Home Blog Page 373

FIVE STAR และ STAR Coffee ให้ผู้ประกอบการ คุมเข้มมาตรการสู้โควิด-19

0

นายสุนทร จักษุกรรฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจห้าดาว บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ร้าน FIVE STAR และ STAR Coffee ได้กำหนดมาตรการและการปฏิบัติในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 สำหรับเถ้าแก่ธุรกิจห้าดาว มีรายละเอียดทั้ง 7 มาตรการ ดังนี้

สุนทร จักษุกรรฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจห้าดาว บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
  1. จัดแถวต่อคิวอาหาร ให้มีระยะห่างมากกว่า 1.5 เมตร
  2. จำกัดจำนวนคนเข้าร้านตามที่นั่งที่กำหนดไว้ (รูปแบบร้าน)
  3. จัดให้มีเจลหรือแอลกอฮอล์บริการ โดยลูกค้าจำเป็นต้องล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง เมื่อเข้ามาใช้บริการ
  4. แนะนำลูกค้าจ่ายเงินผ่านระบบ TrueMoney Wallet, QR Code และ E-Wallet เพื่อลดการสัมผัสเงินสด และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  5. เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดเคาน์เตอร์ต่างๆ ตู้โชว์สินค้าด้านนอก เครื่องคิดเงิน และพื้นที่โดยรอบทุก 1 ชั่วโมง
  6. ผู้ปฏิบัติงานต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และหากพนักงานของท่านมีอาการไข้ ไอเจ็บคอ ขอให้ส่งเข้ารับการตรวจคัดกรองทันที
  7. เปิดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 06.00 – 21.00 น. ตามมาตรการของภาครัฐ

มาตรการทั้ง 7 ข้อ เป็นแนวปฏิบัติที่ส่งถึงผู้ประกอบธุรกิจ FIVE STAR และ STAR Coffee เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติอย่างเข้มงวดร่วมกัน แต่ละพื้นที่จะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปสุ่มตรวจสาขาต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาเลือกซื้ออาหารในร้าน

นายสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าที่เป็นวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์อาหารในร้าน FIVE STAR และ STAR Coffee มาจากแหล่งผลิตที่มีการตรวจสอบคุณภาพเข้มงวดและส่งตรงถึงร้านด้วยระบบการจัดการขนส่งที่ทันสมัย ลดการสัมผัสมือให้น้อยที่สุด เพื่อคงสะอาดและปลอดภัยสูงสุดจนถึงมือผู้บริโภค

ทั้งนี้ช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ทาง FIVE STAR และ STAR Coffee มีบริการ Star Delivery โดยทางร้านจะจัดส่งอาหารและเครื่องดื่มภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ให้ถึงมือผู้รับภายในเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงลูกค้าสามารถชำระผ่านแอปพลิเคชั่นแทนเงินสด ลดการสัมผัส สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นการตอบโจทย์วิถีปกติใหม่ได้อย่างลงตัว

ซีพี เดินหน้าแจกจ่ายหน้ากากอนามัยทะลุ 11 ล้านชิ้น

0

นายภูมิชัย ตรัยดลานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี โซเชียล อิมแพคท์ จำกัด ผู้ผลิตหน้ากากอนามัยซีพี เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เกิดวิกฤตขาดแคลนหน้ากากอนามัยใช้ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซีพี โซเชียล อิมแพคท์ได้เปิดโรงงานผลิตหน้ากากและแจกฟรีหน้ากากอนามัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล และประชาชนกลุ่มเปราะบางไปแล้วกว่า 11 ล้านชิ้น จนถึงปัจจุบันได้ผ่านพ้นวิกฤติขาดแคลนหน้ากากอนามัยแล้ว แต่ยังผลิตหน้ากากอนามัยมอบให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยเป็นประจำทุกเดือนๆละกว่า 300,000 ชิ้น

ภูมิชัย ตรัยดลานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี โซเชียล อิมแพคท์

นอกจากนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือฯ ยังร่วมสนับสนุนการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยซีพีแก่กลุ่มผู้เปราะบางอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ซีพี โซเชียล อิมแพคท์ มีความพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมตามเจตนารมณ์ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ต้องการให้บริษัทนี้ประกอบธุรกิจเพื่อสังคมหลังผ่านวิกฤตขาดแคลนหน้ากากอนามัย เพื่อนำผลกำไรที่เกิดขึ้นมอบให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยตามความตั้งใจ

