Home Blog Page 404

1 ต.ค. นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เริ่มใช้เกณฑ์ปกติ “ชอร์ตเซล- ซีลลิ่ง & ฟลอร์”

0

รายงานข่่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท. ปรับกลับไปใช้เกณฑ์ปกติ “ชอร์ตเซล” ใช้ราคาที่สูงกว่าหรือเท่ากับราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Zero Plus Tick) “ซีลลิ่ง & ฟลอร์” +/- 30%  และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ใช้เกณฑ์ปกติการเปลี่ยนแปลงราคาซื้อขายสูงสุดในแต่ละวัน (Daily Price Limit) +/- 30% มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป หลังสิ้นสุดเกณฑ์ชั่วคราว 30 กันยายน 2563 

ด้วยภาวะตลาดในปัจจุบันมีความผันผวนลดลงกลับมาอยู่ในระดับปกติจากช่วงที่ตลาดเคยผันผวนรุนแรง SET และ TFEX จึงกำหนดให้เริ่มใช้เกณฑ์ปกติ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป

โออาร์ รับรางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่น ติดต่อกันเป็นปีที่ 24

0

นายภัทรพร อาวรุ่งเรือง ผู้จัดการฝ่ายคลังปิโตรเลียมส่วนกลาง และ นางสาววรรณวิสาข์ สู่ศุภอรรถ ผู้จัดการฝ่ายคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย ผู้บริหารสายปฏิบัติการคลังปิโตรเลียม บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เข้าร่วมรับรางวัล สถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่น ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ประจำปี 2563 ในพิธีมอบรางวัล Thailand Labour Management Excellence Award 2020  โดย คลังปิโตรเลียมสุราษฎร์ธานี โดยเป็นการรับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 24  ถือว่าเป็นสถานประกอบกิจการที่ได้รับรางวัลต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศ และในปีนี้ มีสถานประกอบกิจการของโออาร์ ได้แก่ คลังน้ำมัน คลังก๊าซ คลังปิโตรเลียม และสำนักงานได้รับรางวัลรวม 18 แห่ง

ทั้งนี้ โครงการสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่น ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นโครงการที่จัดขึ้นโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงานมุ่งเน้นถึงการดำเนินงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย ยกระดับการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้เป็นระบบและได้มาตรฐานสากล ซึ่งเป็นสิ่งที่โออาร์ให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนของการปฏิบัติงาน และมุ่งเน้นให้สถานประกอบการทุกแห่งปฏิบัติตามหลักมาตรฐานความปลอดภัยสากลอย่างเคร่งครัดควบคู่ไปกับการดูแลชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม

พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว จัดการเงินคนเดียวให้เยี่ยมยอด

0

การเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวอาจจะเกิดขึ้นได้จากทั้งความเต็มใจหรืออาจจะไม่ได้ตั้งใจนัก แต่ทุกๆคนก็ยังต้องดำเนินชีวิตและเดินหน้ากันต่อไป และเมื่อพูดถึงเรื่องเงินที่ทำให้สมาชิกในครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีนั้น จะมีแนวทางการจัดการเงินของคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างไร ให้เป็นคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยอดเยี่ยม และสามารถเลี้ยงครอบครัวไปได้อย่างไม่ติดขัด เรามาดูเคล็ดลับดีๆ กันเลยนะครับ

• รวบรวมสินทรัพย์ เงินทุนประกันชีวิตและสิทธิที่ท่านพึงมี โดยควรจะแบ่งเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในบ้านสำหรับค่าใช้จ่ายในบ้านและลูกน้อย และส่วนคนที่ทำธุรกิจก็ต้องมีเงินส่วนธุรกิจที่แบ่งกันอย่างชัดเจน

• รู้จักแหล่งรายได้ ว่าเพียงพอต่อความเป็นอยู่ปัจจุบันมากน้อยเพียงใด แหล่งรายได้จะมาจากท่านเพียงลำพังคนเดียว หรือยังได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินจากทางอื่นๆ และมีแหล่งรายได้นี้อีกนานแค่ไหน

