข้าไปลงทะเบียนที่ www.set.or.th และกดไปที่หัวข้อ “ห้องเรียนนักลงทุน” แล้วเราจะเกษียณสุขไปด้วยกัน!!

สิงห์อาสา ลงพื้นที่บุรีรัมย์ จ้างงานสร้างอาชีพ สู้ภัยแล้ง

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 โครงการ “สิงห์อาสา” โดย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี ลงพื้นที่เร่งจ้างงานสร้างอาชีพให้กับชาวบ้าน บ้านหนองแสง ตำบลศรีสว่าง อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบโควิด-19 ผ่านรูปแบบการจ้างงานให้ชาวบ้านแจกน้ำและขุดบ่อกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนเพื่อนำน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง

โครงการ “สิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง” จ.บุรีรัมย์ นับเป็นพื้นที่ที่สามที่ลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านให้มีน้ำดื่มน้ำใช้ในช่วงฤดูแล้ง และช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน โดยมีนายกันวลินทร์ เมืองแก้ว นายอำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์พร้อมด้วย คุณนัทธพล โยธินวัฒนกำจร ผู้บริหาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด พร้อมคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน ร่วมกันเปิดโครงการ “สิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง” แห่งที่สาม ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง และมีประชาชนในหมู่บ้านได้รับผลกระทบจากวิกฤตสถานการณ์ โควิด -19

โครงการสิงห์อาสาเร่งจ้างงานสร้างอาชีพได้ทำมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เพื่อสร้างรายได้ผ่านการทำงานจิตอาสาดูแลท้องถิ่นของตน โดยมีการจ้างงานผ่าน 3 โครงการเร่งด่วน ประกอบด้วย โครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่า ในจังหวัดภาคเหนือ อาทิ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา โครงการสิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง ดูแลจังหวัดภาคอีสาน และโครงการสิงห์อาสาสู้น้ำท่วม ครอบคลุมจังหวัดภาคกลาง ซึ่งทั้ง 3 โครงการเร่งด่วนได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องสามารถจ้างงานสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านในช่วงโควิดได้ นับเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างจิตสำนึกในการดูแลชุมชนได้เป็นอย่างดี

ด้าน นายสมหวัง โนนไธสง ผู้ใหญ่บ้านหนองแสง ตำบลศรีสว่าง อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า “ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้ชาวบ้านหลายครอบครัวไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ประกอบกับช่วงภัยแล้งพื้นที่แห่งนี้ก็ขาดแคลนน้ำทั้งน้ำกินน้ำใช้ ต้องขอบคุณสิงห์อาสาที่สร้างโครงการที่ดี ที่นอกจากจะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านแล้วยังช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้ง นำน้ำมามอบให้ และยังมีการจ้างงานให้มีการขุดลอกแหล่งน้ำไว้ใช้กักเก็บอีกด้วยอีกด้วย”

นอกจากนี้ สิงห์อาสา จะเริ่มโครงการอบรมเสริมอาชีพ ร่วมกับ เครือข่ายของสิงห์อาสาทุกภูมิภาคทั่วประเทศ อาทิ มหาวิทยาลัย, สถาบันอาชีวศึกษา, ศูนย์ภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมถึงบริษัทในเครือนำองค์ความรู้มาอบรมสร้างอาชีพให้กับประชาชน เพื่อไปต่อยอดการประกอบอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองอย่างยั่งยืนต่อไป เช่น การอบรมการทำอาหารครอบคลุมทั้งเครื่องดื่ม เบเกอร์รี่ ร่วมกับชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารในเครือ การฝึกทักษะอาชีพช่างพื้นฐาน มีช่างไฟฟ้า ช่างประปา ช่างยนต์ ช่างก่อสร้าง ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ ช่างซ่อมโทรศัพท์มือถือ และทักษะการซ่อมแซมสิ่งพื้นฐานที่มีความจำเป็นภายในบ้าน การอบรมร่วมกับปราชญ์ชาวบ้าน นำความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ไปประยุกต์ใช้ การอบรมเรียนรู้แนวคิดโรงเรียนเกษตรพอเพียงสร้างผลผลิตเลี้ยงตัวเองและจำหน่ายในชุมชน รวมถึงการอบรมการปลูกพืชพันธุ์ทางการเกษตร

ทั้งนี้ นับตั้งแต่มีการระบาดของไวรัส Covid-19 ที่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้มีนโยบาย สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ช่วยเหลือพนักงาน คู่ค้า และประชาชนทั่วไป โดยมีโครงการสิงห์อาสาเร่งจ้างงานสร้างอาชีพบรรเทาความเดือดร้อนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เป็นมูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท

บีทีเอส เปิดบริการเวลาปกติตั้งแต่ 15 มิ.ย.นี้

0

รถไฟฟ้าบีทีเอสให้บริการตามปกติ
ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. 63 เป็นต้นไป เวลา 05.15 – 24.00 น.

รายงานข่าวจากบริษัท บีทีเอส ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. รถไฟฟ้าบีทีเอส จะเปิดให้บริการตามเวลาปกติเช่นเดิม ทุกวัน

  • สายสุขุมวิท เปิดให้บริการเวลา 05.15 น.
  • สายสีลม เปิดให้บริการเวลา 05.30 น.