ทั้งนี้ล่าสุด เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ โดย นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้สั่งการให้นำหน้ากากอนามัยซีพี จำนวนกว่า 70,000 ชิ้นมอบให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานต่างด้าว กลุ่มเปราะบางและกลุ่มอาสาสมัครในพื้นที่เสี่ยงสูงในเขตหนองแขม บางบอน บางขุนเทียน เครือข่ายกลุ่มอาสาดุสิต และเครือข่ายคุณถั่วแระ เชิญยิ้ม

ขณะเดียวกันได้มอบผ่าน น.ส.ปิยธิดา นิยม ผู้อำนวยการเขตคลองเตย สำหรับแจกจ่ายให้ชาวชุมชนคลองเตยล็อค 1-2-3 และล็อค 4-5-6 เป็นการแบ่งเบาภาระของภาครัฐในการร่วมป้องกันโรคระบาดโควิด-19 และก่อนหน้านี้ได้มอบหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางในจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดระยอง ผ่านทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.จำนวน 30,000 ชิ้นอีกด้วย

ซีพีเอฟ เดินหน้าสนับสนุนแพทย์ รพ.สต. อสม. และชุมชนรอบฟาร์ม/โรงงาน ทำงานเชิงรุกสกัดโควิด-19

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ส่งความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์    โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)  และชุมชนรอบฟาร์ม-โรงงานของซีพีเอฟทั่วประเทศ  เข้มงวดเฝ้าระวัง ป้องกัน สกัดการแพร่ระบาดของโควิด 19    

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด  19  รอบใหม่  หน่วยบริการสาธารณสุข ถือเป็นหน่วยบริการหลักในการดำเนินมาตรการควบคุมป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อในระดับชุมชน  ซึ่งฟาร์มและโรงงานของซีพีเอฟทั่วประเทศ ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์  เจ้าหน้าที่รพ.สต. อสม. และชุมชน  รวมไปถึงการทำงานร่วมกับรพ.สต.ในพื้นที่ในการควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด 19             

นายสำเริง นพชำนาญ ผู้อำนวยการรพ.สต.บ้านคอกม้า  อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร กล่าวว่า  รพ.สต.ในพื้นที่ของอำเภอปะทิว  ได้รับการช่วยเหลือจากศูนย์ปรับปรุงพันธุกรรมกุ้งปะทิวของซีพีเอฟมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด ยังได้สนับสนุนแอลกอฮอล์โดยมอบผ่านสาธารณสุขอำเภอปะทิว เพื่อส่งต่อให้หน่วยบริการสาธารณสุข  สังกัดสาธารณสุขอำเภอปะทิว(รพ.สต.) 12 แห่ง (ครอบคลุมพื้นที่บริการ 7 ตำบลของอำเภอปะทิว)  เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รพ.สต ในการดำเนินกิจกรรมควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด 19                       

นอกจากนี้ ศูนย์ปรับปรุงพันธุกรรมกุ้งปะทิว  ยังดูแลพนักงาน คู่ค้าธุรกิจ ลูกค้า ชุมชน หมู่บ้านใกล้สถานประกอบการ และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ 17 แห่ง  สนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่รพ.สต. อสม.  อาทิ แอลกอฮอล์ 95 % เครื่องกดเจลชนิดเท้าเหยียบ สเปรย์  แอลกอฮอล์  Face Sheild  หน้ากากผ้า มอบให้โรงพยาบาลปะทิว  สำนักงานสาธารณสุข  อำเภอปะทิว  รพ.สต.ตำบลบ้านคอกม้า  รพ.สต.ตำบลสะพลี รพ.สต.ตำบลชุมโค  รพ.สต.ตำบลทะเลทรัพย์  อำเภอปะทิว  สถานีตำรวจภูธร อ.ปะทิว  เทศบาลตำบลบางสน   เทศบาลตำบลปะทิว ประมงจังหวัด  โรงเรียนบ้านดอนตะเคียน  เป็นต้น  

