Home Blog Page 4

มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ฯ มอบรถพยาบาลฉุกเฉินให้มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสำหรับช่วยเหลือผู้ป่วย

0

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช รับมอบรถพยาบาลรับ-ส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน จากมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับใช้ช่วยเหลือผู้ป่วยของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 5 แห่ง จำนวน 5 คัน เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นผู้มอบ

“โพธิพงษ์ – ยุพา ล่ำซำ” บริจาคเงิน 6.72 ล้านบาท ปรับปรุงห้องประชุม ศูนย์กุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจ รพ.จุฬาลงกรณ์ฯ

0

นายโพธิพงษ์ – นางยุพา ล่ำซำ  บริจาคเงิน จำนวน 6,720,000 บาท เพื่อสนับสนุนโครงการปรับปรุงห้องประชุม ชั้น 6 ศูนย์กุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นห้องประชุมหลักที่ใช้สำหรับการประชุมด้านการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ การประชุมการพยาบาล รวมถึงการเรียน     การสอนและฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านและแพทย์ประจำบ้านต่อยอด โดยภายในห้องประชุมได้รับการติดตั้งระบบโสตทัศนูปกรณ์ที่ทันสมัย รองรับการประชุมออนไลน์ และสามารถถ่ายทอดสัญญาณการประชุม และกิจกรรมทางวิชาการในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างครบวงจร

การปรับปรุงครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และเสริมสร้างศักยภาพในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทั้งภายในประเทศและระดับสากล รองรับสถานการณ์ที่ต้องการการประชุมทางไกล และส่งเสริมคุณภาพการรักษาและพัฒนาวิชาชีพทางการแพทย์อย่างยั่งยืน

ในโอกาสนี้ นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้เป็นตัวแทนของ นายโพธิพงษ์ – นางยุพา ล่ำซำ  เข้าร่วมส่งมอบโครงการปรับปรุงห้องประชุม ศูนย์กุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย  ณ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ อาคาร สก. ชั้น 6 พร้อมเข้าเยี่ยมชมห้องประชุม  เพื่อรับทราบถึงความก้าวหน้าและความพร้อมในการนำห้องประชุมไปใช้ประโยชน์สำหรับการดูแลผู้ป่วยและการพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์  ซึ่งโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 โดยในงานได้รับเกียรติจาก รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผอ. รพ.จุฬาลงกรณ์ฯ    ผศ.(พิเศษ) นพ.สมชาย ปรีชาวัฒน์ หัวหน้าศูนย์โรคหัวใจ  ศ.นพ.พรเทพ เลิศทรัพย์เจริญ     อาจารย์พิเศษ ศ.นพ.วิชัย เบญจชลมาศ อาจารย์พิเศษ ผศ.นพ.วิทวัส ลออคุณ หัวหน้าหน่วยกุมารโรคหัวใจ ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์  ให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชม. 

รู้เก็บรู้ออม : ตลาดหลักทรัพย์ฯ สัญจรหาดใหญ่

0

ได้ฤกษ์เดินทางชีพจรลงเท้ากันอีกครั้งสำหรับ “ตลาดหลักทรัพย์ฯ สัญจร” ประจำปี 2568 โดยปีนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะยกทัพกูรูการเงิน นักวิเคราะห์ และนักลงทุน ไปมอบความรู้เรื่องการเงินและการลงทุน พร้อมกับนำบริการการเงินต่างๆจากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำไปบริการให้กับประชาชน และผู้สนใจเรื่องลงทุนกันที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

งาน “ตลาดหลักทรัพย์ฯสัญจร หาดใหญ่” จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568 ที่โรงแรมบุรีศรีภู หาดใหญ่ จ.สงขลา เริ่มกันตั้งแต่เวลา 09.00 น. ยาวไปถึง 17.00 น. แบบเต็มอิ่มแน่นอน เพราะงานเดียวครบจบทุกเรื่องลงทุน ทั้งหุ้นไทย หุ้นนอก ฟิวเจอร์ส ออปชัน นักลงทุนทั้งมือโปร และมือใหม่ รับประกันว่าไม่ผิดหวัง

