Home Blog Page 386

เซเว่น อีเลฟเว่น สาขาธาราพัทยา ได้รางวัล ASEAN Energy Awards 2020 ด้านอนุรักษ์พลังงาน ระดับอาเซียน

0

นายวิเชียร จึงวิโรจน์ กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนรับรางวัลในโอกาสที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สาขา ธาราพัทยา รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภท Best Practices of Green Building Small & Medium Category ซึ่งนับเป็นบริษัทในประเทศไทยเพียงหนึ่งเดียวที่รับรางวัลในประเภทนี้ จากงาน ASEAN Energy Awards จัดโดย องค์กร ASEAN Centre for Energy (ACE) ผ่านระบบ VDO Conference จากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

โดยรางวัล การประกวด ASEAN Energy Awards 2020 ด้านอนุรักษ์พลังงาน จะพิจารณาจากเกณฑ์การตัดสินด้านต่างๆ ได้แก่ ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน (Energy Efficiency), ประสิทธิภาพการใช้น้ำ (Water Efficiency), ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability), คุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร (Indoor Environmental Quality) และ การดำเนินงาน การบำรุงรักษา และด้านสิ่งแวดล้อม (Operation and maintenance & Other Green)

สำหรับร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาธาราพัทยา เปิดให้บริการเมื่อเดือนธันวาคม 2561 โดยเป็นร้านที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม ด้วยการออกแบบให้ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยก่อสร้างตามเกณฑ์ “การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทย” หรือที่เรียกว่าเกณฑ์อาคารเขียว ของสถาบันอาคารเขียวไทย เช่น ติดตั้งหลังคาแบบ Solar Rooftop ผลิตไฟฟ้าทดแทนได้ประมาณ 50%, จุดบริการ EV Charger สถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ระบบไฟฟ้า, ระบบแสงสว่างใช้หลอดไฟ LED ทั้งร้าน ช่วยประหยัดไฟมากกว่าหลอดไฟธรรมดากว่า 30%, ผนังกระจก 2 ชั้น ลดการถ่ายเทความร้อน, ตู้จำหน่ายสินค้าแช่เย็นมีบานเปิด-ปิดใส ช่วยเก็บอุณหภูมิสินค้าใหม่ให้คงที่ พร้อมทั้งมีจอ LED แสดงผลการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ไฟฟ้าในสาขาแบบ Real Time ฯลฯ

ทิพยประกันภัย ตามรอยเสด็จในหลวงร.9 เยือนสวนสมเด็จย่า จ.เพชรบุรี

0

นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)  ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด และประธานมูลนิธิธรรมดี กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และมูลนิธิธรรมดี นำคณะครูอาจารย์จากสถาบันการศึกษาต่างๆ กว่า 40 คน ผู้นำชุมชนกว่า 35 คน ร่วมกิจกรรมโครงการตามรอยพระราชา “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 10” ตามรอยเสด็จพระราชดำเนินทางรถไฟครั้งแรกของในหลวงรัชกาลที่ 9 เยือนสวนสมเด็จย่า พื้นที่เงาฝน พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเรียนรู้และถอดรหัสพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมทั้งถอดบทเรียนสร้างนวัตกรรมด้านการเรียนการสอนให้กับเยาวชน โดยมี นางวันเพ็ญ  มังศรี  รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม

โครงการสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สวนสมเด็จย่า) อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เดิมเป็นพื้นที่เสื่อมโทรมจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงมีพระราชดำริให้พัฒนาพื้นที่เป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาด้านการเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ฟื้นฟูให้คืนความอุดมสมบูรณ์ด้วยการทำเกษตรแบบผสมผสานและสร้างแหล่งน้ำ เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตและเป็นแหล่งเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้านการเกษตร การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และพันธุกรรมพืช รวมถึงเป็นที่ฝึกอบรมการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรและสมุนไพร

โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรม ได้ร่วมกันเก็บดอกบัวหลวงสัตตบุศย์ในนาบัว พับกลีบดอกบัวถวายเป็นเครื่องสักการะสมเด็จย่า แล้วนั่งรถรางชมโครงการและปลูกป่า ปิดท้ายด้วยการปลูกข้าวแบบโบราณที่ต้องถอนกล้าและดำนา

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้รับชุดหนังสือภาษาอังกฤษ ‘King Bhumibol Adulyadej of Thailand’ จำนวน 3 เล่ม ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชจริยวัตร ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นำไปถ่ายทอดแก่นักเรียนผ่านหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้เยาวชนรุ่นหลังได้รู้จักพระองค์ท่านและสามารถสื่อสารให้ชาวต่างชาติฟังได้ว่า ทำไมคนไทยจึงรักและผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งยังให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตเพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เต็มเปี่ยมด้วยคุณธรรม