นางกัลยา  วราสินธุ์ ประธานกลุ่มอสม. ต.ดอนกระเบื้อง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี บอกว่า อสม. ต้องทำงานหนักขึ้น ทั้งการคัดกรองและออกเยี่ยมเยียนคนในชุมชนอย่างต่อเนื่อง   โดยเฉพาะการตรวจคัดกรองคนต่างถิ่นที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ หรือการตรวจประจำวันให้แก่คนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาด  เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ผ่านมา อสม.ได้รับการสนับสนุนเครื่องวัดอุณหภูมิจากโรงงานผลิตอาหารสัตว์ราชบุรีของซีพีเอฟ ช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้น  ยิ่งในการระบาดรอบใหม่นี้ จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ในการตรวจคัดครอง เพื่อให้ทำงานได้ทันต่อสถานการณ์

รายงานข่าว เปิดเผยว่า นอกจากนี้ ยังมีโรงงานต่างๆ ของซีพีเอฟทีให้การสนับสนุนชุมชนในการป้องกันโควิด-19 อาทิ โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกบางนา  สนับสนุนการทำงานของ รพ.สต. โดยปรับรูปแบบจากการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้ผู้สูงวัยเพื่อดูแลผู้ป่วยติดเตียง เป็นการนำสิ่งของมอบผ่านโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศีรษะจรเข้ใหญ่  อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ  เพื่อให้เจ้าหน้าที่รพ.สต.นำไปกระจายมอบให้ผู้สูงวัยในชุมชนที่ป่วยติดเตียง ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด 19  

โรงงานแปรรูปสัตว์น้ำระโนดของซีพีเอฟ  สนับสนุนแอลกอฮอล์ล้างมือผ่านทางผูู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.ท่าบอน อ.ระโนด จ.สงขลา และอสม. เพื่อใช้บริการให้แก่ประชาชนที่มาซื้อของที่ตลาด  โดยสามารถนำมาเติมแอลกอฮอล์ได้ตลอดจนกว่าสถานการณ์โควิด 19 จะคลี่คลาย

โรงงานผลิตอาหารสัตว์ราชบุรีของซีพีเอฟ ต.ดอนกระเบื้อง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี    สนับสนุนอุปกรณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลและหน่วยงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เช่น โรงพยาบาลบ้านโป่ง อสม.  รพ.สต.ดอนกระเบื้อง กาชาดอำเภอบ้านโป่ง กาชาดราชบุรี และกรมการปกครองท้องถิ่น โดยมอบเครื่องวัดอุณหภูมิ เจลแอลกอฮอล์  หน้ากากผ้า มอบให้ อสม. เพื่ออำนวยความสะดวกให้มีเครื่องมือที่ทันสมัยใช้ตรวจคัดกรองคนในชุมชน     

เตือน อย่าซื้อชุดตรวจโควิด-19 มาใช้ เสี่ยงแปลผลผิด แพร่เชื้อไม่รู้ตัว

0

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัส COVID-19 ที่กำลังขยายวงกว้างในขณะนี้ ได้สร้างความกังวลต่อคนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น การตรวจค้นหาและคัดกรองผู้ติดเชื้อได้ดำเนินการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ มีประชาชนบางส่วนเกิดความวิตกกังวลว่าตนเองจะได้รับเชื้อหรือไม่ จึงหันไปสั่งซื้อชุดตรวจไวรัส COVID-19 ที่จำหน่ายในสื่อออนไลน์มาใช้เอง

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเตือนว่า อย่าหาซื้อชุดตรวจโควิด COVID-19 แบบ Rapid Test ที่ลักลอบขายผ่านออนไลน์มาตรวจเอง เพราะเสี่ยงต่อการแปลผลที่ผิดพลาด เนื่องจากชุดตรวจ COVID-19 แบบ Rapid Test เป็นการตรวจหาภูมิต้านทานไม่ได้เป็นการตรวจหาเชื้อ ดังนั้นจึงต้องได้รับเชื้อในระยะเวลาหนึ่งถึงจะตรวจพบภูมิต้านทาน หากเพิ่งได้รับเชื้อจะตรวจไม่พบในทันทีจึงเป็นข้อจำกัดของชุดตรวจชนิดนี้ ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการตรวจและแปลผลโดยผู้เชี่ยวชาญหรือนักเทคนิคการแพทย์เท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้โดยทั่วไป ซึ่งชุดตรวจ COVID-19 แบบ Rapid Test ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ต้องขายเฉพาะแก่สถานพยาบาล หรือผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขเท่านั้น และจะต้องจัดทำรายงานการขาย ให้ อย.ทราบอีกด้วย