ปีนี้งานจัดเต็มเหมือนเดิม ผู้ร่วมงานจะได้อัปเดตสภาวการณ์ลงทุน พร้อมรับฟังสัมมนาจากวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์กับหัวข้อที่น่าสนใจ “ลงทุนต้องรู้ เปิดเคล็ด (ไม่) ลับฉบับมือใหม่” โดยคุณน้ำ ธนธร กาญจนิศากร นักลงทุนรุ่นใหม่เจ้าถิ่น เพราะเป็นคนหาดใหญ่ และเป็นเจ้าของเพจการเงิน Nam Finance อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีหัวข้อสัมมนาอื่นๆที่ไม่ควรพลาดจากกูรูและนักวิเคราะห์ชื่อดังอีกมากมาย เช่น “สแกนตลาด จัดพอร์ต หุ้นไทย vs หุ้นนอก”, “เจาะกลยุทธ์ VI ทำกำไรช่วงวิกฤติ”, “ลงทุนให้รอด เสริมพอร์ตด้วยฟิวเจอร์ส vs ออฟชัน”

ด้านบริการการเงินภายในงาน ก็ขนมากันเต็มที่ พบกับโบรกเกอร์ชั้นนำมาเปิดบูธให้บริการต่างๆ ทั้งเปิดบัญชี, จัดพอร์ต, ให้คำปรึกษาและวางแผนลงทุน ตลอดจนไอเดียเทรด รวมทั้งการแนะนำและสาธิตการใช้งานแอปฯ, เครื่องมือลงทุนยุคใหม่ และทางเลือกลงทุนต่างๆ เพื่ออัปสกิลให้นักลงทุนมีความพร้อมและความมั่นใจ สามารถเริ่มลงสนามการลงทุนได้ทันทีภายในงาน

นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันพิเศษอีกมากมายสำหรับผู้ที่ทำธุรกรรมภายในงาน ไม่ว่าจะเป็น เปิดบัญชีหุ้น รับกล่องจุ่ม Bull Ranger, เปิดบัญชี TFEX รับ Lotus Gift Voucher มูลค่า 100 บาท, เปิดบัญชีกองทุนรวม รับกระเป๋ากระทิงกองทุนรวม นอกจากนี้ ผู้ร่วมงานที่ดาวน์โหลดแอป AomWise และเปิดบัญชี ยังได้รับหุ้นนอกผ่าน DR เข้าพอร์ต มูลค่า 100 บาท อีกด้วย

ผู้สนใจเข้าร่วมงานได้ฟรี โดยสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้แล้วที่ https://www.setinvestnow.com/th/set-road-show-hatyai-202  ผู้ที่ลงทะเบียนจะได้รับฟรี ชุด GiftSet กระเป๋า investnow และหนังสือ WealthDesign

นอกจากนี้ วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568 ยังมีสัมมนาพิเศษสำหรับผู้ประกอบการจังหวัดสงขลา หัวข้อ “ฝ่าวิกฤติ คว้าโอกาสให้ธุรกิจ เอาชนะค่าเงินผันผวนด้วย TFEX” รับฟังมุมมองเศรษฐกิจ-การค้า-ค่าเงิน แบบเจาะลึก วิเคราะห์ความเสี่ยง โอกาส และความท้าทายที่ธุรกิจต้องเผชิญ พร้อมเรียนรู้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน “TFEX Currency Futures” ที่จะช่วยเสริมแกร่งให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเข้าและส่งออก สัมมนาจัดขึ้นเวลา 12.00-16.00 น. ณ โรงแรมเซ็นทารา หาดใหญ่ จ.สงขลา ผู้ประกอบการที่สนใจดูรายละเอียดได้ที่ www.TFEX.co.th สอบถาม SET Contact Center 02-009-9999

อย่าพลาด กาปฏิทินไว้เลย แล้วพบกันที่งานนะ พี่น้องชาวหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง!

คุณนายพารวย

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วยเหลือเกษตรกรสวนมังคุดใต้ ใน“SET รวมพลัง อิ่มยกกำลัง 2”

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผนึกกำลังสนับสนุนเกษตรกรสวนมังคุดใต้ ในโครงการ “SET รวมพลัง อิ่มยกกำลัง 2” โดยเมื่อพนักงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ซื้อผลไม้ 1 กิโลกรัม ตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งซื้อสมทบอีก 1 กิโลกรัม เพื่อนำส่วนที่ซื้อสมทบมอบให้แก่พันธมิตรที่ดูแลกลุ่มผู้เปราะบาง ได้แก่ ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่เขตดินแดง และเขตห้วยขวาง โรงพยาบาลราชวิถี และศูนย์บริจาคโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โดยมีนางสาวจิตติยา ธรรมสรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ร่วมมอบ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้ร่วมสนับสนุนมังคุดจากเกษตรกร กว่า 5,400 กิโลกรัม