AIS จับมือเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดตัว AIS 5G SMART MIRROR กระจกลองเสื้อเสมือนจริง

0

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า  เอไอเอส ร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดตัว AIS 5G SMART MIRROR ครั้งแรกในไทยกับการลองเสื้อผ้าบนโลกเสมือนจริงในรูปแบบ Virtual Fitting ผ่านเครือข่าย 5G ที่ทำให้ลูกค้าสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้าจากหลากหลายแบรนด์ดังได้แบบเรียลไทม์ในที่เดียว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักช้อปยุคนิวนอร์มัล ที่เน้นเรื่องความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย  

AIS 5G SMART MIRROR หรือกระจกอัจฉริยะที่เป็นดั่งผู้ช่วยในการแต่งตัว ที่ทำงานบนเครือข่าย AIS 5G ซึ่งมีพลานุภาพสูง ทั้งในแง่ของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Speed) การตอบสนองต่อการสั่งงานที่รวดเร็ว มีความหน่วงต่ำ (Latency) พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ที่หลากหลาย (IoT Connectivity) เข้าไปพลิกโฉมประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้าในยุค 5G ให้สนุกและตื่นเต้นกว่าที่เคย

โดยเมื่อลูกค้าส่องกระจกอัจฉริยะแล้ว ระบบจะสร้างรูปจำลองแบบเสมือนจริง เพื่อช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพชัดเจนขึ้น สามารถเปลี่ยนทรงผม ปรับสรีระร่างกาย เลือกไซส์ และเลือกสไตล์เสื้อผ้าได้หลากหลายแบรนด์ พร้อมแสดงผลได้อย่างรวดเร็วผ่านเครือข่าย 5G ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาไปลองเสื้อผ้าจากหลายๆ ร้านให้ยุ่งยาก แต่สามารถรู้ข้อมูลสินค้าและราคาได้ก่อนตัดสินใจซื้อได้ในที่เดียว โดยมีร้านค้าแบรนด์ดังที่ร่วมรายการมากมาย ได้แก่ CARNIVAL, H&M, MLB, MICHAEL KORS, POLO RALPH LAUREN, PULL&BEAR, SUPERDRY, TOPSHOP/TOPMAN, UNIQLO และ ZARA

และเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าได้สัมผัสความเร็วแรงของเทคโนโลยี 5G ที่เหนือระดับไปอีกขั้น จึงมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าเอไอเอส ที่ไปลองเสื้อผ้าที่บูธ AIS 5G SMART MIRROR ตั้งแต่วันนี้ – 5 มกราคม 2564 ณ ชั้น 2 โซนเซ็นทรัลคอร์ท หน้าลิฟต์แก้ว ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ประกอบด้วย

• รับทันทีคูปองส่วนลด 200 บาท เมื่อร่วมกิจกรรมที่บูธ AIS 5G SMART MIRROR และใช้ AIS Points   200 คะแนน

• รับทันทีของขวัญสุดพรีเมียมจาก AIS เมื่อช้อปครบ 2,000 บาท ในร้านค้าที่ร่วมรายการ

ด้าน ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด เซ็นทรัลพัฒนา    กล่าวว่า การจับมือกับพาร์ทเนอร์อย่างเอไอเอส ร่วมกันตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มัล ผ่าน AIS 5G SMART MIRROR กระจกอัจฉริยะ Virtual Fitting ตัวช่วยในการลองเสื้อผ้าแบบไม่ต้องเสียเวลา ลูกค้าสามารถเลือกลองเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ๆ จากหลากหลายแฟชั่นแบรนด์ชั้นนำตั้งแต่ Street Fashion, Fast Fashion, Affordable Luxury ที่เซ็นทรัลเวิลด์ได้พร้อมๆ กันแบบไม่ต้องเหนื่อย ที่ผ่านมาเราและเอไอเอสต่างเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ตรงกันในการนำนวัตกรรมมาสู่ผู้บริโภค มีการนำเทคโนโลยี 5G มาช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยของประชาชนในศูนย์การค้า เช่น หุ่นยนต์ตรวจอุณหภูมิ หุ่นยนต์บริการเจลแอลกอฮอล์ ซึ่งได้สร้างปรากฎการณ์ระดับโลกร่วมกันมาแล้ว

แบงก์ชาติ ออก 3 มาตรการ คุมค่าเงินบาท

0

นางสาว วชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้ออกมาตรการ 3 ด้าน ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อค่า เงินบาท และแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ช่วยให้เงินทุนเคลื่อนย้ายมีความสมดุลมากขึ้น หลังจาก ธปท. กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ร่วมมือกันแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนไทยอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดระบบนิเวศของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนใหม่ (FX Ecosystem)