ซีพีเอฟ ส่งอาหารปลอดภัยถึงบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเปราะบาง ฝ่าภัยโควิด-19

0

การระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบใหม่ ใน จ.สมุทรสาคร และจังหวัดอื่นๆ อีกกว่า 50 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพฯ สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ต้องรัดกุมกับมาตรการต่างๆ ของภาครัฐอีกครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและแรงงานต่างชาติ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เห็นถึงปัญหาด้านอาหารในพื้นที่เสี่ยงสูง จึงเดินหน้าโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่าวมต้านภัยโควิด-19” เพื่อส่องมอบอาหารปลอดภัยให้แก่ แพทย์ พยาบาล ผู้ป่วยโควิด-19 และพี่น้องแรงงานต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง 

เริ่มจาก จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานต่างชาติจำนวนมากและเป็นพื้นที่แรกที่ถูกควบคุมสูงสุดตามมาตรการป้องกันโควิด-19 รอบใหม่ ซีพีเอฟจึงเข้ามาสนับสนุนอาหารผ่าน โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” มอบผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน 55,000 แพ็ค แก่บุคลากรโรงพยาบาลสมุทรสาครจำนวน 2,500 ราย ผู้ป่วยอีก 100 ราย ต่อมาร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน หรือ LPN สนับสนุนอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน 30,800 แพ็ค และไข่ไก่สด 10,000 ฟอง เพื่อช่วยแรงงานต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่กักกันชุมชนตลาดกลางกุ้งพื้นที่มหาชัยกว่า 1,200 ครัวเรือน หรือ 4,000 ราย 

โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” นอกจากจะช่วยเป็นเสบียงหนุนทัพนักรบเสื้อกาวน์ในการรับมือสถานการณ์โควิด-19 รอบใหม่แล้ว ยังถือเป็นการตอกย้ำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์กุ้งของไทยมีความปลอดภัย ทุกคนสามารถทานได้อย่างมั่นใจ โดยส่งมอบ “กุ้งซีพี แปซิฟิก” ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล แก่แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และทั้งคณะทำงานของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เพื่อเป็นกำลังใจและสนับสนุนการทำงานของแนวหน้า 

พร้อมกันนี้ ยังร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ ส่งมอบ “หน้ากากอนามัยซีพี” จำนวน 200,000 ชิ้น แก่แรงงานต่างด้าวและกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ที่มีการระบาดของโควิด-19 รุนแรง โดยจำนวน 30,000 ชิ้น ส่งมอบผ่านศบค. สำหรับแจกจ่ายให้แก่แรงงานต่างชาติ และกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และ จ.ระยอง จำนวน 70,000 ชิ้น ผ่านกรุงเทพมหานคร เพื่อแจกจ่ายกลุ่มเปราะบางใน 4 เขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ หนองแขม บางบอน บางขุนเทียน และคลองเตย โดยก่อนหน้านี้ได้มอบหน้ากากอนามัย เพื่อใช้ป้องกันการติดเชื้อจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนที่เหลือจะทยอยส่งมอบไปยังกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดต่อไป 

นับตั้งแต่ มี.ค. 2563 จนถึงปัจจุบัน โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ร่วมส่งมอบอาหารปลอดภัยต่อเนื่อง เพื่อแบ่งเบาภาระของแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลต่างๆ กว่า 200 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ขยายต่อถึงครอบครัวบุคลากรทางการแพทย์ 20,000 ครอบครัว ผู้กักตัวที่เดินทางกลับจากต่างประเทศจำนวน 20,000 คน รวมถึงชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพฯ และล่าสุดต่อยอดมาถึงแรงงานข้ามชาติที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยจะเดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อไป เพื่อช่วยคนไทยมีอาหารที่ดี ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ในช่วงสถานการณ์เช่นนี้

ซี. พี. เวียดนามเปิดคอมเพล็กซ์ผลิตไก่ครบวงจร ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