พร้อมให้บริการด้วยความถี่สูงสุด โดยให้บริการสายสุขุมวิท 2.25 นาทีต่อขบวน และ สายสีลม 3.45 นาทีต่อขบวน

สำหรับลานจอดแล้วจร สถานีหมอชิต จะเปิดให้บริการจอดรถฟรี ตามเวลาปกติ ตั้งแต่เวลา 05.00–01.00 น.

ท้้งนี้ ผู้โดยสารโปรดเผื่อเวลาในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยสามารถตรวจสอบสถานะการเดินรถ ความหนาแน่นบนชานชาลา ผ่านแอปพลิเคชั่น btsskytrain ดาวน์โหลดฟรี iOS?? goo.gl/G64wf5 Android ?? goo.gl/6NeeWN

และขอความร่วมมือผู็โดยสาร สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดเวลาที่ใช้บริการ งดใส่ Face Shield เพียงอย่างเดียว ควรใช้คู่กับหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า รวมทั้ง ยืนเว้นระยะห่างระหว่างกัน ขณะอยู่บนชั้นจำหน่ายตั๋ว ชั้นชานชาลา และภายในขบวนรถไฟฟ้า โดยบีทีเอสยังคงเข้มงวดเรื่องมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)

ทั้งนี้ บีทีเอสมีบริการแอลกอฮอล์ล้างมือสำหรับผู้โดยสาร ตั้งอยู่ทุกสถานีที่โต๊ะตรวจการทั้ง 2 ฝั่ง และมีเจ้าหน้าที่ให้บริการแอลกอฮอล์บนชั้นชานชาลาในช่วงเวลาเร่งด่วน

เตรียมแนวทางเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด (Travel bubble) เสนอให้ศบค.พิจารณา

0

รายงานข่าว ่ เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 4 แล้ว เรื่องที่ต้องดำเนินการต่อ คือ การเตรียมเปิดประเทศเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยการท่องเที่ยวฯ เตรียมเสนอเสนอแนวทางTravel Bubble หรือ แนวทางการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด ให้ที่ประชุมศบค. พิจารณา โดยประเทศเป้าหมายในระยะแรก ที่มีการหารือกันแล้ว คือ จีน และเวียดนาม ส่วนประเทศอื่นที่เตรียมจะนัดหารือต่อไป ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สปป.ลาว เมียนมาร์ กัมพูชา และประเทศในตะวันออกกลาง
.

ทั้งนี้ แนวทางการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด หรือ Travel Bubble คือ การเชื่อมต่อการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศ ที่สามารถจัดการโรคโควิด-19 ได้ดีเท่า ๆ กัน โดยดูจากสถานการณ์การระบาดในประเทศว่ามีการผ่อนคลายการควบคุมโรคแล้วหรือไม่ มีการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศอยู่หรือไม่ และดูเรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีต่อกันด้วย

ผู้เดินทางภายใต้ความตกลง Travel Bubble ไม่ต้องถูกกักตัว แต่ทั้ง 2 ฝ่าย จะกำหนดจำนวนคนที่อนุญาตให้เดินทางแลกเปลี่ยนกัน และจัดการแบบพิเศษในเรื่องการขอวีซ่า การโดยสารเครื่องบิน ที่พัก การเยี่ยมเยือน การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และผู้รับประกัน

Travel Bubble จะทำได้ต่อเมื่อประเทศคู่ตกลงไม่มีผู้ติดเชื้อแล้ว หรือมีจำนวนผู้ติดเชื้อใกล้เคียงกัน มีการจัดการที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพเท่า ๆ กัน ดังนั้น ทั้ง 2 ประเทศจะต้องมีความเชื่อมั่นในการจัดการโรคโควิด-19 ซึ่งกันและกัน มีมาตรการตรวจหาเชื้อและป้องกันอย่างเข้มงวด โดยต้องตรวจหาเชื้อก่อนออกนอกประเทศต้นทาง และตรวจอีกครั้งเมื่อเดินทางเข้าสู่ประเทศปลายทาง

โดยกลุ่มเป้าหมาย แบ่งเป็น

  1. กลุ่มนักธุรกิจ
    • เป็นผู้มีศักยภาพการใช้จ้าย สูงกว่า นักท่องเทียวทั่วไป
    • ตัดสินใจเดินทางได้ทันดีเป็นลำดับต้นๆ
    • สร้างและขยายโอกาสจากนโยบายส่งเสริมการค้า การลงทุน
    • มีหนังสือรับรองจากบริษัท
  2. กลุ่มผู้รับบริการตรวจรักษาทางการแพทย์
    • เป็นผู้มีศักยภาพทางการใช้จ่าย สูงกว่า นักท่องเที่ยวทัวไป
    • มีความจำเป็นในการเดินทางเป็นลำดับต้นๆ
    • มีฐานตลาดกลุ่มรักษาสุขภาพจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเมียนมาร์ กัมพูชา
    • มีหนังสือรับรองจากโรงพยาบาล

ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าว ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปกำหนดรายละเอียดที่ชัดเจน เพื่อนำเสนอที่ประชุม ศบค. ต่อไป