มาตรการ 3 ด้าน ประกอบด้วย

1. เปิดให้คนไทยฝากเงินตราต่างประเทศได้เสรี (Foreign Currency Deposit : FCD) และโอนเงินระหว่างบัญชี FCD ของคนไทยได้เสรี ซึ่งจะช่วยให้ผู้ส่งออกบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศและบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้คล่องตัวมากขึ้น สามารถทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยลดต้นทุนการโอนเงินและชำระเงิน รวมทั้งทำให้คนไทยสามารถกระจายความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินตราต่างประเทศได้สะดวกขึ้น เช่น การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ และการซื้อขายทองคำเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น

2. ปรับกฎเกณฑ์และกระบวนการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ทั้งเรื่องวงเงินและผลิตภัณฑ์ที่ลงทุนได้ เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับคนไทยและสนับสนุนให้มีการกระจายความเสี่ยงการลงทุนได้มากขึ้น เช่น เพิ่มวงเงินลงทุนให้นักลงทุนรายย่อยลงทุนโดยตรงได้เป็น 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี จากเดิม 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี และไม่จำกัดวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ลงทุนผ่านตัวกลางในประเทศ เช่น บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน

รวมถึง ไม่จำกัดวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศสำหรับนักลงทุนภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และเปิดให้มีการนำหลักทรัพย์ต่างประเทศมาซื้อขายในไทยได้โดยไม่จำกัดวงเงิน เช่น กองทุนรวมดัชนี (ETF) ที่อ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ เป็นต้น

3.การลงทะเบียนแสดงตัวตนเพื่อซื้อขายตราสารหนี้ (Bond Pre-trade Registration)  ผู้ลงทุนในตราสารหนี้ไทยต้องลงทะเบียนแสดงตัวตนก่อนการซื้อขาย ทำให้ ธปท. ระบุตัวตนและติดตามพฤติกรรมของนักลงทุนได้อย่างใกล้ชิด เป็นการยกระดับการติดตามข้อมูลและเอื้อให้ ธปท. สามารถดำเนินนโยบายได้อย่างตรงจุดและทันการณ์ ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับการดำเนินการของหลายประเทศ เช่น เกาเหลีใต้ มาเลเซีย ไต้หวัน เป็นต้น

รถไฟฟ้าบีทีเอส วิ่งบริการครบ 3.5 พันล้าน เที่ยวคน เตรียมเปิด 7 สถานีใหม่ปลายปีนี้

0

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า ในเดือนพฤศจิกายน 2563 นี้ รถไฟฟ้าบีทีเอสได้เปิดให้บริการผู้โดยสารครบ 3,500,000,000 เที่ยวคน รวมระยะทางกว่า 104,380,000 กิโลเมตร นับตั้งแต่รถไฟฟ้าบีทีเอสเปิดให้บริการเที่ยวแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542  จนถึงวันนี้ที่บริษัทก้าวสู่ปีที่ 21

สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

บีทีเอส ได้ยึดมั่นมาตรฐานในการให้บริการด้านความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง มีจุดมุ่งหมายหลัก เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในการเดินทาง พร้อมทั้งช่วยลดปัญหาการจราจร และปัญหามลพิษทางอากาศ  แม้ว่าในช่วงต้นปี 2563 จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นวิกฤติที่ส่งผลกระทบต่อทุกคนในโลกก็ตาม แต่บริษัท ฯ ยังคงอยู่เคียงข้างกับผู้โดยสาร และสามารถก้าวผ่านปัญหาอุปสรรคด้วยกันมาได้อย่างดี จากความร่วมมือของผู้โดยสารทุกท่าน     

ตั้งแต่ปี 2562 ท่ี่ผ่านมา รถไฟฟ้าบีทีเอสได้เริ่มทยอยเปิด โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต – สะพานใหม่- คูคต ได้แก่  สถานีห้าแยกลาดพร้าว , สถานีพหลโยธิน 24 , สถานีรัชโยธิน , สถานีเสนานิคม , สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และในเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดสถานีเพิ่มอีก  4  สถานี ได้แก่  สถานีกรมป่าไม้ , สถานีบางบัว , สถานีกรมทหารราบที่ 11  และสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ  รวมระยะทาง 58.42  กิโลเมตร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี

และในเดือนธันวาคม 2563 นี้ รถไฟฟ้าบีทีเอส เตรียมเปิดให้บริการเพิ่มอีกจำนวน 7 สถานี ต่อจาก สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ได้แก่ สถานีพหลโยธิน 59 , สถานีสายหยุด , สถานีสะพานใหม่ , สถานีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช , สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ , สถานีแยก คปอ. และสถานีคูคต รวมระยะทาง 9.8 กิโลเมตร เพื่อเป็นการขยายเส้นทางส่งต่อความสุข  มอบเป็นของขวัญให้แก่ประชาชน ช่วยลดปัญหาการจราจรโดยเฉพาะโซนด้านเหนือซึ่งเป็นประตูสู่กรุงเทพ ฯ เนื่องจากตลอดเส้นทางส่วนต่อขยาย ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต มีทั้งสถาบันการศึกษา ห้างสรรพสินค้า สำนักงานราชการ หมู่บ้าน ชุมชน ซึ่งคาดว่าเมื่อเปิดเดินรถไฟฟ้าได้ครบเรียบร้อยแล้ว จะช่วยบรรเทาการจราจรให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เชื่อมโยงการเดินทางครอบคลุมถึง 3 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ โดยจะสามารถรองรับผู้โดยสารที่มาใช้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,500,000  เที่ยวคนต่อวัน อีกด้วย      

นายสุรพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า ในโอกาสที่รถไฟฟ้าบีทีเอสได้ให้บริการผู้โดยสารครบ 3,500,000,000 เที่ยวคน บริษัทฯ ต้องขอขอบคุณผู้โดยสารทุกท่าน ที่คอยให้การสนับสนุน มาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะปรับปรุงพัฒนาการบริการให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย  และมีความปลอดภัยในการใช้บริการให้ดียิ่งขึ้น ตามสโลแกนที่ว่า “LIFT UP YOUR LIFE ความสุขยกระดับของชีวิตวันนี้”

25 โรงงานของ ซีพีเอฟ รับรางวัล CSR-DIW Continuous Award รับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนอย่างยั่งยืน

0

รายงานข่าวจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า สถานประกอบการ 25 โรงงาน ของ ซีพีเอฟ ได้รับรางวัลในโครงการส่งเสริมโรงงานอุตสาหกรรมให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนอย่างยั่งยืน ประเภท CSR-DIW Continuous Award จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม มุ่งมั่นรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จัดพิธีมอบรางวัลโครงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมีความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR-DIW) โดยมี นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธี ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดี กรุงเทพฯ

นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟเข้าร่วมโครงการ CSR-DIW ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตั้งแต่ปี 2552 สำหรับปีนี้ มีสถานประกอบการ 25 โรงงานของบริษัทได้รับรางวัล CSR DIW Continuous Award ประจำปี 2563 สะท้อนถึงความตั้งใจอย่างต่อเนื่องในการรักษามาตรฐานการทำงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ที่สำคัญ คือ มีการปฏิบัติตามมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่มีต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง

“การเข้าร่วมโครงการส่งเสริมโรงงานอุตสาหกรรมให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนอย่างยั่งยืน เป็นตัวชี้วัดว่าบริษัทและพนักงานตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สอดรับกับปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่ซีพีเอฟยึดมั่นในหลัก 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน คือ ต่อประเทศชาติ ประชาชน และบริษัท ”นายวุฒิชัย กล่าว

นอกจากการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว ซีพีเอฟยังนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้ในการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ถูกใช้อย่างคุ้มค่า อาทิ การใช้พลังงานและน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตลอดกระบวนการผลิต ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งตลอดห่วงโซ่คุณค่า รวมไปถึงการลดปริมาณอาหารส่วนเกินและขยะอาหารในกระบวนการดำเนิน ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีส่วนร่วมอนุรักษ์ ปกป้อง และฟื้นฟูผืนป่าชายเลน และป่าต้นน้ำ ซึ่งเป็นฐานทรัพยากรที่สำคัญของประเทศ และต่อยอดสู่การสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

ทรูมันนี่ ผนึก ธ.เกียรตินาคินภัทร เปิดบัญชีเงินฝากผ่านแอปฯ ดอกเบี้ยสูง 1.55%

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า ทรูมันนี่ ร่วมมือกับ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) อำนวยความสะดวกผู้ใช้ให้สามารถเปิดบัญชีออมทรัพย์ “KKP Start Saving” กับธนาคารเกียรตินาคินภัทรผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet ได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมมอบดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 1.55% ต่อปี ตั้งแต่บาทแรก โดยชู 4 จุดเด่น 1. เปิดบัญชีง่ายได้ทุกที่ทุกเวลาไม่ใช้เอกสาร  2. ถอน ฝาก หรือโอนเงินจากบัญชีธนาคารผ่าน TrueMoney Wallet ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งแบบฟรีค่าธรรมเนียม 3. เช็คยอดเงินฝากพร้อมดอกเบี้ยสะสมแต่ละวัน หรือตรวจสอบประวัติการทำธุรกรรมได้แบบเรียลไทม์ 4. มีความปลอดภัยในการใช้งานระดับสถาบันการเงินชั้นนำตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยระบบยืนยันตัวตน e-KYC ที่ตรวจสอบสองชั้นด้วยบัตรประชาชนและสแกนใบหน้า 

นายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ครั้งนี้ ตอกย้ำว่า ทรูมันนี่ กำลังพัฒนาไปสู่การเป็นผู้นำการให้บริการทางการเงินดิจิทัลที่ตอบรับความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ และเปิดยุคการออมแบบ Cashless ซึ่งมอบโอกาสให้ผู้ใช้อีวอลเล็ตสามารถเปิดบัญชีเงินฝากพร้อมรับดอกเบี้ยที่คุ้มค่าได้ง่ายกว่าที่เคย และสามารถโยกเงินเข้าออกระหว่างบัญชีใช้จ่ายในแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet และบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ “KKP Start Saving” ได้สะดวกและรวดเร็ว ผ่านการผสานเทคโนโลยีและศักยภาพของ e-Wallet กับ e-Banking ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะกระตุ้นให้ผู้ใช้ทรูมันนี่ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เกิดการรับรู้และสร้างวินัยการออมแบบ Micro-Saving เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองในอนาคต อีกทั้งตอบโจทย์ไลฟสไตล์แบบ new normal

นายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือกับทรูมันนี่ในการเปิดบริการบัญชี KKP Start Saving  ที่ลดขั้นตอนการเปิดบัญชีแบบเดิมที่ยุ่งยากและเสียเวลา และให้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.55% ทำให้ผู้ใช้บริการไม่พลาดโอกาสรับผลตอบแทนเช่นเดียวกับการฝากเงินธนาคาร แม้สำหรับเงินเพื่อการใช้จ่ายในวอลเล็ต โดยธนาคารยังคงไม่หยุดที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆบน TrueMoney Wallet ให้มากขึ้นเรื่อยๆ ตรงกับเป้าหมายของธนาคารที่ส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค

ดร. อนุชิต อนุชิตานุกูล ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า ธนาคารเชื่อในแนวคิดของ Banking as a Service (BaaS) ที่บริการของธนาคารควรสามารถทำผ่านแพลตฟอร์มที่เหมาะสมใดๆ ก็ได้  เพราะทำให้บริการของธนาคารไปสู่ผู้บริโภคได้มากขึ้นและหลากหลายขึ้นกว่าการจำกัดอยู่ที่สาขาหรือแอปของธนาคารแต่เพียงอย่างเดียว ข้อมูลในระยะที่ผ่านมาชี้ชัดว่าปัจจุบัน มีจำนวนลูกค้าไปใช้บริการที่สาขาของธนาคารลดลงกว่าสองในสาม ดังนั้น ความร่วมมือเช่นที่เกียรตินาคินภัทรทำกับทรูมันนี่ในครั้งนี้ ย่อมจะนำไปสู่ยุคสมัยของ Virtual Banking ที่บริการธนาคารเกิดขึ้นได้ในทุกที่ สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่อัตราการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ดีขึ้นสำหรับคนในประเทศ ซึ่งจะยกระดับศักยภาพให้กับระบบเศรษฐกิจโดยรวมต่อไป

ทรู ดิจิทัล พาร์ค เปิด ศูนย์รวมสถาบันเรียนรู้ดิจิทัล ป้อนแรงงานดิจิทัลสู่ตลาด

0

นายฐนสรณ์ ใจดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้มีคนตกงานมากกว่า 3 ล้านคน ขณะที่ในแต่ละปีมีนักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัยปีละ 5 แสนคน ยังไม่นับคนตกงานที่มีการคาดการณ์ว่าปีนี้น่าจะตกงานประมาณ 1.7-1.8 ล้านคน ขณะที่สตาร์ท อัป เองก็มีปัญหาการจ้างงาน ในการหาคนที่เหมาะกับงาน และปัญหาคนอยู่ในองค์กรไม่นาน รวมถึงมาตรฐานการจ้างงาน การอัปสกิล และรีสกิล ทักษะดิจิทัลจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ทรูจึงต้องการมีบทบาทในการเป็นศูนย์รวมของบริษัทไอทีชั้นนำที่พร้อมนำหลักสูตรด้านไอทีมารวบรวมไว้ที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค อีกทั้งจะเป็นผู้จับคู่หาอาชีพให้แก่ตลาดแรงงานที่ต้องการบุคลากรดังกล่าวด้วย ด้วยการเปิดตัว ‘ศูนย์รวมสถาบันการเรียนรู้ด้านดิจิทัลระดับโลก’ ที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค แห่งแรก และแห่งเดียวในประเทศไทย