เปิดตัวน้ำหมักชีวภาพสูตรปลาหมอคางดำ ‘Waste, Not Wasted’ โดยประมงสมุทรสาคร-พัฒนาที่ดิน-ซีพีเอฟ ผลิตของดีให้เกษตรกรเพิ่มผลผลิต ลดค่าปุ๋ย

0

ประมงสมุทรสาคร จับมือร่วมกับสำนักงานพัฒนาที่ดิน และซีพีเอฟ เปิดตัว น้ำหมักชีวภาพสูตรปลาหมอคางดำ ตั้งเป้าช่วยลดจำนวนปลาหมอคางดำเดือนละ 6,000 กิโลกรัม พร้อมแบ่งปันสูตรให้วิสาหกิจชุมชน ต่อยอดเป็นสินค้าสร้างรายได้ แบรนด์ Waste, Not Wasted ของเสียที่ไม่เสียของ ช่วยเกษตรกรประหยัดค่าปุ๋ยได้ถึงหมื่นบาทต่อไร่ เกษตรกรย้ำน้ำหมักชีวภาพช่วยให้ฝรั่งมีผลโตขึ้น และยังมีรสหวาน

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ สนับสนุนประมงจังหวัดสมุทรสาครในการนำปลาหมอคางดำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บูรณาการกับ สถานีพัฒนาที่ดินสมุทรสาคร และศูนย์การเรียนรู้ของเสียที่ไม่เสียของ ต่อยอดนำปลาหมอคางดำที่จับได้จากกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” มาผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพสูตรปลาหมอคางดำ ที่พัฒนาโดยสำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัด และซีพีเอฟสนับสนุนถังพลาสติกขนาดใหญ่สำหรับหมักปลาได้ 300 กิโลกรัมต่อถัง

เผดิม รอดอินทร์ ประมงสมุทรสาคร กล่าวว่า โครงการน้ำหมักชีวภาพใช้เวลา 1 เดือน จะช่วยให้สมุทรสาครจับปลาหมอคางดำออกจากระบบได้ทุกเดือน เดือนละ 6,000 กิโลกรัมหรือปีละ 72,000 กิโลกรัม เพิ่มมูลค่าเป็นของดีมาแบ่งปันให้พี่น้องเกษตรกรใช้รดบำรุงดินแทนปุ๋ย เตรียมคิกออฟเป็นสินค้าภายใต้แบรนด์ WASTE, NOT WASTED “ของเสียที่ไม่เสียของ” รวมทั้งถ่ายทอดสูตรการหมักให้เกษตรกรนำไปทำใช้เอง เป็นการบูรณาการประชาชนมีส่วนร่วมในการลดประชากรปลาหมอคางดำอีกทางหนึ่ง

ธนัชกฤต กลิ่นหวล ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินสมุทรสาคร ได้แบ่งปันสูตรของน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ มีส่วนประกอบปลาหมอคางดำ 30 กิโลกรัม หมักกับ กากน้ำตาล 10 กิโลกรัม และ สัปปะรด 10 กิโลกรัม ใส่ สารเร่งซุปเปอร์ พด.2 จำนวน 1 ซองผสมน้ำเปล่า 10 ลิตร บรรจุในถังหมักนาน 1 เดือนได้น้ำหมักเข้มข้น 30 กิโลกรัม ก่อนใช้ต้องเจือจางกับน้ำก่อนนำมาฉีดพ่นและรดดิน ช่วยบำรุงพืชผลและบำรุงดิน

“สำนักงานพัฒนาที่ดินนำน้ำหมักชีวภาพไปวิเคราะห์ พบว่ามีธาตุอาหารหลักสำหรับพืชทั้งไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตชเซียม ( N-P-K) ธาตุอาหารรอง รวมทั้งกรดอะมิโนที่ช่วยการเจริญเติบโตของพืช จากการสอบถามเกษตรกร น้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำช่วยประหยัดค่าปุ๋ยได้ถึง 8,000-10,000 บาทต่อไร่/ต่อปี และผลผลิตสูงขึ้นอีกด้วย” ธนัชกฤต กล่าว