0

นายมนตรี สุวรรณโพธิ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี. พี. เวียดนามคอร์ปอเรชั่น หรือ ซี. พี. เวียดนาม เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดโครงการคอมเพล็กซ์โรงงาน CPV Food Binh Phuoc ผลิตไก่ครบวงจร ทั้งอาหารสัตว์ ฟาร์ม และอาหารแปรรูปอย่างเป็นทางการ ที่จังหวัดบิ่นห์เฟื้อก ทางตอนใต้ของเวียดนาม โดยเป็นโครงการเลี้ยงไก่แปรรูปแบบครบวงจรเพื่อการส่งออก แห่งแรกของเวียดนาม และมีขนาดใหญ่ รวมถึงทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยยกระดับการผลิตอาหารของประเทศเวียดนาม ให้มีคุณภาพทัดเทียมกับระดับโลก โดยพิธีเปิด ได้รับเกียรติจาก รองนายกรัฐมนตรีเจืองหว่าบิ่งห์ (Truong Hoa Binh) พร้อมด้วยผู้นำกระทรวงต่าง ๆ ผู้นำของจังหวัดบิ่นห์เฟื้อก พนักงานซี. พี. เวียดนาม รวมถึงคู่ค้า และลูกค้า เข้าร่วมงาน

โครงการคอมเพล็กซ์ มีเป้าหมายการผลิตไก่เนื้อ 50 ล้านตัว / ปี ในเฟสแรก (ตั้งแต่ปี 2019-2023) ส่วนเฟสที่ 2 (ตั้งแต่ 2023 เป็นต้นไป) จะเพิ่มกำลังการผลิตขื้นเป็น 100 ล้านตัว / ปี

โครงการเลี้ยงไก่แปรรูปครบวงจรเพื่อการส่งออก CPV FOOD Binh Phuoc ใช้งบประมาณลงทุน 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในประเทศเวียดนาม สู่การเป็นผู้ผลิตอาหารระดับโลก ด้วยผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัยเพื่อผู้บริโภคทั้งภายในประเทศ และส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป และตะวันออกกลาง ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะนำเงินเข้าสู่ประเทศเวียดนามประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อ ปี ในเฟสที่ 1 และ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อ ปี ในเฟสที่ 2

“ซี. พี. เวียดนามเข้าลงทุนในเวียดนามเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี จึงเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงนโยบายมหภาคของรัฐบาลเวียดนามในการส่งเสริมเวียดนามให้เป็นประเทศที่ผลิตอาหารได้มาตรฐานสากล ด้วยความสำเร็จ และประสบการณ์ในการส่งออกสัตว์ปีกของซีพีเอฟ เราจึงกำหนดพันธกิจของโครงการเลี้ยงไก่แปรรูปครบวงจรเพื่อการส่งออกจากเวียดนาม นั่นคือ การยกระดับคุณภาพอาหาร เพื่อนำเวียดนามไปสู่การเป็นประเทศผู้ส่งออกเนื้อสัตว์ปีกชั้นนำของโลก” นายมนตรี กล่าว

ผลิตภัณฑ์จากคอมเพล็กซ์โรงงานนี้ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทั้งหมดตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นทางของวัตถุดิบสำหรับการผลิตอาหารสัตว์ไปจนถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปเป็นต้น ด้วยการดำเนินการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และหลักสวัสดิภาพสัตว์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ซึ่งในเฟสที่ 1 ได้ดำเนินการใน 6 อำเภอในจังหวัด Binh Phuoc ได้แก่ เมือง Dong Xoai เมือง Binh Long อำเภอ Dong Phu อำเภอ Chon Thanh อำเภอ Hon Quan อำเภอ Bu Dang ซึ่งทั้งหมดได้รับการรับรองจากองค์กรโรคระบาดสัตว์โลก (OIE) ให้เป็นเขตปลอดโรคแห่งแรกของประเทศ โดยในแต่ละท้องที่ บริษัท ได้สร้างระบบโรงเรือนตามมาตรฐานขององค์กรสัตวแพทย์โลก เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดนกและอหิวาตกโรค

ซี.พี. เวียดนาม ยังให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย การผลิตและการแปรรูปที่ปลอดภัย ปลอดโรค และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 4.0, ปัญญาประดิษฐ์ AI รวมถึง Big Data เป็นต้น ในการควบคุมและบริหารจัดการด้านการปศุสัตว์ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ สร้างความสามารถในการแข่งขัน สู่การพัฒนาปศุสัตว์อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ โครงการยังส่งผลดีแก่เกษตรกรในพื้นที่ เช่น การสร้างงานมากกว่า 3,000 อัตรา

บริษัทยังได้ให้คำปรึกษาและสนับสนุนการป้องกันโรคฟรี เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของชุมชน รวมถึงอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการจัดการ สัตวแพทย์ สร้างความตระหนักในเรื่องโรคในสัตว์ให้กับเกษตรกร และดำเนินกิจกรรมอื่นๆ เพื่อส่งเสริมปศุสัตว์ และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในพื้นที่

“ด้วยประสบการณ์ในด้านอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร และการส่งออกเนื้อสัตว์ปีก เราได้กลั่นกรองความสำเร็จเพื่อนำมาใช้ในโครงการนี้ และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลกมาใช้ ในจังหวัดบิ่นห์เฟื้อก ประเทศเวียดนาม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความภาคภูมิใจได้ว่าเวียดนามสามารถส่งออกไก่ ด้วยกระบวนการที่ทันสมัย และคุณภาพตรงตามมาตรฐานการส่งออกไปยังทุกประเทศทั่วโลก แม้แต่ตลาดที่มีมาตรฐานที่เข้มงวดที่สุด เช่น ยุโรป และญี่ปุ่น” นายมนตรี กล่าวตอนท้าย

เอไอเอส คุมเข้ม รับมือโควิด-19 ระลอกใหม่ ป้องกันการแพร่ระบาดสู่ส่วนรวม

0

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  เอไอเอส ได้ยกระดับมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดตามขั้นตอนของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยเน้นย้ำให้พนักงานทุกคน ตลอดจนพาร์ทเนอร์ ดูแลสุขอนามัยของตัวเองและครอบครัวอย่างเคร่งครัด ระมัดระวังในการสัมผัสจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองกลายเป็นผู้แพร่เชื้อไปสู่ส่วนรวม

สายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส

ทั้งนี้ มาตรการสำคัญที่ประกาศใช้ทั้งสำหรับบุคลากรและพาร์ทเนอร์ ได้แก่

1.      แบ่งทีมพนักงานออกเป็น Team A และ Team B ให้สลับกันปฏิบัติงานในที่ทำการของบริษัทฯและ ปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัยของตน โดยสลับตารางไปทุกสัปดาห์

2.     งดการประชุมทางธุรกิจกับบุคคลภายนอก อย่างเด็ดขาด โดยให้ใช้การประชุมทางโทรศัพท์หรือOnline Conference Call แทน ส่วนการประชุมภายใน ให้หลีกเลี่ยงการประชุมรูปแบบปกติ โดยขอให้ใช้ Online Conference แทน

3.  ให้พนักงานหลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามจังหวัด ที่นอกเหนือจากการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เสี่ยงตามประกาศ ของ ศบค.

5.   สำหรับพนักงานที่ให้บริการลูกค้าใน AIS Shop, ร้านเทเลวิซ จะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา พร้อมมีการตรวจวัดไข้วันละ 2 ครั้ง และเพิ่มบริการแอลกอฮอล์เจลสำหรับล้างมือ เพื่อให้บริการลูกค้า

6.   ดำเนินการฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ปฏิบัติงานหลักตามตารางที่กำหนด ทั้งที่อาคารสำนักงาน รวมถึง AIS Call Center พร้อมตั้งจุดบริการแอลกอฮอล์เจลล้างมือ, เน้นย้ำการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อจุดเสี่ยงตลอดเวลา อาทิ ที่จับประตู ลิฟท์ และในส่วนที่ต้องสัมผัสบ่อยๆ 

7.   ปรับเวลาเข้า/ออก ในการปฏิบัติงานของพนักงานตามความเหมาะสม เพื่อลดอัตราเสี่ยงจากการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีความแออัดสูง

8.   จัดการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าอาคารเอไอเอส 1 และ 2 รวมถึงอาคารที่ทำงานอื่นๆ ในเครือเอไอเอส แบบ 100% โดยหากพบว่าพนักงาน มีอุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส อาคารจะไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด

9.   พนักงานจะต้องสวมหน้ากากอนามัย ตลอดเวลาที่ปฏิบัติงานในอาคารสำนักงาน พร้อมรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ คณะผู้บริหารกำลังติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ โดยขอให้ลูกค้ามั่นใจว่า จะได้รับบริการคุณภาพจากเอไอเอสอย่างไม่ติดขัด พร้อมแนะนำช่องทางใช้บริการ Online ผ่านทางแอปพลิเคชัน my AIS และ AIS Online Store เพื่อความสะดวกในสถานการณ์ปัจจุบัน

เครือเจริญโภคภัณฑ์ มอบ “หน้ากากอนามัยซีพี” แจกจ่ายกลุ่มเปราะบางในพื้นที่สีแดงของกทม.

0

นายอดิศร์ กฤษณวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์และซีพีเอฟ มีความห่วงใยในสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดและสร้างผลกระทบกับประชาชนอยู่ในขณะนี้ จึงให้นำ “หน้ากากอนามัยซีพี” แจกจ่ายช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางหลายกลุ่มในพื้นที่สีแดง

โดย หน้ากากอนามัยซีพี จำนวนกว่า 70,000 ชิ้น จะแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มแรงงานต่างด้าว กลุ่มเปราะบางและกลุ่มอาสาสมัครในพื้นที่เสี่ยงสูง เพื่อใช้ป้องกันตนเองจากไวรัสโควิด-19

ล่าสุด เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้มอบหน้ากากอนามัยซีพีผ่าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำหรับนำไปแจกจ่ายให้กลุ่มเปราะบางในเขตหนองแขม บางบอน บางขุนเทียน เครือข่ายกลุ่มอาสาดุสิต และเครือข่ายคุณถั่วแระ รวมถึงมอบผ่าน นางสาวปิยธิดา นิยม ผู้อำนวยการเขตคลองเตย สำหรับแจกจ่ายให้ชาวชุมชนคลองเตยล็อค 1-2-3 และล็อค 4-5-6 เป็นการแบ่งเบาภาระของภาครัฐในการร่วมป้องกันโรคระบาดโควิด-19 สอดคล้องตามปรัชญา 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่มุ่งสร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และบริษัท

ก่อนหน้านี้ เครือฯ ได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยซีพีอย่างต่อเนื่อง โดยนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางในจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดระยอง ผ่านทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.จำนวน 30,000 ชิ้น

สำนักพระราชวังแจ้งปิดเข้าชมพระราชฐาน และสถานที่ต่างๆ

0

สำนักพระราชวังแจ้งปิดการเข้าชมพระราชฐาน และสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 5-31 มกราคม 2564 ดังนี้.

– พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

– พระราชวังบางปะอิน

– พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์

– โครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ

– พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

– พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน

– โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง

เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โออาร์ มอบรางวัลกว่า 9 ล้านบาทให้ผู้โชคดีร่วมกิจกรรม “Blue Card เที่ยว เลี้ยว ลุ้น”

0

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลให้แก่ผู้โชคดีจากกิจกรรม “บลู การ์ด เที่ยว เลี้ยว ลุ้น” โดยมีรางวัลใหญ่คือ รถยนต์ BMW X1 sDrive 18i (Iconic) จำนวน 3 รางวัล ทองคำมูลค่า 100,000 บาท 3 รางวัล และของรางวัลอื่น ๆ รวมกว่า 1,500 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 9 ล้านบาท

จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์

โออาร์ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ และยังเป็นการมอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบลูการ์ด เพื่อตอบแทนที่สนับสนุนสินค้าหรือบริการของโออาร์เป็นอย่างดีมาโดยตลอด

ทั้งนี้ สมาชิก Blue Card ได้รับสิทธิ์ร่วมลุ้น เมื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการและสะสมคะแนน Blue Card จากร้านค้าในเครือโออาร์ ตามเงื่อนไขที่กำหนด ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้แก่ การเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station การซื้อผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants ที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station หรือร้านสะดวกซื้อ Jiffy การซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto การซื้อผลิตภัณฑ์ที่ร้าน Café Amazon ร้านสะดวกซื้อ Jiffy ร้าน Texas Chicken ร้านฮั่วเซงฮงติ่มซำ และร้าน Pearly Tea

สำหรับในช่วงนี้ ที่โรคโควิด – 19 กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง โออาร์ ขอยืนยันว่า สถานีบริการน้ำมัน PTT Station และร้านค้าในเครือโออาร์ มีมาตรการในการรับมือเพื่อช่วงลดการแพร่กระจายของโควิด – 19 อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการจัดแอลกอฮอล์ไว้ให้บริการ ให้พนักงานสวมหน้ากากตลอดเวลาที่ให้บริการ เป็นต้น จึงขอให้ผู้บริโภคทุกท่านมั่นใจในการเข้าใช้บริการที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station และร้านค้าในเครือโออาร์ได้อย่างสบายใจ