โดยทรู ร่วมกับ 13 พันธมิตรในการนำหลักสูตรมาให้ผู้สนใจเข้าร่วมอบรมทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่ายหากต้องการใบรับรอง คาดว่าภายในปีแรกจะมีผู้เข้าร่วมอบรมหลักสูตรต่างๆ จำนวน 2 แสนคน และภายใน 2-3 ปี จะเพิ่มเป็น 7 แสนคน ซึ่งภายในปี 2565 ทรู ดิจิทัล พาร์ค จะเปิดพื้นที่เฟส 2 จำนวน 45,000 ตารางเมตร เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม

สำหรับพันธมิตรที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค จับมือ ประกอบด้วย Alibaba Cloud Thailand, Amazon Web Services, Cisco System (Thailand), Google Thailand, Huawei Cloud Thailand, Microsoft (Thailand), Mitsubishi, Sea (Thailand),True Digital Academy, Bit.studio, Tellscore, สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทยและการตลาดวันละตอน

ด้าน นายธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า ศูนย์รวมสถาบันการเรียนรู้ด้านดิจิทัลระดับโลก ใช้พื้นที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค ให้ผู้ที่สนใจมาเรียนรู้และอัปสกิลด้านดิจิทัล พร้อมกันนี้ ยังเป็นโอกาสให้ได้พบปะสร้างเครือข่ายสตาร์ท อัป และเทคคอมมูนิตี ในบรรยากาศที่เปิดโล่งและเชื่อมต่อถึงกันในแต่ละชั้น เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม ตอบโจทย์วิถีการทำงานของคนยุคดิจิทัล

นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุม เวิร์กชอป ทาวน์ฮอลล์ อีเวนต์ และกิจกรรมอีกมากมาย ซึ่งศูนย์นี้จะช่วยขยายความก้าวหน้าและเปิดโอกาสการเติบโตของคนไทยในการทำงานและการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล ให้เข้าถึงความรู้และอัปสกิลด้านดิจิทัลผ่านหลักสูตรต่างๆ ที่คัดสรรและออกแบบโดยพันธมิตรองค์กรเทคโนโลยีและดิจิทัลชั้นนำที่เปี่ยมด้วยองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในแต่ละด้านอย่างแท้จริง

อดีตเด็กช่าง ส่งผักขายเซเว่นจนได้จับเงินล้าน พลิกชีวิตช่วงวิกฤตโควิด

0

สุวรรณ เอิร์ธ ผู้ผลิตสินค้าเกษตรประเภทผักสดรับทรัพย์เพิ่มช่วงโควิด -19 ส่ง ‘ผักสด’ เข้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ยอดขายเพิ่มกว่าเท่าตัว จากวันละ 6,000 – 8,000 แพ็ค ขยับเพิ่มเป็น 20,000 แพ็คต่อวัน ได้ช่วยสร้างงาน กระจายรายได้ให้เกษตรกรกว่า 30 ราย ราว 200 ไร่ ความสำเร็จที่เกิดขึ้น อานิสงส์หลักมาจากคนรักสุขภาพเพิ่มขึ้น ตลอดจนได้รับความช่วยเหลือจากร้านเซเว่นฯ ที่มีไอเดียทำชุดผักพร้อมปรุงเพื่อกระตุ้นยอดขาย อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าอยู่บ้านก็สามารถทำอาหารทานเองได้ไม่ยาก   

นาย มานิตย์ ทิพย์ปิ่นทอง หรือ วิทย์ ชายหนุ่มวัย 36 ปี เจ้าของบริษัท สุวรรณ เอิร์ธ จำกัด เล่า ย้อนไปเมื่อปี 2557 เซเว่น อีเลฟเว่น มีโครงการทดลองขายผัดสด ด้วยความสนใจ เลยเข้าไปติดต่อขอร่วมโครงการ จากนั้นได้รับการติดต่อกลับ รู้สึกได้เลยว่า ‘เซเว่น’ ไม่ทอดทิ้งผู้ประกอบการรายย่อย และไม่คิดว่าองค์กรใหญ่จะให้ความสำคัญกับเกษตรกรรายเล็ก