ขวัญชัย อุทัยไป เล่าว่า หลังจากนำน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำไปใช้กับสวนฝรั่ง เดิมฝรั่งให้ผลขนาดเล็ก และหน้าดินแข็งจากการใช้ปุ๋ยเคมีทำให้ต้นไม้ได้รับธาตุอาหารไม่สมบูรณ์ หลังจากใช้น้ำหมักชีวภาพเห็นการเปลี่ยนแปลงว่าดินร่วนฟู ทำให้น้ำไหลผ่านดินได้ดี ผลฝรั่งมีขนาดใหญ่ขึ้น และยังมีรสชาติหวานอร่อย ผลผลิตดี ช่วยลดต้นทุนจากค่าปุ๋ยได้ 35%

“จากการดำเนินการตามมาตรการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สมุทรสาครสามารถกำจัดปลาหมอคางดำไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ล้านกิโลกรัม จากการสำรวจเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การแพร่ระบาดในพื้นที่ลดลงจนอยู่ในระดับปานกลาง พบปลาหมอคางดำ 10 ถึง 100 ตัว ต่อ 100 ตารางเมตร เป็นผลจากการบูรณาการความร่วมมืออย่างเข้มแข็งของภาครัฐ เอกชนและชุมชนในการดำเนินงานเชิงรุกอย่างจริงจัง ในการควบคุมและลดปริมาณปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ปลายังมีประโยชน์ สามารถนำมาผลิตเป็นสินค้าช่วยสร้างโอกาสให้ชุมชนมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง” เผดิมกล่าวปิดท้าย.

ชวนผู้ประกอบการ จ. สงขลา เสริมแกร่งธุรกิจในสัมมนา “ฝ่าวิกฤต คว้าโอกาสให้ธุรกิจ เอาชนะค่าเงินผันผวนด้วย TFEX” ศุกร์ที่ 1 ส.ค. นี้

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ บมจ. ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) (TFEX) ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย และองค์กรพันธมิตร ขอเชิญผู้ประกอบการในจังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมสัมมนา “ฝ่าวิกฤต คว้าโอกาสให้ธุรกิจ เอาชนะค่าเงินผันผวนด้วย TFEX”

รับฟังมุมมองเศรษฐกิจ-การค้า-ค่าเงิน แบบเจาะลึก วิเคราะห์ความเสี่ยง โอกาส และความท้าทายที่ธุรกิจต้องเผชิญ พร้อมเรียนรู้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน “TFEX Currency Futures” ที่จะช่วยเสริมแกร่งให้ผู้ประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะผู้นำเข้าและส่งออก สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทันสถานการณ์ และบริหารความเสี่ยงของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พบกันในวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568 เวลา 12.00-16.00 น. ณ ห้องสุคนธา ชั้น 6 โรงแรมเซ็นทารา หาดใหญ่ จ. สงขลา รับจำนวนจำกัด สำรองที่นั่งฟรี! ที่ https://www.tfex.co.th/th/activities/tfex-currency-futures-seminar-hatyai

บจ. รับฟังมุมมองการขับเคลื่อน และสร้างมูลค่าให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ในโครงการ JUMP+

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงาน “JUMP+ Activation Day: Blueprint to Breakthrough” ภายใต้โครงการ JUMP+ โดยมีผู้บริหารกว่า 500 รายจากบริษัทจดทะเบียนในหลากหลายอุตสาหกรรม ร่วมรับฟังมุมมองของบริษัทที่ปรึกษาสำหรับจัดทำแผน JUMP+ ใน 2 ช่วง “Blueprint” เจาะลึกกรณีศึกษา วางยุทธศาสตร์เพิ่มมูลค่ากิจการ และ “Breakthrough” เจาะลึกเครื่องมือตอบโจทย์การขับเคลื่อนธุรกิจครบมิติ ตั้งแต่ด้าน Business & Digital Solution ด้าน Carbon, Governance & Sustainability Solution และด้าน IT Infrastructure เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการมีความเข้าใจ และเตรียมความพร้อมแผน JUMP+

โครงการ JUMP+ เป็นหนึ่งใน flagship projects ตามแผนกลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2568-2570 เพื่อส่งเสริมการเพิ่มมูลค่า และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทจดทะเบียนและตลาดทุนไทย โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตรพร้อมสนับสนุนบริษัทในการดำเนินงานตามแผน บริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) สำหรับการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาในการจัดทำแผน JUMP+ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนงาน

บริษัทจดทะเบียนที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ JUMP+ หรือดูรายชื่อที่ปรึกษาได้ที่ SETLink ผู้ลงทุนที่สนใจศึกษารายละเอียดโครงการที่ www.set.or.th  

ศาลแพ่งสั่งคืนเงินหุ้น MORE ที่อายัดให้โบรกเกอร์ และยึดหุ้น 1,500 ล้านหุ้นให้ตกเป็นของแผ่นดิน

0

คดี “หุ้น MORE” หรือ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) เป็นคดีอื้อฉาวที่เขย่าตลาดทุนไทย ด้วยการปล้นกลางแดดโบรกเกอร์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ วงเงินเสียหายกว่า 4,500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2565 ด้วยความพยายามของแก๊งปั่นและปล้นหุ้น MORE สร้างคำสั่งซื้อหุ้น MORE ในลักษณะอำพราง จนนำไปสู่การดำเนินดคีและฟ้องร้องผู้กระทำผิด ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ศาลแพ่งถนนรัชดาฯ ได้พิพากษาให้นำเงินที่อายัดไว้คืนให้กับโบรกเกอร์ 11 รายที่จ่ายเงินค่าขายให้กับลูกค้าวอลุ่มปริศนา 1,500 ล้านหุ้น ในช่วงเปิดตลาดที่ราคา 2.90 บาท เป็นเงิน 4,300 ล้านบาท และสั่งให้ยึดหุ้น MORE จำนวน 1,500 ล้านหุ้น ให้ตกเป็นของแผ่นดิน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้พิพากษาได้ใช้เวลาอ่านคำพิพากษาครั้งนี้นานกว่า 4 ชั่วโมงครึ่ง โดยผลการตัดสินครั้งนี้ ทางผู้ต้องสงสัยยังมีสิทธิอุทธรณ์ได้

สำหรับการยึดหุ้น MORE จำนวน 1,500 ล้านหุ้นนั้น จากการสืบสวนพบว่าไม่สามารถแสดงว่าได้หุ้นมาโดยสุจริต และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษผู้กระทำความผิดจำนวน 32 รายร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น MORE ในช่วงระหว่างวันที่ 18 ก.ค.-10 พ.ย. 2565

สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์สินไว้ทั้งหมดรวม 34 รายการ มูลค่าราว 5,376 ล้านบาท เหตุอันควรเชื่อว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อย่างไรก็ตาม อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา 9 ผู้ต้องหาหุ้น MORE

โบรกเกอร์ 11 รายที่จะได้รับเงินคืน ได้แก่ บล.กรุงศรีอยุธยา ประมาณ 900 ล้านบาท บล.เกียรตินาคินภัทร 700 ล้านบาท บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประมาณ 400 ล้านบาทและบล.คิงส์ฟอร์ด เกือบ 400 ล้านบาท โดยโบรกเกอร์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) หรือ Z.com และยังโดนฟอร์ซเซลหุ้นอีกหลายตัว จนขาดทุนอย่างหนัก และต้องยุติการให้บริการโบรกเกอร์ในประเทศไทย

เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมงาน “วันประกันชีวิตแห่งชาติ” ครั้งที่ 24 จัดเต็มผลิตภัณฑ์เด่น-โปรฯโดนใจ

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  เมืองไทยประกันชีวิต เข้าร่วมงาน “วันประกันชีวิตแห่งชาติ” ครั้งที่ 24  จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน และกองทุนประกันชีวิต ระหว่างวันที่ 19 – 20 กรกฎาคม 2568  ณ ลานโปรโมชัน ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนทุกกลุ่มได้เข้าถึงข้อมูลของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่หลากหลาย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกคนในสังคม (Democratizing Insurance)  เพื่อเป็นส่วนช่วยให้ทุกคนได้มีความอุ่นใจ คลายห่วง มีหลักประกันที่มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน  

โดยในพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจากดร.ชญานิน เกิดผลงาม รองเลขาธิการ ด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี นางสาววิไลรัตน์ แสงแก้ว ผู้ช่วยเลขาธิการ สายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค นางทัศน์วรรณ เที่ยงตระกูล ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พร้อมด้วยนายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายศรายุธ  ทินกร ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส นายปราโมทย์ ศักดิ์กำจร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส คณะผู้บริหาร และตัวแทนประกันชีวิต  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธีเปิดบูธเมืองไทยประกันชีวิต