• รู้จักและจัดการกับภาษีที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการยื่นภาษีบุคคลธรรมดาของตนเอง และของคนที่จากไป รวมถึงมรดกที่ยังไม่แบ่ง ซึ่งถ้าหากเงินสดและสินทรัพย์ส่วนตัวของท่านมีมากพอ ก็จะทำให้บรรเทาความกังวลทางด้านค่าใช้จ่ายในบ้านระหว่างกระบวนการแบ่งมรดกหรือโอนสินทรัพย์ให้เสร็จสิ้นได้

• จัดการกับรายรับรายจ่าย ตั้งงบประมาณรายรับรายจ่ายเพื่อควบคุมรายจ่ายที่เกิดขึ้น ต้องไม่ให้หย่อนหรือตึงจนเกินไป ในปัจจุบันเราสามารถใช้เทคโนโลยีมาช่วยจดบันทึกรายรับรายจ่าย ช่วยในการเตือน ที่สำคัญกว่านั้นคือ การช่วยควบคุมการใช้จ่าย การมีวินัยทางการเงินของพ่อแม่จะเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องการจัดการการเงินให้กับลูกน้อยได้

• ปกป้องรายได้ให้กับบุตรด้วยความคุ้มครองชีวิต เป็นการการันตีแหล่งรายได้กับความไม่แน่นอนของชีวิต การที่รายได้หายไปหนึ่งทาง สำหรับบางครอบครัวก็ทำให้สมาชิกในครอบครัวอยู่กันอย่างไม่สบายเหมือนเดิม หรืออาจจะอยู่อย่างลำบาก


ที่มา บทความโดย บุณยนุช ยุทธ์ประทุม CFP เว็บไซต์ ห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ปศุสัตว์แนะซื้อเนื้อหมูให้สังเกตตรา “ปศุสัตว์OK” เพื่อตรวจสอบย้อนกลับ ชี้ฝีหนองที่พบในเนื้อหมูเกิดจากการอักเสบ

0
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยกรณีที่มีผู้บริโภคพบฝีหนองในเนื้อหมูนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นก้อนฝีหนองที่เกิดจากภาวะอักเสบ และติดเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดหนอง คาดว่าเกิดจากความไม่สะอาดในขั้นตอนการฉีดวัคซีนหรือการฉีดยารักษาสัตว์ ซึ่งในการเลี้ยงระบบมาตรฐานนั้น การรักษาสัตว์อยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ.2545 และตามการควบคุมของสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์ม ตามประกาศของกรมปศุสัตว์ โดยปกติก่อนจะฉีดวัคซีนหรือยาให้หมู ผู้ฉีดจะใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดบริเวณผิวหนังก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันเรื่องความสะอาดบนผิวหนังก่อน และปัญหาฝีในหมูนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ เหมือนกับคนที่เวลามีแผลแล้วไม่สะอาดเชื้อแบคทีเรียก็เข้าไปกลายเป็นหนอง ยืนยันว่ากรณีดังกล่าว “ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค” เพราะไม่ได้มีสารตกค้างอย่างที่บางคนเข้าใจ แนะนำว่าไม่ควรนำส่วนที่เกิดฝีหนองไปรับประทาน และหากพบสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เพื่อดำเนินการตรวจสอบได้ทันที

ทั้งนี้ ผู้บริโภคควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ โดยเฉพาะการสังเกตตราสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” ที่กรมปศุสัตว์เป็นผู้ตรวจรับรองให้กับสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ที่มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานทุกขั้นตอน โดยสินค้าที่นำมาจำหน่ายต้องมาจากฟาร์มมาตรฐาน (GAP) ผ่านการเชือดและชำแหละจากโรงฆ่าสัตว์ที่ได้รับใบอนุญาตถูกกฎหมาย มีสุขอนามัยที่ดี ปลอดภัยจากยาและสารตกค้าง วางจำหน่ายในสถานที่จำหน่ายที่สะอาดถูกสุขลักษณะ และต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของสินค้าได้

“ขอเน้นย้ำกับเกษตรกรและภาคผู้ผลิตในเรื่องความสะอาดตลอดกระบวนการเลี้ยง ควรจัดให้มีการใช้แอลกอฮอล์เพื่อทำความสะอาดผิวหนังร่วมกับการใช้เข็มทุกครั้ง รวมถึงการนำเข็มไปใช้ควรมีการตรวจสอบการเบิกจ่ายและเก็บคืนเข็มโดยต้องมีจำนวนเท่ากัน  เพื่อป้องกันปัญหาเข็มตกค้างที่พบเจอกันในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งปกติแล้วในฟาร์มมาตรฐานจะบริหารจัดการเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ตามมาตรฐานและข้อแนะนำของกรมปศุสัตว์ สำหรับผู้บริโภคควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองปศุสัตว์ OK ที่กรมปศุสัตว์ได้ช่วยตรวจเช็คให้ว่าสินค้าที่นำมาขายนั้นมีที่มาที่ไปมีการตรวจสอบที่ถูกต้อง ผู้บริโภคสามารถซื้อหาได้อย่างมั่นใจ หากเกิดปัญหากับผลิตภัณฑ์ เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ก็จะสามารถเข้าไปตรวจสอบย้อนกลับและดำเนินการให้อย่างทันท่วงที”

รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุนสู่ความมั่งคั่ง : ห้องเรียนนักลงทุน (1)

0

ที่ผ่านมาคอลัมน์นี้ได้มีข้อมูลความรู้ หลักคิดและหลักปฏิบัติในการวางแผนบริหารจัดการการเงิน เพื่อนำชีวิตไปสู่ความมั่งคั่งและอิสรภาพทางการเงิน

ปัจจัยหลักที่จะทำให้เรามีเงินออมเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลคือ

1.ระยะเวลาในการออม ยิ่งออมเร็วออมยาวออมสม่ำเสมอ เงินออมยิ่งเพิ่ม

2.จำนวนเงินที่ออม ยิ่งออมมาก เงินก็จะก้อนใหญ่ขึ้น

3.สำคัญคือการนำเงินออมไปลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้งอกเงย ยิ่งได้ผลตอบแทนสูงก็ยิ่งได้เงินเยอะขึ้น!!

“การลงทุน” จึงเปรียบเสมือนทางด่วนสู่ความมั่งคั่ง หากตั้งต้นได้เร็ว ออกตัวดี ตั้งเป้าหมาย และวางแผนการลงทุนที่ถูกต้อง ก็ทำให้ถึงเส้นชัยได้เร็วขึ้น

ซึ่งการลงทุนมีหลากหลาย ทั้งลงทุนในหุ้น กองทุนรวม ตราสารหนี้ หุ้นกู้ อนุพันธ์ อสังหาริมทรัพย์ หรือทองคำ เป็นต้น

สำหรับผู้ที่ไม่เคยลงทุน และต้องการเรียนรู้เพื่อเริ่มลงทุนนั้น ในเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ www.set.or.th หัวข้อ “ความรู้การลงทุน” หน้า “ห้องเรียนนักลงทุน” มีข้อแนะนำและหลักคิดสำหรับ “มือใหม่เริ่มลงทุน” ไว้อย่างน่าสนใจ สำหรับผู้ที่ไม่รู้จะลงทุนอย่างไร ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน

โดยสิ่งแรกที่ต้องทำคือ ต้อง “รู้จักตนเอง” ถามตัวเองก่อนว่า “เป้าหมาย” การลงทุนของเราคืออะไร? ต้องการใช้เงินเท่าไหร่? และต้องการบรรลุเป้าหมายเมื่อใด?

เช่น ต้องการลงทุนเพื่อบั้นปลายชีวิต ลดหย่อนภาษี เอาชนะเงินเฟ้อ หรือทำกำไร ต้องใช้เงินเท่าไร โดยระบุจำนวนให้ชัดเจน เพราะแต่ละเป้าหมายใช้เงินต่างกันและกำหนดเวลาบรรลุเป้าหมาย เช่น ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ระยะกลาง 1-5 ปี หรือระยะยาวตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป

จากนั้นมาพิจารณา “เงื่อนไข” การลงทุนของเรา เช่น เราอายุเท่าไร ชอบหรือสนใจลงทุนในสินทรัพย์ไหน? พอมีความรู้หรือไม่? มีเงินลงทุนมากน้อยเพียงใด? ต้องการผลตอบแทนเท่าไหร่? และมีเวลาติดตามข่าวสารด้านการลงทุนหรือไม่? หากขาดทุนจะยอมรับได้ในวงเงินไม่เกินเท่าไหร่? หากได้กำไรจะเพิ่มวงเงินในการลงทุนหรือไม่?

สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ยอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน?” จะได้รู้ว่าเราควรลงทุนแบบไหน ต้องจัดสัดส่วนหรือกระจายการลงทุนแบบใดที่จะเหมาะสม เพื่อให้บรรลุหรือใกล้เคียงเป้าหมายมากที่สุด

หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ ยอมรับความผันผวนได้น้อย คือไม่ต้องการขาดทุนให้เงินต้นหดหาย การลงทุนส่วนใหญ่จึงมุ่งไปที่การรักษาเงินลงทุนให้ปลอดภัย ซึ่งต้องยอมรับว่าอาจทำให้โอกาสได้ผลตอบแทนไม่สูง

รับความเสี่ยงได้ปานกลาง ยอมรับความผันผวนได้ระดับหนึ่ง แต่ต้องไม่มากจนเกินไปเพื่อแลกกับการได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นและหวังให้เงินลงทุนบางส่วนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น

หรือหากรับความเสี่ยงได้สูง เพราะมุ่งหวังจะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น รวมถึงโอกาสที่เงินลงทุนจะเติบโตเพิ่มขึ้นก็มีมาก ขณะเดียวกันก็มีโอกาสขาดทุนสูงเช่นกัน

เมื่อรู้จักตัวเองดีแล้ว…คราวหน้ามาดูกันว่า สินทรัพย์ต่างๆที่จะเลือกลงทุนนั้น มีความเสี่ยงและโอกาสได้ผลตอบแทนสูง-ต่ำ หรือมีข้อดี-เสียอย่างไร เพื่อช่วยให้เราจัดสรรเงินลงทุนได้เหมาะสมและสอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้!!


ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุนสู่ความมั่งคั่ง โดยคุณนายพารวย หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

บีทีเอส ร่วมรณรงค์วัน Car Free Day ยกเว้นค่าโดยสารให้ผู้เดินทางด้วยจักรยาน ฟรีทุกสถานี

0
สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า เนื่องในวัน Car Free Day ซึ่งตรงกับวันที่ 22 กันยายน ของทุกปี ทั่วโลกร่วมกัน รณรงค์หยุดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล และส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ เพื่อร่วมกันลดโลกร้อน ช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศจากยานพาหนะที่มาจากท่อไอเสียรถยนต์ อาทิ คาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ ควัน ฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นต้น ช่วยกันยกระดับคุณภาพอากาศ ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น

บีทีเอส ขอเชิญชวนให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ในวันที่ 22 กันยายน Car Free Day โดยจะยกเว้นค่าโดยสารให้แก่ ผู้ที่เดินทางด้วยจักรยานฟรีทุกสถานี รวมทั้งส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท และส่วนต่อขยายสายสีลม เพื่อให้ทุกคนหันมาใช้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะแทน ดังนี้ จักรยานพับได้สามารถเข้าระบบฟรี ตลอดเวลาการให้บริการ ส่วนจักรยานพับไม่ได้เข้าระบบฟรี แบ่งเป็น 2 ช่วง ตั้งแต่เวลา 06.00 – 06.30 น. และ ตั้งแต่เวลา 22.00 น. จนถึงปิดให้บริการ

นอกจากนี้ สำหรับรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ หรือบีอาร์ที สามารถนำจักรยาน เฉพาะพับได้เข้าระบบฟรีตลอดเวลาการให้บริการ ผู้โดยสารสามารถติดต่อขอรับคูปองฟรีได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารทุกสถานีอนึ่ง ในวันดังกล่าว บริษัทฯ ได้เพิ่มเติมความพิเศษต่อเนื่อง จัดกิจกรรม “บีทีเอสดูแลโลก เราดูแลคุณ” แจกต้นไม้ที่มีประสิทธิภาพ ในการจับฝุ่นละอองกว่า 10,000 ต้น ให้แก่ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสฟรี ณ บริเวณทางเดินเชื่อมศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ตั้งแต่เวลา 10.00 น.โดยจะแจกจนกว่าต้นไม้จะหมด

โออาร์ แจกรางวัลใหญ่ครั้งที่ 1 “เที่ยว เลี้ยว ลุ้น”

0
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) จับรางวัลจากแคมเปญ “เที่ยว เลี้ยว ลุ้น” ครั้งที่ 1 มอบรางวัลให้สมาชิก Blue Card รวม 543 รางวัล ได้แก่ ทองคำแท่งมูลค่า 100,000 บาท จำนวน 3 รางวัล โทรศัพท์มือถือ iPhone 11 จำนวน 30 รางวัล และของรางวัลอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก Blue Card ที่ซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่ร้านค้าในเครือของโออาร์ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2563 – 17 กันยายน 2563 ไม่ว่าจะเป็นการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station การซื้อผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants ที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station หรือร้านสะดวกซื้อ Jiffy การซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto การซื้อผลิตภัณฑ์ที่ร้าน Café Amazon ร้านสะดวกซื้อ Jiffy ร้าน Texas Chicken ร้านฮั่วเซงฮงติ่มซำ และร้าน Pearly Tea โดยมีจำนวนสิทธิ์ร่วมลุ้นทั้งสิ้น 7,838,644 สิทธิ์ และจะประกาศผลการจับรางวัลครั้งที่ 1 ในวันที่ 25 กันยายน 2563 ทางเว็บไซต์ www.pttbluecard.com และ Blue Card Mobile Application

สมาชิก Blue Card ยังสามารถลุ้นรับรางวัลในการจับรางวัลครั้งที่ 2 ลุ้นรับรางวัลใหญ่ รถยนต์ BMW X1 และของรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่าอีกกว่า 8 ล้านบาท เพียงแสดงบัตร Blue Card หรือแจ้งหมายเลขโทรศัพท์เพื่อสะสมคะแนนในการซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่ร้านค้าในเครือของโออาร์ตามเงื่อนไขที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2563 – 31 ตุลาคม 2563 โดยการจับรางวัลครั้งที่ 2 จะมีขึ้นในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 และจะประกาศผลการจับรางวัลในวันที่ 15 ธันวาคม 2563

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสมัครเป็นสมาชิก Blue Card ได้ที่ www.pttbluecard.com และ Blue Card Mobile Application หรือ โทร. 1365 Contact Center

กรมบัญชีกลาง พร้อมสนันสนุนส่วนราชการ เร่งใช้จ่ายงบฯตามเป้าหมาย

0

นางสาววิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณฯ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 11 กันยายน 2563 (1 ต.ค. 62 – 11 ก.ย. 63) งบประมาณภาพรวมใช้จ่ายแล้ว 2,861,087 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ 3,200,000 ล้านบาท คิดเป็น 89.41% โดยแบ่งเป็น รายจ่ายลงทุน (ไม่รวมงบกลาง) ใช้จ่ายแล้ว 425,332 ล้านบาท ของวงเงิน 529,771 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80.29% และรายจ่ายประจำ ใช้จ่ายแล้ว 2,424,9131 ล้านบาท ของวงเงิน 2,608,073 ล้านบาท หรือคิดเป็น 92.98%

จากการพิจารณาการใช้จ่ายเงินงบประมาณ พบว่าการใช้จ่ายเงินงบประมาณของปี 2563 มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาการใช้จ่ายเงินที่เท่ากันตั้งแต่ พ.ร.บ. งบประมาณฯ ประกาศใช้ในแต่ละปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้สามารถใช้จ่ายรายจ่ายลงทุน คิดเป็นสัดส่วน 72.64% ของวงเงินรายจ่ายลงทุน (ไม่รวมงบกลาง) ในขณะที่สัดส่วนดังกล่าวของปีงบประมาณ 2562 และ 2561 คิดเป็น 64.88% และ 64.65% ตามลำดับ เป็นผลจากการที่กรมบัญชีกลางเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณ โดยออกหนังสือเวียนแจ้งซักซ้อมการปฏิบัติงานด้านการเงินการคลัง และมีการกำกับติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายเงินของส่วนราชการ ให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องตามกฎหมาย ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง ตลอดจนกำหนดแนวทางต่าง ๆ เพื่อลดระยะเวลาในการจัดซื้อจัดจ้าง เน้นความรวดเร็วของขั้นตอนต่าง ๆ รวมทั้งเร่งพิจารณาข้ออุทธรณ์ร้องเรียน เพื่อให้การทำงานของหน่วยงานมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความสะดวกในการดำเนินงานให้มากขึ้น ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางพร้อมสนับสนุนส่วนราชการ โดยเตรียมความพร้อมในการใช้จ่ายเงินงบประมาณปี พ.ศ.2563 ไปพลางก่อน และให้ดำเนินการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีให้แล้วเสร็จตามกำหนด กรณีงบประมาณก่อนปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ต้องเบิกจ่ายให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 กันยายน 2563 และกรณีงบประมาณ พ.ศ.2563 ต้องขอกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน 2563 หากไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด งบประมาณดังกล่าวต้องถูกพับไป โดยกรมบัญชีกลางได้กำชับให้คณะทำงานเฉพาะกิจฯ และคลังจังหวัด ให้คำแนะนำ ปรึกษา เพื่อให้การ ก่อหนี้รายจ่ายลงทุนแล้วเสร็จทุกรายการภายในสิ้นปีงบประมาณ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าส่วนราชการจะสามารถใช้จ่ายเงินงบประมาณได้ตามเป้าหมายที่กำหนด อันจะส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจต่อไป

FSMART จับมือ TQM ขายประกันหลักร้อยผ่านตู้บุญเติม รุกตลาดไมโครอินชัวรันส์

0

ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานกรรมการ บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM ผู้นำด้านที่ปรึกษาประกันภัยและการเงิน เปิดเผยว่า TQM ในนาม บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด ผู้นำนายหน้าประกันภัยของไทย ได้ร่วมมือทางธุรกิจกับ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART เจ้าของ “ตู้ออนไลน์บุญเติม” รุกตลาด “ไมโครอินชัวรันส์” เปิดขายประกันภัยหลักร้อยบาท พร้อมบริการชำระเงินค่าเบี้ยประกัน ผ่านตู้ออนไลน์บุญเติมทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนไทยได้เข้าถึงประกันภัยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด

ทั้งนี้ ปัจจุบันในประเทศไทยยังมีจำนวนกรมธรรม์ต่อประชากรในระดับต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศกลุ่มพัฒนาแล้วที่มีจำนวนกรมธรรม์เกือบ 100% ของจำนวนประชากร TQM ในฐานะผู้นำด้านประกันภัย จึงมุ่งมั่นเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ พร้อมผลักดันคนไทยให้มีโอกาสได้เข้าถึงประกันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายพงษ์ชัย อมตานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ “FSMART” เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับ TQM เป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้บริโภคทั่วไป และฐานลูกค้าตู้บุญเติมกว่า 22 ล้านเลขหมาย สามารถเข้าถึงประกันภัย ผ่านช่องทางการบริการที่ใช้งานง่าย รวดเร็ว และสะดวกสบาย ด้วยจำนวนตู้บุญเติมกว่า 130,000 จุดทั่วประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่ระดับชุมชน อำเภอ ไปจนถึงระดับจังหวัด

“บริษัทฯ รู้กสึกยินดีที่ TQM เลือกตู้บุญเติมเป็นหนึ่งช่องทางเข้าถึงการประกันภัยของผู้บริโภค ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มบริการใหม่ภายในตู้บุญเติมให้ครบวงจรครอบคลุมความต้องการลูกค้ามากขึ้น ยังเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าและสร้างตลาดใหม่ๆ ของทั้ง 2 บริษัท และมั่นใจจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งาน”

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ TQM ดำเนินการในส่วนการจัดหากรมธรรม์ที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้า เพื่อนำเสนอผ่านตู้ออนไลน์บุญเติม และเริ่มเปิดขายทั่วประเทศ โดยในเฟสแรกจะเน้นไปยังผลิตภัณฑ์ที่สอดรับความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน มีความคุ้มครองที่คุ้มค่า ภายใต้ราคาเบี้ยประกันภัยที่ไม่สูงมากนัก จึงง่ายต่อการตัดสินใจ โดยหากลูกค้าที่ซื้อประกันกับ TQM ผ่านตู้ออนไลน์บุญเติมไปแล้ว สามารถรับบริการหลังการขาย ปรึกษาเรื่องการเคลมประกัน และข้อมูลเพิ่มเติมอื่น ๆ ได้ที่บริการสายด่วน TQM 1737 หรือ www.tqm.co.th ตลอด 24 ชั่วโมง

ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นอีกช่องทางขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ต่อจิ๊กซอว์สร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ หนุนภาพรวมทั้งปี 2563 เติบโตตามเป้า 15,000 ล้านบาท ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ให้กับ TQM ผลักดันการเติบโตโค้งสุดท้ายไตรมาส 4 มั่นใจโปรดักส์ที่ขายผ่านตู้บุญเติมจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า การเพิ่มบริการด้านประกันภัย และรับชำระเบี้ยประกันของ TQM ทำให้กลุ่มธุรกิจเติมเงินและรับชำระเงินอัตโนมัติ 1 ใน 3 กลุ่มธุรกิจปัจจุบันให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น นอกเหนือจากกลุ่มธุรกิจทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร เช่น การฝาก- โอนเงิน และกลุ่มธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและการกระจายสินค้า โดยบริการด้านประกันภัยของ TQM จะเข้ามาเป็นหนึ่งในทางเลือกให้ผู้บริโภค จากบริการหน้าตู้ 86 รายการในขณะนี้ ซึ่งถือว่าตู้บุญเติมถือเป็นช่องทางการให้บริการทางออนไลน์มากที่สุด อีกทั้งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มอัตราการใช้งานหน้าตู้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีการใช้กว่า 1.6 ล้านครั้งต่อวัน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีแผนเพิ่มบริการใหม่ๆต่อเนื่อง เช่น ประกันรถยนต์ ประเภท 2+ และ 3+ ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันการเดินทาง และประกันชีวิตที่ตู้บุญเติม ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงของผู้บริโภค และเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับดำเนินงานให้กับบริษัทต่อไป

ก.ล.ต. หนุนมติศบศ. ช่วยเสริมสภาพคล่องกลุ่มอสังหาฯ และเอสเอ็มอี

0

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยถึงกรณีศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบศ.) มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร (Permanent Resident Permit) และแนวทางการปรับปรุงมาตรการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (Smart Visa) ให้เชื่อมโยงกับการลงทุน ว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยสร้างสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยช่วยให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ สามารถขยายฐานผู้ลงทุนต่างประเทศเพิ่มได้

อีกทั้ง มาตรการดังกล่าวยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ REIT ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ราคาตลาดของกองทุนดังกล่าวสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงมากขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีราคากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ REIT ลดลงเฉลี่ย 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนนอกจากนี้ การกำหนดเกณฑ์มาตรฐานระยะเวลา credit term ยังช่วยให้กลุ่มธุรกิจ SMEs มีสภาพคล่องมากขึ้นและสามารถลดภาระในการหาสินเชื่อเพิ่มได้ โดย ก.ล.ต. จะขอความร่วมมือจากบริษัทจดทะเบียนให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ credit term ซึ่งอาจเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปีต่อไป

ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบศ. เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2563 ได้เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร และแนวทางการปรับปรุงมาตรการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ให้เชื่อมโยงกับการลงทุน อาทิ การซื้ออาคารชุดและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน ผู้บริหาร และผู้ประกอบการวิสาหกิจ รวมถึงเห็นชอบข้อเสนอแนะการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานระยะเวลา (credit term) ในประเทศไทย เพื่อเสริมสภาพคล่องสำหรับการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม SMEs ที่เป็นผู้จัดส่งสินค้าและวัตถุดิบการผลิตแก่ธุรกิจขนาดใหญ่