โอกาสที่ชายหนุ่มได้รับ เจ้าตัว บอกว่า ดีใจมาก ไม่คิดว่าความฝันจะเป็นจริง จากเด็กชาวเขา เรียนจบ ปวส. เคยฝันว่าสักวันหนึ่งจะส่งผักเข้าร้านสะดวกซื้อ ทั้งที่ไม่มีทุนทรัพย์ ไม่มีเครือข่าย ซ้ำยังถูกเอารัดเอาเปรียบมาตลอด

“ผมเกิดและเติบโตที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พ่อแม่เป็นชาวเขาเผ่าม้ง มีอาชีพเป็นเกษตรกรปลูกผักขาย อาทิ ผักกาดขาว กะหล่ำปลี จบการศึกษา ปวส. ช่างยนต์ หลังเรียนจบ ราวปี 2551 มาช่วยครอบครัวปลูกผัก ผลผลิตที่ได้ถ้าผักสวยๆ จะถูกพ่อค้าคนกลางคัดไป ส่วนผักไม่สวยจะนำไปขายที่ตลาด กลับมาช่วยขายผัก 3 ปี จากนั้นจึงมองหาช่องทางการขายอื่น”    

หลังชายหนุ่มเลือกทำตลาดเอง เจ้าตัว บอกว่า ใช้วิธีขับรถเร่ขายผักไปตามจังหวัดต่างๆ อาทิ นครสวรรค์ กำแพงเพชร ระยอง ทว่าส่วนใหญ่เป็นตลาดค้าปลีก ลูกค้ากำลังซื้อน้อย สุดท้ายลงมากรุงเทพฯ ตัดสินใจขายส่งผักที่ตลาดสี่มุมเมือง หลักๆ ยังคงเป็น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี แคร์รอต บรอกโคลี ในส่วนของรายได้ดีกว่าส่งพ่อค้าคนกลาง เฉลี่ยเดือนละ 200,000 บาท  

แม้กิจการจะดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่พ่อค้าผัก บอกว่า ในใจลึกๆ ฝันไว้ตั้งแต่เด็กอยากส่งผักขายร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้า เพราะอยากให้คนส่วนใหญ่ได้รับประทานผักปลอดภัย ที่สำคัญเป็นความภูมิใจของครอบครัว

ปี 2557 เหมือนโอกาสมาถึง เซเว่น อีเลฟเว่น มีโครงการทดลองขายผัดสด ชายหนุ่มไม่รอช้า รีบเข้าไปติดต่อขอร่วมโครงการ จากนั้นได้รับการติดต่อกลับ ให้นำผักกาดขาว กะหล่ำปลี แตงกวา แตงร้าน ต้นหอม ผักชี  ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มาทดลองวางจำหน่าย

“ผมดีใจมากที่เซเว่นฯ ติดต่อกลับ ตอนนั้นไม่มีเงินทุนสร้างโรงแพ็คผัก เลยไปหาเช่าโรงแพ็คที่ได้มาตรฐาน เดือนละ 20,000 บาท ในช่วงแรกออร์เดอร์ยังไม่เยอะ ส่งเซเว่นฯ เริ่มต้น 20 สาขา หลังๆ เขยิบเพิ่มขึ้นเป็น 30 สาขา 40 สาขา ปัจจุบัน 300 สาขา เฉพาะกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ส่งผัก 50 รายการ ผักที่ขายดี แตงร้าน แตงกวา กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน” 

ค้าขายกับเซเว่นฯ เรื่อยมา กระทั่งปี 2561 ตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่หวังสร้างอนาคต ด้วยการซื้อที่ดิน 239 ตารางวา ย่านลำลูกกา คลอง 3 จังหวัดปทุมธานี มูลค่า 7.9 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานแพ็คผัก เพราะออร์เดอร์เกือบทั้งหมดมาจากเซเว่น

               “ทุกวันนี้ผมส่งผักให้เซเว่นเจ้าเดียว แน่วแน่จะฝากอนาคตกับซีพี ออลล์ เพราะที่ผ่านมาออร์เดอร์เพิ่มขึ้นตลอด มีการประกันราคาให้ด้วย ยิ่งช่วงโควิด หลายๆ คนตกงาน แต่ยอดขายเราพุ่งขึ้นมากกว่าเท่าตัว จากเดิมส่งผักวันละ 6,000 – 8,000 แพ็ค ขยับเพิ่มเป็น 20,000 แพ็คต่อวัน ได้ความช่วยเหลือจากเซเว่นฯ ที่คิดไอเดียทำชุดผักพร้อมปรุง อาทิ ชุดต้มยำ ชุดสุกกี้ ชุดผัดกะเพรา ชุดผักน้ำพริก เพื่อกระตุ้นยอดขาย เพราะลูกค้าบางคนไม่รู้ว่าแต่ละเมนูต้องใส่ผักอะไรบ้าง”