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองชีวิต สุขภาพ โรคร้ายแรง  ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ในแคมเปญ ShieldLife  ตัวช่วยให้คุณเบาใจ ในวันที่คุณจากไป ด้วยการวางแผนสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้คนที่คุณรัก ด้วยแบบประกันชีวิตที่คุณเลือกได้ทั้งประกันชีวิตแบบตลอดชีพ  (Whole Life) ประกันชีวิตแบบคุ้มครองภายในระยะเวลา (Term) หรือประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life)  สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ  ดี เฮลท์ พลัส,  อีลิท เฮลท์ พลัส  และสัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง ซีไอ เพอร์เฟค แคร์  รวมไปถึงแบบประกันภัยพิเศษ  7 แบบประกัน ประกอบด้วย โครงการเมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 15/3 (Global), ออมทรัพย์ 20/14, โครงการเมืองไทย สไมล์ เซฟเวอร์ 20/16, โครงการเมืองไทย แฮปปี้ รีเทิร์น 80/4, เฟล็กซี่ รีไทร์ 90/5 ดี55, ดี60, ดี65 (บำนาญแบบลดหย่อนได้) เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ และโปรโมชันจัดเต็มสำหรับลูกค้าที่ซื้อประกันภัย รวมถึงลูกค้าที่ชำระเบี้ยประกันภัยต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน  ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดโปรโมชันได้ภายในบูธเมืองไทยประกันชีวิต

พร้อมพบกับตัวแทนประกันชีวิตของเมืองไทยประกันชีวิต ที่แต่งกายเป็นเอกลักษณ์ ด้วย “เสื้อเชิ้ตรุ่นใหม่ by ASAVA ดีไซน์ใหม่ สีชมพูทูโทน” เสริมภาพลักษณ์อย่างมืออาชีพ ความน่าเชื่อถือและความเชี่ยวชาญ    มาช่วยดูแลและให้บริการด้านการวางแผนประกันชีวิตและความคุ้มครองสุขภาพ ที่ออกแบบได้ตามความต้องการ ในไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณอย่างแท้จริง

ด้านสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ พบกับสิทธิพิเศษมากมาย ภายในจุดบริการสไมล์คลับ โดยสมาชิกฯ สามารถแลกคะแนนสะสม Smile Point เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมและรับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ  เมืองไทย Smile Society 2025: ผ่าตัดหัวใจเพื่อผู้ยากไร้แก่มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์   เมืองไทย Smile Trip : เที่ยว กิน ฟิน มู @ ระยอง-จันทบุรี การันตีความอร่อยโดย ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์  วันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2568 ใช้คะแนน 2,500 Smile Points ต่อ 1 ที่นั่ง  บริการปรึกษาด้านกฎหมาย Legal Consultant 1,500 Smile Points แลกรับบริการ Legal Consultant (1 ชั่วโมง) โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Tilleke & Gibbins เพื่อการบริหารจัดการทรัพย์สินธุรกิจของครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพและส่งต่ออย่างยั่งยืน หรือ 1 point 1 dose รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษอีกมากมาย ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ชิลต่อทุกโมเมนต์ ไปกับแคมเปญร่วมกับพันธมิตร SPAGHETTI FACTORY  PT Monomax  Smile for all  Lazada  และCold Stone หรือแลกรับของที่ระลึกต่าง ๆ ที่บูธ อาทิ เช่น บัตรกำนัลเซ็นทรัล  500 บาท บัตรเติมน้ำมัน ปตท. 500 บาท และบัตรกำนัลสเปเชียลพ้อยท์    บัตรชมภาพยนตร์ SF DELUXE Seat 30 คะแนน (จำนวนจำกัด) และพิเศษสุดสำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับที่เปิดบัญชีกองทุนและแลกคะแนน Smile Point to Invest เพื่อซื้อหน่วยลงทุน รับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 200 บาท (จากปกติ 100 บาท) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วพบกันที่ บูธเมืองไทยประกันชีวิต “วันประกันชีวิตแห่งชาติ” ครั้งที่ 24  ระหว่างวันที่ 19 – 20 กรกฎาคม 2568  ณ ลานโปรโมชัน ชั้น 1 โซน B  ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต

ซีพีเอฟ-ประมงสมุทรปราการ-ราชทัณฑ์ ยกระดับปลาหมอคางดำสู่ “น้ำปลาหับเผย” ของดีคู่ครัวไทย

0

กรมประมง เดินหน้าบูรณาการทุกภาคส่วนภาครัฐ เอกชน ชุมชน ดำเนินการมาตรการกำจัดปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการนำมาใช้ประโยชน์ แปรรูปเป็น “น้ำปลา” ที่ประมงสมุทรปราการ จับมือกับ เรือนจำกลางสมุทรปราการ และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกัน หมักน้ำปลา ใช้ชื่อ “หับเผยสมุทรปราการ” เป็นเครื่องปรุงรสที่ทุกบ้านต้องมี พร้อมถ่ายทอดเป็นทักษะอาชีพให้กับผู้ต้องขัง เป็นแนวทางกำจัดปลาอย่างสร้างสรรค์ ฟื้นฟูระบบนิเวศ ช่วยชุมชน และสร้างรายได้ให้กับผู้ที่มีส่วนร่วมในกระบวนการผลิต

สมพร เกื้อสกุล ประมงจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ปลาหมอคางดำเป็นปลาที่บริโภคได้ สามารถแปรรูปได้หลากหลายเมนู การนำมาหมักเป็นน้ำปลาเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับปลาหมอคางดำ และช่วยกระตุ้นการบริโภคได้ทั่วประเทศ นอกจากนี้ “น้ำปลา” เป็นของที่อยู่ทุกครัวเรือน สามารถขยายผล สร้างรายได้เสริมให้กับชุมชนได้ เป็นแนวทางการกำจัดปริมาณปลาหมอคางดำที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งชุมชนและระบบนิเวศ

สถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในพื้นที่สมุทรปราการลดลง จากการประเมินโดยหน่วยงานหลักของกรมประมงในปัจจุบันปลาหมอคางดำที่แพร่ระบาดในพื้นที่สมุทรปราการอยู่ในระดับปานกลาง เป็นผลจากการดำเนินการตามมาตรการควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำของกรมประมงอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะ การจัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” อย่างต่อเนื่อง เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติและนำมาใช้ประโยชน์ นอกจากนำมาหมักเป็นน้ำปลา สมุทรปราการยังร่วมกับสถานีพัฒนาที่ดินสมุทรปราการรับซื้อปลาหมอคางดำสำหรับทำเป็นน้ำหมักชีวภาพในจำนวน 50,000 กิโลกรัม นอกจากนี้ สมุทรปราการยังร่วมมือกับซีพีเอฟดำเนินโครงการ “กองทุนปลากะพง” เพื่อช่วยเกษตรกรลดต้นทุนในการกำจัดปลาหมอคางดำในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

วิชา ม่วงจินดา เจ้าพนักงานอบรมและฝึกวิชาชีพชำนาญงาน เรือนจำกลางสมุทรปราการ กล่าวว่า เรือนจำจะนำ “น้ำปลา” มาใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารสำหรับสวัสดิการเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องขัง กิจกรรมนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก ผู้ต้องขังเองได้แสดงศักยภาพ มีส่วนร่วมกับสังคมในการรักษาสิ่งแวดล้อม และยังมีความรู้วิธีการหมักน้ำปลาสามารถใช้เป็นอาชีพเลี้ยงตนเองหลังจากพ้นโทษ และในอนาคตจะต่อยอดส่งน้ำปลาให้หน่วยงานตรวจรับรองคุณภาพและความสะอาด นำออกมาจำหน่ายเป็นสินค้า “หับเผยสมุทรปราการ”

กิจกรรมหมักน้ำปลาจากปาหมอคางดำและฝึกทักษะอาชีพให้แก่ผู้ต้องขัง เป็นแนวทางบูรณาการความร่วมมือระหว่างกรมประมง กรมราชทัณฑ์ และซีพีเอฟ ที่ดำเนินการตั้งแต่ปี 2567 ใน 4 แห่ง ได้แก่ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร เพชรบุรี และสมุทรปราการ โดยประมงสมุทรสงครามกำลังนำ “น้ำปลา” ขวดแรกส่งให้กรมประมงตรวจรับรองคุณภาพและความปลอดภัย เพื่อเป็นต้นแบบสินค้าอาหารจากปลาหมอคางดำ เปลี่ยนปัญหาเป็นโอกาส สร้างสินค้าตัวใหม่ ช่วยสร้างรายได้ สร้างอาชีพ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของท้องถิ่น.