สำหรับแหล่งที่มาของผัก เจ้าของกิจการ บอกว่า จะรับซื้อจากเกษตรกร 30 ราย ราว 200 ไร่ รับซื้อวันต่อวัน เช่น กะหล่ำปลีวันละ 400 กิโลกรัม ผักบุ้ง 100 กิโลกรัม  แตงร้าน 150 กิโลกรัม ยอดคะน้า 100 กิโลกรัม เน้นความสดใหม่ สะอาด ผักสวย เป็นผักปลอดภัยทั้งหมด ทั้งนี้จะประกันราคาให้ทั้งปี และให้เกษตรกรเบิกเงินล่วงหน้าได้

ด้านนายทะนงศักดิ์ แซโค้ง เกษตรกรคนขยัน อายุ 66 ปี ปัจจุบันเช่าพื้นที่ปลูกผัก 30 ไร่ ตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ส่งผักปลอดภัยขายในเซเว่นมาปีกว่า เจ้าตัว เล่าว่า ตั้งแต่ค้าขายกับซีพี ออลล์ มีรายได้ที่แน่นอน ไม่ต้องกังวลเรื่องถูกเอาเปรียบ มีรายได้ทุกวัน เฉลี่ยวันละ 1,200 บาท สบายใจ มั่นใจไม่ตกงาน

               “เมื่อก่อนส่งผักขายตลาด มีออร์เดอร์ไม่แน่นอน ซ้ำยังถูกกดราคา ตั้งแต่ส่งผักให้เซเว่นฯ สบายใจขึ้นเยอะ ไม่โดนเอาเปรียบ ได้กำไรแน่นอนอย่างน้อยกิโลกรัมละ 5 บาท ยิ่งช่วงโควิด – 19 เพื่อนเกษตรกรด้วยกันตกงาน แต่เรารายได้เพิ่ม จากวันละ 1,200 เป็น 2,400 บาท เรียกว่าเหนื่อยกายแต่ไม่เหนื่อยใจ เพราะได้จับเงินทุกวัน”   

จากที่ได้ร่วมงานกับบริษัท ซีพี ออลล์ ทั้งนายมานิตย์และนายทะนงศักดิ์  เผยความในใจว่า ตลอดระยะเวลาที่เป็นคู่ค้ากันมา ได้รับการช่วยเหลือจากเซเว่นฯ ทุกอย่าง ไม่คิดว่าองค์กรใหญ่จะให้ความสำคัญกับเกษตรกรที่เรียนจบไม่สูง ช่วยสร้างงานที่มั่นคง มีออร์เดอร์ที่แน่นอน  ปัจจุบันวางอนาคตให้ลูกๆ เข้ามาช่วยงานต่อแล้ว.

ซีพีออลล์ จับมืออัสสัมชัญพาณิชยฯ เปิดสอนค้าปลีกผ่านประสบการณ์จริง

0

นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ เปิดเผยว่า ซีพี ออลล์ ได้ลงนามความร่วมมือทางวิชาการกับโรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ เพื่อร่วมจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี สำหรับพัฒนาและผลิตบุคลากรให้โอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชน โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้รับรู้ทักษะและประสบการณ์จริงจากสถานประการ

ทั้งนี้ ซีพี ออลล์ มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการ พัฒนาคุณภาพ “คน” ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ผ่านวิธีการหลากหลายรูปแบบได้แก่ การก่อตั้งสถาบันการศึกษาเพื่อสังคมขึ้นมา 2 แห่ง คือ วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ (PAT) และสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) รวมถึงศูนย์การเรียนรู้ปัญญาภิวัฒน์อีกกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ การมอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนอย่างต่อเนื่องตลอด 15 ปี กว่า 54,000 ทุน เป็นเงินรวมกว่า 5,100 ล้านบาท

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้  เพื่อบูรณาการงานด้านวิชาการระบบทวิภาคี โดยจัดหลักสูตรการเรียนการสอนประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือ ปวส. ในสาขาที่เกี่ยวข้อง โดยให้นักเรียนได้ฝึกงานในสถานประกอบการและส่งเสริมให้นักศึกษาได้พัฒนาการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงพร้อมสนับสนุนงานด้านวิชาการ

นอกจากนี้ยังร่วมวางแผนร่วมกันพัฒนาหลักสูตรให้กับครูผู้สอน เพื่อพัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของวิทยาการและเทคโนโลยีใหม่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนากำลังคนให้มีประสิทธภาพตรงกับความต้องการของสถานประกอบการในปัจจุบันและอนาคต ตามปณิธานองค์กร ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน